วันที่ 9 กันยายน 2568 เวลา 10.00 - 12.00 น. ณ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำราชอาณาจักรไทย สถาบันปรีดี พนมยงค์ นำโดยคุณปรีดิวิชญ์ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการสถาบันปรีดี พนมยงค์ คุณสุดา พนมยงค์ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิปรีดี พนมยงค์ และคุณดุษฎี พนมยงค์ รองประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิปรีดี พนมยงค์ พร้อมด้วยคุณกฤต ไกรจิตติ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเวียดนาม และคุณกอบเกียรติ ไกรจิตติ ได้เข้าพบคุณฝั่ม เหวียต หุ่ง (H.E. Mr. Pham Viet Hung) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการสร้างความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างสถาบันปรีดี พนมยงค์ และสถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทยในอนาคต ซึ่งทางคุณฝั่ม เหวียต หุ่ง พร้อมด้วยภริยา รวมถึงเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตเวียดนาม ได้ให้การต้อนรับบุคลากรและเจ้าหน้าที่ประจำสถาบันปรีดี พนมยงค์ เป็นอย่างดี
คุณฝั่ม เหวียต หุ่ง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างประเทศไทยและประเทศเวียดนาม รวมถึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างสันติภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางและพันธกิจของสถาบันปรีดี พนมยงค์ อีกทั้งคุณฝั่ม เหวียต หุ่ง ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของนายปรีดี พนมยงค์ ที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม โดยชี้ให้เห็นว่า นายปรีดี พนมยงค์ เป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดและสนิทสนมกับเวียดนามเป็นอย่างมาก ซึ่งการมอบเหรียญมิตรภาพและใบประกาศเกียรติคุณฯ แก่สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม ในปี 2562 ที่ผ่านมา ก็ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการรับรู้คุณความดีของครอบครัวพนมยงค์ที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเวียดนามเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และยังหวังว่าครอบครัวพนมยงค์จะมีส่วนช่วยอำนวยความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและเวียดนามอย่างต่อเนื่องต่อไป
ลำดับถัดมา คุณดุษฎี พนมยงค์ ได้กล่าวขอบคุณที่ทางสถานทูตเวียดนามได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และได้กล่าวต่อไปว่า การที่นายปรีดี พนมยงค์ ได้ให้การสนับสนุนและการช่วยเหลือเวียดนามในสมัยสงครามนั้นเป็นทั้งมิตรภาพและอุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมิตรภาพนั้นก็ยังคงมีต่อมาอย่างต่อเนื่อง และยังได้กล่าวถึงการที่สถาบันฯ และครอบครัวพนมยงค์ได้มีการจัดทำหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเวียดนามอยู่หลายเล่มด้วยกัน
คุณสุดา พนมยงค์ ได้กล่าวเสริมต่อจากคุณดุษฎี พนมยงค์ โดยได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนายปรีดี พนมยงค์ และความสัมพันธ์กับประเทศเวียดนามเมื่อครั้งอดีต รวมถึงความทรงจำของตนเองที่มีโอกาสได้ติดตามนายปรีดี พนมยงค์ ไปยังประเทศเวียดนาม พร้อมทั้งได้มีการมอบภาพถ่ายของนายปรีดี พนมยงค์ ที่ถ่ายร่วมกับประธานาธิบดีโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) และภาพประวัติศาสตร์ที่นายปรีดี พนมยงค์ ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ และครอบครัวพนมยงค์ได้ไปเยือนประเทศเวียดนามเมื่อครั้งในอดีตให้แก่คุณฝั่ม เหวียต หุ่ง เพื่อเป็นของที่ระลึก ในขณะที่คุณสุดา พนมยงค์ คุณดุษฎี พนมยงค์ และคุณปรีดิวิชญ์ พนมยงค์ ก็ได้เล่าที่มาและความสำคัญของภาพดังกล่าวให้คุณฝั่ม เหวียต หุ่ง ได้รับฟัง ซึ่งคุณฝั่ม เหวียต หุ่ง ก็ได้แสดงความขอบคุณและความประทับใจต่อทายาทนายปรีดี พนมยงค์
ในลำดับถัดไป คุณกฤต ไกรจิตติ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเวียดนาม ได้กล่าวเสริมว่า ตนมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสนำทายาทนายปรีดี พนมยงค์ เข้าพบท่านเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย และตนมีความรู้สึกผูกพันและประทับใจอย่างยิ่งที่ตนได้มีโอกาสได้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเวียดนาม ซึ่งในครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตอันลึกซึ้งกับประเทศเวียดนาม และยังได้เน้นย้ำว่า ประธานาธิบดีโฮจิมินห์เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-เวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ประธานาธิบดีโฮจิมินห์มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งทั้งสองท่านล้วนแล้วแต่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-เวียดนามอยู่ไม่น้อย
นอกจากนี้ คุณกฤต ไกรจิตติ ยังได้กล่าวถึงบทบาทของสถาบันปรีดี พนมยงค์ ในการส่งเสริมการค้นคว้าวิจัย และการเผยแพร่เอกสารทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ตนจึงอยากให้เกิดความร่วมมือทางวิชาการขึ้นระหว่างสถาบันปรีดี พนมยงค์ และสถานทูตเวียดนาม เพื่อต่อยอดบทบาทของสถาบันฯ ในการส่งเสริมสันติภาพและประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นจริงในอนาคตต่อไป
คุณปรีดิวิชญ์ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้กล่าวต่อจากคุณกฤต ไกรจิตติ โดยได้กล่าวขอบคุณคุณฝั่ม เหวียต หุ่ง ที่ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และได้กล่าวต่อไปว่า การที่ได้พบท่านเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทยในครั้งนี้เป็นการเน้นย้ำความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างนายปรีดี พนมยงค์ และประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ซึ่งเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานนี้สามารถถูกต่อยอดไปสู่ความร่วมมือทางวัฒนธรรมและความร่วมมือทางวิชาการต่อไปในอนาคตได้ และยังได้กล่าวถึงภารกิจของสถาบันปรีดี พนมยงค์ ในด้านการสนับสนุนการค้นคว้าวิจัย การส่งเสริมประชาธิปไตยและสันติภาพ และการเชื่อมโยงวัฒนธรรมไทยเข้ากับนานาประเทศ และยังรวมถึงการจัดกิจกรรมเสวนา และกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อผลักดันประชาธิปไตยและสันติภาพให้เกิดขึ้นด้วย
ต่อมา คุณฝั่ม เหวียต หุ่ง ได้กล่าวชื่นชมบทบาทของนายปรีดี พนมยงค์ ที่มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ และรู้สึกยินดีที่ได้ทราบว่ามีสถาบันปรีดี พนมยงค์ ที่ทำงานด้านวิชาการและส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยในหลาย ๆ ด้านอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในด้านประวัติศาสตร์และด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ และยังรู้สึกยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถานทูตเวียดนามและสถาบันปรีดี พนมยงค์ อีกทั้งยังมีความยินดีที่จะมีการหารือร่วมกับทางสถาบันฯ เพื่อที่จะส่งเสริมการทำงานด้านวิชาการ รวมถึงความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรมในอนาคตต่อไป
นอกจากนี้ คุณฝั่ม เหวียต หุ่ง ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในปีถัดไป (2569) ทางสถานทูตฯ จะมีการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีที่ทางทางสถานทูตฯ จะมีความร่วมมือกับทางสถาบันฯ ในการร่วมจัดกิจกรรม เพื่อที่จะมองย้อนกลับไปในเชิงประวัติศาสตร์ และความร่วมมือในอนาคตระหว่างประเทศไทยกับเวียดนาม และยังหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมมือกับทางสถาบันฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีถัดไปที่ความร่วมมือระหว่างสถานทูตฯ กับทางสถาบันฯ อาจจะเกิดขึ้นจริง ซึ่งในส่วนของรายละเอียดนั้นก็จะมีการปรึกษาหารือต่อไปในอนาคต
คุณกฤต ไกรจิตติ ก็ยังได้กล่าวเสริมเพิ่มเติมอีกว่า แท้จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามไม่ได้มีมาเพียง 50 ปีเท่านั้น หากเมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามจนถึงปัจจุบันนั้นนับว่ามีมายาวนานกว่าพันปี ซึ่งจะยังคงความสัมพันธ์กันต่อไปตราบนานเท่านาน และได้กล่าวเสริมในลำดับถัดไปว่า ในปัจจุบัน สถาบันปรีดี พนมยงค์ ก็ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) กับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ซึ่งในอนาคตหากจะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างสถานทูตฯ และสถาบันฯ ก็ยินดีจะให้ความร่วมมือในการประสานงานอย่างเต็มที่ และยังได้มีข้อเสนอให้ทางสถาบันฯ มีการจัดทำบทความเป็นภาษาอังกฤษเผยแพร่เป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสถาบันฯ เพื่อให้ผู้เข้าชมจากต่างประเทศสามารถเข้าถึงบทความและข้อมูลเชิงลึกในด้านประวัติศาสตร์ของทางสถาบันฯ ได้
คุณปรีดิวิชญ์ พนมยงค์ ได้กล่าวเสริมต่อจากคุณกฤต ไกรจิตติ ว่าสถาบันปรีดี พนมยงค์ มีความถนัดในเรื่องของการจัดกิจกรรมเสวนา โดยในอนาคตอาจจะมีความร่วมมือในการจัดกิจกรรมเสวนาในเรื่องของความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม หรือเรื่องเศรษฐกิจระหว่างไทยและเวียดนามซึ่งกำลังเติบโต ซึ่งอาจเกี่ยวโยงถึงเรื่องประวัติศาสตร์หรือเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเวียดนามด้วย ซึ่งทางสถานทูตฯ ก็ได้ให้การตอบรับเป็นอย่างดี
ในช่วงท้ายของการหารือ คุณสุดา พนมยงค์ และคุณดุษฎี พนมยงค์ ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงเกร็ดประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนายปรีดี พนมยงค์ กับประเทศเวียดนาม และความทรงจำที่ตนมีต่อประเทศเวียดนามเพิ่มเติมกับคุณฝั่ม เหวียต หุ่ง อีกทั้งคุณดุษฎี พนมยงค์ ก็ได้มีข้อเสนอในการตั้งชื่อถนนเส้นหนึ่งในจังหวัดอุดรธานีเป็น “ถนนปรีดี-โฮจิมินห์” เพื่อรำลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายปรีดี พนมยงค์ และประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ซึ่งก็มีการตอบรับว่าหากมีช่องทางในการติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการประสานงานให้มีการเปลี่ยนชื่อถนนเส้นดังกล่าวต่อไป
เมื่อการปรึกษาหารือระหว่างสถานทูตเวียดนามกับทางสถาบันฯ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ทางสถานทูตฯ ได้มีการมอบของที่ระลึกให้กับทางสถาบันฯ และทางสถาบันฯ ได้มอบหนังสือและถุงผ้าเพื่อเป็นของที่ระลึกให้แก่คุณฝั่ม เหวียต หุ่ง พร้อมทั้งถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกในลำดับสุดท้าย