ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เกร็ดประวัติศาสตร์

“บ้านเมืองของข้าพเจ้า” คำตอบของนายปรีดี พนมยงค์ ต่อคำสัมภาษณ์ของ คลอเดีย รอสส์

3
มีนาคม
2568

Focus

  • ปรีดี พนมยงค์ ให้สัมภาษณ์ต่อคลอเดีย รอสส์ โดยเผยแพร่ทางบางกอกโพสต์ โดยเน้นย้ำว่าประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่อยู่ในรากฐานของสังคมไทยมาแต่โบราณ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องรอให้ประชาชน "พร้อม" และได้วิจารณ์ระบบเผด็จการที่อ้างว่าประชาชนไม่รู้หนังสือจึงยังไม่ควรมีประชาธิปไตย ในทางกลับกันวัฒนะรรมไทยก็มี “การเลือกตั้ง” มาแสนนานแล้ว เช่น การเลือกเจ้าอาวาสหรือหัวหน้าหมู่บ้าน ที่สะท้อนรูปแบบประชาธิปไตยระดับท้องถิ่น
  • ปรีดีมองว่าพระมหากษัตริย์สามารถมีบทบาทช่วยชาติในช่วงวิกฤต ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  จักรพรรดิฮิโรฮิโตะแห่งญี่ปุ่น ที่ตัดสินใจให้ญี่ปุ่นยอมจำนนเพื่อรักษาชาติ ย้ำว่าในอดีต พระมหากษัตริย์ไทยเคยมีบทบาทสำคัญในการรักษาเอกราชของประเทศ

 

 

 


ต้นฉบับบทความภาษาอังกฤษจากบางกอกโพสต์ วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๑๗

 


ภาพปัจจุบันของ Claudia Ross (คลอเดีย รอสส์) เป็น Professor, Chinese Studies และ Chinese Section Coordinator อยู่ที่ Department of World Languages, Literatures, and Cultures ณ College of the Holy Cross
ที่มา: https://www.holycross.edu/academics/programs/world-languages-literatures-and-cultures/faculty/claudia-ross

 

ข้าพเจ้าทำความประหลาดใจให้ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ที่เต็มใจตกลงสนทนากับข้าพเจ้า แต่ภายหลังที่ได้แนะนำโดยย่อทางโทรศัพท์แล้ว ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีที่บ้านพักปารีสของรัฐบุรุษไทยที่น่าสนใจที่สุด

“ดร. ปรีดีกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอร้องท่านอย่างหนึ่ง คือโปรดลงพิมพ์ตรงตามที่ข้าพเจ้าพูด ท่านรู้อยู่แล้วว่าถ้อยคำพูดถูกบิดเบือนบ่อย ๆ โดยตั้งใจหรือโดยประการอื่น”

ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเปิดเครื่องอัดเสียงบันทึกลงในเทปพร้อมทั้งเสียงของจักรยานยนต์ รถบรรทุกและรถดับเพลิงที่ผ่านไปมา ถ้อยคำของบุคคลที่ต้องถูกเนรเทศ ๒๑ ปี ยังเรียกประเทศไทยว่า “บ้านเมืองของข้าพเจ้า”

ในการฟังเทปอัดเสียงเวลานี้เป็นการง่ายที่ระลึกถึงบ่ายวันหนึ่งในฝรั่งเศส เรากินขนมฝรั่งเศส ลูกกวาดไทย และขนมเบื้องซูเซทท์ทำที่บ้านนั้นเอง ชาอังกฤษแล้วต่อมาก็ชาจีน บุหรี่ฝรั่งเศสและบุหรี่จีน

ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ในการฟังเทปอัดเสียงทำให้เราระลึกถึงภาพของปรีดี อายุ ๗๓ ปี เขาได้ระมัดระวังเลือกคำพูดที่ไม่มากให้น้อยต่อความเชื่อในรัฐบาลใหม่ เขาหัวเราะในการอธิบายถึงผู้เผด็จการหรือนักประชาธิปไตยที่เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นไปตามอำเภอใจของตน เขาระลึกถึงอย่างเงียบ ๆ ต่อตัวเขาเองยิ่งกว่าข้าพเจ้าเกี่ยวกับการงานของเขาในประเทศไทยสมัยก่อนและระหว่างสงครามและภายหลังสงคราม เขากล่าวบางสิ่งซึ่งเขาคิดว่าอาจเป็นราดิกัลมากเกินไป เขาได้เอียงตัวไปข้างหน้าจากเก้าอี้ของเขาแล้วขอร้องอย่างจริงใจว่า “ท่านเขียนเช่นนั้นได้หรือไม่”

สำหรับข้าพเจ้า บ่ายวันนั้นสั้นมาก แต่ ดร.ปรีดีก็เป็นคนมีธุระมาก มีสิ่งหนึ่งคือเขาเพิ่งเขียนต้นฉบับสำเร็จลงว่าด้วยชีวิตอดีตของเขาประมาณ ๓๐๐ หน้า  จะเริ่มพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศส แต่เขารับรองว่าจะแปลขึ้นเป็นภาษาอื่น ๆ โดยเร็ว

เป็นการไม่ถูกต้องที่จะเรียก ดร.ปรีดีอย่างหนึ่งอย่างใด เช่นเรียกว่า “เป็นบุรุษมีชีวิตแห่งนิยาย” แต่ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นคนทะมัดทะแมง คิดรวดเร็ว และยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดเป็นคนที่น่าสนใจ และเมื่อชีวประวัติของเขาเปิดเผยขึ้นในที่สุดแล้วก็อาจทำให้น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านิยายซึ่งนักเขียนได้ฝันแต่งสมมติขึ้น

บางกอกโพสต์ : ดร.ปรีดี แม้ท่านถูกเนรเทศจากประเทศไทย ๒๑ปี และเมื่อมีการตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นแต่ละครั้งชื่อของท่านก็ได้ยินกล่าวถึงบ่อย ๆ ท่านจะกลับประเทศไทยหรือไม่ ถ้าท่านถูกร้องขอ

ดร. ปรีดี พนมยงค์ : ยังไม่กลับ เพราะประการที่ ๑ ข้าพเจ้าชรามากแล้ว ประการที่ ๒ สภาพการณ์แวดล้อมปัจจุบันยังไม่ชัดแจ้ง ข้าพเจ้าไม่อาจทำงานหนักแม้การงานทางสมอง แต่ถ้าบุคคลใดขอร้องความเห็นข้าพเจ้า...

ถาม : ท่านตั้งใจจะกลับประเทศไทยกระนั้นหรือ

ตอบ : ยังไม่กลับ

ถาม : ตามตรงในปัจจุบันนี้ประเทศไทยสั่นสะเทือนนิดหน่อย ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับขนาดของการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างการพิจารณาบุคคลในคณะรัฐมนตรี

ตอบ : ท่านรู้อยู่แล้วว่าในคณะรัฐมนตรีมีบุคคลใหม่และมีหลายคนเก่า ตอบเท่านั้นแหละ

ถาม : ท่านมองถึงการเปลี่ยนแปลงใหญ่อันเนื่องจากประสบการณ์ตุลาคมอย่างไรบ้าง

ตอบ : ดีละ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าควรรอคอยรูปธรรม เพื่อดูว่า รัฐบาลใหม่ตั้งใจปฏิบัติตามความประสงค์ของราษฎรหรือไม่ เหตุการณ์ตุลาคมหมายความว่า ราษฎรปรารถนาได้ประชาธิปไตย ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะดูว่ารัฐบาลปัจจุบันจะดำเนินการในทางนั้นหรือไม่

ถาม : ท่านมีคำตอบอย่างไรต่อบุคคลที่อ้างเหตุอาศัยการไม่รู้หนังสือว่าประเทศไทยยังไม่พร้อมที่จะมีรัฐธรรมนูญหรือประชาธิปไตย

ตอบ : ข้าพเจ้ากล่าวว่า เป็นเวลาช้านานมาแล้วที่ชาวสยามเป็นประชาธิปไตยแม้ในสมัยโบราณราษฎรก็รู้จักการออกเสียง เช่น เมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพ พระและราษฎรในหมู่บ้านก็เลือกตั้งว่า ผู้ใดสมควรเป็นเจ้าอาวาสแทน และในกรณีที่หัวหน้าหมู่บ้านตายหรือถูกเกลียดชัง ราษฎรในหมู่บ้านก็มีโอกาสเลือกคนอื่นขึ้นแทน มีตัวอย่างอีกมากหลายซึ่งถ้าเราได้ปฏิบัติตามประเพณีในชนบท คือประเพณีของฆราวาสหรือของพระภิกษุก็ตาม เราก็จะเห็นว่าชาวสยามเป็นประชาธิปไตย

ไม่ประหลาดใจ

ระบบเผด็จการที่แล้วมากล่าวหาราษฎรว่าไม่ไปออกเสียงลงคะแนน แต่ท่านเห็นได้ว่ารัฐบาลเผด็จการไม่จัดให้มีหน่วยลงคะแนนเพียงพอ ท่านย่อมรู้ว่าท่านไม่ต้องการไปหน่วยลงคะแนนอย่างใดที่จะต้องเดินทางไปหลายชั่วโมงแล้วจะต้องทิ้งอาชีพไปเป็นเวลานาน เพราะเหตุนั้นพวกเผด็จการจึงชี้ว่าผู้ไปลงคะแนนเสียงมีประมาณ ๒๕-๒๖ เปอร์เซ็นต์ แต่ท่านจะเห็นได้ว่าถ้าท่านจัดให้ราษฎรได้รับความสะดวกในการออกเสียง จำนวนผู้ออกเสียงจะมากกว่า ๕๐ เปอร์เซ็นต์

ถาม : ท่านประหลาดใจหรือไม่ในการลุกขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมหรือท่านคาดคะเนว่าจะเกิดขึ้น

ตอบ : เปล่า, ไม่เป็นที่ประหลาดใจแก่ข้าพเจ้าเลย เพราะถ้าบุคคลใดศึกษาประวัติศาสตร์ บุคคลนั้นก็จะเห็นว่าราษฎรที่ไม่อาจอดทนต่อความอัตคัดและการกดขี่ได้แล้ว และเมื่อราษฎรไม่มีทางสันติที่จะเลือกก็ต้องใช้วิธีไม่สันติ การอภิวัฒน์ทุกอย่างย่อมมาจกการขูดรีดทางเศรษฐกิจเป็นเบื้องต้น ขอให้ตัวอย่างการอภิวัฒน์ฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๗๘๙ ภายใต้หลุยส์ ๑๖ และมารี อองตัวแนต ซึ่งราษฎรได้ถูกขูดรีดจนกระทั่งไม่มีอาหารกิน ดังนั้นแล้วการอภิวัฒน์ฝรั่งเศสก็เกิดขึ้น พระเจ้าซาร์ก็เหมือนกันที่พยายามป้องกันการอภิวัฒน์ แต่เขาก็ไม่อาจป้องกันได้ซึ่งการลุกขึ้นสู้ของราษฎรที่ต้องการชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

ในประเทศจีนบุคคลย่อมเห็นได้ว่าก่อนการอภิวัฒน์นั้น ราษฎรได้รับความลำบากแสนสาหัสภายใต้แอกของจักรวรรดินิยมและศักดินานิยม ราษฎรไม่มีทางอื่นที่จะเลือกในการปลดแอกตน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกวิธีอภิวัฒน์

ท่านถามข้าพเจ้าว่าเหตุการณ์นั้น (ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖) เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจหรือไม่ เปล่า ไม่ใช่ เพราะเหตุว่าหลายปีมาแล้วและแม้หลายเดือนก่อนเกิดเหตุการณ์ ความลำบากยากแค้นในค่าครองชีพได้สูงขึ้น ยิ่งกว่านั้นการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ขึ้นถึงขีดสูงสุด อันเป็นการฉ้อราษฎร์ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการราษฎร์ในประเทศจีนก่อนชัยชนะของราษฎรจีน

ข้าพเจ้าอยู่ในประเทศจีนภายหลังการได้อภิวัฒน์ของพวกปฏิกิริยา (ไทย) ใน ค.ศ. ๑๙๔๗ ข้าพเจ้าเห็นว่าก่อนคอมมิวนิสต์ได้ชัยชนะนั้นราษฎรจีนยากจนและถูกขูดรีด แม้กระนั้นก็ดียังไม่เลวขนาดที่ชาวสยามเป็นอยู่ก่อนเหตุการณ์ตุลาคม

ถาม : จริงหรือ

ตอบ : ครับ, ครับ แม้แต่อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงเทพฯ นายเคนเนธ ยัง ก็ยอมรับความจริงเพราะเขาศึกษาอยู่ในประเทศจีนหลายปี เขาได้มาหาข้าพเจ้าภายหลังที่ข้าพเจ้าถึงปารีสใน ค.ศ. ๑๙๗๐ และเราได้สนทนากันถึงการกดขี่ขูดรีดราษฎรจีนในสมัยเก่า เคนเนธ ยัง เข้าใจดี

ครับ, ถ้าข้าพเจ้าเปรียบความอัตคัดขัดสนของราษฎรจีนภายใต้ก๊กมินตั๋งกับฐานะของชาวสยามโดยทั่วไป ยกเว้นคนจำนวนน้อยที่เสวยความสุขสำราญอย่างดีแล้ว ชาวสยามได้รับความลำบากยากแค้นก่อนเหตุการณ์ตุลาคมยิ่งกว่าในประเทศจีนสมัยก่อนนั้น

แม้ในเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งก๊กมินตั๋งมีชื่อรู้กันอยู่ในเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่ข้าพเจ้าคิดว่ายังน้อยกว่าในประเทศไทยก่อนเหตุการณ์ตุลาคม

ทั้งนี้ด้วยการลุกขึ้นจึงไม่เป็นสิ่งประหลาดใจ นี่เป็นวิถีทางตามธรรมชาติ

ถาม : หลายคนสังเกตว่าเหตุการน์ตุลาคมต่างกับการอภิวัฒน์ เช่นในประเทศจีนหรือรุสเซีย เพราะเหตุว่าในประเทศไทยเป็นการก่อการของปัญญาชนยิ่งกว่า มีผู้สนับสนุนภายนอกจำนวนน้อยที่เข้าร่วมและนำอาหารมาให้นักศึกษา แต่ในรากฐานแล้วนักศึกษาเป็นพื้นฐาน ทั้งนี้หมายความว่ายังจะมีการต่อสู้ทางอาวุธที่เลี่ยงไม่พ้นหรือไม่

ตอบ : เราจะต้องวินิจฉัยเหตุการณ์ตามกฎธรรมชาติ และกฎธรรมชาติย่อมดำเนินไปตามวิถีทางของกฎนั้น เพราะเหตุฉะนั้นเราจะต้องสังเกตและศึกษาว่าก้าวต่อไปจะเป็นอย่างไร

ถาม : ท่านมองเห็นก้าวต่อไปอย่างไร

หยุดการเป็นขอทาน

ตอบ : ดังที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้วว่าเราจะต้องศึกษากฎธรรมชาติ เพื่อดูว่าบุคคลที่กำลังครองอำนาจรัฐสามารถทำความพอใจให้แก่ความปรารถนาของราษฎรหรือไม่

ถาม : มองดูบุคคลเหล่านี้ ท่านคิดว่าเขาจะทำเช่นนั้นหรือไม่

ตอบ : ข้าพเจ้าไม่รู้ ข้าพเจ้าไม่อาจวินิจฉัยพวกเขา และข้าพเจ้าไม่อาจตอบแทนพวกเขา เป็นเรื่องที่พวกเขาจะต้องตอบเอง

ถาม : เกี่ยวกับประเทศไทยในฐานะเป็นประเทศที่ ๓ ของโลก ประเทศนี้จะทำอย่างไรที่จะประกันความปลอดภัยของตนได้ดีที่สุด และในขณะเดียวกันก็ยกฐานะระหว่างประเทศของตนให้สูงขึ้น

ตอบ : คำตอบของข้าพเจ้ามีดังนี้ และข้าพเจ้าได้กล่าวแก่นักศึกษาจำนวนมากรวมทั้งผู้ที่ถูกปั่นหัวให้เชื่อว่าสยามไม่อาจยืนอยู่ด้วยลำพังตนเองโดยปราศจากความช่วยเหลือต่างประเทศ ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาแล้วเราสามารถรักษาเอกราชได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากต่างประเทศ แม้ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์จุฬาลงกรณ์และพระมหากษัตริย์รามาที่ ๖ (หมายถึงพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ มากกว่า) สยามไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศ สิ่งที่ท่านผู้นำเหล่านี้ได้กระทำ คือการกู้เงินจากต่างประเทศโดยเสียดอกเบี้ยที่เป็นธรรม แต่บางครั้งดอกเบี้ยสูงเกินไป จึงไม่ใช่ความช่วยเหลือที่กรุณาปราณี

ภายหลังการรัฐประหารปฏิกิริยา ๘ พฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๔๗ (พ.ศ. ๒๔๙๐) เพื่อขอร้องความช่วยเหลือจากต่างประเทศโดยเฉพาะจาก ส.ร.อ.[1] พวกปฏิกิริยาจึงได้ทำความตกลงกับอเมริกาเพื่อความช่วยเหลือทางการเงิน การทหารและการเศรษฐกิจ จากตั้งแต่นั้นมาจึงกลายเป็นประเพณีของทุก ๆ ปีในการเตรียมงบประมาณอาศัยการเงินที่อเมริกันจะให้ยิ่งกว่าอาศัยพลังของตนเอง

ในการนี้เราจะกล่าวถึงความเป็นกลางในฐานะเช่นนี้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า ถ้าเราถือจิตสำนึกขอทานเราก็ไม่อาจจะพบความกล้าหาญที่จะรักษาความเป็นเอกราชของชาติไว้ได้ ในการรักษาความเป็นเอกราชนั้น เราจะต้องมีกำลังใจต่อสู้ให้ได้มา

ข้าพเจ้าเชื่อด้วยทรัพยากรของเรา เราสามารถยืนโดยลำพังได้ แต่ทั้งนี้ไม่หมายความว่าเราปฏิเสธความช่วยเหลือทั้งหมด เราปฏิเสธความช่วยเหลือที่มีพันธนาการ ความช่วยเหลือของอเมริกันมาพร้อมกันกับสิ่งที่ยิ่งกว่าพันธนาการ เพราะพวกเขาได้กลับฟื้นสภาพนอกอาณาเขต (Extra-territorialy) นี่หมายความว่ายิ่งกว่าพันธนาการ

ภายหลังการอภิวัฒน์ ค.ศ. ๑๙๓๒ (พ.ศ. ๒๔๗๕) คณะราษฎรซึ่งข้าพเจ้าเป็นสมาชิกได้ดำเนินตามตัวอย่างนโยบายเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศด้านที่เราเจรจาลดดอกเบี้ยเงินกู้ เช่นมีเงินกู้รายหนึ่งมีดอกเบี้ยร้อยละ ๖ เปอร์เซ็นต์ต่อปี ให้ลดลงเหลือร้อยละ ๔ ต่อปี เมื่อข้าพเจ้าได้เดินทางไปยังลอนดอนเพื่อเจรจาในการนั้น นอกจากนั้นแล้ว เราไม่เคยกู้เงินจากต่างประเทศเลย และนี่เรามิได้ถือนโยบายขอทานเพื่อความช่วยเหลือ ดังนั้นเราจึงยืนบนตัวของเราเอง ถ้าปีใดมีการเก็บเกี่ยวพืชผลดีเรามีรายได้มาก เราก็มีเงินมากเพื่อใช้จ่าย

ถาม : ท่านมีอะไรจะเสนอเพื่อป้องกันไว้ในรัฐธรรมนูญใหม่มิให้จอมพล ถนอม กิตติขจร และจอมพล ประภาส จารุเสถียรได้กลับขึ้นมา และป้องกันมิให้บุคคลชนิดเดียวกันเกิดขึ้นมาอีก

ตอบ : ข้าพเจ้าคิดว่าบุคคลใดจะเขียนไว้ตามที่เขาชอบใจในรัฐรรมนูญก็ได้ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ภายหลังสงครามเราได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยแท้จริง สมาชิกของสภาล่างและสภาสูงได้รับเลือกตั้งจากราษฎรซึ่งเราคิดว่าเป็นประชาธิปไตย แม้กระนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม[2] กับพันธมิตรปฏิกิริยาของเขาก็ได้ทำรัฐประหาร ซึ่งจอมพล ป. ได้ปกครองประเทศร่วมกับบุคคลที่ร่วมรัฐประหารรวมทั้งจอมพลถนอมและจอมพลประภาส

ถาม : ดังนั้นถ้อยคำเป็นการง่ายที่จะเขียน…

ตอบ : ครับ, ครับ, แต่ก็เป็นการดีที่เขียนอย่างใดไว้ดีกว่าไม่เขียนเสียเลย แต่การป้องกันมิให้บุคคลเหล่านั้นกลับคืนมาหมายความว่าเราจะต้องใช้วิธีการยิ่งกว่าเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ

ถาม : ท่านจะยกตัวอย่างได้หรือไม่

ตอบ : เราคิดว่าอะไรเป็นวิธีที่พวกเหล่านั้นจะใช้ในการกลับฟื้นคืนมาและด้วยการสนับสนุนของใคร และเราต้องพยายามมิให้พวกเขาได้ความสนับสนุน

ดังนั้นข้าพเจ้าอาจกล่าวว่า เราต้องพยายามจัดระบบทหารเสียใหม่ ทั้งในทางกองทัพประชาชนและกองทัพตำรวจ (ประชาชน) นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าอาจกล่าวได้เวลานี้

เขียนบางเรื่องไว้ในรัฐธรรมนูญผู้นั้นดี แต่เราต้องมีวิธีการอื่นด้วยเพื่อควบคุมปฏิบัติการให้เป็นไปตามบทบัญญัติ ข้าพเจ้าคิดว่าทั้งนี้ขึ้นต่อคณะกรรมการที่ร่างรัฐธรรมนูญ

ในที่สุดท่านรู้ว่าสยามเป็นระบบกษัตริย์ และเราต้อง “rely” ในพระมหากษัตริย์บางทีพระองค์อาจช่วยประเทศชาติได้ นั่นเป็นความหวังของเรา

ไม่มีพลัง

ข้าพเจ้าไม่มีพลัง ท่านรู้ว่าข้าพเจ้าถูกกล่าวหาที่ไม่จริงหลายประการ ดังนั้นข้าพเจ้าไม่มีพลัง แต่พระมหากษัตริย์ได้รับความไว้ใจจากราษฎร

ถาม : ท่านคิดว่าพระมหากษัตริย์จะต้องเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่

ตอบ : ครับ ข้าพเจ้าคิดว่าเพื่อประโยชน์ของชาติพระองค์จะต้องช่วย

ถาม : พระองค์จะประสงค์เปิดพระองค์ต่อการวิพากษ์วิจารณ์ที่อาจตามมาจากการเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่

ตอบ : นี่ก็อีก, พระองค์ต้องพิจารณาถึงประโยชน์ของชาติ ทั้งนี้เคยทำมาก่อนแล้ว ข้าพเจ้าเคยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และเมื่อเราตัดสินใจต่อสู้และต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ข้าพเจ้ารู้สึกว่าหน้าที่ของข้าพเจ้าในฐานะผู้ปฏิบัติการแทนองค์พระมหากษัตริย์นั้นใช่นั่งอยู่เฉย ๆ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้ารับผิดชอบในการจัดขบวนการสยามและเสรีไทยต่อสู้ญี่ปุ่น โดยร่วมมือกับสัมพันธมิตร ในกรณีนั้นเมื่อสงครามสิ้นสุดลงไม่มีผู้ใดกล่าวหาว่าข้าพเจ้าปฏิบัติเกินขอบเขตพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ เพราะทุกคนเข้าใจว่าเราปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของชาติ

ข้าพเจ้าไม่กลัวว่าจะต้องถูกชำระโทษโดยรัฐบาลหรือโดยราษฎร ข้าพเจ้าหวังว่ารัฐสภาและราษฎรคงจะเข้าใจว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำไปหลายประการนั้นสอดคล้องกับหน้าที่ของข้าพเจ้าในฐานะผู้สำเร็จราชการฯ ที่ต้องปฏิบัติ

ข้าพเจ้าคิดว่าเราต้องฝากความหวังของเรา (Rely our hope) ในพระมหากษัตริย์ มีตัวอย่างมากหลายนอกจากตัวอย่างการเป็นผู้สำเร็จราชการฯ ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอ้างตัวอย่างของจักรพรรดิฮิโรฮิโต ภายหลังที่อเมริกันทิ้งระเบิดปรมาณูฮิโรชิมาและนางาซากิแล้ว มีปัญหาว่าญี่ปุ่นจะยอมรับความจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขต่อสัมพันธมิตรหรือไม่ ฝ่ายทหารต้องการรบจนถึงที่สุด แต่ฮิโรฮิโตเพื่อประโยชน์ของชาติได้กระทำการกล้าหาญในการยอมรับการจำนนโดยมีเงื่อนไขต่อสัมพันธมิตร พระองค์ได้ช่วยประเทศญี่ปุ่นให้รอดพ้นจากการทำลายสิ้นเชิง โดยการกระทำนี้ ฮิโรฮิโตสามารถป้องกันสงครามกลางเมืองระหว่างทหารที่ต้องการรบต่อไปกับราษฎรญี่ปุ่นที่ต้องการเลิกสงคราม พระองค์มีความกล้าออกคำสั่งมิให้ใช้อาวุธต่อฝ่ายสันติในรัฐบาลญี่ปุ่น แต่ท่านก็เห็นบัดนี้แล้วว่าญี่ปุ่นได้เจริญไพบูลย์

ถาม : การยึดครองประเทศไทยที่ญี่ปุ่นกระทำในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ เหมือนกับการขูดรีดทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ในทุกวันนี้หรือไม่

ตอบ : ดีละ, ตามที่ท่านรู้ว่าคำว่าจักรวรรดินิยมหมายถึงระบบทุนที่พัฒนาถึงขีดสูงสุด จักรวรรดินิยมสมัยเก่ากับจักรวรรดินิยมสมัยใหม่เหมือนกันในขั้นพื้นฐาน แต่จักรวรรดินิยมสมัยใหม่สวมหน้ากากเพื่อแสดงว่า เป็นคนใจบุญสุนทาน ส่วนจักรวรรดินิยมสมัยเก่าเป็นคนหน้าด้านกว่า แต่รากฐานก็เหมือนกัน ท่านเขียนอย่างนั้นได้หรือไม่ ระบบอาณานิคมสมัยใหม่กับระบบอาณานิคมสมัยเก่าเหมือนกันในขั้นพื้นฐาน หากต่างกันในวิธีการเท่านั้น ระบบอาณานิคมสมัยเก่านั้นควบคุมประเทศเล็กอย่างเปิดเผยหน้าด้าน ๆ แต่ระบบอาณานิคมสมัยใหม่คัดเลือกเอาคนในประเทศนั้นเองในการปฏิบัติการเพื่อพวกเขา (เจ้าอาณานิคม) โดยจักรวรรดินิยมอยู่เบื้องหลัง

แต่ข้าพเจ้าต้องกล่าวเพิ่มเติมว่า ข้าพเจ้าไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อราษฎรอเมริกัน ท่านต้องเขียนเช่นนั้น ข้าพเจ้าเป็นปฏิปักษ์ต่ออเมริกันผู้กระหายสงครามซึ่งตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ของราษฎรอเมริกันซึ่งถูกนำให้ออกนอกแนวทางของอุดมการณ์แห่ง จอร์จ วอชิงตัน

ตั้งแต่เสร็จสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นต้นมา อเมริกาได้ออกนอกแนวทางอุดมการที่กำหนดไว้โดยจอร์จ วอชิงตัน อย่างไรก็ตาม ส่วนมากของราษฎรอเมริกันเป็นราษฎรที่ดี หากพวกเขาถูกนำผิดไปโดยคณาธิปไตยจำนวนน้อย เราต้องแยกราษฎรออกต่างหากจากพวกกระหายสงครามซึ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยและซึ่งทรยศต่อเพื่อนร่วมชาติของเขาเอง

ข้าพเจ้าไม่มีนโยบายเสนอให้ประเทศของเราตัดความสัมพันธ์กับ ส.ร.อ. หามิได้

เราต้องการเป็นพื่อนที่ของ ส.ร.อ. บนเงื่อนไขที่รัฐบาลอเมริกันไม่กดขี่ข่มเหงเรา ไม่ขูดรีดเราและไม่ใช้ประเทศเราเป็นฐานทัพรุกรานประเทศอื่น

ถาม : ประเทศที่สามส่วนน้อยในโลกมีความสำเร็จในการบังคับให้ ส.ร.อ. ถอนออกไปอย่างเรียบร้อย ประเทศส่วนน้อยเหล่านี้ที่ได้ทำนั้นได้แก่ประเทศในตะวันออกกลาง

ตอบ : ข้าพเจ้าคิดว่าด้วยรัฐบาลอเมริกันที่มีเหตุผลในภายหน้า เราอาจมีชัย (สำเร็จ) เราต้องพยายาม แต่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเราด้วย ถ้าเรามีความตั้งใจเจรจากับราษฎรอเมริกันในแนวทางเพื่อพิทักษ์ความเป็นเอกราชสมบูรณ์ของเราอย่างเด็ดเดี่ยว ข้าพเจ้าคิดว่าเราอาจมีความสำเร็จได้ แต่ถ้าเราขาดความกล้าหาญ ถ้าเราพูดว่าเราไม่อาจเจรจากับมหาอำนาจประเทศเช่น ส.ร.อ. เราไม่มีใครจะช่วยเราทางการเงินแล้ว ก็นั่นแหละเราจะไม่อาจบรรลุความเป็นเอกราช

จะต้องศึกษาอบรมและสอนกันอีกมาก แต่ในที่สุดก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลของประเทศ ถ้ารัฐบาลเข้าใจความจำเป็น รัฐบาลก็อาจนำราษฎรให้เข้าใจได้ แทนที่จะปล่อยให้ ส.ร.อ. เป็นฝ่ายริเริ่ม ถ้ากรณีหลังนี้เกิดขึ้น ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร มี ๒ ทางที่จะริเริ่มคือโดยรัฐบาลหรือโดยราษฎรเอง ท่านเขียนเช่นนั้นได้หรือไม่

ถาม : ดร.ปรีดี เหตุใดท่านเรียกประเทศไทยว่าสยาม และเรียกราษฎรว่าชาวสยามแทนที่จะเรียกว่า ไทย

ตอบ : สยามเป็นที่รู้จักในโลกหลายศตวรรษแล้ว พระมหากษัตริย์ก่อน ๆ นี้ ทรงทราบว่าประเทศของเราประกอบด้วยหลายเชื้อชาติและเผ่าชน แม้คนเชื้อชาติไทยเป็นพลเมืองส่วนข้างมาก แต่ก็มีหลายเชื้อชาติประกอบเป็นประเทศของเรา เหตุฉะนั้น พระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณตั้งแต่สมัยอยุธยาจึงเรียกประเทศของเราว่า สยาม ชื่อของประเทศถูกเปลี่ยนไปตามอาการคลั่งชาติ เพื่อส่งเสริมระบบเผด็จการฟาสซิสต์และทำให้เชื้อชาติไทยมีลักษณะเหมือนเชื้อชาติอารยันของเยอรมันนาซี

ถาม : เป็นความจำเป็นหรือไม่ที่ประเทศต้องสมานกันเป็นเอกภาพสมบูรณ์ภายในประเทศเพื่อต่อสู้ศัตรู

ตอบ : ดีล่ะ, ในประเทศจีนในการต่อสู้สงครามกับญี่ปุ่นนั้น พรรคก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์ได้ทำแนวร่วมระหว่างกันบางชนิด แต่มีความแตกต่างในทางคติธรรมระหว่างกัน แม้ในเวียดนามในระยะต้นแห่งการต่อสู้ ก็มี ๓ พรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งต่อมาได้รวมกันเข้าภายใต้โฮจิมินห์ แต่ญี่ปุ่นหรือจักรพรรดินิยมเหมือนกัน และเจ้าอาณานิคมเหมือนกัน คือพวกเขาทั้งหมดเป็นจักรวรรดินิยม

ถาม : ท่านเห็นว่าใครในประเทศไทยที่จะโผล่ขึ้นและนำประเทศได้อย่างเหมา เจ๋อตง หรือโฮจินมินห์

ตอบ : ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะเป็นใคร แต่ประวัติศาสตร์แสดงว่าผู้นำปรากฏขึ้นเมื่อต้องการ

ประธานเหมาบอกข้าพเจ้าอย่างถ่อมตน เหมาเป็นผู้ถ่อมตนมาก บอกว่าท่านเป็นเพียงครูโรงเรียนสามัญ ไม่เคยไปศึกษาในต่างประเทศ แต่ท่านศึกษาลัทธิมาร์กซ์-เลนิน โดยการศึกษาเองและสมานทฤษฎีกับการปฏิบัติ เหมาบอกข้าพเจ้าว่าเพื่อนเก่าบางคนของท่านได้ศึกษาที่โรงเรียนทหารเป็นเวลา ๓ ปี แต่เหมาต้องศึกษาถึง ๑๐ ปี และทำไมจึงนานเช่นนั้น เพราะท่านศึกษาในสนามรบ และคำสอนของเหมาว่าด้วยการทหารนั้นได้รับการยกย่อง แม้กระทั่งจากบุคคลทหารชั้นสูงว่าเป็นตำราที่ดีที่สุดตำราหนึ่งทางยุทธวิธีเพราะเหตุว่าเหมาได้สมานทฤษฎีกับการปฏิบัติ ข้าพเจ้าคิดว่าโดยการนำทางปฏิบัติให้ราษฎรได้ชัยชนะ ราษฎจึงรักเขาและนับถือเขาว่าเป็นผู้นำ

แต่นี่ก็เป็นประวัติของโฮด้วยเหมือนกัน โฮมายุโรปทำงานเป็นคนรับใช้ในห้องคนโดยสารในเรือเดินทะเลฝรั่งเศส ต่อมาก็เป็นคนรับใช้ในห้องครัวของโฮเต็ลแห่งหนึ่งในอังกฤษ โฮทำงานหลายอย่างแต่เขาก็ศึกษาอยู่เสมอ โฮได้รับความอัตคัดมาก แต่เขาก็ตั้งหน้าในทางดีที่สุดเพื่อช่วยประเทศของเขา

ดังนั้นในทุก ๆ ประเทศ บุคคลย่อมหาผู้นำได้ซึ่งพร้อมที่จะนำในการรบ

ถาม : แต่หมายความว่า ท่านต้องมีการรบ

ตอบ : เปล่า, สนามรบมิได้หมายความเพียงสนามรบทางทหาร เป็นสนามรบทางการเมือง, สนามรบทางเศรษฐกิจ และสนามรบทางทัศนะคติธรรมรวมกับสนามรบทางทหารครับ, สนามรบทางการเมือง, ทางเศรษฐกิจ, ทางทัศนะคติธรรมรวมทั้งทางทหาร

ขอบใจ ดร. ปรีดี (จบคำสัมภาษณ์)

 

หมายเหตุ :

  • คงอักขร การสะกด และเลขไทยตามต้นฉบับ

 

เอกสารอ้างอิง:

  • ปรีดี พนมยงค์, คำตอบของนายปรีดี พนมยงค์ ต่อคำสัมภาษณ์ของ คลอเดีย รอสส์, (กรุงเทพฯ: ประจักษ์การพิมพ์, 2517), หน้า 1-14.

 


[1] สหรัฐอเมริกา

[2] จอมพล ป. พิบูลสงคราม