
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ:
ครั้งนี้จะเป็นการเสวนาแบบแปลกใหม่ก็คือว่า ระหว่างทางที่จะไปสู่การเสวนารอบที่สอง เรามาฟังจากผู้ที่ร่วมเสวนาฯ กันดีไหมครับ เพื่อที่จะเสริมข้อมูลหรือตั้งคำถาม สุดท้ายค่อยไปรอบที่สองแล้วจะได้จบ

ผู้ร่วมเสวนา:
ผมเป็นนักวิชาการอิสระ พอดีผมสนใจเรื่อง Landbridge หากเกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือว่า การจารจรบนถนนจะรถติดเพื่อที่จะรอดำเนินการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เป็นจำนวนมมาก ซึ่งผมมี Model (แบบ) ทางคณิตศาสตร์ในการถ่ายสินค้าให้น้อยที่สุด ซึ่งผมอยากจะได้ช่องทางติดต่อวิทยากรเพื่อที่จะได้ช่วยกรรมาธิการฯ ในการทำวิจัย

ผู้ร่วมเสวนา:
ผมเป็นผู้นำตอนที่เป็นอนุกรรมาธิการตอนที่ไปเซ็นสัญญากับรัฐบาล โดยผมก็ได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษา และเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการขุดคลองไทยมีประโยชน์กับประเทศไทยและทั่วโลกอย่างไร ซึ่งจะบอกให้ได้ว่าผมก็ทำโลจิสติก ผมเป็นนักพัฒนาที่ดิน การก่อสร้างจะต้องวางเป้าหมายก่อน อดีตที่ผ่านมาเรื่องคลองไทยไม่มีโจทย์ที่เป็นรูปธรรม เราไม่มีตัวเริ่มต้นที่ดีก็คือ เรามีที่ดินภูมิศาสตร์ที่ดีควรจะสร้างอะไรให้กับพื้นที่ตรงนั้น ไม่ใช่แค่ขุดคลอง เราควรจะสร้างเมืองหรือไม่ ซึ่งควรจะตั้งตรงนี้ให้ถูกต้องก่อนถึงจะบอกได้ว่า ควรทำหรือไม่ควรทำ รายได้เข้าประเทศจะเท่าไหร่ สิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการประหยัดน้ำมัน 2-7 วัน ทำให้ลดโลกร้อนได้ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ จากการคำนวณของผม เราศึกษากันได้และออกแบบได้ว่า ทำอย่างไรให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ไม่ใช่คิดไปเองแต่ทุกอย่างต้องมีการเริ่มต้นมีแบบก่อสร้างที่ถูกต้อง
รัฐบาลที่ผ่านมาส่วนมากก็ตั้งแต่ปัญหาและไม่เคยช่วยกันคิดว่าแก้ปัญหากันอย่างไร เรื่องความมั่นคง เรื่องแบ่งแยกดินแดน มีแต่ตั้งปัญหาโดยไม่ช่วยคิด ผมขอติเตียนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลไม่ได้รักชาติจริงหรือเปล่า

พลเอก ธวัชชัย สุดสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 :
หลังผมเกษียณ 13 ปี ก็ได้ดูเรื่องคลองไทยว่าเป็นประโยชน์สำหรับลูกหลาน ถ้าดูฝรั่งเศสเขาคิดโครงการสร้างหอไอเฟล (Eiffel) ที่ทำให้ลูกหลานเขามีประโยชน์ ก็มีปัญหาแบบเราทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ปัจจุบันคน 60 ล้านคน ไปดูหอไอเฟล ลูกหลานเขาก็นั่งดื่มกาแฟขอบคุณบรรพบุรุษเขา
ผมก็อยากสร้างคลองไทยเพื่อเป็นประโยชน์ ซึ่งเราก็ศึกษามานานและภาพรวมในช่วงผมเป็น สมช. (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) ก็ได้มีการหารือกับอดีตนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ปัจจุบันจีนอีกไม่เกิน 10 ปี ก็จะเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก และคลองไทยเป็น One Belt One Road (เส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21) ของจีน แต่จีนกับไทยคุยกันแบบพี่น้อง เพราะคนไทย 80 เปอร์เซ็นต์ ก็มีเชื้อสายจีน ซึ่งควรจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แต่เมื่อเราปฏิเสธจุดสำคัญของจีน
เมื่อช่วงวิสามัญ สส. ทุกคนเห็นด้วย ข้อเท็จจริงเมื่อศึกษาจบไปแล้ว หลักการต้องมาชี้แจงให้สภาผู้แทนราษฎรได้เห็น และไม่มีการลงมติเพียงส่งไปยังรัฐบาลพิจารณาว่าจะทำหรือไม่ทำ แต่วันนั้นมีการลงมติ เท่าที่ทราบพรรคภูมิใจไทยได้รับสัญญาณจากประเทศสิงคโปร์ ถ้าขุดคลองไทยประเทศสิงคโปร์ก็จะไม่ร่วมด้วย
เราต้องตัดสินใจเลือกข้างอย่าเป็นกลางตลอดเวลาเหมือนสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ที่ผ่านมา ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย อีกไม่เกิน 10 ปี จะล้าหลังที่สุดใน ASEAN (สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)ปฏิวัติมาแก้ไขคอร์รัปชั่นก็ไม่ได้

ผู้ร่วมเสวนา:
ดิฉันเป็นนักวิชาการทางด้านสิ่งแวดล้อม แต่คำถามของดิฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมว่า เมื่อพิจารณาการเติบโตของเศรษฐกิจและแนวโน้มการขนส่งทางทะเลที่ยังคงเติบโต คำถามคือ คลองไทยกับ Landbridge โครงการไหนที่สามารถจะรองรับการเดินเรือขนาดใหญ่ได้มากกว่ากัน เมื่อสักครู่ได้ฟังจากคุณบัณฑิต ศรีภา เหมือนว่า Landbridge มีความซับซ้อนหลายขั้นตอน ดิฉันจึงคิดว่า Landbridge คงไม่ตอบโจทย์การขนส่งเรือขนาดใหญ่
คำถามที่สองคือ ค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการธุรกิจเดินเรือระหว่างคลองไทยกับ Landbridge ได้ศึกษาหรือเปรียบเทียบหรือไม่ว่า ประโยชน์ของผู้ประกอบการที่จะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง เช่น ลดค่าใช้จ่ายกับระยะเวลาในการขนส่งหรือไม่

ผู้ร่วมเสวนา:
ผมเป็นวิศวกรศึกษาความเหมาะสมโครงการ และก็ EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม Environmental Impact Assessment) แม้ไม่ใช่วิศวกรขนส่ง แต่ผมมองกระบวนการที่จะได้ เพื่อจะสรุปว่า Visible (ชัดเจน) หรือไม่ Visible ส่วนตัวมองว่าไม่ชัดเจนมากตอนนี้ ซึ่งจะเป็นความเห็นระหว่างคนเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย แต่แค่นี้ไม่ได้ต้องเป็น Fact (ความจริง) ว่า Data (ข้อมูล) นี้ได้มาอย่างไร ทุกอย่างต้องถูกนำมาวิเคราะห์ตามหลักวิชาการ ถ้าคิดว่า การลงทุนที่เอา BRICS มาเป็นอธิปไตยที่จะ Operate (ดำเนินงาน) อยู่กับเมืองไทย สมมติผมเป็นประเทศหนึ่งที่อยากเอาคลองไทย หรือ Landbridge มาเป็นของ BRICS ไม่ให้ประเทศไทยเข้ามาเกี่ยวแบบปานามา ลองสังเกตสองฝั่งคลองปานามาไม่ได้เจริญมีแต่การค่าบริการ นี่หรือประเทศที่มีเรือผ่าน หรือยกตัวอย่างเขื่อนที่ประเทศลาวที่ถูกคิดไปไกลว่าจะเป็นศูนย์กลางไฟฟ้า ถ้าคนลงทุนไม่ซื้อไฟฟ้า 2-3 ปี ก็ขาดสภาพคล่อง สุดท้ายก็เสร็จผู้ร่วมลงทุน

ผู้ร่วมเสวนา:
การสร้างคลองไทยหรือ Landbridge มีหลักประกันอย่างไรที่เรายังคงเป็นเจ้าของที่แท้จริง และจะทำอย่างไรให้ไม่เป็นเครื่องมือของประเทศมหาอำนาจ หากเราจะสร้างประเทศไทยมีศักยภาพทางทะเลมากแค่ไหน และเราสามารถร่วมมือกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรักษาน่านน้ำที่จะเปิดกว้างให้กับทุกชาติไม่ใช่ชาติใดชาติหนึ่งมาอ้างสิทธิเหนือประเทศในภูมิภาค
ผมไม่เคยคิดว่าประเทศจีนเป็นมิตรกับประเทศไทย แค่มีจุดมุ่งหมายบุกประเทศไต้หวัน ประเทศจีนพยายามอ้างสิทธิ์ทะเลจีนใต้ทั้งหมดเกาะปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ หรือการสร้างหอสื่อสารที่ เกาะนิโคบาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งประเทศจีนวางแผนมานานมาก สุดท้ายแล้วประเทศไทยจะกลายเป็นเครื่องมือของประเทศมหาอำนาจ ลองคิดดูแค่ว่า ใครเป็นผู้อ้างสิทธิเหนือน่านน้ำแถบนี้ ประเทศไทยต้องสร้างความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้มแข็ง
ภักดี ธนะปุระ :
ประการแรก ประเทศสิงคโปร์ มาให้เงินเราแน่นอน ผมได้รับข้อเสนอจากประเทศสิงคโปร์ 2 ล้านเหรียญ ให้เลิกศึกษาโครงการคลองกระ (คอคอดกระ) ทุกครั้งที่เราพูดถึงคลองกระ ลีกวนยูจะฝันร้าย
BRICS ไม่ใช่เงินกู้แต่เราจะลงทุนโดยใช้เงินบาทได้ เราสามารถใช้โครงการนี้สนับสนุนแลกเป็นเงินบาทได้ โดยการลงทุนจากประเทศไทย เพราะเงินบาทจะทำให้เรามีอิสรภาพมาก ไม่ต้องพึ่งต่างประเทศแม้แต่อย่างเดียวแต่ขึ้นอยู่กับทรัพยากรภายในประเทศไทย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ:
ประเทศสิงคโปร์เข้ามาเกี่ยวข้องจริงไหม พยานอย่างคุณภักดีนั่งอยู่ที่นี่ ส่วนที่สองก็คือ BRICS ถ้าเข้ามามีอำนาจ หรือเป็นตัวตั้งต้น คุณภักดีก็บอกมีวิธีต่อรองด้วยการใช้เงินของประเทศไทยเรา
คำถามที่ผู้ร่วมเสวนาถามเรื่องจำนวนเรือจะมาเยอะจริงไหม และเรื่องค่าใช้จ่ายใครจะได้ประโยชน์ก็ว่ากันไป ขอเชิญคุณบัณฑิตครับ

บัณฑิต ศรีภา:
อย่างที่ได้กล่าวข้างต้น ระหว่างคลองไทยกับ Landbridge ว่า Landbridge ก็จะได้ปริมาณตู้ที่น้อยกว่าคลองไทย เพราะเรือใหญ่จะไม่เข้า ดังนั้น Landbridge จึงต้องให้ความสำคัญกับสินค้าจำนวนน้อย หรือสินค้าเฉพาะเมืองไทย โดยเราจะไปคิดใหญ่กว่านั้นไม่ได้ เพราะไม่ใช่เส้นทางหลัก ยกตัวอย่าง ถ้าเรือขนาดใหญ่มาเข้าที่ท่าเรือจังหวัดระนอง ขนสินค้า 20,000 ตู้ไม่หมด เขาก็ต้องย้อนกลับไปที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อยู่ดี เขาก็ต้องใช้เรือเล็กขนไปขึ้นที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย หรือไม่ก็ประเทศสิงคโปร์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ:
คำถามที่สอง เรื่องผลประโยชน์ของบริษัทที่มาจะได้ส่วนลดจริงไหม
บัณฑิต ศรีภา:
ถ้าคิดเป็นตู้ตอนนี้ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 400,000 ตัน แต่เป็นเรือที่ใช้ขนส่งพวกแร่เหล็ก หรือถ่านหิน ซึ่งผมจะกล่าวถึง BRICS ที่เขาประเทศบราซิลจะค้าขายกับประเทศจีน หากมีคลองไทยเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปช่องแคบมะละกาที่ถูกจำกัดด้วยความลึกของน้ำ ประมาณ 20.5 เมตร โดยเรือ 400.000 ตัน ก็กินความลึกไป 24 เมตร ก็ต้องใช้ระยะเดินทางไกลเพื่อไปท่าเรือลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย แต่หากเราขุดคลองให้ลึก เขาก็จะมาใช้ทางคลองไทย แต่ Landbridge ก็จะตบอโจทย์ในการค้าแร่ของประเทศบราซิลกับประเทศจีน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ:
แล้วผู้ประกอบการธุรกิจระหว่าง Landbridge กับคลองไทย ภาคส่วนไหนได้ประโยชน์มากกว่า
บัณฑิต ศรีภา:
ถ้าเป็นปริมาณสินค้าที่น้อย Landbridge ก็จะเร็วสามารถขึ้นรถไฟไปยังกรุงเทพฯ หรือเรือเล็กต่อขึ้นแหลมฉบัง แต่ถ้าเป็นปริมาณสินค้าที่เยอะ คลองไทยจะคุ้มกว่า
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ:
ต่อมาคุณสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ครับ

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ:
ประเด็นส่วนใหญ่ที่หลายท่านถามมาก็คือเรื่องการตัดสินใจ เรื่อง Time Saving คลองไทยน่าจะได้เปรียบ เพราะ shortcut เหมือนกับที่คุณบัณฑิตเอาตัวเลขให้ดู แต่อย่างที่ผมบอกไปข้างต้นว่าเราจะมองเพียงด้านเดียวไม่ได้ ก็ต้องเปรียบเทียบกับทุนด้วยเหมือนกัน หรือ benefit and cost บางอย่าง condify ได้ บางอย่าง condify ไม่ได้ ซึ่งก็มีอีกหลายมิติ ประเด็นที่ 2 ถ้าเราตัดสินใจจะทำ Landbridge หรือคลองไทย ตั้งแต่ก่อนประเทศสิงคโปร์จะมีความคิดเป็นตลาดใหญ่ตั้งแต่ 100 ปีที่แล้ว ถ้าตัดสินใจทำตอนนั้นตอนนี้การตัดสินใจก็คงเป็นอีกแบบ แต่ไม่ใช่ว่าจะทำหรือไม่ทำและวิสัยทัศน์ของใครจะถูกหรือผิด ส่วนเรื่องของรถติดก็มีตัวอย่างของแหลมฉบัง ซึ่งต้องถ่วงดุลอย่างไรให้ลดการติดขัด
ประเด็นเรื่องรักชาติจริงหรือไม่รักชาติ เป็นเรื่องที่เราสามารถเห็นต่างกันได้ แต่ว่าก็ต้องดูว่ามองด้วยเหตุผลอะไร แต่ว่าไม่ใช่กล่าวหาว่าไม่รักชาติ ส่วนในเรื่องของรูปธรรมซึ่งก็เห็นตรงกันคือ เรายังไม่รู้ว่าคลองไทยคืออะไร ตัวเลขทั้งรายได้และความลึกยังคงไม่มีข้อมูลที่ละเอียดมาก เพราะยังไม่เคยถูกศึกษาอย่างละเอียด โดยที่มีรายละเอียดมากกว่านั้นคือ Landbridge แต่การลุงทุนก็เป็นสิ่งที่ใหญ่เกินจำเป็นมากกว่าแหลมฉบัง เพราะทางเชื่อมระหว่างท่าเรือมีทั้งถนน ทางด่วน รถไฟ ซึ่งยังตั้งคำถามได้อีกเยอะของ Landbridge
คลองไทยศึกษามานานแต่ยังไม่มีรายละเอียดที่เป็นรูปธรรม หากจะต้องกล่าวถึงการต้องตัดสินใจ อย่ามองแค่อยากได้หรือไม่อยากได้ ต้องดูว่าควรทำหรือไม่ควรทำ จะต้องมีรายละเอียดมากพอตอนนี้คลองไทยยังไม่มีพื้นฐานที่เป็นรูปธรรม ส่วนเรื่องของ BRICS ถ้าเข้ามาเกี่ยวข้องก็ต้องตัดสินใจ
ส่วน Landbridge ที่รัฐดำเนิการอยู่ ยังมีรายละเอียดที่ยังสามารถตั้งคำถามได้เยอะ และการยกตัวอย่างการสร้างเขื่อนที่ประเทศลาว ซึ่งเป็นส่วนที่ผมรู้สึกกังวล เพราะหากเราดันโครงการนี้ด้วยความรักชาติโดยไม่มีรายละเอียดอันสมควร เรื่องที่จะเอาอะไรมาลองรับอธิปไตยก็เป็นโจทย์ยากที่ต้องดูว่าจะลงทุนอย่างไร และถ้ายังรักษาเอกราชได้ไม่โดนแทรกแซง
บัณฑิต ศรีภา:
ฝ่ายที่ศึกษาส่วนใหญ่เป็นฝ่ายนิติบัญญัตก็คือ สส. (สภาผู้แทนราษฎร) และ สว. (วุฒิสภา) ส่วนตัวรัฐบาลยังไม่ได้ศึกษา ส่วน สนข. (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) อยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคม
ภักดี ธนะปุระ:
ผมขอกล่าวง่าย ๆ ว่า ประเทศไทยอยู่ท้ายซอยมานานแล้ว เวลาหลายร้อยปี เราอยู่ท้ายซอยเมื่อไหร่เราจะอยู่ปากซอยบ้าง ถ้าเราอยู่ปากซอยเราจะขายของได้ดีมากกว่าอยู่ท้ายซอย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ:
เราฟังคลองไทยมาเยอะแล้ว กลับมาที่ Landbridge คุณธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ มีอะไรจะแก้ตัวไหมครับ

ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ:
ความจริงอยากเสริมเรื่องอำนาจอธิปไตย ที่หลายท่านกล่าวว่า ถ้าเกิดเอาบริษัทต่างชาติหรือรัฐบาลต่างชาติมาร่วมลงทุน ประเทศไทยจะมีอำนาจตัดสินใจมากน้อยแค่ไหน อันนี้อยู่ที่ประเทศไทยออกแบบว่าอยากให้เป็นแบบไหน เชื่อว่ารัฐบาลที่มีอำนาจในการตัดสินใจ เชื่อว่าคงไม่ทำให้คนอื่นมามีอำนาจตัดสินใจเหนือกว่าประเทศไทย ความจริงประเทศไทยก็เป็นเจ้าของสินทรัพย์หรือที่ดิน ซึ่งก็มีส่วนในการเข้าไปถ่วงดุลอำนาจในการตัดสินใจตรงนี้ได้ อย่างที่บอกว่า ไม่คิดจะให้เขามาถือร้อยเปอร์เซ็นต์โดยที่เราไม่มีอำนาจอะไรเลย เพียงแต่ว่าตัวเลขกับตัวโครงสร้างตรงนี้ยังไม่ออกมา แต่ก็เข้าใจ concern ของแต่ละคน
ตอนนี้มีเพียงการหารือระหว่างประเทศ เช่น ดูไบสนใจ จีนสนใจ ญี่ปุ่นสนใจ แต่ยังไม่ได้บอกว่าประเทศไทยจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการลงทุนอย่างไร แต่เข้าใจว่ารัฐบาลก็ต้องระวัง หากบอกว่า ประเทศไทยจะเข้าไปลงทุน 50 เปอร์เซ็นต์ ก็จะมีเรื่องของงบประมาณที่จะเกิดการถกเถียงกันอีกว่าจะเอาเงินมาจากที่ไหน อย่างที่หลายท่านทราบว่าจะใช้เงินค่อนข้างเยอะ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ:
เอาแค่เรื่องคอนโดที่คนไทยกี่เปอร์เซ็นต์ต่างชาติกี่เปอร์เซ็นต์ ผมก็กังวลเรื่องคลองไทยจะเป็นอย่างไร คือ พยายามจะถามค้านครับ
ภักดี ธนะปุระ:
เรื่องคุณค่าหรือมูลค่าก็มีส่วนสำคัญ ตอนนี้ทุกคนคิดแต่มูลค่า อย่างคาสิโนมีมูลค่าทั้งนั้น Model ทางเศรษฐกิจมีมูลค่าทั้งนั้นไม่ได้คิดถึงคุณค่าเลย ที่ยกตัวอย่างหอไอเฟลนี่เป็นคุณค่า คลองไทยจึงเป็นคุณค่าทางเศรษฐกิจต้องมาก่อนเดี๋ยวมูลค่าจะตามมาทีหลัง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ:
ขอให้ท่านวิทยากรกล่าวคนละ 5 นาที เพื่อทิ้งท้ายครับ
บัณฑิต ศรีภา:
ก็ที่พูดกันเมื่อกี้ว่าทำไมขุดคลองคือ ทองในโลกเชื่อมระหว่างมหาสมุทร ก็คือปานามาจะเชื่อม Pacific กับแอตแลนติก คลองสุเอซก็จะเชื่อมระหว่างแอตแลนติกกับอินเดีย คลองไทยก็จะมาตอบโจทย์สุดท้ายก็คือ เบียร์ไปแปซิฟิคถ้าเกิดว่าเรากังวลว่าถ้าเกิดเราไปให้มหาอำนาจมาลงทุนเนี่ยแล้วเราจะต้องไปประสบปัญหาเหมือนกับซุเอสหรือปานามา เขาก็ต้องแบบทำเหมือนคลองคีล ประเทศเยอรมนี ลงทุนเองทั้งหมด ตอนแรกเป็นคลองภายในตอนหลังเป็นคลองนานาชาติ เพราะพอเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ดังนั้น ถ้าเราจะทำก็ลงทุนเองเป็นหลักเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างคลองสุเอซ หรือคลองปานามา
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ:
ผมอยากจะย้ำเรื่องที่ผมบอกตั้งแต่ตอนต้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่อยากได้หรือไม่อยากได้ แต่ต้องคิดว่าควรทำหรือไม่ควรทำ ส่วนเรื่องข้อมูลมีแต่ไม่ได้มีแบบเป็นทางการหรือละเอียดจากอำนาจรัฐ สิ่งที่เป็นข้อมูลทางการมากที่สุดที่มีความเป็นอำนาจรัฐก็คือรายงานจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งก็รับความเห็นจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ไปปรับปรุง และการศึกษาครั้งนี้มีตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ไม่ได้บิดเบือนข้อมูลว่าอยากได้หรือไม่อยากได้ รายงานฉบับนั้นมี 4 Option 800 กว่าหน้ากระดาษ
สนข. ก็เป็นคำถามใหญ่ที่พรรคประชาชนถามรัฐบาล ทำไมจากวันนั้นสภาพัฒน์ฯ ศึกษา แล้วเปลี่ยนมือมาให้ สนข. ศึกษา แต่สภาพัฒน์ฯ ก็มีเหตุผลเพราะเป็นเพียงการศึกษากว้าง ๆ ไม่ควรเอางบประมาณไปลงทุนศึกษาทั้ง 4 Option แต่รัฐบาลไม่เลือกที่จะทำคลองไทยแต่เลือกที่จะทำ Landbridge ซึ่งรัฐบาลก็มอบหมายให้ สนข. อันนี้ถึงจะเป็นการศึกษาเชิงลึก ซึ่งศึกษาเชิงลึกก็มีความไม่ชัดเจนในหลายอย่าง ลำดับต่อไปอีกก็คือ สนข. ไปจ้างที่ปรึกษาอีกอันหนึ่งบอกว่า ลงทุนเยอะขนาดนี้รัฐไม่มีงบ แต่ต้องให้เอกชนลงทุน วันรายงานที่เป็น Detail ก็ยังมีความชัดเจนไม่เพียงพอ และรายงานอีกฉบับหนึ่งก็คือโปรโมทขายของ ซึ่งเราก็ตั้งคำถามเสมอว่า ตกลงคุณเอาอะไรไปขาย เพราะการศึกษาคุณก็ยังไม่แน่นอน
เมื่อไปโปรโมทแล้วก็ต้องดูข้อเสนอของต่างประเทศ ที่สนใจเป็นหลักตอนนี้ก็คือประเทศจีนกับประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเขาก็ต้องไปทำข้อเสนอมา แต่ฝ่ายนิติบัญญัติเสียงข้างน้อยก็ต้องไปดูข้อเสนอว่าจะดีหรือไม่ดีต่อประเทศไทยอย่างไร
ภักดี ธนะปุระ:
ผมว่าปัจจุบันประเทศไทยหลีกเลี่ยงที่จะเสนอคลองกระ อย่างประเทศจีนเสนอจะขุดทั้งหมดแต่ประเทศไทยปฏิเสธ อย่างสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 1973 ต้องการขุดสงขลาและสตูลทำข้อมูลละเอียดมาก รัฐบาลสมัยจอมพล ถนอม กิติขจร และจอมพล ประภาส จารุเสถียร สมัยนั้นสหรัฐฯ จะลงทุนเองด้วยแต่คนไม่เห็นด้วยเยอะ รัฐบาลสมัยหลังไม่เอาคลองกระและไม่มีข้อมูลด้วย
ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ:
ขออนุญาตปิดท้ายก็คือ ปัจจัยเรื่องของเวลา การที่จะสร้าง Landbridge ณ เวลานี้จะทำให้ประเทศไทยได้เปรียบด้านภูมิรัฐศาสตร์ระดับหนึ่ง หากผ่านไประดับหนึ่งมีตัวเลขอื่นที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน การขนส่งอาจจะเปลี่ยนไป หรือมูลค่าสินค้าตลอดโลกเปลี่ยนไป การที่ประเทศไทยจะสร้างหรือไม่สร้างก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เพราะต้องใช้เวลาในการสร้างถึง 10 ปี หรือมากกว่านั้น แต่หากยังถกเถียงกันอยู่ก็มีปัจจัยเรื่องเวลา ซึ่งในปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของโลกไวมาก วันหนึ่งเราตัดสินใจสร้างแล้วอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อเราก็ได้
ผู้ร่วมเสวนา:
อยากจะบอกความจริงสักนิดหนึ่งเกี่ยวกับการศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาจะศึกษาเฉพาะว่ารายได้ทุนเพื่อเป็นค้าผ่านทาง เขาไม่ได้ศึกษาถึงสิ่งแวดล้อมข้างเคียง หรือความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ถ้าขุดคลองเรือผ่านเก็บค่าผ่านทางรำละเท่าไหร่ และจะมีเรือกี่ลำ ซึ่งเรือคงมาไม่ได้ เพราะว่าท่าเรือส่วนใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์
ผมถามวันนี้เมื่อไปชลบุรีเราเคยไปสายเก่าไหม พอสายใหม่เกิดขึ้นทุกคนก็ไปสายใหม่ และท่าเรือก็ต้องเกิดขึ้นเป็นปกติ กิจการในท่าเรือก็จะมีมหาศาล ทั้งเมืองใหม่ก็เกิดขึ้นได้ ไม่ได้ศึกษาเฉพาะการเปรียบเทียบรายได้ค่าผ่านทาง 4 อย่าง อันนี้ไม่สมเหตุสมผล โจทย์ในการสร้างสำคัญ เพราะคลองจะใหญ่ หรือสวยงาม ต้องมาออกแบบให้เป็นชิ้นเป็นอันก่อน แล้วทำไมนำเสนอต่างชาติต้องนำเสนอเฉพาะ Landbridge ทำไมไม่นำเสนอคลองไทยด้วย ให้เขาเลือกว่าจะลงทุนแบบไหน เป็นประโยชน์กับชาวโลกอย่างไร ไม่ควรจะนำเสนอแค่อย่างเดียว

โซฟี ธนะปุระ:
เราต้องมีวิธีการมองปัญหาไม่ว่าจะทำเรื่องใหญ่หรือเล็กก็ตาม ขุดคลอง หรือ Landbridge อยู่ในสถานการณ์ไหน หากเราจะพัฒนาโลกปัจจัยหลักคือมนุษย์ใช่ไหม มนุษย์เป็นศูนย์กลาง ประชากรโลกเราเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะถ้าเรากังวลแปลว่า เราคิดว่ามนุษย์เป็นคนที่ทำลายล้าง แต่ถ้าเรามองมนุษย์เป็นคนที่สร้างสรรค์ ยิ่งมีมนุษย์มากขึ้นยิ่งดี แต่คุณภาพของมนุษย์จะต้องเป็นอย่างไร แล้วการใช้ปัญญาของมนุษย์มากขึ้นก็ยิ่งดี แล้วทั้งการเดินเรือเรายังจำเป็นต้องใช้มากขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีลูกค้า เพราะเราเป็นมนุษย์ที่ต้องบริโภคสิ่งที่มีคุณภาพ ดังนั้น การขนส่งจะไม่หายไปไหนมีแต่มากขึ้น ส่วนที่ประเทศไทยต้องไปศึกษาคือ ประเทศสิงคโปร์พัฒนาท่าเรืออีก 10 ปีเป็นอย่างไร ประเทศอินโดนีเซียพัฒนาท่าเรืออีก 10 ปีเป็นอย่างไร หากเราไม่รีบตัดสินใจเราจะตามเขาไม่ทัน แต่จะปล่อยให้เราผ่านไปซึ่งโลกนี้ยังพัฒนาอยู่หมายความว่าปัจจัยใหญ่คนมนุษย์ยังมากขึ้นและเป็นคนที่มีคุณภาพ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ:
To be or not to be that is the question. ท่านผู้ชมอย่าลืมว่าทั้งสองโครงการมีเป้าหมายคือให้ประเทศเจริญ ไม่ว่าคุณจะชอบคลองไทย หรือ Landbridge เราจูงมือไปทานข้าวเที่ยงได้ครับ เพราะว่าไม่มีปัญหาเรื่องความคิด เราเป็นเพื่อนกันได้ นี่คือประชาธิปไตยที่อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ พยายามจะทำให้เราเห็นว่า ไม่ว่าคุณจะคิดแบบส้ม แดง หรือน้ำเงิน แต่สุดท้ายเราก็ต้องยังอยู่ด้วยกัน นั่นเป็นสิ่งที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ อยากจะสื่อสารให้ทุกท่านทราบ ว่าสุดท้ายเราก็อยู่ได้อย่างสันติได้ไม่ว่าจะมีคลองไทยหรือไม่มีคลองไทย เพราะมนุษย์ยังคงต้องเติบโตและต้องการคนซึ่งอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
สำหรับวันนี้เสียงปรบมือให้กับวิทยากรทั้ง 4 ท่าน คุณภักดี ธนะปุระ คุณธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ คุณบัณฑิต ศรีภา และคุณสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ด้วยครับ


รับชมถ่ายทอดสดฉบับเต็มได้ที่: https://www.facebook.com/pridibanomyonginstitute/videos/1186458066442501
ที่มา : PRIDI x PBIC : “อนาคตเส้นทางเศรษฐกิจ คลองไทย - คอคอดกระ - Landbridge “จากวิสัยทัศน์ปรีดี พนมยงค์” วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2568 เวลา 10.00-12.00 น. ณ ห้อง PBIC 211 ชั้น 2 ตึก 60 ปี วิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์