แผนที่ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์เมื่อปี 1899
ที่มา : British Library
ประเทศในอินโดจีนซึ่งเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส มีขบวนการทางการเมือง หรือขบวนการกู้เอกราชก่อตัวขึ้นหลายขบวนการด้วยกัน ขบวนการกู้เอกราชในประเทศลาวคือ “ขบวนการลาวอิสระ” หรือที่เรียกว่า “คณะกู้อิสระพาบ” (ก.อ.พ.) อยู่ภาย ใต้การนำของเจ้าเพ็ดชะลาด
ในเวียดนาม คือ “ขบวนการพันธมิตรเพื่อเอกราชของเวียดนาม” (ขบวนการเวียดนาม ดอคแล็บ ดองมินห์) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อสั้นๆ ว่า “เวียดมินห์” อยู่ภายใต้การนำของโฮจิมินห์ ในกัมพูชา คือ “ขบวนการเขมรอิสระ” อยู่ภายใต้การนำของ เซิน ง็อก ทันห์ และคณะ
โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh) ผู้นำขบวนการพันธมิตรเพื่อเอกราชของเวียดนาม
(ขบวนการ เวียดนาม ดอกแล็บ ดองมินห์) หรือ "เวียดมินห์"
บรรดาผู้นำคนสำคัญในขบวนการกู้ชาติดังกล่าว หลายคนเคยเดินทางไปศึกษาและใช้ชีวิตอยู่ในฝรั่งเศส ได้ซึมซับรับอิทธิพลของแนวคิดการอภิวัฒน์สังคมประชาธิปไตย มุ่งสร้างสรรค์สังคมให้มีอิสรภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ แล้วนำแนวคิดดังกล่าวมาอภิวัฒน์สังคมในประเทศของตน อาทิ เจ้าเพ็ดชะลาด เจ้าสุพานุวง และโฮจิมินห์
สำหรับโฮจิมินห์ ผู้นำคนสำคัญในการเคลื่อนไหวของพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนนั้น ช่วงอยู่ในฝรั่งเศสเคยทำงานเป็นคนสวนที่แซงค์ อาเดรเส (Saint Adresse) และศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองจากหนังสือพิมพ์ หลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ เริ่มต้น ได้หันมายึดอาชีพเป็นคนตกแต่งฟิลม์และรูปถ่าย โดยย้ายมาเช่าห้องเช่าแคบๆ อยู่ในย่านมองมาร์ต ถิ่นฐานของศิลปินข้างถนนในกรุงปารีส พร้อมกับใช้เวลาส่วนหนึ่งศึกษาหาความรู้แนวคิดทฤษฎีทางการเมืองจากนิตยสารก้าวหน้า และเยี่ยมเยียนเพื่อนร่วมชาติและต่างชาติที่ถูกเกณฑ์มาทำสงคราม
ช่วงต่อมาโฮจิมินห์ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคสังคมนิยมฝรั่งเศส และเขียนบทความให้นิตยสารฮิวแมนนิเต (Lu Humanniteu) หลังจากนั้นชาล์ส ลองเกต์ บุตรเขยคาร์ล มาร์กซ์ ได้ชักชวนให้เขียนบทความให้ Le Populaire นิตยสารของฝ่ายซ้ายฝรั่งเศส เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศสก่อตั้งขึ้นในวันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ โฮจิมินห์ก็ได้สมัครเป็นสมาชิกโดยได้หมายเลข ๑ จากนั้นจึงเดินทางกลับมาตั้งพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน มุ่งมั่นในการกู้ชาติ ร่วมกันดำเนินกิจกรรมสร้างเครือข่ายผู้รักชาติต่อสู้ขับไล่ฝรั่งเศสที่เข้ามาปกครองเป็นเจ้าอาณานิคม และสถาปนารัฐเอกราชที่มีอำนาจอธิปไตย เพื่อสร้างชาติเวียดนามที่มีเอกราชอธิปไตยโดยสมบูรณ์
ส่วนเจ้าเพ็ดชะลาดและเจ้าสุพานุวงได้ไปศึกษาต่อในเวียดนามและฝรั่งเศส เมื่อกลับคืนสู่มาตุภูมิได้ทำงานรับใช้อาณานิคมฝรั่งเศสช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้น มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งขบวนการกู้เอกราชจากฝรั่งเศส รวมทั้งการอภิวัฒน์สังคม ปรับเปลี่ยนการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
เจ้าเพ็ดชะลาด ผู้นำขบวนการลาวอิสระ
ขบวนการต่อสู้ทางการเมืองของประเทศแถบอินโดจีนในช่วงนั้น ล้วนมีวัตถุประสงค์หลักร่วมกันคือต่อสู้เพื่อเอกราช อธิปไตย และสิทธิเสรีภาพในการปกครองตนเอง อันเป็นหลักการที่สอดคล้องกับแนวคิดการอภิวัฒน์ฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. ๒๓๓๒ และเพื่อให้ความมุ่งมั่นดังกล่าวบรรลุซึ่งวัตถุประสงค์ แต่ละประเทศต่างเห็นพ้องต้องกันว่า มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นคือ ต้องต่อสู้ล้มล้างอำนาจการปกครองของฝรั่งเศส ขับไล่กองทหารฝรั่งเศสออกไปจากดินแดนอินโดจีน แล้วสถาปนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนขึ้น
ที่สำคัญ บรรดาผู้นำขบวนการต่อสู้ทางการเมืองของประเทศในอินโดจีนล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับนายปรีดี พนมยงค์ ดังที่ ดร.เดือน บุนนาค ได้บันทึกไว้ว่า
“ท่านปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโสผู้วางแผนเศรษฐกิจไทยคนแรก ระหว่างที่อยู่ในปารีสมีเพื่อนฝูงเป็นชาวต่างประเทศมาก สำหรับชาวเอเซีย ท่านมีเพื่อนญวนและจีน แต่มีเพื่อนเป็นญวนมากกว่า"
ดร.เดือน บุนนาค บุคคลสำคัญผู้ใกล้ชิดนายปรีดี พนมยงค์
นอกเหนือจากอิทธิพลแห่งแนวคิดการอภิวัฒน์สังคมของฝรั่งเศสแล้ว พื้นฐานทางความคิดที่สำคัญของนายปรีดียังมีแนวคิดเชิงอุดมคติของแมชชินีปฏิภาณของคาวูร์ และเลือดนักต่อสู้อย่างการิบัลดี ซึ่งเซอร์ โจไซอาห์ ครอสบี อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้ให้คำพยากรณ์เกี่ยวกับนายปรีดีไว้ว่า
โจไซอาห์ ครอสบี อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย
ที่มา : National Portrait Gallery
“นักประชาธิปไตยผู้มั่นคง แต่เชิดชูการปกครองระบบกษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญไว้เหนือสิ่งอื่นใดผู้นี้ จะเป็นหัวหน้าซึ่งคนไทยผู้ใฝ่เสรีนิยมย่อมจะบ่ายหน้าไปหาเมื่อเวลามาถึง ภายหลังที่ขับไล่ญี่ปุ่นออกไปจากประเทศไทยแล้ว เพื่อสถาปนารัฐบาลตามระบอบของรัฐธรรมนูญอันแท้จริงขึ้นปฏิบัติการต่อไป ภายในความคุ้มครองของสหประชาชาติ...” (“นายฉันทนา” ๒๔๘๙ : ๔๒)
คำกล่าวของเซอร์ โจไซอาห์ ครอสบี อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้รับการพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ และเป็นการยืนยันว่า แนวคิดที่ล้ำหน้าล้ำยุคสมัยในเชิงอุดมคตินั้น ได้รับการดำเนินการให้บังเกิดผลเป็นจริงในเชิงปฏิบัติ
ในการก่อตั้งสมาคมสหชาติแห่งเอเซียอาคเนย์ นายปรีดี พนมยงค์ ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับวัตถุประสงค์หลักของเรื่องนี้ไว้ว่า ในอนาคต หากประเทศเมืองขึ้นได้เอกราชและอิสรภาพ และรวมผนึกกำลังกัน ก็จะสามารถทำให้ประเทศไทยและประเทศเหล่านั้นสามารถกำหนดชะตากรรมของตนได้โดยอิสระ หลุดพ้นจากการตกอยู่ภายใต้อิทธิพลการบีบบังคับ และการชักจูงทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหารจากประเทศมหาอำนาจดังเช่นในอดีต (วงศ์ พลนิกร ๒๕๔๒ : ๗๓)
หากพิจารณาถึงแนวคิดหลักของบรรดาประเทศที่ตกเป็นอาณานิคมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ จะเห็นว่า แนวคิดการมุ่งสถาปนารัฐอิสระและการรวมตัวต่อสู้เพื่อความเป็นเอกราชโดยอาศัยพื้นฐานความสัมพันธ์ของประชาชนแต่ละประเทศเป็นสำคัญ ได้พัฒนาไปสู่แผนการร่วมมือของประชาชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สมาคมสหชาติแห่งเอเซียอาคเนย์” ซึ่งนายปรีดี พนมยงค์ เป็นต้นคิด และได้รับการขานรับอย่างดียิ่งจากโฮจิมินห์และเจ้าเพ็ดชะลาด ผู้มีอิทธิพลทางความคิดด้านการอภิวัฒน์สังคมของฝรั่งเศสเช่นกัน “สมาคมสหชาติแห่งเอเซียอาคเนย์” ตั้งขึ้นภายหลังจากที่เจ้าเพ็ดชะลาดและคณะได้เข้ามาตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นในกรุงเทพ ฯ ภายใต้การสนับสนุนช่วยเหลือของปรีดี พนมยงค์ และเหล่าสมาชิกในขบวนการเสรีไทย
แนวคิดของนายปรีดี พนมยงค์ ที่แสดงให้ประจักษ์ถึงการยึดกรอบการอภิวัฒน์สังคม มุ่งให้มีเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ ก็คือการเป็นผู้นำฝ่ายพลเรือนในคณะราษฎรทำการอภิวัฒน์สังคมและเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยเสนอหลัก ๖ ประการของคณะราษฎร สำหรับใช้เป็นหลักในการดำเนินนโยบายของประเทศ อันได้แก่
๑. จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชในทางการเมือง ในทางศาล และในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง
๒. จะต้องรักษาความปลอดภัยในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยให้มาก
๓. จะต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะหางานให้ราษฎรทุกๆ คนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก
๔. จะต้องให้ราษฎรได้สิทธิเสมอภาคกัน
๕. จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัด ต่อหลัก ๔ ประการดังกล่าวข้างต้น
๖. จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร และเสนอร่างธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว ฉบับ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๒๕๔๒ : ๖ - ๗)
ในด้านการปฏิบัติตามหลัก ๖ ประการของคณะราษฎรดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินความพยายามที่จะสร้างความเสมอภาคกับต่างประเทศ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ นายปรีดีได้เริ่มแก้ไขสัญญาต่างๆ ที่ฝ่ายไทยเสียเปรียบให้เท่าเทียมกัน โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของลัทธิการพึ่งพากัน ประเทศไทยจึงได้รับอธิปไตยอย่างสมบูรณ์แบบจากต่างประเทศ แต่ว่าภายในประเทศนั้นนายปรีดียังไม่สามารถกุมอำนาจได้อย่างแท้จริง (อาทร ฟุ้งธรรมสาร ๒๕๒๘ : ๖)
ในการดำเนินการสรรค์สร้างเอกภาพในหมู่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามแผนการร่วมมือของ “สมาคมสหชาติแห่งเอเซียอาคเนย์” นายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะหัวหน้าขบวนการเสรีไทย ได้ติดต่อผู้นำขบวนการกู้เอกราชในภูมิภาคนี้เป็นการส่วนตัว และสนับสนุนให้จัดประชุมขึ้นที่กรุงเทพ ฯ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ โดยมีผู้นำขบวนการกู้ชาติในเวียดนาม ลาว กัมพูชา และอินโดนีเซีย ฯลฯ เข้าร่วมประชุม หลังเสร็จสิ้นการประชุมมีการประกาศปฏิญญากรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ สาระสำคัญที่ตกลงกันคือ จะผนึกกำลังกันต่อสู้เพื่อต่อต้านการกลับคืนมาของประเทศล่าเมืองขึ้น (Keyes 1967 : 31 และ “๓๓๔๙” ๒๕๓๑ : ๑๒๔ - ๑๒๕)
ต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้มีการจัดประชุมผู้นำขบวนการกู้เอกราชขึ้นในกรุงเทพ ฯ อีกครั้ง และได้มีการประกาศก่อตั้ง “สมาคมสหชาติแห่งเอเซียอาคเนย์” (Union of Southeast Asia) อย่างเป็นทางการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผนึกกำลังกันต่อต้านการกลับคืนมาของลัทธิอาณานิคม และช่วยเหลือกันในการต่อสู้เพื่อเอกราช ในการนี้ได้มีการเลือกคณะกรรมการ นายเตียง ศิริขันธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร เป็นประธาน นายตรัน วัน เกียว เป็นรองประธาน นายเลอ ฮี เป็นเหรัญญิก นายถวิล อุดล วุฒิสมาชิก อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประชาสัมพันธ์ และมีเจ้าสุพานุวงเป็นเลขาธิการ (Ibid 1967 :31)
เจ้าสุพานุวง ผู้นำขบวนการลาวอิสระ
สำหรับการดำเนินความพยายามเพื่อกอบกู้เอกราชของประเทศในอินโดจีน ในฐานะที่ไทยเป็นศูนย์กลางสมาคมสหชาติแห่งเอเซียอาคเนย์ นายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทย ได้ให้ความเห็นใจ สนับสนุนช่วยเหลือทั้งในทางตรงและทางอ้อม โดยมอบหมายให้ พล.ร.ต. หลวงสังวรยุทธกิจ (สังวร สุวรรณชีพ) และ ร.อ. พงศ์เลิศ ศรีสุขนันท์ เป็นผู้ดำเนินการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ของขบวนการเสรีไทยที่ได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพสหรัฐอเมริกา (โอ.เอส.เอส.) และฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไปช่วยเหลือขบวนการกู้ชาติของเวียดนามภายใต้การนำของโฮจิมินห์ซึ่งก็คือ “ขบวนการเวียดมินห์” ผ่านทางเสรีไทยสายอีสาน
อาวุธดังกล่าวมีจำนวนมากพอที่จะจัดตั้งกองทัพได้ถึงสองกองพัน ความช่วยเหลือดังกล่าวนี้ถือเป็นความช่วยเหลือจากเสรีไทย ในนามของประชาชนไทยทั้งมวล เพื่อเป็นเกียรติและเป็นการรำลึกถึงคุณูปการของนายปรีดี พนมยงค์ และประชาชนไทย โฮจิมินห์ได้ตั้งชื่อกองพันพิเศษของกองทัพเวียดมินห์ทั้งสองกองพันนั้นว่า "กองพันสยาม ๑” และ “กองพันสยาม ๒”
นอกเหนือจากอาวุธยุทโธปกรณ์ที่หน่วยบริการทางยุทธศาสตร์ของกองทัพสหรัฐอเมริกา (โอ.เอส.เอส.) มอบให้ขบวนการเสรีไทย และนายปรีดี พนมยงค์ ได้จัดส่วนหนึ่งส่งไปช่วยโฮจิมินห์ในการตั้งกองกำลังกู้ชาติจากการเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสแล้ว หน่วยงาน โอ.เอส.เอส. ยังได้ให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์แก่ขบวนการพันธมิตรเพื่อเอกราชของเวียดนาม (เวียดนาม ด็อคแล็บ ดองมินห์) หรือที่เรียกโดยย่อว่า “ขบวนการเวียดมินห์” ในการต่อสู้ขับไล่ญี่ปุ่นให้ออกไปจากอินโดจีน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการขอให้ขบวนการเวียดมินห์ช่วยเหลือนักบินชาวอเมริกัน ๓ นาย ที่ถูกทหารญี่ปุ่นคุมขังไว้ในเวียดนามหลังเครื่องบินถูกยิงตก
ในการนี้ ปอล อี. เฮลลิเวลล์ หัวหน้าสำนักงานของหน่วย โอ.เอส.เอส. ภาคพื้นแปซิฟิค ประจำเมืองคุนหมิง ในมณฑลยูนนาน ได้ขอให้โฮจิมินห์รับเงื่อนไขว่า หลังจากที่ได้ขับไล่ญี่ปุ่นออกไปจากอินโดจีนแล้ว จะไม่ใช้อาวุธที่ได้รับความช่วยเหลือเหล่านี้ไปรบกับฝรั่งเศส ทั้งนี้เนื่องจากสหรัฐอเมริกาถือว่า ดินแดนอินโดจีนยังคงเป็นของฝรั่งเศส ทว่าโฮจิมินห์ไม่ยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว อย่างไรก็ตามโฮจิมินห์ได้ให้คำมั่นว่า ยินดีให้ความช่วยเหลือทหารอเมริกันที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจในเวียดนามเหนืออย่างเต็มที่ และได้ส่งกำลังบุกเข้าไปช่วยนักบินทั้ง ๓ นายซึ่งถูกทหารญี่ปุ่นควบคุมตัวไว้ออกมาจากที่คุมขังได้อย่างปลอดภัย
ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ กองกำลังติดอาวุธของโฮจิมินห์โจมตีที่ตั้งขนาดกองร้อยของทหารญี่ปุ่นที่ “ตันเตา” และในเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกัน กองกำลังติดอาวุธของโฮจิมินห์ได้โจมตีที่ตั้งของกองทหารญี่ปุ่นที่ “ตำดาว” จากนั้นวันที่ ๑๗ สิงหาคม ปฏิบัติการ "Deer Team” ของ โอ.เอส.เอส.คณะทหารอเมริกัน นำโดย พ.ต. อาร์คีมีดีส แพตตี (Archimedes Patti) ก็ได้กระโดดร่มลงในดินแดนอินโดจีน และได้ติดต่อกับวัน ซุน ผู้บัญชาการทหารของเวียดมินห์ ซึ่งก็คือ นายพล โว เหงียน เกี๊ยบ ที่ช่วงนั้นยังไม่เปิดเผยนามจริงต่อทหาร โอ.เอส.เอส.
ต่อมามีคณะทหาร โอ.เอส.เอส. อีกคณะหนึ่งนำโดย พ.ต. แอลลิสัน โธมัส พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์หลายชนิดซึ่งมากพอสำหรับทหาร ๓๐๐ กว่าคน ได้เข้าไปช่วยฝึกสอนการใช้อาวุธสมัยใหม่ให้แก่ทหารเวียดมินห์ประมาณ ๓๕๐ คน จากนั้น ทหารเวียดมินห์ซึ่งมีทหาร โอ.เอส.เอส. ร่วมด้วย ได้ปฏิบัติการโจมตีที่ตั้งของทหารญี่ปุ่นหลายแห่ง (สวัสดิ์ ศรีสุข ๒๕๓๙ : ๗๐)
นอกเหนือจากความช่วยเหลือของขบวนการเสรีไทยและ โอ.เอส.เอส. ที่มีต่อขบวนการเวียดมินห์แล้ว เวียดมินห์ยังได้รับความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และเวชภัณฑ์ที่ฝ่ายอังกฤษทิ้งร่มให้
ต่อมาพันตรี Archimedes L.A Patti ซึ่งเคยปฏิบัติการรบร่วมกับกองทหารเวียดมินห์ ภายใต้การบัญชาการของนายพล โว เหงียน เกี๊ยบ ได้เขียนหนังสือ “Why Vietnam ? Prelude to America's Albatross” จัดพิมพ์โดยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เบิร์คเลย์ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ระบุว่า โฮจิมินห์ได้ช่วย โอ.เอส.เอส. วางเครือข่ายข่าวกรองของ โอ.เอส.เอส. ทั่วเวียดนาม และในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ โฮจิมินห์และนายทหาร โอ.เอส.เอส. ผู้หนึ่งได้ร่วมกันร่างข้อตกลงร่วมมือกันระหว่างโฮจิมินห์และสหรัฐฯ จากนั้นยื่นเสนอไปยังรัฐบาลสหรัฐฯ
ทว่าทางการสหรัฐฯ เพิกเฉย ไม่มีคำตอบใด ๆ โฮจิมินห์จึงหันไปขอรับความช่วยเหลือจากจีนคอมมิวนิสต์ภายใต้การนำของเหมาเจอตุงแทน และในทางตรงกันข้าม สหรัฐฯ ได้หันไปให้ความช่วยเหลือกองทหารฝรั่งเศสในการสู้รบกับทหารเวียดมินห์
วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๔๘๘ กองทหารเวียดมินห์ ราว ๕,๐๐๐ คน ได้เข้าโจมตีกรุงฮานอย โดยทหารญี่ปุ่นซึ่งมีกำลังราว ๓๐,๐๐๐ คน ไม่ได้ทำการต่อต้าน ทหารฝรั่งเศสที่ญี่ปุ่นควบคุมตัวไว้ รวมทั้งพลเรือนชาวฝรั่งเศสได้หลบหนีเข้าสู่ประเทศจีน (อ้างแล้ว ๒๕๓๙ : ๗๐ - ๗๑)
สำหรับขบวนการเขมรอิสระ ภายใต้การนำของ ดร. เซิน ง็อก ทันห์ ขบวน การเสรีไทยได้มอบหมายให้นายผล แสนสระดี ส.ส. ขอนแก่น เป็นผู้ดำเนินการจัดอาวุธของเสรีไทยอีกส่วนหนึ่งมอบให้ผ่านทางนายสอนและนายทัน อดีต ส.ส. พระตะบอง ส่วนขบวนการกู้เอกราชของอินโดนีเซียได้มอบหมายให้นายแช่ม พรหมยงค์ ขนอาวุธและข้าวสารไปช่วยเหลือซูการ์โนต่อสู้กับเจ้าอาณานิคมฮอลันดา
ส่วนการสนับสนุนช่วยเหลือที่มีต่อขบวนการกู้ชาติของลาวอิสระ ภายใต้การนำของเจ้าเพ็ดชะลาดและเจ้าสุพานุวงนั้น นายปรีดี พนมยงค์ ได้มอบหมายให้อยู่ใน ความรับผิดชอบของกลุ่มผู้นำเสรีไทยสายอีสาน อันได้แก่ นายเตียง ศิริขันธ์ นายถวิล อุดล นายจำลอง ดาวเรือง นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ นายทิม ภูริพัฒน์ และ นายฟอง สิทธิธรรม (สุพจน์ ด่านตระกูล ๒๕๔๐ : ๔๕)
หมายเหตุ :
- อุดร วงษ์ทับทิม. สมาคมสหชาติแห่งเอเชียอาคเนย์, ใน: สันติสุข โสภณสิริ กานต์ ธงไชย และสุดใจ พรหมเกิด, บรรณาธิการ. ปรีดี พนมยงค์ กับขบวนการกู้เอกราชในลาว. กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการพิมพ์; 2543, น. 87-94.
- อักขรวิธีสะกดคงไว้ตามเอกสารชั้นต้น
- สามารถอ่านหนังสือ “ปรีดี พนมยงค์ กับขบวนการกู้เอกราชในลาว” ฉบับเต็มในรูปแบบ E-Book ได้ที่ : https://www.openbase.in.th/files/pridibook177.pdf
บรรณานุกรม :
- อุดร วงษ์ทับทิม. สมาคมสหชาติแห่งเอเชียอาคเนย์, ใน: สันติสุข โสภณสิริ กานต์ ธงไชย และสุดใจ พรหมเกิด, บรรณาธิการ. ปรีดี พนมยงค์ กับขบวนการกู้เอกราชในลาว. กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการพิมพ์; 2543, น. 87-94.
อ้างอิง :
- “นายฉันทนา” (นามแฝง), (๒๔๘๙), เรื่องภายในขบวนเสรีไทย X.O. GROUP กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยพานิช
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, (๒๕๔๒), วันปรีดี พนมยงค์ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๒, กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- วงค์ พลนิกร, (๒๕๔๒), “นโยบายต่างประเทศที่พึงปรารถนาและแนวความคิด ของท่านปรีดี พนมยงค์”, วันปรีดี พนมยงค์ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๒, กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- สวัสดิ์ ศรีสุข, (แปล), (๒๕๔๐), งานเสรีไทยในภาคอีสานและเรื่องของพันโท เดวิด สไมเลย์, กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ตีรณสาร
- สุพจน์ ด่านตระกูล, (๒๕๔๐), นายพลสิงกะโปกับการอภิวัฒน์ในประวัติศาสตร์ลาว และฐานทัพอเมริกันในประเทศไทย, กรุงเทพฯ :สถาบันวิทยาศาสตร์ สังคม (ประเทศไทย)
- อาทร ฟุ้งธรรมสาร, (แปล), (๒๕๒๔), รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามและ สงครามแปซิฟิค, กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และ มนุษยศาสตร์และมูลนิธิโตโยต้า
- Keyes, Charles F. (1967), Isan : Regionalism in Northeastern Thailand, New York: Cornell University