|
พ.ศ ๒๔๔๓ – พ.ศ. ๒๔๕๙
- ๑๑ พฤษภาคม นายปรีดี พนมยงค์ ถือกำเนิดในเรือนแพ หน้าวัดพนมยงค์ ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายเสียงและนางลูกจันทน์ พนมยงค์ มีอาชีพทำนา
- ศึกษาหนังสือไทยที่บ้านครูแสง ต่อมาศึกษาต่อที่บ้านหลวงปราณีประชาชน (เปี่ยม ขะชาติ)
- สอบไล่ได้ประถมชั้น ๑ แห่งประโยค ๑ โรงเรียนวัดรวก อำเภอท่าเรือ
- สอบไล่ได้ประถมบริบูรณ์ โรงเรียนวัดศาลาปูน อำเภอกรุงเก่า
- ศึกษาชั้นมัธยมเตรียมที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร
- สอบไล่ได้ชั้นมัธยม ๖ ที่โรงเรียนตัวอย่างมณฑลกรุงเก่า
- ศึกษาต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบ
- ช่วยบิดาทำนาที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
|
พ.ศ. ๒๔๖๐ (อายุ ๑๗ ปี)
- เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม
|
|
|
พ.ศ. ๒๔๖๒ (อายุ ๑๙ ปี)
- สอบไล่วิชากฎหมายขั้นเนติบัณฑิตได้
|
สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ (อายุ ๒๐ ปี)
- ได้รับคัดเลือกจากกระทรวงยุติธรรม ให้ทุนไปศึกษาวิชากฎหมาย ณ ประเทศฝรั่งเศส
- ศึกษาภาษาฝรั่งเศสและความรู้ทั่วไปที่วิทยาลัยก็อง (Lycée de Caen) และศึกษาพิเศษจากศาสตราจารย์เลอบอนนัวส์ (Lebonnois)
- สำเร็จการศึกษาได้ปริญญารัฐ เป็น “บาเชอลิเย” กฎหมาย (Bachelier en Droit) และได้เป็น “ลิซองซิเย” กฎหมาย (Licencié en Droit) ณ มหาวิทยาลัยก็อง (Université de Caen)
|
|
|
พ.ศ. ๒๔๖๖ (อายุ ๒๓ ปี)
- ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการ (คนแรก) ของสามัคยานุเคราะห์สมาคม เรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า Association Siamoise d’ Intellectualité et d’ Assistance Mutielle อักษรย่อ (S.I.A.M.)
|
พ.ศ. ๒๔๖๘ (อายุ ๒๕ ปี)
- ได้รับเลือกให้เป็นสภานายกสามัคยานุเคราะห์สมาคม
|
|
|
พ.ศ. ๒๔๖๙ (อายุ ๒๖ ปี)
- ได้รับเลือกให้เป็นสภานายกสามัคยานุเคราะห์สมาคม
|
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๙ (อายุ ๒๖ ปี)
- ประชุมผู้ก่อการคณะราษฎรครั้งแรกที่กรุงปารีส ณ Rue du Sommerard ผู้ร่วมประชุม ๗ คน คือ ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี ร.ท.แปลก ขิตตะสังคะ ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี นายตั้ว ลพานุกรม หลวงสิริราชไมตรี (นามเดิม จรูญ สิงหเสนี) นายแนบ พหลโยธิน และนายปรีดี พนมยงค์
|
|
|
พ.ศ. ๒๔๖๙ (อายุ ๒๖ ปี)
- สำเร็จการศึกษาด้านนิติศาสตร์ (Sciences Juridiques) และสอบไล่ได้ประกาศนียบัตรการศึกษาชั้นสูงในทางเศรษฐกิจ (Diplôme d’Etudes Supérieures d’ Economie Politique) มหาวิทยาลัยปารีส ได้ปริญญารัฐเป็น “ดุษฎีบัณฑิตกฎหมาย” (Docteur en Droit) ณ ประเทศฝรั่งเศส โดยเสนอวิทยานิพนธ์เรื่อง ”Du Sort des Sociétés de Personnes en cas de Décés d’un Associé”
|
พ.ศ. ๒๔๗๐ (อายุ ๒๗ ปี)
|
|
|
พ.ศ. ๒๔๗๐-๒๔๗๑ (อายุ ๒๗-๒๘ ปี)
- ได้รับยศเป็นรองอำมาตย์เอกและอำมาตย์ตรีตามลำดับ
- ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ “หลวงประดิษฐ์มนูธรรม”
|
๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๑ (อายุ ๒๘ ปี)
- สมรสกับนางสาวพูนศุข ณ ป้อมเพชร์
|
|
|
พ.ศ. ๒๔๗๐- พ.ศ. ๒๔๗๕ (อายุ ๒๗-๓๒ ปี)
- ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาประจำกระทรวงยุติธรรม
- ผู้ช่วยเลขานุการกรมร่างกฎหมาย
- ผู้สอนในโรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ ๓ ตอน ว่าด้วย “ห้างหุ้นส่วน, บริษัท, สมาคม”
- กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
- ผู้สอน (คนแรก) วิชา “กฎหมายปกครอง” (Droit Administratif)
|
๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ (อายุ ๓๒ ปี)
- เป็นผู้นำฝ่ายพลเรือนคณะราษฎร ทำการอภิวัฒน์เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน
- เสนอหลัก ๖ ประการ ของคณะราษฎร สำหรับใช้เป็นหลักการดำเนินนโยบายของสยาม
- (๑) จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชในทางการเมือง ในทางศาล ในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง
- (๒) จะต้องรักษาความปลอดภัยในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยให้มาก
- (๓) จะต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะหางานให้ราษฎรทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก
- (๔) จะต้องให้ราษฎรได้สิทธิเสมอภาคกัน
- (๕) จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก ๔ ประการดังกล่าวข้างต้น
- (๖) จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร
- เป็นผู้ร่างธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว ฉบับ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕
|
|
|
๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ (อายุ ๓๒ ปี)
- ได้รับแต่งตั้งจากผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว
- ได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการราษฎร และสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติให้เป็นคณะกรรมการราษฎร
- ได้รับแต่งตั้งจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นเลขาธิการ (คนแรก) ของสภาผู้แทนราษฎร
- ได้รับแต่งตั้งจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
|
๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ (อายุ ๓๒ ปี)
- เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕
- ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ในคณะรัฐมนตรีที่มีพระยามโนปกรณ์นิติธาดาเป็นนายกรัฐมนตรี
|
|
|
๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ (อายุ ๓๓ ปี)
- เสนอ “เค้าโครงการเศรษฐกิจ” หรือที่เรียกกันว่า “สมุดปกเหลือง” ต่อรัฐบาลเพื่อใช้เป็นนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ตามเจตนารมณ์หลัก ๖ ประการของคณะราษฎร โดยดำเนินเศรษฐกิจแบบสหกรณ์ ประกันความสุขสมบูรณ์ของมวลราษฎร ฯลฯ เค้าโครงการเศรษฐกิจนี้ถูกคัดค้านอย่างหนักจากพลังเก่าของสังคมสยามในยุคนั้น
|
๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ (อายุ ๓๓ ปี)
- ถูกบีบบังคับให้เดินทางออกนอกประเทศไทย ไปยังประเทศฝรั่งเศส ในข้อกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ตาม พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ ฉบับ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖
|
|
|
๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๖ (อายุ ๓๓ ปี)
- เดินทางกลับสยาม
- ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
|
ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ (อายุ ๓๓ ปี)
- ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี ที่มีนายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรี
|
|
|
๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ (อายุ ๓๓ ปี)
- สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ความไว้วางใจหลวงประดิษฐ์มนูธรรม
|
๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ (อายุ ๓๓ ปี)
- จัดยกร่าง
- พ.ร.บ.ว่าด้วยระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม
- พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
|
|
|
๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ (อายุ ๓๔ ปี)
- สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า หลวงประดิษฐ์มนูธรรมมิได้เป็นคอมมิวนิสต์ดังที่ถูกกล่าวหา
|
๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ (อายุ ๓๔ ปี)
- ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- ปรีดีได้ปฏิบัติการเพื่อให้ราษฎรมีส่วนร่วมในการปกครองท้องถิ่นและท้องที่ คือ
- (ก) ได้ตั้งเทศบาลทั่วราชอาณาจักรสยามตาม พ.ร.บ.เทศบาล ซึ่งปรีดีเป็นผู้ร่างให้รัฐบาลพระยาพหลฯ เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อการปกครองท้องถิ่นเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
- (ข) ได้กวดขันให้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านและกำนันตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องที่
- ได้จัดตั้งกรมโยธาเทศบาลเพื่อสอดคล้องกับการปกครองเทศบาลและสร้างทางท้องที่หลายจังหวัด
- ป้องกันและปราบปรามการประทุษร้ายระหว่างมนุษย์ด้วยกันให้ลดน้อยลงกว่าสมัยก่อน
- สร้างโรงพยาบาลหลายแห่ง รวมทั้งจัดให้มีเรือพยาบาลตามลำน้ำโขงโดยใช้สลากกินแบ่งของท้องที่
- สร้างฝายและพนังหลายแห่งเพื่อช่วยชาวนาและเกษตรกร
- สร้างทัณฑนิคมเพื่อให้ผู้พ้นโทษแล้วมีที่ดินของตน ฯลฯ
|
|
|
๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๗ (อายุ ๓๔ ปี)
- สถาปนามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ตามหลัก ๖ ประการของคณะราษฎรที่ต้องการให้การศึกษาแก่ราษฎรอย่างเต็มที่ และได้รับกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ประศาสน์การตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๗-๒๔๙๕
|
๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๘ (อายุ ๓๕ ปี)
- ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
|
|
|
ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ (อายุ ๓๕ ปี)
- เดินทางไปเจรจาให้ประเทศมหาอำนาจยกเลิกสนธิสัญญาไม่เสมอภาคกับประเทศสยาม และเจรจาให้ธนาคารอังกฤษลดดอกเบี้ยเงินกู้จากร้อยละ ๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๔ ต่อปีได้เป็นผลสำเร็จ
|
พ.ศ. ๒๔๘๐ (อายุ ๓๗ ปี)
- ทำสนธิสัญญาใหม่กับประเทศมหาอำนาจรวม ๑๒ ประเทศ ทำให้สยามได้เอกราชอธิปไตยสมบูรณ์ทั้งในทางการเมือง ในทางศาล ทางเศรษฐกิจ ฯลฯ
- เจรจากับรัฐบาลอังกฤษให้โอนคืนดินแดนของสยามส่วนหนึ่งที่อังกฤษได้ไปจากสยามตามสนธิสัญญา พ.ศ. ๒๔๑๑
|
|
|
พ.ศ. ๒๔๘๑ – พ.ศ. ๒๔๘๔ (อายุ ๓๘-๔๑ ปี)
- ๑๖ ธันวาคม ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และได้สร้างผลงานที่สำคัญ ได้แก่
- ยกเลิกเงินภาษีรัชชูปการ (ภาษีส่วย), ยกเลิกอากรค่านา,
- ปรับปรุงภาษีอากรให้เป็นธรรมแก่สังคม อาทิ ผู้มีรายได้มากเสียภาษีมาก ผู้มีรายได้น้อยเสียภาษีน้อย
- สถาปนา “ประมวลรัษฎากร” ซึ่งรวมบทบัญญัติเกี่ยวกับภาษีอากรทางตรงที่เป็นธรรมแก่สังคม
- คาดการณ์ว่าจะเกิดสงครามโลกและค่าเงินปอนด์จะลดลง จึงนำเงินปอนด์ที่เป็นเงินทุนสำรองไปซื้อทองคำหนักเกือบ ๓ แสนออนซ์ ทองคำดังกล่าวยังเป็นทุนสำรองเงินบาทมาจนถึงทุกวันนี้
- โอนวิสาหกิจยาสูบของบริษัทอังกฤษและอเมริกันมาเป็นของรัฐบาลไทย
- ป้องกันทรัพย์สินของชาติไทยซึ่งอยู่ในต่างประเทศ และซื้อทองคำเข้ามาเก็บในห้องนิรภัยของกระทรวงการคลังเป็นมูลค่า ๓๕ ล้านเหรียญสหรัฐ
- ผูกหู (earmark) ทองคำญี่ปุ่นทดแทนการกู้เงินไทย
- โอนวิสาหกิจยาสูบของบริษัทอังกฤษและอเมริกันมาเป็นของรัฐบาลไทย
|
พ.ศ. ๒๔๘๓ (อายุ ๔๐ ปี)
- ประพันธ์และอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง พระเจ้าช้างเผือก สะท้อนอุดมการณ์สันติภาพ คัดค้านกระแสชาตินิยมและต่อต้านสงครามโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น
|
|
|
๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๔ (อายุ ๔๑ ปี)
- ก่อตั้งธนาคารชาติ หรือธนาคารแห่งประเทศไทยตามดำริที่ปรากฏอยู่ในเค้าโครงการเศรษฐกิจ
|
๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ (อายุ ๔๑ ปี)
- เสนอร่าง พ.ร.บ. ธรรมนูญคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔
|
|
|
๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ (อายุ ๔๑ ปี)
- ญี่ปุ่นยาตราทัพเข้าในดินแดนประเทศไทย รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้เข้าร่วมกับทหารญี่ปุ่น โดยประกาศสงครามต่อบริเตนใหญ่และสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา
|
๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ (อายุ ๔๑ ปี)
- ทหารญี่ปุ่นบีบบังคับรัฐบาลให้ปลดนายปรีดีที่ต่อต้านญี่ปุ่นออกจากตำแหน่งทางการเมือง และต่อมาสภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
|
|
|
ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔-สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ (อายุ ๔๑-๔๔ ปี)
- เป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยในนาม “รู้ธ” โดยรวบรวมคนไทยทั้งในและนอกประเทศ ทำงานใต้ดินต่อต้านญี่ปุ่น เพื่อให้ชาติไทยได้รับเอกราชและอธิปไตยสมบูรณ์ กลับคืนสู่สภาพก่อนวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔
|
๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๗-๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ (อายุ ๔๔-๔๕ ปี)
- สภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แต่ผู้เดียว
|
|
|
๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ (อายุ ๔๕ ปี)
- ประกาศสันติภาพในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ฝ่ายสัมพันธมิตรรับรองเอกราชอธิปไตยของชาติไทย รับรองคุณูปการของเสรีไทยและรับรองฐานะผู้นำขบวนการเสรีไทย
|
๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๘ (อายุ ๔๕ ปี)
- ในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นประธานในพิธีสวนสนามของขบวนการเสรีไทย ณ ถนนราชดำเนิน
|
|
|
๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ (อายุ ๔๕ ปี)
- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ยกย่องไว้ในฐานะรัฐบุรุษอาวุโส
|
๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๙ (อายุ ๔๖ ปี)
- สภาผู้แทนราษฎรแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ ๒
|
|
|
๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๙-๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ (อายุ ๔๖ ปี)
- สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ประชุมกรรมาธิการได้เลือกนายปรีดี พนมยงค์ เป็นประธาน
|
๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๙-๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ (อายุ ๔๖ ปี)
- ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (ครั้งที่ ๑)
- ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ครั้งที่ ๒) โดยมีผลงานที่สำคัญคือ
- เสนอ พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการต่อต้านการดำเนินสงครามของญี่ปุ่น พุทธศักราช ๒๔๘๙
- เสนอ พ.ร.บ. อาชญากรสงครามพุทธศักราช ๒๔๘๘ เป็นโมฆะ
- เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยเจรจากับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจนสามารถยกเลิกคำสั่งเพิกถอนเงินซึ่งได้กักไว้ในสหรัฐฯ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้สำเร็จ
- เจรจาเปลี่ยนแปลงข้อตกลงกับอังกฤษเรื่องสัญญาสมบูรณ์แบบ
|
|
|
๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ (อายุ ๔๖ ปี)
- ทูลเกล้าฯ ถวายรัฐธรรมนูญ ฉบับ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย รับสนองพระบรมราชโองการในฐานะนายกรัฐมนตรี
|
๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ (อายุ ๔๖ ปี)
- ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกพฤฒสภาโดยสภาผู้แทนราษฎร
|
|
|
๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ (อายุ ๔๖ ปี)
- ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ
|
๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙-๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ (อายุ ๔๖ ปี)
- ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (ครั้งที่ ๒) โดยความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของที่ประชุมสมาชิกพฤฒสภาและสภาผู้แทนราษฎร
|
|
|
๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ (อายุ ๔๖ ปี)
- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จสวรรคต ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้เสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาให้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นครองราชย์สันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันเดียวกัน
- ได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่ง โดยเหตุผลว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ได้เสด็จสวรรคต
|
๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙-๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ (อายุ ๔๖ ปี)
- ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (ครั้งที่ ๓)
- ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ครั้งที่ ๓)
|
|
|
๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๙-๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๐ (อายุ ๔๖-๔๗ ปี)
- ได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้แทนราษฎรเขต ๒ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
|
๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๙-๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๐ (อายุ ๔๖-๔๗ ปี)
- ได้รับเชิญจากประเทศสัมพันธมิตร ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส ฯลฯ ให้ไปเยือนประเทศในฐานะแขกผู้มีเกียรติของสัมพันธมิตรและเพื่อความสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน
|
|
|
พ.ศ. ๒๔๘๙ (อายุ ๔๖ ปี)
- สถาบันสมิทโซเนียน (Smithsonian Institution) สหรัฐอเมริกา ตั้งชื่อนกที่ค้นพบบริเวณดอยอ่างขางและดอยอินทนนท์ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ ว่า นก Chloropsis aurifrons pridii เพื่อเป็นเกียรติแก่นายปรีดีในฐานะผู้นำขบวนการเสรีไทย
|
๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๐ (อายุ ๔๗ ปี)
- คณะรัฐประหารนำโดยพลโท ผิน ชุณหะวัณ ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ เป็นเหตุให้นายปรีดีต้องลี้ภัยการเมืองไปยังสิงคโปร์
|
|
|
๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๒ (อายุ ๔๙ ปี)
- ดำเนินการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย โดย “ขบวนการประชาธิปไตย ๒๖ กุมภาพันธ์” ทำการต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทหาร แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
|
กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๒-พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ (อายุ ๔๙-๗๐ ปี)
- ลี้ภัยทางการเมือง ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน และใช้เวลาในการเขียนหนังสือและบทความต่างๆ อาทิ “สังคมปรัชญาเบื้องต้น”, “ความเป็นอนิจจังของสังคม” ฯลฯ
|
|
|
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๕ (อายุ ๕๒ ปี)
- นายปาล พนมยงค์ บุตรชายคนโตและ ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ภรรยา ถูกรัฐบาลทหารกลั่นแกล้งและสั่งจับในข้อหากบฏภายในและภายนอกราชอาณาจักร
|
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๓-พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ (อายุ ๗๐-๘๓ ปี)
- ลี้ภัยการเมือง ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้ทำหน้าที่ในฐานะรัฐบุรุษอาวุโส ซึ่งมีหน้าที่รับปรึกษาในราชการแผ่นดิน เขียนบทความเสนอข้อคิดมายังรัฐบาลไทย เพื่อความวัฒนาถาวรของชาติ
- ได้ฟ้องกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ปฏิเสธไม่ยอมออกหนังสือรับรองสภาพการมีชีวิตของนายปรีดีเพื่อขอรับบำนาญ ซึ่งเป็นสิทธิตามกฎหมาย จนต่อมาทางกระทรวงฯ ยอมออกหนังสือให้
- ประพันธ์หนังสือเรื่อง Ma vie mouvementée et mes 21 ans d’exil en Chine Populaire (ชีวิตอันผันผวนของข้าพเจ้าและ ๒๑ ปี ที่ลี้ภัยในสาธารณรัฐราษฎรจีน)
- ประพันธ์บทความเรื่อง “จะมีทางได้ประชาธิปไตยโดยสันติวิธีหรือไม่” “จงพิทักษณ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน ๑๔ ตุลาคม” “เราจะต่อต้านเผด็จการอย่างไร” ฯลฯ
- ยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ และฉบับอื่น ๆ ที่เขียนโจมตีนายปรีดี ว่าพัวพันในคดีสวรรคต จนชนะคดีทั้งหมด
|
|
|
๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๖ (อายุ ๘๓ ปี)
- ในการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ ๓๙ มีการแปรอักษรรำลึกถึงอาจารย์ปรีดี ซึ่งนับเป็นการแสดงความเคารพต่อรัฐบุรุษอาวุโสในที่สาธารณะอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ๒๔๙๐
|
๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ (อายุ ๘๓ ปี)
- อสัญกรรม ณ บ้านพักอองโตนี ชานกรุงปารีส ด้วยอาการหัวใจวาย รวมอายุ ๘๓ ปี ๑๑ เดือน ๒๒ วัน
|
|
|
๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๗
- เปิดอนุสาวรีย์ปรีดี พนมยงค์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
|
๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙
- นำอัฐิของนายปรีดีกลับมาเมืองไทย ก่อนจะนำอังคารไปลอยในอ่าวไทย เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม
- พิธีเปิดอนุสรณสถานปรีดี พนมยงค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ) ปฏิบัติกิจแทนสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก
|
|
|
๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๘
- พิธีเปิดสถาบันปรีดี พนมยงค์ ซอยทองหล่อ ถนนสุขุมวิท ๕๕ เพื่อดำเนินกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมและราษฎร
|
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
- ตั้งชื่อถนนประดิษฐ์มนูธรรม ในกรุงเทพมหานคร
|
|
|
๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๑
- เปิดหอสมุดปรีดี พนมยงค์ ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
|
๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
- ครบรอบ ๑๐๐ ปี ชาตกาล องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้รัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ เป็นบุคคลสำคัญของโลก
|
|
|
พ.ศ. ๒๕๔๔
- ตั้งชื่อถนนปรีดี พนมยงค์ (ถนนสุขุมวิท ๗๑)
|