ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แถลงการณ์สถาบันปรีดี พนมยงค์ กรณีการใช้กำลังทางทหารบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาวันที่ 24 กรกฎาคม 2568

25
กรกฎาคม
2568

สถาบันปรีดี พนมยงค์ ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุ การสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่มิอาจยอมรับได้ในสังคมอารยะ

เราขอประณามอย่างถึงที่สุดต่อการโจมตีเป้าหมายพลเรือนและสถานที่สาธารณะ เช่น โรงพยาบาลและโรงเรียน ซึ่งถือเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากลและอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ไม่ว่าความขัดแย้งจะเริ่มต้นจากฝ่ายใด การตอบโต้ด้วยการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ย่อมไม่มีวันเป็นสิ่งที่ชอบธรรม

ในห้วงยามแห่งวิกฤตนี้ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกัมพูชา ยุติปฏิบัติการทางทหารทันที และหวนคืนสู่สันติวิธีภายใต้กรอบประชาคมโลก โดยเฉพาะประชาคมอาเซียน ซึ่งยึดมั่นในจิตวิญญาณแห่งเอกภาพและสันติภาพ

สังคมไทยจำเป็นต้องตระหนักว่า “สงคราม” มิได้จำกัดอยู่เฉพาะการใช้อาวุธ หากยังรวมถึงสงครามแห่งอารมณ์และวาทกรรมคลั่งชาติที่บ่อนทำลายความเป็นมนุษย์ ในสถานการณ์เช่นนี้ สื่อมวลชนทุกแขนงมีหน้าที่นำเสนอข้อมูลอย่างรอบด้าน รับผิดชอบ ไม่ตกเป็นเครื่องมือสร้างความเกลียดชัง หรือปลุกเร้ากระแสชาตินิยมสุดโต่งที่อาจนำสังคมไทยกลับไปสู่เส้นทางแห่งความวิบัติทางประวัติศาสตร์อีกครั้ง

ปรีดี พนมยงค์ เคยเตือนไว้ว่า

“เป็นความจำเป็นและผลประโยชน์ของประเทศไทยและประชาชนชาวไทย ที่จะต้องอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านโดยสันติ ไม่ควรตกเป็นเหยื่อของสงครามเย็นและสงครามประสาท”

“การทำสงครามนั้นมิใช่กีฬาธรรมดา หากเอาชาติเป็นเดิมพัน”

คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นว่าการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ คือคุณค่าที่สำคัญยิ่งต่อประเทศไทย ซึ่งต้องอาศัยความกล้าหาญทางจริยธรรมในการยืนหยัดต่อต้านกระแสสงครามในนามของ “ความรักชาติ” เราจึงขอเตือนสังคมไทยให้มีสติ ระวังต่อความกระหายสงคราม ที่แฝงมากับวาทกรรมปลุกเร้าเกลียดชัง ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลาย และบ่อนทำลายโอกาสของสันติภาพในระยะยาว

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นระหว่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขในระดับรัฐ ผ่านกระบวนการเจรจาเพื่อแสวงหาทางออกอย่างสันติ ขณะเดียวกัน ประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน ควรรักษาและประคับประคองความสัมพันธ์ในฐานะมิตรประเทศที่พึ่งพาและเกื้อกูลกันมาอย่างยาวนาน

ทั้งนี้ ไม่ว่าความขัดแย้งจะดำเนินไปอย่างไร การปกป้องชีวิตของผู้บริสุทธิ์ต้องเป็นหลักการสูงสุดที่ทุกฝ่ายยึดถือและไม่อาจละเมิดได้

เราขอยืนยันว่า ทางออกของความขัดแย้งไม่อาจได้มาจากกระสุนปืน หากแต่มาจากการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการเจรจาด้วยสันติวิธี ความรุนแรงมีแต่จะขยายรอยร้าว และทำลายโอกาสแห่งความร่วมมือในอนาคต

ปรีดี พนมยงค์ อุทิศตนเพื่อสันติภาพ เอกราช และความเป็นธรรมทางสังคม โดยเชื่อมั่นว่า “ชัยชนะแห่งสันติภาพนั้น มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าชัยชนะแห่งสงคราม” ซึ่งสอดคล้องกับสัจธรรมที่ว่า “สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี”

เราทุกคนจำเป็นต้องร่วมกันหยุดยั้งวงจรแห่งความรุนแรง ไม่ปล่อยให้ความโกรธแค้นบดบังหลักแห่งความเป็นธรรมและมนุษยธรรม ทั้งนี้ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบและแสวงหาความรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยยึดมั่นในข้อเท็จจริงและหลักฐานอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ดี ในกระบวนการสร้างสันติภาพ ภาคประชาสังคมต้องมีบทบาทในการถ่วงดุล ตรวจสอบ และส่งเสียงของประชาชน เพื่อไม่ให้การเจรจาถูกผูกขาดโดยรัฐฝ่ายเดียว เพราะสันติภาพที่ยั่งยืนต้องตั้งอยู่บนฉันทามติของสังคมโดยรวม

เพื่อสร้างทางออกที่เป็นรูปธรรม สถาบันปรีดี พนมยงค์ขอเรียกร้องให้:

  1. ทั้งสองประเทศหยุดยิงทันทีและเปิดเจรจาโดยมีบุคคลกลางจากอาเซียนร่วมไกล่เกลี่ย
  2. รัฐบาลของทั้งสองประเทศ เปิดเผยข้อเท็จจริงและหลักฐานต่อประชาชนและประชาคมระหว่างประเทศอย่างโปร่งใส เพื่อรักษาความเชื่อมั่นและหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดที่อาจขยายความขัดแย้ง
  3. สนับสนุนกลไกภาคประชาชนและองค์กรสิทธิมนุษยชน ในการติดตามสถานการณ์และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม
  4. สื่อมวลชนทุกแขนง ยึดมั่นในจรรยาบรรณ รายงานข่าวอย่างรอบด้าน หลีกเลี่ยงการปลุกเร้าอารมณ์ความเกลียดชัง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสันติภาพ มิใช่ส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง
  5. ประชาคมอาเซียนแสดงบทบาทเชิงรุก โดยวางตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ยและประสานงานกับสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สถาบันปรีดี พนมยงค์ ยืนหยัดเคียงข้างประชาชนผู้รักสันติและความเป็นธรรมทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และประชาคมโลก ในการเรียกร้องยุติความรุนแรงโดยทันที และแสวงหาสันติสุขบนพื้นฐานของความยุติธรรมร่วมกัน

ขอให้เราพึงระลึกเสมอว่า ชัยชนะที่ยั่งยืนและแท้จริง คือชัยชนะของสันติภาพ หาใช่สงครามไม่

สถาบันปรีดี พนมยงค์
25 กรกฎาคม 2568