ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เกร็ดประวัติศาสตร์

วิจิตร ลุลิตานนท์ กับความทรงจำเรื่อง ขบวนการเสรีไทย

30
มิถุนายน
2568

Focus

  • บทความนี้มุ่งสำรวจบทบาทของ ศาสตราจารย์วิจิตร ลุลิตานนท์ ในฐานะกลไกสำคัญของขบวนการเสรีไทยภายในประเทศ โดยเน้นให้เห็นถึงภารกิจทางการบริหารและการประสานงานที่มีส่วนอย่างยิ่งต่อการธำรง เอกราช และ อธิปไตย ของชาติในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับ นายปรีดี พนมยงค์ วิจิตรไม่เพียงเป็นเลขาธิการของกองบัญชาการเสรีไทย หากยังเป็นผู้กำกับดูแลค่ายกักกันสัมพันธมิตร ประสานงานการส่งคนไปฝึกการรบ และอำนวยความสะดวกในการติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตร

 


ศาสตราจารย์วิจิตร ลุลิตานนท์
ที่มา: ที่ระลึกในการบำเพ็ญกุศลครบร้อยวัน ศาสตราจารย์วิจิตร ลุลิตานนท์ 17 มีนาคม 2531

 

งานของขบวนการเสรีไทยเป็นงานใหญ่ที่เกี่ยวกับความเป็นความตายของประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นภารกิจที่จะต้องปฏิบัติด้วยความรับผิดชอบอย่างสูง ละเอียดรอบคอบ และมีประสิทธิภาพ ในขอบเขตที่กว้างขวาง ถึงแม้ว่าหัวหน้าของขบวนการจะเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติและมีประสบการณ์ที่สามารถกําหนดทิศทางและตรวจสอบการปฏิบัติงานในทุก ๆ ด้านด้วยตนเองอย่างใกล้ชิดก็ตาม แต่ภารกิจเหล่านั้นก็ยากที่จะบรรลุความสําเร็จด้วยดีได้ ถ้าหากขาดบุคคลอีกผู้หนึ่งซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้เป็นหัวหน้าขบวนการให้รับผิดชอบดูแลงานในด้านการบริหารทั้งหมดและปฏิบัติตามนโยบายอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง บุคคลผู้นั้นคือ นายวิจิตร ลุลิตานนท์ อดีตศาสตราจารย์และเลขาธิการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ทําหน้าที่เลขาธิการของกองบัญชาการเสรีไทยภายในประเทศ

นายวิจิตร ลลิตานนท์ เป็นบุตรของหลวงวิจารณสุขกรรมกับนางทรัพย์ ลุลิตานนท์ เกิดวันที่ 30 มิถุนายน 2449 ณ บ้านลลิตานนท์ ถนนสีลม แขวงสุรวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ได้รับการศึกษาจนจบชั้นมัธยมบริบูรณ์จากโรง เรียนอัสสัมชัญเมื่อพ.ศ.2467 และสําเร็จวิชากฎหมายจากโรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม สอบไล่ได้เป็นเนติบัณฑิต เมื่อปี 2470 แล้วรับราชการในกรมร่างกฎหมาย (สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) เป็นล่ามภาษาฝรั่งเศส โรงเรียนกฎหมายและเป็นผู้พิพากษาในกระทรวงยุติธรรม นายวิจิตร สุลิตานนท์มีความใกล้ชิดกับนายปรีดี พนมยงค์มาตั้งแต่ปี 2470 กระทรวงยุติธรรม นายปรีดีตั้งโรงพิมพ์และออกวารสารรายเดือน “นิติสาส์น” เพื่อเผยแพร่วิชาความรู้ด้านกฎหมาย โดย นายปรีดีสําเร็จการศึกษาจากประเทศฝรั่งเศสเข้ารับราชการที่กรมร่างกฎหมายและเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนกฎหมาย

 


นายวิจิตร ลุลิตานนท์ อบรมนายสิบสารวัตรที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง
ที่มา: ที่ระลึกในการบำเพ็ญกุศลครบร้อยวัน ศาสตราจารย์วิจิตร ลุลิตานนท์ 17 มีนาคม 2531

 

ต่อมาในปี 2477 มีการสถาปนามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้น และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายปรีดี พนมยงค์เป็นผู้ประศาสน์การ จึงโอนตัวนายวิจิตร สุลิตานนท์ผู้ช่วยเลขาธิการกรมร่างกฎหมายมาเป็นผู้ช่วยมอบให้นายวิจิตร ลุลิตานนท์เป็นบรรณาธิการจัดหาตําราและเป็นผู้บรรยายชั้นปริญญาตรีและปริญญาโทของมหาวิทยาลัย เมื่อญี่ปุ่นบุกประเทศไทยในวันที่ 8 ธันวาคม คืนวันที่ญี่ปุ่นรุกรานประเทศไทยนายปรีดี พนมยงค์ได้จัดตั้งองค์การต่อต้านญี่ปุ่นขึ้น และให้นายวิจิตร ดุสิตา 2484 นายวิจิตร ลุลิตานนท์ดํารงตําแหน่งเลขาธิการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ทําหน้าที่เลขาธิการ โดยมอบงานชิ้นแรกของขบวนการเสรีไทยให้นายวิจิตรรับผิดชอบ คือการดูแลความเป็นอยู่ของ บุคคลสัญชาติอังกฤษ, อเมริกัน และฝรั่งชาติอื่น ๆ ที่รัฐบาลไทยนําตัวมากักกันไว้ในบริเวณมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ที่ท่าพระจันทร์ รัฐบาลตั้ง พ.ต.ม.ร.ว.พงศ์พรหม จักรพันธุ์ (นายทหารกองหนุน อดีตนักเรียนนายร้อย แซนด์เฮิร์สต์จากอังกฤษ ซึ่งรับราชการเป็นนายตรวจกรมศุลกากร)เป็นผู้บังคับการค่าย และให้ทางมหาวิทยาลัยจัด เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยเป็นผู้ดูแลค่ายกักกันแห่งนี้ นายวิจิตร ลุลิตานนท์ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลบุคคลสัญชาติ สัมพันธมิตรเหล่านั้นอย่างดีที่สุด ทําให้ฝ่ายสัมพันธมิตรมีความเชื่อถือและศรัทธาในการปฏิบัติงานของเสรีไทย อันเป็นผลดีต่อประเทศไทยอย่างยิ่งเมื่อสงครามสิ้นสุดลง

นอกจากนั้น นายวิจิตร ลุลิตานนท์ยังรับผิดชอบดูแลมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองซึ่งเป็นกองบัญชาการเสรีไทยภายในประเทศ และเป็นผู้ประสานงานกับกิจการเสรีไทยทุกด้านทั้งภายในและนอกประเทศ รวมทั้งการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเพื่อส่งไปฝึกการรบที่อินเดีย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นบัณฑิตและนักศีกษาของมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง อาทิ ร.ท.สุภัทร สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง, ร.ท.วงศ์ พลนิกร และ ร.ท.จารุบุตร เรืองสุวรรณ เป็นต้น เมื่อ พ.ต.ป๋วย อึ๊งภากรณ์กระโดดร่มเข้ามาในประเทศไทยและถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองตํารวจสันติบาลในปี 2487 นายวิจิตร อุลิตานนท์เป็นผู้จัดให้พ.ต.ป่วยได้พบกับหัวหน้าขบวนการเสรีไทยที่บ้านของตนเอง และอํานวยความสะดวกให้ พ.ต.ป๋วย ส่งวิทยุติดต่อกับฐานทัพสัมพันธมิตรในอินเดีย

หลังสงคราม ระหว่างปี 2488-2490 นายวิจิตร ลุลิตานนท์ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลนายทวี บุณยเกตุ รัฐมนตรีสั่งราชการกระทรวงการคลังในรัฐบาลม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลนายปรีดี การเมืองแล้ว นายวิจิตรกลับคืนสู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเป็นศาสตราจารย์ผู้บรรยายวิชาต่าง ๆ และรักษาการใน พนมยงค์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลพล.ร.ต.ถวัลย์ ธําารงนาวาสวัสดิ์ ต่อมาเมื่อพ้นจากภารกิจทางด้าน ตําแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์ ตลอดจนเป็นผู้อํานวยการจัดทําและพิมพ์ตําราของมหาวิทยาลัย จนกระทั่งอายุได้ 65 ปี จึงพ้นจากตําแหน่งประจํา แต่ยังคงเป็นอาจารย์พิเศษบรรยายวิชาต่าง ๆ ต่อไป

ศาสตราจารย์วิจิตร ลุลิตานนท์ อดีตเลขาธิการของขบวนการเสรีไทย ซึ่งได้รับใช้ชาติในยามคับขันด้วยความเสียสละและความสามารถอย่างสูงถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2530 อายุ 81 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง - พระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานดินในการฝังศพ ณ สุสานพระหฤทัย อําเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 13 เดือนเดียวกัน

 

ภาคผนวก

รำลึกถึงคุณวิจิตร ลุลิตานนท์

 

 

ข้าพเจ้ารู้จักและคุ้นเคยกับคุณวิตร ลุลิตานนท์ ร่วม 60 ปี เนื่องจากคุณวิจิตรเป็นศิษย์ผู้หนึ่งที่มีความเคารพนายปรีดี พนมยงค์ และยังมีนิวาศสถานอยู่ถนนเดียวกันคือถนนสีลม

คุณวิจิตรได้ทำงานใกล้ชิดกับนายปรีดีในงานรับใช้ชาติและงานเผยแผ่วิทยาการ กล่าวคือ เมื่อนายปรีดีสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศในปีพุทธศักราช 2470 ได้เข้ารับราชการที่กรมร่างกฎหมาย (ปัจจุบันคณะกรรมการกฤษฎีกา) และสอน ณ โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม มีความตั้งใจจะนำวิชาความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาเผยแผ่ให้กว้างขวาง จึงได้ตั้งโรงพิมพ์ออกวารสารรายเดือน ชื่อ “นิติสาส์น” และได้มอบหมายให้คุณวิจิตรเป็นบรรณาธิการ ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 นายปรีดีภาระต้องปฏิบัติราชการสำคัญไม่มีเวลาที่จะดูแลโรงพิมพ์ จึงได้โอนกิจการให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง

ในปีพุทธศักราช 2476 ได้มีการสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ทรงพระกรุราโปรดเกล้าฯ ให้นายปรีดีเป็นผู้ประศาสตร์การมหาวิทยาลัย จึงได้ขอโอนคุณวิจิตรซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยเลขานุการกรมร่างกฎหมายมาเป็นผู้ช่วยจำทำตำราและผู็บรรยายชั้นปริญญาโท คุณวิจิตรได้รับราชการเจริญก้าวหน้าลำดับจนเป็นเลขาธิการมหาวิทยาลัย ส่วนในตำแหน่งการเมือง ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ร.ม.ช.กระทรวงการคลัง 2 ครั้ง และเป็น ร.ม.ต. ว่าการฯ 2 ครั้ง

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อุบัติขึ้น คุณวิจิตรเป็นผู้รักชาติผู้หนึ่งที่เข้าร่วมในขบวนการเสรีไทยทำงานใกล้ชิดกับหัวหน้าขบวนการฯ โดยมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการของขบวนการฯ ซึ่งมีขอบข่ายที่รับผิดชอบสูง นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่จัดให้ผู้รักชาติจากนอกประเทศที่เสี่ยงอันตรายมากระโดดร่มลงในประเทศและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับขังไว้ (ขณะนั้นทางตำรวจยังไม่ได้ร่วมในขบวนการฯ) นำมาพบกับหัวหน้าขบวนการฯ ภายในประเทศเป็นการลับ ด้วยอาศัยเพื่อนที่เป็นตำรวจ (พ.ต.อ.พโยม จันทรัคคะ) ช่วยเหลือ ทำให้การติดต่อประสานงานกับสัมพันธมิตรสะดวกและรวดเร็วซึ่งเป็นผลดีแก่ประเทศชาติ

คุณวิจิตรเป็นศิษย์ที่มีความกตัญญูครูบาอาจารย์ เมื่อนายปรีดีต้องลีภัยการเมืองออกไปพำนักในต่างประเทศ คุณวิจิตรมิได้ละทิ้งข้าพเจ้าโดยไปมาหาสู่อยู่เนือง ๆ และเมื่อปีพุทธศํกราช 2496 มีข่าวปรากฏว่านายปรีดีพำนักอยู่ในสาธารณรัฐราษฎรจีนหนังสือพิมพ์ (BKK.POST) จึงไปสัมภาษณ์โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลใด ๆ เป็นใจความว่า “ไม่ว่านายปรีดีจะอยู่ ณ แห่งใด ความเคารพนับถือในฐานะศิษย์ต่ออาจารย์ไม่เปลี่ยนแปลง” และเมื่อนายปรีดีย้ายไปพำนักในประเทศฝรั่งเศส คุณวิจิตรได้เดินทางไปเยี่ยมหลายครั้ง จนกระทั้งสุขภาพไม่อำนวย

ข้าพเจ้ามีความเสียใจและอาลัยเป็นอย่างยิ่งในการจากไปของคุณวิจิตรซึ่งเป็นกัลยาณมิตรที่เก่าแก่ ขอให้กุศลกรรมที่คุณวิจิตรได้อุทิศตรเพื่อรับใช้ชาติและราษฎรไทย จงเป้นผลส่งให้วิญญาณคุณวิจิตรได้อยู่ใกล้พระผู้เป็นเจ้าความปรารถนาของคุณวิจิตร เทอญ.

ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์
(ลายเซ็น)

บ้านซอยสวนพลู
กรุงเทพฯ

 

หมายเหตุ:

  • บทความชิ้นนี้กองบรรณาธิการ สถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้เปลี่ยนชื่อจาก เรื่อง “วิจิตร ลุลิตานนท์ ” โดยตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2546 เป็นวิจิตร ลุลิตานนท์ กับความทรงจำเรื่องขบวนการเสรีไทย
  •  อักขระและวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ

อ้างอิงจาก:

  • วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร, เรื่อง “วิจิตร ลุลิตานนท์”, ตำนานเสรีไทย, (กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2546) หน้า 681-683.
  • ท่านผู้หญิง พูนศุข พนมยงค์ ,รำลึกถึงคุณวิจิตร ลุลิตานนท์,ที่ระลึกในการบำเพ็ญกุศลครบร้อยวัน ศาสตราจารย์วิจิตร ลุลิตานนท์ 17 มีนาคม 2531. (กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2531) หน้า 5-6.