ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แถลงการณ์กรณีข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ถูกตั้งข้อหาคดีการเมือง

7
กุมภาพันธ์
2566

สถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้ติดตามสถานการณ์การอดอาหารประท้วงของ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน), อรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) และผู้ถูกตั้งข้อหาคดีการเมืองอื่นๆ จนอาจส่งผล กระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ ด้วยความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง 

เรายังคงยืนยันในหลักการที่ว่า ผู้ต้องหาควรได้รับสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราว หรือได้รับการประกันตัวซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามกฎหมาย อนึ่ง ข้อเสนอให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และการชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติ มิได้เป็นอาชญากรรมร้ายแรงแต่อย่างใด หากเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ และเป็นที่ยอมรับในระบอบประชาธิปไตยสากล ดังที่ได้ออกแถลงการณ์ไปก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 (แถลงการณ์กรณีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อผู้ชุมนุมทางการเมือง)

สถาบันปรีดีฯ เห็นว่าสิ่งสำคัญเวลานี้ คือการสร้างความตระหนักแก่สังคมและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกันโดยเร็ว เพื่อยุติการอดอาหารประท้วงของนักเคลื่อนไหวอย่างทันท่วงทีด้วยวิธีการที่ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ ดังนี้

1. การพิจารณาคำสั่งประกันตัว : ศาลสามารถตรวจสอบคำสั่งประกันตัวของตะวัน-แบม และพิจารณาเพิกถอนได้หากมีหลักฐานบ่งชี้ว่าไม่ชอบธรรมหรือไม่จำเป็น และพิจารณาว่าเงื่อนไขการประกันตัวเหมาะสมและสอดคล้องกับหลักประกันสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาตามรัฐธรรมนูญ ที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ หรือไม่

2. การปล่อยตัวผู้ต้องหาในคดีการเมือง : ศาลสามารถพิจารณาปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองทั้งหมดได้ตามกฎหมาย โดยทบทวนเงื่อนไขการควบคุมตัว เพื่อให้แน่ใจว่าสิทธิของผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้รับการคุ้มครองและได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันกับผู้ต้องหาและจำเลยในคดีประเภทอื่นที่มีระดับความผิดและระวางโทษเท่ากันหรือสูงกว่า เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ

3. การยกเลิกเงื่อนไขการประกันตัว : ศาลสามารถพิจารณายกเลิกเงื่อนไขการประกันตัวที่ขัดต่อหลักความได้สัดส่วนและหลักประกันสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาตามรัฐธรรมนูญที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าไม่มีความผิดได้ เช่น การใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์ (กำไลอีเอ็ม) เพื่อติดตามตัว การห้ามออกนอกเคหสถาน ในลักษณะที่เงื่อนไขกลายเป็นข้อจำกัดในการทำกิจกรรมและการใช้ชีวิต จนขัดต่อหลักความจำเป็นและได้สัดส่วน ทั้งนี้ การเรียกหลักประกัน หรือการกำหนดเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราว จะต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคห้า ที่บัญญัติว่า “คำขอประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาต้องได้รับการพิจารณาและจะเรียกหลักประกันจนเกินควรแก่กรณีมิได้ การไม่ให้ประกันต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ” โดยเคร่งครัด

สถาบันปรีดี พนมยงค์ ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงสนับสนุนให้สังคมรับฟังข้อเรียกร้องของผู้ถูกตั้งข้อหา ด้วยความเห็นอกเห็นใจ และเฝ้าติดตามกระบวนการสร้างความยุติธรรมร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกัน องค์กรของรัฐทุกองค์กรและทุกระดับจะต้องพิจารณาและบังคับใช้กฎหมายอย่างถี่ถ้วน โดยคำนึงถึงหลักนิติรัฐและสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน รวมถึงยุติการตั้งข้อหากับผู้ที่กำลังถูกดำเนินคดีทางอาญา และปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังจากการใช้สิทธิเสรีภาพโดยสุจริต เพื่อยับยั้งความสูญเสียและรักษาบรรทัดฐานทางสังคมไม่ให้เกิดความขัดแย้งบานปลายไปมากกว่านี้

สถาบันปรีดี พนมยงค์
07 กุมภาพันธ์ 2566