Focus
- นายปรีดี พนมยงค์ เขียนบทความกฎหมายเชิงวิชาการภาษาไทยครั้งแรก ตีพิมพ์ในนิตยสารบทบัณฑิตย์ เมื่อ พ.ศ. 2469 และได้รับมอบหมายให้เป็นบรรณาธิการเมื่อ พ.ศ. 2473
- เนื่องจากโซเวียตปกครองด้วยระบบสังคมนิยม ซึ่งให้ความสำคัญกับประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจมากกว่ากรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล จึงมีกฎหมายที่ “แปลก” ไปกว่าที่อื่น เช่น เก็บภาษีมรดกในอัตราสูงมาก สูงสุดถึง 90% ของทรัพย์สินที่เกิน 500,000 รูเบิล และ ระบุว่าหากทรัพย์สินในกองมรดกแบ่งแยกไม่ได้ รัฐสามารถเข้าถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับเอกชน หรือบังคับซื้อส่วนของอีกฝ่ายได้ ฯลฯ
'ปรีดี พนมยงค์ กับประวัติความคิดทางกฎหมาย' เป็นชุดบทความกฎหมายของนายปรีดี พนมยงค์ อันทรงคุณค่าและหายากอย่างยิ่งโดยตีพิมพ์ในนิตยสารบทบัณฑิตย์ระหว่าง พ.ศ. 2469-2474 ที่สะท้อนให้เห็นการทำงานด้านกฎหมาย ความคิด และความสนใจทางกฎหมายของนายปรีดีก่อนการอภิวัฒน์ 24 มิถุนายน 2475 โดยกองบรรณาธิการ สถาบันปรีดี พนมยงค์ ขอคัดเลือกมาเผยแพร่จำนวน 5 บทความ ดังนี้
- การเรียนกฎหมายในฝรั่งเศสโดยย่อ เรียบเรียงตามกฎประธานาธิบดีและกฎเสนาบดี ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 4 ตอนที่ 11 (พ.ศ. 2469)
- เกล็ดประมวลกฎหมายเรื่องพระเจ้านโปเลออง(นโปเลียน) กับประมวลกฎหมายแพ่งฝรั่งเศส ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 5 ตอนที่ 9 (พฤศจิกายน พ.ศ. 2471)
- ฐานะของชาวรุสเซียผู้ถูกถอนสัญชาติ (เฉพาะที่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องความสามารถของบุคคลในกฎหมายระวางประเทศแผนกคดีบุคคล) ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 6 ตอนที่ 5 (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473)
- คดีปกครองในประเทศฝรั่งเศส ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 6 ตอนที่ 3 (กรกฎาคม พ.ศ. 2473)
- สิทธิของรัฐในทรัพย์มฤดกตามกฎหมายโซเวียต ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 6 ตอนที่ 10 (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2474)
ใน พ.ศ. 2473 นายปรีดี พนมยงค์ ยังได้รับการอนุญาตให้เป็นบรรณาธิการนิตยสารบทบัณฑิตย์ และเขียนบทความทางกฎหมายลงในนิตยสารอย่างสม่ำเสมอ
ใน บทบัณฑิตย์ เล่ม 6 ตอนที่ 10 (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2474)
ในปี ค.ศ. ๑๙๒๒ สหเรปุบลิกโซเชิลลิสต์โซเวียตได้ประกาศให้ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งซึ่งมีบทบัญญัติรวม ๔๓๕ มาตรา
ประมวลกฎหมายแพ่งนี้สภากฎหมายเทียบเคียงณมหาวิทยาลัยลียอง (ประเทศฝรั่งเศส) โดยมีศาสตราจารย์[1]ฝรั่งเศสหลายท่านเป็นหัวหน้าได้จัดแปลขึ้นเป็นภาษาฝรั่งเศสเพื่อผู้ศึกษากฎหมายเทียบเคียง ได้พิมพ์แต่ปี ค.ศ. ๑๙๒๕ แล้วทั้งนี้มิใช่เป็นการส่งเสริมลัทธิใด แต่เป็นการค้นหาหลักฐานที่แท้จริงเพื่อกฎหมายเทียบเคียงอันเป็นวิชชาเทฆนิคอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ต่อมาได้มีศาสตราจารย์รุสเซียผู้เป็นข้าพระเจ้าซาร์ประมาณ ๑๔ ท่าน (ฝ่ายขาว) ซึ่งเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศสโดยหนีมาจากประเทศรุสเซีย ได้เขียนคำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งนั้นไว้ โดยมีศาสตราจารย์กาปิตองด์แห่งมหาวิทยาลัยกรุงปารีสเขียนคำนำ คำอธิบายนี้เกี่ยวแก่ทางเทฆนิคในวิชชากฎหมายโดยตรง เหตุฉะนั้นจึ่งได้เลือกสรรกฎหมายแห่งโซเวียตตอนที่แปลกมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านเพื่อประโยชน์แก่การศึกษากฎหมายเทียบเคียง
บรรดากฎหมายแพ่งโซเวียต มีบทบัญญัติซึ่งแปลกอยู่อย่างหนึ่งที่จะกล่าวต่อไปก็คือ สิทธิของรัฐในทรัพย์มฤดกของเอกชนซึ่งให้รัฐมีสิทธิมากในชั้นต้น แต่ภายหลังได้แก้ไขให้ลดน้อยลงมา
ตามประมวลกฎหมายแพ่งฉะบับ ค.ศ. ๑๙๒๒ นั้นมีบัญญัติที่สำคัญดั่งนี้ คือ
มาตรา ๔๑๖ “มฤดกตามกฎหมายและมฤดกตามพินัยกรรม์ ตามบทมาตราต่อไปนี้จะยอมให้รับกันได้ก็แต่โดยจำกัดจำนวนไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ รูบลทองแห่งค่าของทรัพย์สินทั้งหมดในกองมฤดกนั้น เมื่อได้หักหนี้ของผู้ตายออกแล้ว”
มาตรา ๔๑๗ “ถ้าค่าแห่งทรัพย์สินของกองมฤดกใดมีจำนวนเกินกว่า ๑๐,๐๐๐ รูบลทองแล้ว จะต้องมีการแบ่งปันหรือการชำระบัญชีในระวางรัฐซึ่งมีทะบวงการคลังเป็นผู้แทนฝ่ายหนึ่งกับบุคคลที่จะได้รับทรัพย์มฤดกตามกฎหมายหรือตามพินัยกรรม์อีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อประโยชน์แก่ทะบวงการของรัฐในส่วนมฤดกซึ่งมีค่าเกินกว่าจำนวนจำกัดนั้น
ถ้าตามสภาพแห่งทรัพย์สินของกองมฤดกนั้น การแบ่งแยกจะทำให้เป็นการเสื่อมในทางเศรษฐกิจหรือไม่สะดวก ก็ให้กองมฤดกนั้นเป็นกรรมสิทธิ์รวมในระวางทะบวงการของรัฐและเอกชน หรือให้ซื้อส่วนของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อประโยชน์ของรัฐถ้าหากประโยชน์ของรัฐอนุญาต ก็ให้มีการซื้อเพื่อประโยชน์ของเอกชนได้”
ตามบทมาตรานี้รัฐย่อมเข้ารับมฤดกในกองมฤดกซึ่งมีค่าเกินกว่า ๑๐,๐๐๐ รูบล การแบ่งมฤดกถ้าไม่เหมาะก็ให้มีกรรมสิทธิ์รวมหรือฝ่ายใดจะเอากองมฤดกไว้เสียฝ่ายเดียวก็ได้ แต่ต้องซื้อสิทธิของอีกฝ่ายหนึ่ง แต่รัฐมีสิทธิดีกว่าในข้อที่ว่า รัฐมีสิทธิซื้อได้เสมอ แต่เอกชนจะซื้อได้ต่อเมื่อไม่ขัดต่อประโยชน์ของรัฐ
วิธีที่กล่าวมาแล้วนี้มีผู้หลีกเลี่ยงกฎหมายมากโดยเก็บซ่อนเงินไว้ไม่ฝากธนาคารเพื่อให้ปรากฎว่าคนมีเงินอันจะเป็นมฤดกเกินกว่า ๑๐,๐๐๐ รูบล ฉะนั้นใน ค.ศ. ๑๙๒๖ คณะ กรรมการกลางแห่งสหเรปุบลิกโซเชิลลิสต์โซเวียตจึงได้ออกกฤษฎีกาชักชวนให้เรปุบลิกต่าง ๆ ที่รวมกันอยู่ในสหนั้นยกเลิกการจำกัดจำนวนค่าแห่งทรัพย์สินที่ทายาทจะได้รับมฤดก
ตามกฎหมายที่ได้แก้ใหม่รัฐย่อมมีสิทธิในการรับมฤดกอย่างหนึ่ง และในภาษีมฤดกอีกอย่างหนึ่ง
๑. รัฐมีสิทธิในการรับมฤดกซึ่งอาจเป็นได้ดั่งนี้
ก. เมื่อผู้ตายไม่มีทายาทตามกฎหมายหรือตามพินัยกรรม์ รัฐได้ทรัพย์มฤดกของผู้ตายทั้งหมด (มาตรา ๔๓๓)
ข. รัฐมีสิทธิได้รับมฤดกแต่เพียงบางส่วนในกรณีย์ที่ทายาทบางคนได้สละสิทธิในส่วนของตนในกองมฤดก ส่วนที่สละนี้ไม่ตกไปได้แก่ทายาทอื่น แต่ตกไปได้แก่รัฐ หรือ เมื่อผู้ตายได้ตัดทายาทบางคนมิให้รับมฤดกโดยมิได้กำหนดให้ส่วนของทายาทที่ตัดนั้นได้แก่ทายาทอื่น ส่วนของทายาทที่ผู้ตายได้ตัดนี้ก็ตกเป็นของรัฐ
๒. รัฐมีสิทธิในภาษีมฤดก
ภาษีมฤดกที่ตั้งขึ้นใน ค.ศ. ๑๙๒๖ นับว่ามีอัตราสูงกว่าในประเทศอื่นมาก ดั่งจะเห็นได้จากบัญชีต่อไปนี้
ค่าแห่งทรัพย์มฤดูก อัตราภาษี
๐-๑,๐๐๐ รูบล ไม่เก็บ
๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ ” ๑%
๒,๐๐๐-๖,๐๐๐ ” เก็บ ๒,๐๐๐ แรก= ๒๐ ร.นอกจากนั้น = ๕%
๖,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ ” ” ๖,๐๐๐ ” = ๒๐๐ ร. ” ” = ๗%
๑๐,๐๐๐-๔๐,๐๐๐ ” ” ๑๐,๐๐๐ ”= ๕๔๐ ร. ” ” = ๑๐%
๔๐,๐๐๐-๑๐๐,๐๐๐ ” ” ๔๐,๐๐๐ ”= ๓,๕๔๐ ร. ” ” = ๒๕%
๑๐๐,๐๐๐-๒๐๐,๐๐๐ ” ” ๑๐๐,๐๐๐ ”= ๑๘,๕๔๐ ร. ” ” = ๔๐%
๒๐๐,๐๐๐-๕๐๐,๐๐๐ ” ” ๒๐๐,๐๐๐ ”= ๕๘,๕๔๐ ร. ” ” = ๖๐%
๕๐๐,๐๐๐ ขึ้นไป ” ” ๕๐๐,๐๐๐ ”= ๒๓๘,๕๔๐ ร. ” ” = ๙๐%
ตามบัญชีนี้สมมติว่า ถ้าทรัพย์มฤดูกมีค่า ๑,๐๐๐,๐๐๐ รูบล จะต้องเสียภาษีสำหรับ ๕๐๐,๐๐๐ แรกเป็นจำนวน ๒๓๘,๕๔๐ และอีก ๕๐๐,๐๐๐ ต่อไป ๙๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน ๔๕๐,๐๐๐ รวมภาษีของรัฐ ๖๘๘,๕๔๐ คงตกเป็นมฤดกที่จะแบ่งปันกันได้เพียง ๓๑๑,๔๖๐ รูบล (มฤดกที่เหลือนี้รัฐอาจได้รับอีกตามที่กล่าวใน ๑. ข้างต้นแต่จะเอาไปแบ่งให้แก่ราษฎรเป็นส่วนเท่า ๆ กันนั้นค้นหาตัวบทไม่พบ ไม่ทราบว่าผู้โจทถึงเรื่องนี้ไปได้หลักฐานมาจากไหน)
หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
หมายเหตุ :
- คงอักขร การสะกดคำศัพท์ การเว้นวรรค และเลขไทยตามเอกสารต้นฉบับ
- ภาพประกอบจากบทความเรื่องสิทธิของรัฐในทรัพย์มฤดกตามกฎหมายโซเวียต
หลักฐานชั้นต้น :
- ปรีดี พนมยงค์, สิทธิของรัฐในทรัพย์มฤดกตามกฎหมายโซเวียต, บทบัณฑิตย์, เล่ม 6 ตอน 10, (2474)
[1] ศาสตราจารย์ลองแบรด์, อองโตเนลลี, บีการ์ด, การ์ใรด์, ปาตุยเยต์, คือฟูรด์