สมาชิกเสรีไทย ตำบลหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่
ที่มา Muangkhai
เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2485 รัฐบาลภายใต้การนำของ จอมพล ป. พิบูลสงครามได้นำชาติไทยเข้าร่วมวงไพบูลย์กับประเทศญี่ปุ่น ประกาศสงครามกับประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา มีคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งไม่ยอมรับรู้การประกาศสงครามของรัฐบาล และก่อตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นภายนอกประเทศ นำโดย ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช และภายในประเทศ นำโดยท่าน ปรีดี พนมยงค์ เมื่อหน่วยเสรีภายในประเทศได้ส่งคนเล็ดลอดไปติดต่อกับหน่วยต่างประเทศได้ จึงตั้งศูนย์บัญชาการขึ้นที่เมืองกัลกาตาในประเทศอินเดีย จากศูนย์บัญชาการแห่งนี้ คุณสงวน ตุลารักษ์ (ผู้ลักลอบออกนอกประเทศ) ได้ส่งนักเรียนไทยที่นั่นให้โดดร่มลงในประเทศ ในเวลากลางคืน โดยขณะนั้นติดต่อนัดหมายกันไม่ได้จึงลงมาอย่างเสี่ยง จุดประสงค์เพื่อให้ผู้โดดร่ม นำอุปกรณ์รับส่งวิทยุมาติดตั้งเพื่อติดต่อประสานงานกันต่อไป
คุณสงวน ตุลารักษ์ เคยรอนแรมมาถ่ายหนังเรื่องพระเจ้าจักรา เมื่อ พ.ศ. 2483 ณ บริเวณภูเขาหลังพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ จึงได้เรียกจุดนี้ให้นักเรียนไทยโดดร่มลง นักเรียนไทยผู้นั้น คือ ร.ท.บุญมาก เทศะบุตร์ (อดีตพลตรีบุญมาก เทศะบุตร์ เจ้ากรมประมวลข่าวทหารบก กระทรวงกลาโหม)
เมื่อ ร.ท.บุญมาก เล็ดลอดไปพบท่านปรีดีที่กรุงเทพฯ แล้ว ก็จัดตั้งหน่วยวิทยุติดต่อกับศูนย์กองบัญชาการนอกประเทศได้ เสรีไทยภายในประเทศก็ดำเนินงานเป็นกิจลักษณะโดยจัดตั้งหน่วยเสรีไทยขึ้นหลายแห่ง ภายในประเทศเพื่อรวบรวมอาวุธยุทธภัณฑ์ และฝึกพลพรรคไว้ขับไล่ทหารญี่ปุ่น โดยตั้งที่เขาภูพาน สกลนครในภาคอีสาน ที่หัวหิน ในภาคใต้ ที่กาญจนบุรี ในภาคกลาง และที่ตำบลหนองม่วงไข่ ในภาคเหนือ ณ ที่ราบบนยอดเขาชื่อ “แพะเปียง” อยู่ทางทิศตะวันตกห่างจากตำบลหนองม่วงไข่ 9 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งหน่วยเสรีไทยในจังหวัดแพร่ มีนายทอง กันทาธรรม เป็นผู้แทนราษฎร เป็นหัวหน้า ร่วมด้วยนายทวีศักดิ์ สินธุวงศ์ นายอ้วน ลือวัฒนานนท์ เป็นผู้ช่วย เมื่อถึงวันนัดหมาย กลางดึกเดือนมืด เวลาเที่ยงคืน เครื่องบินมาจากกัลกาตา ได้นำนักเรียนไทยชื่อสาโรจน์ โล่ห์สุวรรณ (ปัจจุบันอยู่บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย) มาโดดร่มที่หน่วย พร้อมด้วยเครื่องมือสื่อสารและอาวุธต่าง ๆ สำหรับฝึกพลพรรค และในคืนต่อมามีทหารอเมริกัน 1 นายสิบ 2 และนักเรียนไทยอีก 1 โดดร่มลงมาสมทบด้วย ตอนนี้ชาวหนองม่วงไข่ ทั้งตำบลเป็นเสรีไทยกันทุกคน ช่วยเหลือทั้งในด้านแรงงาน เสบียงอาหาร และชายฉกรรจ์อาสาสมัครเป็นพลรบ แต่ก็ได้รักษาความลับสุดยอดไว้เป็นอย่างดี
บ้านของขุนม่วงไข่ขจร สถานที่เก็บยุทธภัณฑ์สำหรับต่อต้านญี่ปุ่น
เสรีไทยหน่วยนี้เริ่มงานฝึกพลพรรคให้รู้จักใช้อาวุธสมัยใหม่ ให้รู้จักยุทธวิธีการรบแบบกองโจร โดยคัดเลือกครูประชาบาลที่ไว้ใจได้ และสุขภาพดีมาฝึกเป็นรุ่น ๆ ผลัดเปลี่ยนกันจนพร้อมที่จะทำการฝึกได้รบได้
เสรีไทยหน่วยนี้ทำงานเสี่ยงต่อภัยอันตรายมากเพราะหน่วยทหารญี่ปุ่นตั้งอยู่ที่จังหวัดลำปาง แพร่ น่าน โดยรอบ เคลื่อนย้ายอยู่ไม่ขาดสาย เขารู้ระแคะระคายว่ามีหน่วยเสรีไทยที่ตำบลหนองม่วงไข่ เคยส่งทหารมาสอดแนมเข้าถึงหลังค่าย ขู่ว่าจะบุกเข้าตำบลหนองม่วงไข่ ก่อนสงบศึกสัก 10 วัน ชาวหนองม่วงไข่ คิดว่าจะเกิด “วันวิปโยค” เสียแล้ว ผู้หญิงและลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้กระจองอแง ขณะที่ชายฉกรรจ์เตรียมปืนผาหน้าไม้ มายึดกำแพงวัดเป็นที่กำบังเตรียมรับมือทหารญี่ปุ่น เมื่อได้ข่าวว่าวันนั้นจะถูกบุกแน่ แต่แล้วก็เป็นเพียงคำขู่ เพราะทหารญี่ปุ่นก็ประมาณกำลังของเราไม่ถูก จึงไม่กล้า ถ้าสงครามไม่สงบเสียก่อน อีก 2 อาทิตย์คงมีการนองเลือกกันอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ด้วยเดชะอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และพระสยามเทวาธิราชคุ้มครองชาวหนองม่วงไข่ จึงได้รอดปากเหยี่ยวปากกาได้หวุดหวิด แต่ชาวหนองม่วงไข่ภูมิใจที่ได้ชื่อว่าเป็นราษฎรตำบลเดียวในแคว้นล้านนาไทยที่ทำหน้าที่เสรีไทย
หมายเหตุ :
- กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับหนังสือประวัติวัดหนองม่วงไข่ และ ต.หนองม่วงไข่ อ.ร้องกวาง จังหวัดแพร่ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในการฌาปนกิจศพ คุณพ่ออ้วน ลือวัฒนานนท์ จากลูกหลานของคุณพ่ออ้วน ลือวัฒนานนท์แล้ว
- อักขรวิธีสะกดคงไว้ตามเอกสารชั้นต้น
บรรณานุกรม :
- กิจกรรมประวัติศาสตร์ของตำบลหนองม่วงไข่, ประวัติวัดหนองม่วงไข่ และ ต.หนองม่วงไข่ อ.ร้องกวาง จังหวัดแพร่ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในการฌาปนกิจศพ คุณพ่ออ้วน ลือวัฒนานนท์ (พิษณุโลก : โรงพิมพ์ตระกูลไทย, 2525), น. 15-18.