เหล่าพหลพลโยธาหาญแห่งกรุงอโยธยาเข้าคล้องช้างได้เป็นจำนวนมาก
ที่มา : ภาพยนตร์เรื่อง "พระเจ้าช้างเผือก"
การเตรียมการทุกอย่างก็เรียบร้อยสำหรับการคล้องช้าง
สองสามสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สมุหกลาโหมซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการคล้องช้าง ทูลพระเจ้าจักราว่า
“ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ณ ที่ตรงโน้นดูจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการสร้างเพนียด[1] คล้องช้าง ดังนั้นจึงสมควรรับสั่งให้ทหารเข้าไปต้อนช้างจากในป่าได้แล้ว พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านจงไปเตรียมการให้เรียบร้อย” พระเจ้าจักราทรงกล่าว
โดยปกติแล้ววิธีการจับช้างป่าลักษณะงามเป็นไปอย่างง่ายๆ กล่าวคือ ช้างพังจะถูกปล่อยให้ไปส่งเสียงร้องในป่า เมื่อช้างพลายในป่าได้ยินเข้าก็จะเข้ามาตามหาช้างพังเชือกนั้น ช้างพังตัวล่อที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจะนำพาช้างพลายผู้น่าสงสารเข้าสู่เพนียดที่เตรียมไว้ โดยช้างพังเป็นผู้เข้ามาก่อน เมื่อช้างพลายเข้ามาแล้ว ประตูก็จะปิด ช้างป่าผู้ดุร้ายจะกลายสภาพเป็นผู้ถูกจำขังในบัดนั้นเอง
ช้างที่ถูกจับขังต่อมาไม่นานจะปรับตัวตามโชคชะตาของตน โดยมีการใช้ช้างที่เชื่องแล้ว คือช้างต่อ มาฝึกช้างใหม่ให้เชื่อง ช้างต่อสองเชือกจะถูกนำมาคู่กับช้างป่าเพื่อเบียดช้างป่าไว้ตรงกลางตามที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีแล้ว ควาญช้างจะป่ายปีนขึ้นหลังช้างเชือกใหม่เพื่อฝึกช้าง โดยมีขอช้างในมือ ช้างป่านั้นขยับไปไหนไม่ได้
หากช้างป่าจะล้มตัวลงนอน ช้างต่อก็จะใช้งาเสยข้างล่างบังคับให้ยืนขึ้น นอกจากนี้ช้างป่าจะถูกบังคับให้อดอาหาร จะได้รับอาหารเพียงเล็กน้อยก็ต่อเมื่อมันทำตัวสมเป็นช้างบ้านที่ได้รับการฝึก
แต่ในวันนี้ การล่าช้างนับเป็นการใหญ่ เพราะจะต้องจับช้างป่าจำนวนนับร้อย เป็นวันที่ต้องจดจำไว้ในประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองและเล่าสู่กันฟังไปอีกหลายชั่วอายุคน ผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศทั้งไกลใกล้ เพื่อมาร่วมการไล่ล่าโขลงช้างเถื่อนครั้งนี้ โดยอาจมาร่วมเป็นผู้จับช้างหรือไม่ก็เลือกทางที่ตื่นเต้นพอๆ กัน แต่เสี่ยงอันตรายน้อยกว่าคือเป็นเพียงผู้ชม
นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมจึงต้องใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน
เมื่อหมอควาญได้เลือกสถานที่อันสะดวกต่อการต้อนช้างป่าเข้ามากักขังแล้ว พวกเขาก็จะไม่รีรอที่จะออกไปเสาะหาโขลงช้างเถื่อน ไม่ว่าจะไกลแสนไกลขนาดไหน แม้จะต้องขึ้นไปทางเหนือก็ตาม
ภายในป่าใหญ่จะมีการโค่นต้นไม้ออกเป็นบริเวณโล่งกว้าง ขวานจามลงครั้งแล้วครั้งเล่าบนลำต้นสักอันสูงใหญ่ซึ่งทนทานและแข็งแรง นับเป็นยอดแห่งต้นไม้ทั้งหลาย รวมทั้งต้นตะเคียน ตะแบกซึ่งมีเนื้อไม้สีแดง และไม้ยางซึ่งเมื่อล้มลงจะส่งกลิ่นน้ำมันยางไปทั่ว ต้นไม้เหล่านี้ในอดีตแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมเสมือนหลังคาแห่งป่าซึ่งปกป้องผู้อยู่อาศัยจากแสงแดดที่แผดเผา เป็นที่ที่ฝูงลิง ชะนีแอบแฝงตนเองโจนทะยานจากต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง และเฝ้ามองดูความเคลื่อนไหวของฝูงสัตว์ป่าที่ส่งเสียงเซ็งแซ่อยู่เบื้องล่าง
ไม้เหล่านี้ถูกขวานฟันกองอยู่บนพื้นดิน เปลือกของมันจะถูกถากลอกออกและตัดเป็นท่อนๆ จำนวนมากมายเพื่อทำเป็นเสาเพนียดดักช้าง ในการนี้ช้างที่เชื่องแล้วจะถูกใช้งานด้วย โดยใช้งาของมันช่วยในการงัดท่อนซุงใหญ่ที่กองอยู่กับพื้น ช้างเหล่านี้จะผลักหรือลากท่อนซุงไปยังจุดหมายตามคำสั่งของคนอย่างเชื่อฟัง
เป็นครั้งแรกในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ที่แสงแดดอันแผดเผาได้มีโอกาสสัมผัสกับพื้นผิวดินอย่างทั่วถึง ประดุจอาภรณ์แห่งความร้อนที่ทำให้ความชื้นระเหยจนผิวดินแห้งผาก และทำให้ใบไม้บนพื้นดินแห้งสนิทจนกรอบงอทำลายยุงและพาหะของเชื้อโรคต่างๆ ที่เคยแฝงอยู่ในที่เปลี่ยวร้างมืดมิด
เพนียดคือวงล้อมที่ทำด้วยซุงขนาดใหญ่ปักฝังลึกลงไปในพื้นดินอย่างมั่นคง มีประตูทางเข้าเล็กๆ ประตูหนึ่งซึ่งช้างสามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ในระหว่างนั้นเอง หมอควาญและช้างต่อจะช่วยกันไล่ต้อนบรรดาช้างป่าไปสู่เพนียดทีละน้อยๆ โดยไม่ทันรู้ตัว
ทีละน้อยๆ วงล้อมรอบช้างป่าจะแคบลงทุกที บรรดาช้างป่ายิ่งทวีความโกรธแค้นเมื่อเห็นอันตรายรออยู่เบื้องหน้า ทั้งยังไม่สามารถหลบหนีได้ เปรียบเหมือนกับปลาที่ติดแห ความพยายามครั้งสุดท้ายในขณะที่ถูกโอบล้อมทุกด้านและเบียดเสียดกันมากขึ้นทุกที ช้างป่าผลักดันกันและวิ่งกรูกันไปสู่ประตูของเพนียดซึ่งเปิดอยู่ช่องเดียวและแล้วมันก็ถูกขังไว้ในนั้น บรรดาช้างป่าจะพากันส่งเสียงโกญจนาท ดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ต่างสำแดงความไม่พอใจที่อิสรภาพของตนสิ้นสุดลง ด้วยการเอางวงฟาดตีพื้นดิน
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ยังมิใช่ช่วงที่เลวร้ายที่สุดสำหรับช้างป่า เมื่อพวกมันเดินเข้ามาใกล้รั้วเพนียด บรรดาหมอช้างที่เฝ้าดูอยู่ก็รีบเหวี่ยงบ่วงบาศไปคล้องขา คอ และหางของมันอย่างเชี่ยวชาญยิ่ง ผูกช้างป่าไว้ให้สิ้นฤทธิ์ ไม่อาจอาละวาดได้อีก
ช้างต่อเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้มันหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดกับมันมาครั้งหนึ่ง ช้างต่อเอางวงไปแตะช้างป่าราวกับเป็นการปลอบประโลม
การกระทำแบบนี้บางครั้งก็ได้รับการตอบสนองด้วยดีจากช้างป่า บางครั้งก็ไม่ค่อยดีนัก
ช้างป่าที่ถูกจับจะตื่นตระหนกตกใจ หมอช้างจะพยายามทำให้ช้างป่าสงบลงด้วยการสาดน้ำใส่ช้างป่ามากๆ ช้างป่าจะไม่ยอมเดินจนกว่าจะถูกช้างตัวอื่นๆ บังคับ โดยอาจลงโทษมันเจ็บๆ ตัวมันจะค้นพบเองในที่สุดว่า ภายในเวลา ๑๐-๑๕ วัน ความพยายามต่อสู้ขัดขืนไม่มีความหมาย และอิสรภาพของมันจะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว ช้างป่าจะไม่ยอมอาบน้ำ นอกจากจะมีช้างพี่เลี้ยงสองตัวกระหนาบข้างไปกับมันด้วย ช้างพี่เลี้ยงทั้งสองก็เหมือนกับมนุษย์ทั้งหลายที่ได้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกับกลุ่มที่แข็งแรงที่สุด ไม่นานช้างก็จะปลงในชะตาชีวิตของตน
ทันใดนั้นเอง สมุหกลาโหมก็วิ่งกระหืดกระหอบมาเฝ้าพระเจ้าจักรา
“ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มีช้างเผือกอยู่เชือกหนึ่งรวมอยู่ในนั้นด้วย พ่ะย่ะค่ะ”
ช้างเผือกที่ถูกจับได้ในระหว่างการคล้องช้าง
ที่มา : ภาพยนตร์เรื่อง "พระเจ้าช้างเผือก"
“มหัศจรรย์จริงๆ” พระเจ้าจักราทรงอุทาน “ไม่เคยมีช้างเผือกถูกจับได้มานานหลายปีแล้ว ตามประเพณีโบราณกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่าอย่างไร”
สมุหกลาโหมกราบทูลด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“ขอเดชะฯ บรรพบุรุษเรากล่าวกันไว้ว่า เรือนร่างของสัตว์ป่าที่สูงส่งและบริสุทธินี้ เป็นที่สิงสถิตย์แห่งดวงวิญญาณของมนุษย์ผู้ประเสริฐที่สุด ที่ต้องใช้ชีวิตหลายภพหลายชาติในเรือนร่างขั้นต่ำเพื่อชดใช้บาปของตน และในที่สุดก็ได้รับการปลดเปลี้องบาปนี้ ช้างเผือกนี้สามารถเป็นที่สถิตย์ได้โดยเฉพาะวิญญาณของพระเจ้าแผ่นดินหรือวีรบุรุษเท่านั้น ดังนั้น สัตว์ประเสริฐเหล่านี้จึงมีภูมิปัญญาสูงส่งเป็นลักษณะประจำตน ซึ่งจะเป็นคุณประโยชน์ต่อบุคคลผู้เป็นเจ้าของ พ่ะย่ะค่ะ”
พระเจ้าจักราทรงถามต่อ
“แล้วตามประเพณีโบราณกล่าวไว้ว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้จับช้างเผือกได้”
สมุหกลาโหมทูลตอบว่า
“ประเพณีโบราณได้กล่าวว่า พระมหากษัตริย์พระองค์ใดที่ทรงจับช้างเผือกได้ ก็จะทรงปกครองประชาราษฎร์ให้อยู่อย่างสันติและหมายความว่า ราชอาณาจักรของเราจะไม่ถูกปกครองโดยพระเจ้าหงสาหรือกษัตริย์โมกุลผู้ยิ่งใหญ่เป็นแน่ พ่ะย่ะค่ะ”
พระเจ้าจักราทรงประกาศก้อง
“ช้างเผือกเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนำสันติสุขมายังประชาราษฎร์ ดังนั้น ขอให้ช้างเผือกจงเป็นสัญลักษณ์แห่งธงประจำชาติเรา”
“ช้างเผือกเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนำสันติสุขมายังประชาราษฎร์ ดังนั้น ขอให้ช้างเผือกจงเป็นสัญลักษณ์แห่งธงประจำชาติเรา”
ที่มา : ภาพยนตร์เรื่อง "พระเจ้าช้างเผือก"
การล่าช้างสิ้นสุดลงท่ามกลางความปิติยินดีของทุกคนที่พากันพูดถึงพระบารมีและคุณงามความดีของพระเจ้าแผ่นดินตนซึ่งทุกคนไม่มีข้อกังขาเลยว่า คุณความดีนี้เองที่ได้รักษาปกป้องกรุงอโยธยาจนกระทั่งทุกวันนี้
ในวันต่อมา ช้างเผือกเชือกนี้ได้ถูกนำเข้ามาสู่เมืองหลวงโดยมีฉัตรและผู้คุ้มกันขนาบข้าง ขบวนพิธีที่นำโดยนักดนตรีบรรเลงเพลงมาตลอดทาง ดึงดูดความสนใจจากผู้คนซึ่งถูกตรึงด้วยความงดงามของช้างเผือกและพากันหมอบให้ช้าง
ในขณะเดียวกัน ช้างเผือกหนุ่มที่สุภาพ ดูเหมือนจะไม่ได้ตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิด และสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพใหม่อย่างรวดเร็ว มันเดินเหยาะย่างพลางส่ายเศียรไปมาพร้อมกับกระพริบตาแสดงท่าราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความสูงศักดิ์ที่คุ้นเคยกับการได้รับความเคารพจากประชาชน
เจ้าช้างเผือกเห็นจะไม่มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับชะตากรรมของตนเพราะได้รับการปรนเปรออย่างสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณอันวิเศษนานาชนิด เช่น กล้วย อ้อย ก้อนข้าว แม้กระทั่งน้ำดื่มก็มีกลิ่นหอม ซึ่งช้างเผือกไม่เคยได้ลิ้มรส และท้องก็ไม่เคยอิ่มด้วยโภชนาอันวิเศษเช่นนี้มาก่อนในป่าลึก
ช้างเผือกเหยาะย่างต่อไปยังโรงสมโภชที่กรุงอโยธยา ซึ่งจัดเตรียมขึ้นอย่างเร่งด่วนท่ามกลางคำแซ่ซ้องของผู้คนที่พบเห็น ช้างเผือกได้รับการตกแต่งด้วยดอกไม้นานาพรรณ โดยเฉพาะดอกมะลิซึ่งส่งกลิ่นหอมจรุงกลบกลิ่นดอกไม้อื่นๆ ทั้งกลิ่นหอมนั้นยังชวนให้นิทรา นอกจากนี้ยังมีมโหรีวงใหญ่และช่างทองได้ตีโซ่ทองสำหรับช้างเผือก ช่างเป็นการถูกจับที่วิเศษเสียเหลือเกิน
ช้างเผือกผู้เป็นใหญ่ในไพรพนา ได้กลายเป็นสิ่งสูงศักดิ์ในเมือง ตามความปรารถนาของมนุษย์ มีการให้ยศถาบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางชั้นสูง ช้างเผือกเชือกนี้ได้เป็นเจ้าของฉัตรสีแดงขลิบทองอันสวยงาม ซึ่งจะเป็นเครื่องปกป้องความร้อนระอุจากอากาศให้กับมัน มันจะมีส่วนเข้าร่วมพระราชพิธีใหญ่ทุกๆ งานในเครื่องทรงที่โอ่อ่า โดยเทียบอยู่ใกล้กับประตูพระบรมมหาราชวัง และจะได้รับเกียรติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ใดในพระราชพิธี รวมทั้งได้รับการเคารพด้วยการย่อเข่าอย่างสุภาพจากผู้คน และอาหารสารพัดชนิดที่วางไว้แทบเท้า
ในขณะนั้น ณ กรุงอโยธยา นายช่างฝีมือต่างๆ เร่งรีบเตรียมการปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้าจักราในการจัดทำธงแดงซึ่งมีรูปช้างเผือกปรากฏอยู่ ธงนี้เองได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งอาณาจักรไทยสืบมาอีกเป็นเวลาหลายชั่วศตวรรษ
หมายเหตุ :
- อักขรวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
บรรณานุกรม :
ปรีดี พนมยงค์, การคล้องช้าง, พระเจ้าช้างเผือก (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก, ๒๕๔๒), น. ๓๐-๓๕.
อ่านนวนิยาย "พระเจ้าช้างเผือก" ในรูปแบบ E-Book ได้ที่นี่
สั่งซื้อนวนิยาย "พระเจ้าช้างเผือก The King Of The White Elephant" ได้ที่นี่
[1]เพนียด ดูเหมือนว่าจะมาจากรากเดิมจากภาษามาเลย์ บางท่านเห็นว่าน่าจะมา
จากภาษาสเปนที่ว่า “corral” (คอก) ซึ่งหมายถึงที่ล้อมกั้นสำหรับสัตว์ป่าที่จะ
นำมาเลี้ยงเพื่อใช้งาน และทำปศุสัตว์