ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
แนวคิด-ปรัชญา

รำลึกถึงปูชนียบุคคล ครูองุ่น มาลิก

5
เมษายน
2565

เช้าวันที่ 3 พฤษภาคม 2526 ครูองุ่นเดินร้องไห้ถือหนังสือพิมพ์ มติชน รายวันฉบับเช้าที่รายงานข่าว นายปรีดี พนมยงค์ ถึงแก่อสัญกรรม มาให้ คุณสินธุ์สวัสดิ์ ยอดบางเตย อ่าน

ครูองุ่น มีความศรัทธาและเลื่อมใสในอุดมการณ์ของนายปรีดี ที่เสียสละความสุขส่วนตน เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม จึงได้บริจาคที่ดินในซอยทองหล่อ จำนวน 371 ตารางวา เพื่อสร้างสถาบันปรีดี พนมยงค์ โดยร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 10 ธันวาคม 2531

 

การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2526
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2526

 

แผ่นป้ายจารึก ณ อาคารสถาบันปรีดี พนมยงค์ ความว่า

ณ วันที่ 12 กันยายน 2526 อาจารย์องุ่น มาลิก มูลนิธิไชยวนา ได้มอบที่ดินจำนวน 371 ตารางวาแห่งนี้ให้แก่มูลนิธิปรีดี พนมยงค์ เพื่อก่อสร้างอาคารสถาบันปรีดี พนมยงค์ สำหรับใช้ดำเนินกิจกรรมสร้างสรรค์อันเป็นประโยชน์ต่อสังคมและราษฎรไทย ตามที่นายปรีดี พนมยงค์ ห่วงใย

 

 

ปลายเดือนพฤษภาคม 2533 อาการโรคมะเร็งของครูองุ่นกำเริบหนัก กินอาหารได้น้อยมาก คุณสินธุ์สวัสดิ์ไม่ทราบจะปรึกษาใคร จึงนึกถึงชื่อผู้เขียน ทั้งๆ ที่ไม่สนิทสนมกัน คุณสินธุ์สวัสดิ์เล่าว่า เมื่อผู้เขียนทราบเรื่องแล้ว ได้รีบทำข้าวต้มใส่หม้อสเตนเลสเล็กๆ ขับรถไปที่บ้านครูทันที ครูองุ่นคงเห็นความตั้งใจของผู้เขียน จึงพยายามฝืนใจกินข้าวที่ผู้เขียนป้อนให้เองไปหลายคำ

ผู้เขียนไปเยี่ยมครูองุ่นอีกหลายครั้งและได้นำน้ำซุปผัก ข้าวต้มปลา และอื่นๆ ไปให้ครู จากนั้นเพียงไม่กี่วัน คุณสินธุ์สวัสดิ์ได้ส่งข่าวว่า อาการป่วยของครูเข้าขั้นวิกฤตแล้ว เพื่อไม่ให้ครูเจ็บปวดทรมานมากจนเกินไป ผู้เขียนจึงตัดสินใจร่วมกับคุณสินธุ์สวัสดิ์ เป็นธุระจัดการนำครูส่งโรงพยาบาลคามิเลียน 

ภาพที่ผู้เขียนยังจำไม่ลืม คือ คุณสินธุ์สวัสดิ์อุ้มครูองุ่นขึ้นรถ ส่วนผู้เขียนเป็นคนขับรถพาครูไปโรงพยาบาลครั้งสุดท้าย

คุณสินธุ์สวัสดิ์บันทึกไว้ว่า เวลา 01.09 น. ของวันที่ 21 มิถุนายน 2533 ครูองุ่นได้สิ้นลมหายใจอย่างสงบตามกฎธรรมชาติ

คุณสินธุ์สวัสดิ์ยังได้บันทึกไว้ว่า นั่นเป็นภารกิจแรกที่ได้มีโอกาสทำร่วมกับผู้เขียน คือ ทำให้บั้นปลายชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากโรคร้ายอันแสนทุกข์ทรมานของครูองุ่น ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างถูกวิธี จนครูจากไปด้วยอาการไม่วิตกกังวลใดๆ ในที่สุด

ผู้เขียนภูมิใจที่ได้มีส่วนทำประโยชน์เล็กๆ ให้กับครูองุ่น มาลิก ในบั้นปลายชีวิตของครู

‘ครูองุ่น’ เป็นผู้มีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อสังคมไทย และมีปณิธานเพื่อชาติและราษฎรไทยตามอุดมการณ์ของ ‘นายปรีดี พนมยงค์’ 

“สถาบันปรีดี พนมยงค์” ที่ครูอุทิศที่ดินให้นั้น ได้ดำเนินกิจกรรมสร้างสรรค์อันเป็นประโยชน์ต่อสังคมและราษฎรไทยเป็นรูปธรรมมาอย่างต่อเนื่อง แม้การเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะเกิดขึ้นตามความเป็นอนิจจังของสังคมและเหตุปัจจัยต่างๆ แต่สถาบันปรีดี พนมยงค์ ยังคงทำกิจกรรมตามปณิธานของผู้ก่อตั้งอย่างไม่เปลี่ยนแปลงและไม่มีวันสิ้นสุด

จนถึงวันนี้ อนุชนคนรุ่นใหม่ได้รับรู้ถึงผลงานของนายปรีดี พนมยงค์ เพิ่มมากขึ้น หลายคนได้รับทราบกิจกรรมต่างๆ ของสถาบันปรีดี พนมยงค์ ที่เคลื่อนไหวอยู่เสมอทาง Facebook : สถาบันปรีดี พนมยงค์ Pridi Banomyong Institute

ขอจบบันทึกนี้ด้วยคำไว้อาลัยของคุณแม่ (ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์) ถึงครูองุ่น มาลิก ดังนี้

เมื่อประมาณ ๕๐ ปีมานี้ ข้าพเจ้าได้ยินชื่ออาจารย์องุ่นในฐานะนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่สวยเก๋ ปราดเปรียว ทันสมัย เคยมีรูปลงหน้าปกหนังสือรายสัปดาห์ ต่อมาเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ชื่อของเธอก็หายเงียบไป ได้ทราบว่ารับราชการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอยู่จนเกษียณอายุ

ข้าพเจ้าเพิ่งมาพบอาจารย์องุ่นเมื่อเธอแสดงความจำนงบริจาคที่ดินในซอยทองหล่อให้กับมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ เพื่อสร้างสถาบันที่จะอำนวยประโยชน์แก่สังคมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๖ อาจารย์องุ่นไม่เคยพบหรือรู้จักนายปรีดีเป็นส่วนตัวมาก่อน แต่มีความเลื่อมใสศรัทธาในอุดมการณ์ของท่านซึ่งอาจมีทัศนะตรงกันในเรื่องช่วยเหลือผู้ยากไร้

อาจารย์องุ่นที่ข้าพเจ้าพบนั้นเป็นคนสมถะ เรียบง่าย แต่งเนื้อแต่งตัวคล้ายชาวนาในชนบท และใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า สร้างละครหุ่นสำหรับให้การศึกษาแก่เด็กๆ ในย่านสลัมเพื่อสาธารณประโยชน์ 

อาจารย์องุ่นเป็นผู้มั่นในสัจธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ... ใกล้จะละโลกนี้ไปก็ไม่หวั่นไหว มีสติและกำลังใจเข้มแข็ง ปรารถนาจะให้งานที่เธอริเริ่มไว้สำเร็จสมความมุ่งหมาย

ข้าพเจ้ามีความเสียดายและอาลัยอย่างยิ่งในการจากไปของเธอ ซึ่งข้าพเจ้าขอยกย่องให้เธอเป็นคนดีศรีสังคม ขอให้กุศลกรรมที่เธอได้บำเพ็ญมาเกือบตลอดอายุขัย จงบันดาลให้เธอประสบความสุขสงบในสัมปรายภพ และอยู่ในความทรงจำของบรรดาศิษย์และมิตรสหายตลอดกาล

พูนศุข พนมยงค์
บ้านซอยสวนพลู