ปัญหาความอดอยากในประเทศอินเดีย
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
ความรุนแรงที่ไม่มีใครเห็น
หากความรุนแรงที่มองเห็นได้เปรียบเสมือนฟ้าผ่าที่กระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงแต่รวดเร็ว ความรุนแรงที่ซ่อนเร้นก็เหมือนกับน้ำที่กัดเซาะหินอย่างช้า ๆ แต่ต่อเนื่อง ไม่มีใครสังเกตเห็นในวันแรก ไม่มีใครตกใจในสัปดาห์แรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี หลายทศวรรษ หรือหลายศตวรรษ ความเสียหายที่สะสมนั้นกลับมหาศาลจนยากจะจินตนาการได้
ความรุนแรงรูปแบบนี้ไม่ได้เกิดจากการโจมตีครั้งเดียว แต่ฝังอยู่ในโครงสร้างของสังคม ในระบบที่เราสร้างขึ้น ในกฎหมายที่เราตรา และในความเชื่อที่เราถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา มันดำเนินต่อเนื่องทุกวันโดยไม่มีการหยุดพัก สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้คนนับล้าน แต่กลับไม่มีใครรายงานข่าว ไม่มีใครชุมนุมประท้วง และไม่มีใครเรียกร้องความยุติธรรม บทความตอนนี้จะพาเราสำรวจธรรมชาติของความรุนแรงที่ซ่อนเร้นในสังคมปัจจุบัน ทำความเข้าใจว่าทำไมมันจึงถูกมองข้าม และเห็นผลกระทบที่แท้จริงของมันผ่านกรณีศึกษาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเราในทุกวันนี้
ความรุนแรงที่ซ่อนเร้นมีลักษณะที่แตกต่างจากความรุนแรงที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน มันไม่ได้เป็น "เหตุการณ์" ที่เกิดขึ้นในเวลาและสถานที่ใดเวลาหนึ่ง แต่เป็น "สภาวะ" ที่ดำเนินต่อเนื่องทุกวัน มันไม่ได้เป็นการกระทำของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นผลมาจากระบบที่สังคมสร้างขึ้นและรักษาไว้ร่วมกัน ความแตกต่างพื้นฐานนี้ทำให้มันยากจะถูกจับตาและยากจะถูกต่อต้าน ในโลกแห่งความเป็นจริง เราเห็นความรุนแรงนี้ทุกวันแต่ไม่ได้ตระหนักว่ามันคือความรุนแรง เด็กในชุมชนแออัดที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ คนงานที่ต้องทำงานสิบสี่ชั่วโมงต่อวันเพื่อค่าจ้างที่ไม่พอเลี้ยงครอบครัว ผู้ป่วยที่ตายเพราะไม่มีเงินซื้อยาที่จำเป็นต่อการรักษาชีวิต หรือครอบครัวที่ถูกขับไล่ออกจากที่อยู่อาศัยเพราะค่าเช่าที่พุ่งสูงขึ้นจนจ่ายไม่ไหว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการโจมตีที่รุนแรงในวันใดวันหนึ่ง แต่เป็นผลมาจากระบบเศรษฐกิจและสังคมที่เราสร้างขึ้น
ความค่อยเป็นค่อยไปและความต่อเนื่องนี้เป็นลักษณะสำคัญที่ทำให้มันถูกมองข้าม เมื่อความอดอยากและความยากจนเป็นสภาพที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่เกิด สมองของเราไม่ได้ส่งสัญญาณอันตรายเหมือนกับเมื่อเห็นการโจมตีที่รุนแรง ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นทีละน้อย วันแล้ววันเล่า กลายเป็นเพียงฉากหลังของชีวิตที่เราเคยชิน มันกลายเป็น "ปกติ" ที่เราไม่ได้ตั้งคำถามอีกต่อไป
ชุมชนแออัดในเมืองมุมไบ
ที่มา : Wikipedia
ตัวอย่างระบบการศึกษาในหลายประเทศทั่วโลกเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความรุนแรงที่ซ่อนเร้น เด็กที่เกิดในครอบครัวร่ำรวยสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีครูที่ได้รับการฝึกฝนดี มีห้องสมุดที่ทันสมัย มีห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ที่ครบครัน และมีกิจกรรมเสริมที่หลากหลาย ในขณะเดียวกัน เด็กที่เกิดในชุมชนยากจนต้องเรียนในโรงเรียนที่ขาดแคลนครู ห้องเรียนแน่นขนัด หนังสือเก่าล้าสมัย และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน ความแตกต่างนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการตัดสินใจครั้งเดียวของใครคนใดคนหนึ่ง มันเป็นผลมาจากระบบการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เท่าเทียม นโยบายภาษีที่เอื้อประโยชน์ให้กับคนรวย และการละเลยชุมชนยากจนอย่างเป็นระบบ เด็กในชุมชนยากจนเหล่านี้ไม่ได้ถูกทำร้ายด้วยกำลัง แต่พวกเขาถูกลิดรอนโอกาสในชีวิตตั้งแต่ต้น ศักยภาพของพวกเขาไม่ได้รับการพัฒนา และอนาคตของพวกเขาถูกจำกัดก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเอง
เมื่อเวลาผ่านไป เด็กที่ได้รับการศึกษาที่ดีจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะและความรู้ พวกเขาจะได้งานที่ดี มีรายได้สูง และสามารถส่งลูกหลานของตนเองไปเรียนในโรงเรียนที่ดี ในขณะที่เด็กที่ไม่ได้รับการศึกษาที่เพียงพอจะติดอยู่ในวงจรของความยากจน ไม่สามารถหาอาชีพที่มีรายได้ดี และลูกหลานของพวกเขาก็จะเผชิญกับปัญหาเดียวกัน วงจรนี้ดำเนินต่อไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า สร้างความเหลื่อมล้ำที่ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อย ๆ แต่เพราะมันเกิดขึ้นช้า ๆ และไม่มีผู้กระทำที่ชัดเจน สังคมจึงมองข้ามและยอมรับมันเป็นเรื่องธรรมดา
เช่นเดียวกับการเข้าถึงการรักษาพยาบาลเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เห็นความรุนแรงที่ซ่อนเร้นอย่างชัดเจน ในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา การมีชีวิตหรือตายของคนเรามักขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรือไม่ ผู้ที่มีประกันสุขภาพที่ดีสามารถเข้าถึงการรักษาที่ทันสมัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และยาที่มีประสิทธิภาพสูง ในขณะที่คนที่ไม่มีประกันหรือมีประกันที่ไม่ดีพอต้องเลือกระหว่างการซื้อยากับการซื้ออาหาร ทุกปี มีผู้คนนับแสนที่ตายก่อนวัยอันควรเพราะไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่จำเป็น พวกเขาตายด้วยโรคที่สามารถรักษาได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมะเร็งในระยะเริ่มต้น เพราะพวกเขาไม่สามารถจ่ายค่าตรวจสุขภาพประจำปี ค่ายา หรือค่าผ่าตัด การตายเหล่านี้ไม่ได้ถูกนับเป็นข่าว ไม่มีภาพที่น่าสะพรึงกลัว และไม่มีใครถูกจับกุมหรือลงโทษ แต่มันคือความรุนแรงที่เกิดจากระบบที่ปล่อยให้ความสามารถในการจ่ายเงินเป็นตัวกำหนดว่าใครจะได้มีชีวิตต่อไปและใครจะต้องตาย
ความไม่เป็นธรรมนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ในประเทศกำลังพัฒนา ความแตกต่างระหว่างคนเมืองกับคนชนบท หรือระหว่างคนรวยกับคนจนนั้นชัดเจนยิ่งกว่า ชุมชนชนบทอาจต้องเดินทางหลายชั่วโมงเพื่อไปพบแพทย์ และเมื่อไปถึงก็อาจไม่มียาหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นในการรักษา ผู้หญิงตายจากภาวะแทรกซ้อนในการคลอดบุตรที่สามารถป้องกันได้ เด็กตายจากโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนที่มีราคาไม่แพง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นทุกวันในขณะที่สังคมมองข้ามไป
ความรุนแรงที่ซ่อนเร้นสร้างผลกระทบที่สะสมและยาวนานจนยากจะวัดหรือนับได้ เมื่อเด็กไม่ได้รับโภชนาการที่เพียงพอ พวกเขาจะไม่สามารถพัฒนาสมองและร่างกายได้อย่างเต็มที่ เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา ศักยภาพของพวกเขาจะไม่ได้รับการพัฒนา สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กคนเดียว แต่เกิดขึ้นกับเด็กนับล้านคนในแต่ละรุ่น เมื่อคูณด้วยจำนวนรุ่นที่ผ่านไป ความสูญเสียของศักยภาพมนุษย์นั้นมหาศาลเหลือที่จะจินตนาการได้ การฟื้นฟูจากความรุนแรงที่ซ่อนเร้นนั้นยากกว่าการฟื้นฟูจากความรุนแรงที่มองเห็นได้หลายเท่า โครงสร้างสังคมที่ไม่เป็นธรรมถูกฝังรากลึกในกฎหมาย สถาบัน และความเชื่อของผู้คน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน มันต้องการความมุ่งมั่นระยะยาว การปฏิรูปอย่างเป็นระบบ และการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง
สภาวะขาดแคลนน้ำในประเทศซูดานใต้
ที่มา : BBC News ไทย
ความรุนแรงที่ซ่อนเร้นคือความรุนแรงที่ไม่มีใครเห็นแต่ทุกคนรู้สึกถึง มันฝังตัวอยู่ในโครงสร้างของสังคม ในระบบการศึกษาที่สร้างความเหลื่อมล้ำ ในระบบสุขภาพที่ปล่อยให้คนยากจนตาย และในระบบเศรษฐกิจที่ทำลายสิ่งแวดล้อม มันดำเนินต่อเนื่องทุกวันโดยไม่มีการหยุดพัก และสร้างความเสียหายที่สะสมจนยากจะประมาณได้
สังคมมองข้ามความรุนแรงรูปแบบนี้ในขณะที่ตอบสนองอย่างรุนแรงต่อความรุนแรงที่มองเห็นได้ นี่เป็นการบิดเบือนความจริงและความยุติธรรม หากเราต้องการสังคมที่แท้จริงแล้วเป็นธรรมและสงบสุข เราต้องเรียนรู้ที่จะมองเห็นและต่อสู้กับความรุนแรงทั้งสองรูปแบบ ในบทความตอนสุดท้าย เราจะนำความเข้าใจเกี่ยวกับความรุนแรงทั้งสองรูปแบบมาเปรียบเทียบอย่างละเอียด และหาข้อสรุปว่าสังคมควรจะตอบสนองต่อความรุนแรงอย่างไรให้เหมาะสมและเป็นธรรม
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: