รถไฟแห่งกาลเวลากำลังเคลื่อนไปข้างหน้าสู่ชานชาลาหน้า ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่า ชานชาลาหน้าท่านจะพบกับอะไร แสงสว่างที่ท่านเห็นอยู่บนรถไฟขณะที่รถไฟวิ่งด้วยความเร็วกับแสงบนรถไฟที่ผู้คนที่อยู่ในชานชาลาเห็นนั้นมีความแตกต่างกัน ถึงแม้อัตราความเร็วของแสงจะเท่าเดิมก็ตาม ความแตกต่างกันเกิดจากผู้สังเกตการณ์กำลังเคลื่อนที่หรือนิ่งอยู่กับที่ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Theory of Relativity) ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นั่นเอง
สังคมไทยกำลังเคลื่อนไปข้างหน้า เรากำลังเคลื่อนไปข้างหน้า ไอน์สไตน์แสดงให้เห็นว่า อัตราเร็วแสงนั้นคงที่ ไม่ว่ามันกำลังเคลื่อนห่างจากเราหรือเข้าหาเรา เวลาไม่ใช่สิ่งสัมบูรณ์ แต่เป็นสิ่งสัมพัทธ์ มันเปลี่ยนแปลงเมื่อเราเดินทางเร็วขึ้น นักบินอวกาศที่เดินทางด้วยอัตราเร็วเกือบเท่าแสง และเดินทางกลับมายังโลกก็พบว่า เวลายังเดินไปเรื่อยๆ ทุกคนที่นักบินอวกาศคนนี้รู้จักต่างแก่ตัวลง บางคนตายจากไป และ กำลังมีทารกน้อยกำลังถือกำเนิด ขณะที่นักบินอวกาศแก่กว่าตอนออกเดินทางไม่มากนัก แต่เนื่องจากนาฬิกาของเขาเดินช้า เขาจึงไม่ตระหนักว่า ตัวเองจากไปนานเท่าไหร่
เราย่างสู่ปีที่ 23 ของศตวรรษที่ 21 ศตวรรษที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์โลกอย่างพลิกผันและก้าวกระโดด ผู้เคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ไปตามการเปลี่ยนแปลงย่อมดำรงอยู่ต่อไป ส่วนผู้ที่อยู่นิ่งเฉย ไม่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตามเหตุปัจจัย ย่อมอยู่ยากขึ้น ส่วนผู้คนที่อยู่ในชานชาลา ย่อมเห็นสิ่งต่างๆ จากผู้คนที่อยู่บนรถไฟที่เคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วต่างกัน ยูวัล โนอาห์ แฮรารี เจ้าของหนังสือ “โฮโมดีอุส ประวัติย่อของวันพรุ่งนี้”
ได้เขียนถึงวาระใหม่ๆ ของมนุษยชาติไว้อย่างน่าสนใจ
ความท้าทายใหม่ๆ วาระใหม่ๆ ในอนาคต เราจะรับมืออย่างไรกันดี? เป็นสิ่งที่เราควรต้องตั้งคำถาม และ แสวงหาคำตอบด้วยการพินิจดูต่อสิ่งที่ผ่านมาในอดีตรวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เราได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อโลก ประโยชน์ต่อประเทศ ประโยชน์ต่อองค์กร ต่อครอบครัวและพัฒนาตัวเองให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ขึ้นอย่างไรบ้าง? ความกังวลใจต่อปัจจุบันและอนาคตเป็นเรื่องปกติสำหรับปุถุชนทั่วไป แต่เราต้องมีความหวัง และความเชื่อมั่นต่อกฎธรรมชาติของสรรพสิ่ง
เนื่องในศุภวารดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ผมในนามของคณะกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ ขอส่งความปรารถนาดีและแสดงความขอบคุณมายังแฟนเพจของสถาบันปรีดี พนมยงค์ ผู้รักชาติ รักประชาธิปไตยและยึดมั่นในสันติธรรมทุกท่านที่ให้การสนับสนุน ติดตามกิจกรรมของสถาบันปรีดีฯ ด้วยดีเสมอมา
ตลอดปีที่ผ่านมา สถาบันปรีดีฯ ได้ผลิตและเผยแพร่ผลงานซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาและกิจกรรมในหลากหลายประเด็นทางสังคมเชื่อมโยงกับแนวคิดปรัชญาสังคมนิยมวิทยาศาสตร์ประชาธิปไตยของศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ตลอดจนการนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ การรำลึกวันสำคัญของบุคคลและเหตุการณ์ในอดีต เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ โดยเราได้ผลิตและเผยแพร่เนื้อหาไปแล้วกว่า 600 ชิ้น จัดงานเสวนาภายใต้ชื่อ “PRIDI Talks” ทั้งหมด 6 งาน โครงการผลิตหนังสือและสนับสนุนการศึกษาอีก 2 โครงการ ส่งผลให้เว็บไซต์ pridi.or.th มียอดผู้เข้าชมสะสมครบ 1 ล้านครั้ง และมีอัตราเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นเครื่องชี้วัดผลการดำเนินงานได้ระดับหนึ่ง
ในส่วนของการพัฒนาองค์กรเอง นอกจากผู้บริหารและทีมงานของสถาบันปรีดีฯ ทุกคนได้ทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ภารกิจของสถาบันบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว เรายังต้องเผชิญกับความท้าทายในการผลักดันโครงการพัฒนาพื้นที่ของมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ เพื่อให้มีแหล่งรายได้ถาวรสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันปรีดีฯ ให้เกิดความยั่งยืนและยังประโยชน์ต่อสาธารณชน ขณะนี้ อาคารที่ทำการใหม่กำลังได้รับการวางรากฐานเพื่อให้สามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี พ.ศ. 2566 และคาดว่าโครงการก่อสร้างอาคารจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 ซึ่งจะทำให้ มูลนิธิปรีดี พนมยงค์ และ สถาบันปรีดี พนมยงค์ สามารถจัดโครงการและกิจกรรมต่างๆ ตามพันธกิจขององค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ
ผู้บริหารและทีมงานของสถาบันปรีดี พนมยงค์ ยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน คณะทำงานได้ร่วมกันพัฒนาให้ สถาบันปรีดี พนมยงค์ สามารถทำงานเผยแพร่ความรู้ทางด้านประชาธิปไตยได้ดียิ่งขึ้น ส่งเสริมแนวคิดสังคมนิยมวิทยาศาสตร์ประชาธิปไตยให้เป็นที่รับรู้มากขึ้น ทำให้ภราดรภาพนิยมเป็นแนวคิดที่สังคมยึดถือ ส่งเสริมให้หลักการปกครองโดยกฎหมายเกิดขึ้นจริงในสังคมไทย รวมทั้งส่งเสริมกิจกรรมอันสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนและภาคประชาสังคม รวมทั้งเผยแพร่ผลงานและแนวคิดปณิธานของศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ให้เข้าถึงประชาชนอย่างกว้างขวาง
สุดท้ายนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านเคารพนับถือ โปรดบันดาลประทานพรให้ท่านและครอบครัว ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีพลังกาย พลังสติปัญญาเข้มแข็งมั่นคง พร้อมร่วมกันก่อร่างสร้างสังคมไทยให้เจริญก้าวหน้า และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมทุกท่าน ด้วยคำกล่าวของท่านรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ ที่ว่า
“…ชีวิตย่อมมีด้านบวกกับด้านลบ มีส่วนใหม่ที่กำลังเจริญงอกงามกับส่วนเก่าที่เสื่อม ซึ่งกำลังดำเนินไปสู่ความสลายแตกดับ มนุษยสังคมก็ดำเนินไปตามกฎแห่งอนิจจัง…”
ขอให้ท่านทั้งหลายเชื่อมั่นเถิดว่า ไม่ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2566 จะดี ดีพอใช้ ดีมาก หรือ เลวร้ายเพียงใด ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเสมอ หากท่านเข้าใจกฎแห่งธรรมชาติ กฎแห่งธรรม และด้วยบุญกุศล ด้วยหลักธรรมในศาสนาที่ท่านยึดถือ ย่อมโน้มนำให้ท่านไปสู่สิ่งที่ดีกว่า สงบสันติมากยิ่งๆ ขึ้นต่อไป
ด้วยความปรารถนาดี
รองศาสตราจารย์ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ
ประธานกรรมการบริหาร สถาบันปรีดี พนมยงค์
1 มกราคม พ.ศ. 2566