Focus
- นายปรีดี พนมยงค์ เขียนบทความกฎหมายเชิงวิชาการภาษาไทยครั้งแรก ตีพิมพ์ในนิตยสารบทบัณฑิตย์ เมื่อ พ.ศ. 2469
- บทความนี้มีที่มาจากข้อเขียนขณะที่นายปรีดีกลับมารับราชการภายหลังสำเร็จการศึกษาจากประเทศฝรั่งเศส ลงพิมพ์ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 6 ตอนที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2473 ว่าด้วยการจำแนกประเภทของคดีปกครองตามระบบกฎหมายฝรั่งเศส และชี้ให้เห็นหลักกฎหมายสำคัญของศาลปกครองฝรั่งเศสข้อสำคัญดังนี้ “ในประเทศฝรั่งเศสบุคคลที่ได้รับความเสียหาย อันเกิดจากการกระทำผิดของทะบวงการเมืองก็อาจที่จะฟ้องทะบวงการเมืองนั้นเป็นจำเลยได้ เพราะในบางเรื่องผู้ที่ได้รับความเสียหายจะฟ้องเจ้าพนักงานเป็นส่วนตัวไม่ได้ โดยเหตุที่เจ้าพนักงานกระทำการไปตามหน้าที่อนึ่งการฟ้องทะบวงการเมืองนั้นอาจฟ้องได้ต่อศาลยุตติธรรมหรือต่อศาลปกครอง ทั้งนี้สุดแต่ว่าการกระทำของทะบวงการเมืองนั้นเป็นนีติกรรมธรรมดา หรือเป็นนีติกรรมปกครอง ทะบวงการเมืองอาจทำนีติกรรมธรรมดาเหมือนดั่งเอกชนได้”
'ปรีดี พนมยงค์ กับประวัติความคิดทางกฎหมาย' เป็นชุดบทความกฎหมายของนายปรีดี พนมยงค์ อันทรงคุณค่าและหายากอย่างยิ่งโดยตีพิมพ์ในนิตยสารบทบัณฑิตย์ระหว่าง พ.ศ. 2469-2474 ที่สะท้อนให้เห็นการทำงานด้านกฎหมาย ความคิด และความสนใจทางกฎหมายของนายปรีดีก่อนการอภิวัฒน์ 24 มิถุนายน 2475 โดยกองบรรณาธิการ สถาบันปรีดี พนมยงค์ ขอคัดเลือกมาเผยแพร่จำนวน 5 บทความ ดังนี้
- การเรียนกฎหมายในฝรั่งเศสโดยย่อ เรียบเรียงตามกฎประธานาธิบดีและกฎเสนาบดี ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 4 ตอนที่ 11 (พ.ศ. 2469)
- เกล็ดประมวลกฎหมายเรื่องพระเจ้านโปเลออง(นโปเลียน) กับประมวลกฎหมายแพ่งฝรั่งเศส ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 5 ตอนที่ 9 (พฤศจิกายน พ.ศ. 2471)
- ฐานะของชาวรุสเซียผู้ถูกถอนสัญชาติ (เฉพาะที่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องความสามารถของบุคคลในกฎหมายระวางประเทศแผนกคดีบุคคล) ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 6 ตอนที่ 5 (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473)
- คดีปกครองในประเทศฝรั่งเศส ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 6 ตอนที่ 3 (กรกฎาคม พ.ศ. 2473)
- สิทธิของรัฐในทรัพย์มฤดกตามกฎหมายโซเวียต ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 6 ตอนที่ 10 (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2474)
ใน พ.ศ. 2473 นายปรีดี พนมยงค์ ยังได้รับการอนุญาตให้เป็นบรรณาธิการนิตยสารบทบัณฑิตย์ และเขียนบทความทางกฎหมายลงในนิตยสารอย่างสม่ำเสมอ
ท่านผู้อ่านคงทราบจากหนังสือบทบัณฑิตย์เล่ม ๕ ตอนที่ ๑๒ แล้ว[1] ว่า ในประเทศฝรั่งเศสได้มีศาลปกครอง ซึ่งนับว่าเป็นของแปลกสำหรับประเทศเรา จึ่งขอเรียบเรียง
หัวข้อโดยย่อของคดีที่จะต้องว่ากล่าวกันในศาลปกครองของประเทศฝรั่งเศส เพื่อเล่าสู่กันฟังต่อไปนี้
ในประเทศฝรั่งเศสบุคคลที่ได้รับความเสียหาย อันเกิดจากการกระทำผิดของทะบวงการเมืองก็อาจที่จะฟ้องทะบวงการเมืองนั้นเป็นจำเลยได้ เพราะในบางเรื่องผู้ที่ได้รับความเสียหายจะฟ้องเจ้าพนักงานเป็นส่วนตัวไม่ได้ โดยเหตุที่เจ้าพนักงานกระทำการไปตามหน้าที่
อนึ่งการฟ้องทะบวงการเมืองนั้นอาจฟ้องได้ต่อศาลยุตติธรรมหรือต่อศาลปกครอง ทั้งนี้สุดแต่ว่าการกระทำของทะบวงการเมืองนั้นเป็นนีติกรรมธรรมดา หรือเป็นนีติกรรมปกครอง ทะบวงการเมืองอาจทำนีติกรรมธรรมดาเหมือนดั่งเอกชนได้ เช่นกระทรวงพาณิชย์เช่าที่ดินสำหรับตั้งสำนักงานไปรษณีย์ดั่งนี้ การเช่าของทะบวงการเมืองนั้นย่อมเป็นนีติกรรมธรรมดา ถ้ามีคดีเรื่องผิดสัญญา ก็ต้องฟ้องทะบวงการเมืองนั้นต่อศาลยุตติธรรม แต่ถ้านีติกรรมของทะบวงการเมืองใดเป็นนีติกรรมปกครอง เช่นไม่ให้เบี้ยบำนาญแก่ผู้ที่ควรได้รับ เช่นนี้แล้ว ก็จะต้องฟ้องร้องทะบวงการเมืองนั้นต่อศาลปกครอง
คดีที่พิพาทกันในศาลปกครองมี ๔ ประเภท
๑. คดีปกครองโดยแท้ (Contentieux proprement dit หรือ Contentieux de pleine juridiction)
๒. คดีที่ราษฎรร้องขอให้เพิกถอนกฎ คําสั่ง ฯลฯ ของฝ่ายปกครองที่ได้ทำนอกเหนือขอบอํานาจ (Recours pour incompétence ou pour excès de pouvoir หรือ Contentieux de l'annulation)
๓. คดีที่เกี่ยวด้วยการแปลความมุ่งหมายของนีติกรรมปกครอง (Contentienx de I'interprétation)
๔. คดีที่เกี่ยวแก่โทษปกครอง (Contentieux de la répression)
๑. คดีปกครองโดยแท้
คดีชะนิดนี้ศาลปกครองย่อมมีอำนาจเต็มที่ที่จะวินิจฉัยทั้งในปัญหากฎหมายและในปัญหาข้อเท็จจริง ในการนี้ศาลปกครองมีอำนาจที่จะพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของทะบวงการเมือง โดยออกคำสั่งใหม่ขึ้นแทน และมีอำนาจที่จะพิพากษาในเรื่องค่าสินไหมทดแทนเหมือนดั่งศาลยุตติธรรมตามธรรมดา คดีประเภทนี้มีอาทิเนื่องมาจากนีติกรรมปกครองโดยแท้ เช่นคำสั่งในการตั้ง ถอดถอน โยกย้ายพนักงานการอนุญาตให้ประกอบกิจการบางประเภท สัมประทานอาชญาบัตร ฯลฯ การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่ได้รับจากรัฐบาล มณฑลหรือตําบล เนื่องจากการปฏิบัติกิจการในทางปกครอง สัญญาซึ่งทะบวงการปกครองได้กระทำกับบุคคลใด ๆ เพื่อประโยชน์แก่การปกครอง ส่วนคดีอื่น ๆ ที่จะว่ากล่าวกันในศาลปกครองไม่ได้ คือต้องไปว่ากล่าวกันในศาลยุตติธรรมนั้น มีอาทิ กิจการซึ่งทะบวงการเมืองได้กระทำลงไปอันเกี่ยวกับอสาธารณสมบัติ[2] ( Domaine Drivé ) กิจการ ซึ่งทะบวง การเมืองได้กระทำลงไปเหมือนดั่งเอกชนธรรมดาคนหนึ่ง เช่น กระทรวงพาณิชย์เช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อสำนักงานไปรษณีย์ หรือการจ้างเอกชนให้ทำกิจการอันไม่ใช่นีติกรรมปกครอง ฯลฯ
๒. คดีที่ราษฎรร้องขอให้เพิกถอนกฎคำสั่ง ฯ ล ฯ ของฝ่ายปกครองที่ได้ทำนอกเหนือขอบอำนาจ
ในการนี้ศาลปกครองมีอำนาจแต่เพียงพิพากษาให้เพิกถอนกฎ คำสั่งของฝ่ายปกครองเท่านั้น หามีอำนาจที่จะออกคำสั่งใหม่ขึ้นแทนไม่ คดีประเภทนี้เป็นกรณีที่กฎหรือคำสั่ง ของฝ่ายปกครองมิได้ละเมิดสิทธิของราษฎรโดยตรงซึ่งราษฎรจะฟ้องทะบวงการเมืองประดุจคดีปกครองโดยแท้ดั่งกล่าวมาแล้วในข้อ ๑ ไม่ได้ เช่นนคราภิบาล[3] ได้ออกคำสั่งจัดตั้งตลาดขึ้นใหม่อันทำให้ร้านขายของที่ใกล้เคียงต้องถูกเสียหายดั่งนี้เจ้าของร้านที่ใกล้เคียงตลาดใหม่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเทศบาล[4] นั้น ๆ ไม่ได้ เจ้าของร้านใกล้เคียงคงมีแต่สิทธิในทาง อ้อมที่จะร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของนคราภิบาลนั้น ถ้าปรากฏว่า คำสั่งของนคราภิบาลให้ตั้งตลาดขึ้นใหม่เป็นคำสั่งที่ออกโดยผิดจากแบบหรือนคราภิบาลผู้เดียวไม่มีอำนาจออกคำสั่งเช่นนั้น เช่นนคราภิบาลจำต้องปรึกษาคณะกรมการเทศบาลเสียก่อน แต่นคราภิบาลไม่ปรึกษา ดั่งนี้คำสั่งของนคราภิบาลนั้นก็อาจถูกศาลปกครองพิพากษาให้เพิกถอนเสียได้
๓. คดีที่เกี่ยวด้วยการแปลความมุ่งหมายของนิติกรรมปกครอง
การแปลความมุ่งหมายของนีติกรรมปกครองอาจอยู่ในอำนาจของศาลยุตติธรรม ถ้าหากการแปลนั้นเกี่ยวกับเกณฑ์สำคัญแห่งความผิด ฯลฯ เช่นจำเลยถูกฟ้องต่อศาลลหุโทษว่าขัดคำสั่งของเจ้าพนักงาน จำเลยต่อสู้ว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานมิได้มีความมุ่งหมายดังนั้น เช่นนี้ ศาลลหุโทษอันเป็นศาลยุตติธรรมนั้นเองเป็นศาลที่จะแปลความมุ่งหมายแต่มีกรณีบางชะนิดที่ศาลยุตติธรรม จะวินิจฉัยคดีไปยังไม่ได้จนกว่าศาลปกครองจะแปลความมุ่งหมายของนีติกรรมปกครองเสียก่อน เช่นโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งหาว่าบุกรุกที่ดินจำเลยต่อสู้ว่าที่ดินที่โจทก์หาว่าบุกรุกนั้นอยู่ในเขตต์ถนนของ ชาติ แต่กฤษฎีกาว่าด้วยเขตต์ถนนของชาติมีใจความไม่ชัดดั่งนี้ โจทก์จำเลยก็ต้องว่ากล่าวถึงการแปลความมุ่งหมายแห่งกฤษฎีกานั้นเสียก่อน
๔. คดีที่เกี่ยวแก่โทษปกครอง
ตามธรรมดาการลงโทษอาชญาย่อมอยู่ใน อำนาจของศาลยุตติธรรม แต่มีความผิดอาชญาบางชะนิดซึ่งกฎหมายฝรั่งเศสถือว่าเป็นวินัยในการปกครองและต้องว่ากล่าวกันในศาลปกครอง เช่นความผิดที่เกี่ยวด้วยการรุกล้ำเข้าไปในทางหลวงแห่งชาติ เพราะถือว่าทางหลวงย่อมเป็นสาธารณสมบัติแห่งชาติ ไม่ใช่อสาธารณสมบัติ และในกรณีชะนิดนี้ศาลปกครองก็มีอำนาจแต่เพียงปรับผู้ที่ทำละเมิดต่อทางหลวงเท่านั้น ไม่มีสิทธิที่จะพิพากษาให้จำคุก และนอกจากนี้ ยังมีคดีที่เกี่ยวกับวินัยอื่น ๆ เช่นเกี่ยวกับวินัยของมหาวิทยาลัยเป็นต้น
หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
หมายเหตุ :
- คงอักขร การสะกดคำศัพท์ การเว้นวรรค และเลขไทยตามเอกสารต้นฉบับ
- ภาพประกอบจากคดีปกครองในประเทศฝรั่งเศส
หลักฐานชั้นต้น :
- ปรีดี พนมยงค์, คดีปกครองในประเทศฝรั่งเศส, บทบัณฑิตย์, เล่ม 6 ตอน 3, (2473).
[1] (๑) เรื่องระเบียบการศาลยุตติธรรมในประเทศฝรั่งเศสโดยย่อ แปลโดย พระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์
[2] (๑) สมบัติแผ่นดิน (Domaine de l'Etat) แบ่งออกเป็น ๒ ชะนิด คือ สาธารณสมบัติ (Domaine public) มีอาทิ ทางหลวง เรือรบ ป้อม ค่าย และอสาธารณสมบัติ (Domaine privé ) เช่น ที่ดินซึ่งทะบวงการเมืองถือกรรมสิทธิ์ไว้เหมือนดั่งเอกชน
[3] (๑) นคราภิบาล คือผู้เป็นประธานแห่งเทศบาล
[4] (๒) คือ ท้องที่ที่มีการปกครองโดยมีงบประมาณรายได้รายจ่ายของตนเอง ซึ่งอาจมีขึ้นในตำบล เมือง มณฑล ฯลฯ ซึ่ง น่าเปรียบเทียบกับประชาบาล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๗๓ และให้ดูปาฐกถาของหม่อมเจ้าสกลวรรณากรวรวรรณเรื่องเทศบาลในเอกสารพิเศษของสาธารณสุขอันดับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๗๒