ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
ศิลปะ-วัฒนธรรม

ละครโรงเล็กกับพันธกิจใหญ่  “ Poems Dimension ”

27
ธันวาคม
2568

 

มนุษย์มักสร้างแรงกดดันให้ตัวเอง แม้ไม่ตั้งใจ จนเกิด ‘ วิกฤตทางจิตวิญญาณ ’ เพราะตกอยู่ใต้วังวนแรงเหวี่ยงของอำนาจที่ผลาญความสงบสุขภายในคือภัยซึ่งร้ายแรงที่สุด บาดแผลของยุคสมัยจึงควรได้รับการแก้ไขด่วน ด่านแรกที่ลึกและสำคัญที่สุดคือมิติของปัจเจก เพราะ ‘ โลกภายใน ’ คือกลไกขับเคลื่อนจักรวาลที่ส่งสัญญาณว่า เราต้องได้รับการรักษา หนึ่งในตัวยาวิเศษคือ ศิลปะ โดยเฉพาะ ‘ ศิลปะการละคร ’ (play) ที่สามารถสื่อสารสด-ส่งตรง ‘ จากภายในสู่ภายใน’ ได้ทันทีโดยไม่มีตัวกลางมากางกั้น (divider) การขยายตัวของ ‘ ละครโรงเล็ก ’ ในไทย ค่อย ๆ เติบโตภายใต้พิษเศรษฐกิจสกัด แต่ยังยืนหยัดด้วยคุณค่าของงานสร้างที่เป็นอิสระจากสูตรสำเร็จทั้งปวง และเสน่ห์เฉพาะตัวของละครเวที เหนืออื่นใดคือ… เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ซึ่งเปิดโอกาสให้ ‘ คนตัวเล็ก ’ (ทั้งผู้สร้างและผู้เสพ) ได้มีโอกาส มีพัฒนาการ ไปด้วยกัน ภายใต้อุดมการณ์งานสร้าง ‘ ระบบนิเวศ ’ บนขอบเขตของความรักที่มีต่อ ‘ ศิลปะการแสดง ’ แม้เป็น ‘ ชนชายขอบ ’ ในระบอบบริหารงานของรัฐ และนั่นคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ละครเวทีไทยพัฒนา

 

“ พื้นที่เล็กเปลี่ยนโลก ” [1]

ในโลกของศิลปะการแสดง ละครเวทีโรงเล็ก (Small Theatre) เป็นเสมือนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ศิลปินสามารถทดลอง สร้างสรรค์ และเล่าเรื่องราวที่อาจไม่มีโอกาสเกิดขึ้นในโรงละครกระแสหลัก สิ่งที่ทำให้ละครเวทีโรงเล็กมีเสน่ห์คือ ‘ความใกล้ชิด’ ระหว่างผู้ชมและนักแสดง การแสดงในโรงละครที่มีที่นั่งจำกัด (มักจะรองรับผู้ชมตั้งแต่ 20-150 คน) สร้างบรรยากาศที่ดื่มด่ำ และช่วยให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครและเรื่องราวอย่างลึกซึ้ง

ละครเวทีโรงเล็กมักนำเสนอเรื่องราวที่สะท้อนปัญหาสังคม การเมือง และจิตวิทยาของมนุษย์ ผ่านบทละครที่เข้มข้นและกล้าหาญ โดยอาจจะไม่ต้องใช้ฉากที่มีความซับซ้อนหรือเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น The Flea Theater ในนิวยอร์กที่มีชื่อเสียงในการสนับสนุนงานเขียนบทที่มีความแหวกแนว และ The Young Vic ในลอนดอนที่มุ่งเน้นการนำเสนอเรื่องราวที่สะท้อนประเด็นร่วมสมัย

โรงละครเวทีขนาดเล็กได้กลายเป็นเวทีสำคัญของการทดลองทางศิลปะ เปิดพื้นที่ให้เสียงที่ถูกมองข้ามได้เปล่งออกมา และเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างผู้ชมและนักแสดงได้อย่างน่าสนใจ

 

ต้นกำเนิดของละครเวทีโรงเล็ก

แนวคิดของละครเวทีโรงเล็กถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ศิลปินในยุโรปและอเมริกาหลายกลุ่มต้องการสร้างสรรค์ผลงานที่มีอิสระทางศิลปะมากขึ้น นำไปสู่การก่อตั้ง Off-Broadway ในนิวยอร์ก และ Fringe Theatre ในลอนดอน

  • La MaMa Experimental Theatre Club ในนิวยอร์ก สนับสนุนละครที่ท้าทายกรอบวัฒนธรรมเดิม
  • Edinburgh Festival Fringe ในสกอตแลนด์ เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักแสดงและนักเขียนบทอิสระนำเสนอผลงานของตนเองผ่านงานเทศกาลนี้
  • The Young Vic ในลอนดอน เน้นการทดลองเรื่องราวที่สะท้อนประเด็นทางสังคมที่น่าสนใจ

โรงละครเล็กเหล่านี้ได้กลายเป็นต้นแบบที่ถูกนำไปปรับใช้ทั่วโลก รวมถึงในเอเชีย

 

ละครเวทีโรงเล็กในเอเชีย เสียงที่ไม่เคยถูกได้ยิน

โรงละครขนาดเล็กในเอเชียได้รับแรงบันดาลใจจากขบวนการละครอิสระในตะวันตก แต่ในขณะเดียวกันก็ผสมผสานวัฒนธรรมและแนวคิดท้องถิ่นเข้ามาด้วย

  • Black Tent Theatre (ญี่ปุ่น) โรงละครเคลื่อนที่ที่มุ่งเน้นการแสดงเชิงสังคมและการเมือง
  • Twelve Space (ไต้หวัน) ศูนย์รวมละครทดลองที่ผสานเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัล
  • มันตา ศิลปะการแสดง (ไทย) สนับสนุนละครทดลอง และแนวคิดเชิงศิลปะร่วมสมัย

โรงละครเหล่านี้ช่วยเปิดพื้นที่ให้ศิลปินสามารถนำเสนอเรื่องราวที่อาจไม่ถูกพูดถึงในสื่อกระแสหลัก เช่น สิทธิมนุษยชน ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม

 

โรงละครเล็กกับการเปลี่ยนแปลงของโลกศิลปะ

ในยุคดิจิทัล โรงละครเวทีเล็กได้เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงสำคัญ หลายแห่งต้องปรับตัวโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ เข้ามาผสมผสาน เช่น

  • Digital Theatre ที่ช่วยให้ผู้ชมสามารถรับชมละครเวทีจากที่บ้าน
  • Virtual Reality Theatre ที่นำผู้ชมเข้าสู่โลกของละครผ่านเทคโนโลยี VR

แม้จะมีข้อจำกัดด้านงบประมาณและพื้นที่ แต่โรงละครขนาดเล็กยังคงเป็นพื้นที่แห่งความกล้าหาญและเสรีภาพ ที่เปิดให้ศิลปินสามารถนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่าง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตลาดหรือกระแสสังคม

 

 

 

Poems Dimension พื้นที่สร้างสรรค์สำหรับศิลปินรุ่นใหม่

หนึ่งในหลายกลุ่มที่ซุ่มเติบโตด้วยศักยภาพของศิลปินที่รักในศาสตร์ละครเวทีอย่างมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาทั้งผู้สร้างงาน และวงการละครเวทีไทยไปพร้อมกันคือ บริษัท เจริญสุข คอร์เปอเรท กรุ๊ป จำกัด (CCG) ที่มาพร้อมกับการเปิดตัวของโครงการ Poems Dimention ซึ่งเป็นโครงการละครเวทีขนาดเล็กที่สร้างจากโปรเจ็กใหญ่ ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ใฝ่แสวงหา ภายใต้แนวคิด “ Commercial Arts Incubator ” [2] ด้วยศรัทธาและปรัชญาที่มีต่อละครเวทีว่า คือพื้นที่ทดลอง ปล่อยของ สนองการใช้ชีวิตของคนทำงานศิลปะ ที่มีอิสระต่อจิตวิญญาณห่งการสร้างสรรค์ ผ่านงานละครแนว ‘ มนุษย์นิยม ’ ชื่นชมกับ ‘ เกมการสำรวจภายใน ’ ที่ผู้ชมสามารถเข้าถึง เข้าใจง่าย และได้รับความสุขกลับไปด้วยหัวใจที่เบิกบาน ผ่านงานสร้างที่มีคุณภาพ โดยได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตร ที่มีความสนใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมละครเวทีขนาดเล็ก เพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินได้ท้าทาย และขยายฐานสู่แนวทางใหม่ในการสร้างงาน

นอกจากโอกาสและประสบการณ์แล้ว ทางโครงการยังมอบ Seed Investment (ทุนตั้งต้น) ให้กับโปรเจกต์ที่ผ่านการคัดเลือก เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ในแนวทาง Art Commercial & Sharing Benefit โครงการ Poems Dimension จึงเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ และช่วยให้ละครเวทีโรงเล็กยังคงมีชีวิตชีวา เปิดพื้นที่ให้เสียงใหม่ ๆ ได้เปล่งออกมา และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างลึกซึ้งให้กับผู้ชมอีกด้วย

‘ ละครเวทีโรงเล็ก ’ จึงไม่ใช่เพียงพื้นที่จัดแสดง แต่เป็นขบวนการทางศิลปะที่ท้าทายกรอบคิดของสังคม เป็นเวทีของคนตัวเล็กผู้มีเสียงแต่ยังไม่ถูกได้ยิน และเป็นศักดิ์สิทธิ์สถานซึ่งเชื่อมร้อยระหว่างศิลปะกับจิตวิญญาณแท้จริงของมนุษย์

 

 

พื้นที่เล็ก แต่ความหมายยิ่งใหญ่

POEMS DIMENSION : “ Poetry You Can Feel in New Dimensions ”

เจษ-เจษฎา ด่านปาน (Jade Jessada Danparn) ประธานบริหารกลุ่มบริษัทเจริญสุข คอร์เปอเรท กรุ๊ป จำกัด (CCG) ผู้ก่อตั้งโครงการ “ Poems Dimension ”  สำหรับเขา ‘ ละครโรงเล็ก ’ คือ

 

 

เวทีละครโรงเล็กที่เปิดให้ทุกโอกาสได้เติบโต

จากกลางปี 2568 ที่เป็นจุดเริ่มเพิ่มพูนผลงานคุณภาพผ่านมาแล้วถึง 6 เรื่อง ซึ่งใช้เวลาทำงานนานมากกว่า 6 เดือน เป็นสัญญาณเตือนว่า POEMS DIMENSION ไม่ได้เป็นแค่เวทีเท่านั้น แต่เป็น พื้นที่บ่มเพาะ (incubator) สำหรับผู้กำกับ นักเขียนบท นักแสดง และทีมงานทุกฝ่าย ต่างมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างงานให้ ‘ ตอบโจทย์ทั้งในเชิงศิลปะ และเสริมทักษะการอยู่รอดในเชิงธุรกิจ ’ ไปพร้อมกัน นั่นทำให้งานสร้างแต่ละทีมของ POD  มี DIMENSION ที่ัชัดเจนร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ

1. กลุ่มที่ผ่านการกลั่นกรองได้รับทุนตั้งต้น ได้รับโอกาสเปิดกว้างในทุกแนวทางที่ต้องการ Realism / Drama / Immersive / Experimental ฯลฯ เพราะ POD มีความเชื่อว่า ‘ การเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการได้ลงมือทำจริง ’ ศิลปินรุ่นใหม่ได้แสดงออก ได้ทดลอง พัฒนาแนวทางการสื่อสารในแบบของตนเอง

2. เนื้อเรื่องมุ่งประเด็นการค้นหา เรียนรู้ อยู่กับความจริงในโลกปัจจุบันอย่างคนที่เท่าทัน และนำเสนอทักษะการใช้ชีวิต ไม่เป็นพิษต่อตัวเองและสังคม การแสดงที่ถูกคัดสรรมาจากเหล่าศิลปินรุ่นใหม่ ไม่ได้มีเพียงแค่การเล่าเรื่องธรรมดา แต่เป็นการปลดปล่อยความคิดที่สดใหม่ ท้าทายขอบเขตเดิม ๆ และสร้างมิติใหม่แห่งการแสดงบทกวี ผู้ชมได้เห็นมุมมองที่แตกต่าง สร้างพลังใจ

3. จำนวนนักแสดงที่ผ่านการคัดเข้มเต็มศักยภาพ ประมาณ 3-5 คน ต่อเรื่อง จำนวนผู้ชม 30 คน/รอบ ประเภทที่นั่ง  Free Seating

4. Art Direction เหมาะกับเรื่องและใช้ประโยชน์สูงสุดในแนว Minimal Space Shape & Form (โจทย์คือพื้นที่จำกัดใน Home Office ขนาดเล็ก ใช้ 2 ชั้น )

5. มีอุดมการณ์ร่วมกันในทิศทางสำคัญต่องานพัฒนาละครเวทีไทยในมิติของสังคม วัฒนธรรม ดั่งปณิธาน “ เราต้องการพัฒนา ‘ ละครเวที ’ จากพื้นที่เพื่อความบันเทิง ให้สามารถเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ การตั้งคำถาม และการจุดประกายเรื่องความยั่งยืนในสังคม ”

 

 

เสน่ห์ละครโรงเล็ก และลักษณะเฉพาะของ POEMS DIMENSION

1. การคัดเลือกเรื่องมีเนื้อหาตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลัก คนรุ่นใหม่ที่รักในละครเวที นำเสนอผ่านกลุ่มชนชั้นกลางที่กำลังเรียนรู้ทิศทางวางชีวิต ทดลองถูกผิดในปัจจุบัน ไฝ่ฝันถึงอนาคตที่ดี ขะยี้ได้ละเอียดชัดเจนต่อสารที่ต้องการสื่อ ถือประเด็นผ่านบทที่มีโครงสร้างของเรื่องสั้น กลั่นออกมาได้ตรงจุด , ฉุดแรงบันดาลใจ , ให้พลังภายในเพื่อไปต่อ , ล่อด้วยรูปแบบ-แนวทางที่ต่างกัน ฯลฯ

2. งานออกแบบ Production Design มี Art Interiors ที่ดูดี ตอบโจทย์ได้ในพื้นที่จำกัดโดยเฉพาะ ฉาก ในแนว Minimal Space Shape & Form เกิดความชิดใกล้ให้ผลลึกต่อความรู้สึกคนดู ผู้ชมเป็นเสมือนหนึ่งในองค์ประกอบการแสดง

3. นักแสดงทุกคน ทุกรุ่น ที่ผ่านการคัดเลือกมีความสามารถระดับมืออาชีพ เหมาะสมกับบทบาท ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ (ส่วนใหญ่เป็นรุ่นใหม่มืออาชีพ) ในณะเดียวกันก็เปิดช่องทางสำหรับนักแสดงและทีมงานหน้าใหม่ และนักศึกษาฝึกหัด จัดให้มีโอกาสร่วมงานกับ Professional ของแต่ละแผนก

4. บรรยากาศและการต้อนรับขับสู้สู่โรงละครเล็กอบอุ่นด้วยพลังงานดี มีรายละเอียดของมิตรภาพ ทีมงานอัธยาศรัยน่ารัก ใส่ใจดูแลผู้ชมที่ไม่ใช่แค่ Welcome Drink (จอกน้ำใจ) เหนื่อยมาจากไหนก็ผ่อนคลาย ให้ความรู้สึกเหมือนไปดูการแสดงที่บ้านเพื่อน ทุกเดือนหนุ่มสาวรวมกลุ่มสุมหัวดูละครกันเป็นแก๊ง ที่นี่คือแหล่งเรียนรู้ สู้ไปด้วยกัน

5. งานโฆษณา-แผนประชาสัมพันธ์ชัดเจนในจุดขาย ให้ความหมายต่อพื้นที่เวทีเสมือน ‘ สถาบันเพื่อการพัฒนาละครเวที ’ , นอกจากข่าวความเคลื่อนไหว ยังนำเสนอบทความที่ให้ความรู้ประเด็นเกี่ยวข้องกับละครวที มีลูกเล่น เน้นจิตวิทยา , เปิดแผนล่วงหน้าข้ามปีให้ผู้ที่สนใจได้มีเวลาเตรียมงาน , ชวนอ่านเกมส์การตลาด , Artwork เก๋ , มี Gimmick หยิกแกมหยอกสัพยอกใจ ฯลฯ

6. ทุกเรื่องมีตัวช่วยขยายงานการตีความด้วย ‘ คมคำถาม-งามคำตอบ ’ ในรอบพิเศษเปิดวงสนทนา เชิญผู้ชมมาแชร์ประสบการณ์ ให้อาหารใจ ได้คุยกับตัวตน ตามคติโบราณที่ยังทันเหตุการณ์-ทันสมัยอยู่เสมอว่า… “ ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว ” … (ชวนจับเข่าฟัง นั่งวิเคราะห์ในช่วง Post Show Discussion กิจกรรมพิเศษหลังจบการแสดง) เสมือนงานถอดบทเรียนจากบทละคร สะท้อนผ่านบทสัมภาษณ์ ผู้กำกับ & นักแสดง แฝงปัญญาญาณผ่านบทความชวนคิด-จิตวิเคราะห์ ด้วยการตั้งคำถาม  ดูละครเวทีแล้วฉลาดขึ้น และใจอ่อนโยนขึ้นจริงหรือไม่ ”  พร้อมมอบคำตอบในบทความหัวข้อน่าสนใจ “ ทำไม ‘ สด ’  จึงต่าง ” เป็นอีกหนึ่งแนวทางการ ‘ เยียวยาจิตจากพิษซึมเศร้าของยุคสมัย ’ ด้วยคุณสมบัติพิเศษเฉพาะของละครเวที

7. หลังจบโปรแกรมการแสดงองแต่ละเรื่องจะมีพิธีเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความหมายละเอียดอ่อน “ POD Ceremony ” วัฒนธรรมแห่งการส่งต่อและการอำลาที่ศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วย การส่งมอบผ้าคลุมสีแดงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผ้าม่านด้านหน้าโรงละคร ระหว่างผู้กำกับเรื่องล่าสุดที่เพิ่งจบไปกับเรื่องใหม่ที่กำลังจะตามมา และการตัดเอ็นป้ายชื่อละครเรื่องเก่าแล้วเปลี่ยนเป็นเรื่องใหม่ มีความหมายพิเศษทั้งต่อนักแสดง ทีมงาน ผู้ชม และพื้นที่ สัญลักษณ์ของการส่งมอบพันธกิจ แนวคิด ที่ไม่ใช่เพียงผลงานการแสดง 

 

 

In Real Time and In Real People : ทำไม ‘ สด ’  จึงต่าง [3]

POEMS DIMENSION  ย้ำจุดขายหลัก ก่อนอ้อนให้ผู้ชมตกหลุมรักละครเวทีด้วยความเป็น ‘ ละครโรงเล็ก ’ ที่อบอุ่นอวลอายลมหายใจเดียวกัน ระหว่างคนดูกับผู้แสดง และเสน่ห์เฉพาะตัวของ ‘ การแสดงสด ’  ที่สามารถสัมผัสได้ถึงหัวใจ ภาย ในห้องมืดใบเดียวกัน นั่งหายใจจังหวะเดียวกัน ฟังเสียงเดียวกัน มองเรื่องเดียวกันที่กำลังเกิด ‘ ตรงหน้า ’  ไม่ใช่ในจอ ความร่วมสมัยของช่วงเวลานี้ทำให้ละครเวทีไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกาย ผ่อนคลาย เยียวยา นำมาซึ่งความสุข

 

1. สมองคมขึ้น รู้ลึก คิดเป็น เปิดโลก

การได้เห็น ได้ยิน ได้รู้สึก ไปพร้อมกับตัวละคร ทำให้ข้อมูลที่ได้รับไม่ใช่แค่ข้อเท็จจริง แต่เป็น ‘ ความข้าใจที่มีบริบท ’ (context-rich)

เราได้จับประเด็นโครงเรื่อง เหตุและผล ภาษาพูด ภาษากาย และความหมายระหว่างบรรทัด สิ่งเหล่านี้ทำให้การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) ติดตัวหลังจบการแสดง คล้ายทัศนศึกษา ( Field Trip) ที่ได้หลักฐานจริงตรงหน้า มากกว่าบทเรียนบนกระดาษ

‘ ละครสด ’ คือ ‘ เครื่องเร่ง ’ การเรียนรู้ เราเข้าใจเนื้อหาเร็วขึ้น จำได้นานขึ้น เพราะผูกติดกับภาพ เสียง และอารมณ์ที่ได้สัมผัสพร้อมกัน

 

2. จิตใจอ่อนโยนขึ้น ฝึกเข้าอกเข้าใจโดยไม่ต้องสั่งสอน (Empathy)

ละครพาเรา ‘ เข้าไปอยู่ในรองเท้าของคนอื่นชั่วคราว ’ รับรู้ความคิด ความกลัว ความฝัน และเหตุผลของเขา การ ‘ อยู่ร่วมห้อง ’ ทำให้เราเปิดพื้นที่ให้เรื่องของผู้อื่นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องบอกว่าจงเห็นใจ แต่ใจจะค่อย ๆ อ่อนลงเองเมื่อได้มองโลกจากมุมของเขา

เวทีสดเปลี่ยน ‘ ความเข้าใจด้วยหัว ’  ให้กลายเป็น ‘ ความเข้าใจด้วยหัวใจ ’ จึงต่อยอดไปสู่ทัศนคติที่ดีขึ้น และ ‘ พฤติกรรมโปรสังคม ’ ได้จริง [Prosocial Behavior คือ การกระทำใด ๆ ที่มีเจตนาช่วยเหลือ เกื้อกูล หรือสร้างประโยชน์แก่ผู้อื่นและสังคมโดยรวม] [4]

 

3. เรารู้สึกร่วม ‘ พร้อมกัน’ ทั้งโรง คือกลไกที่อธิบายได้ด้วย ‘ ตัวชี้วัดทางสรีรวิทยา ’ (Physiological Measures)  เพราะสิ่งนี้คือ ‘ ดัชนีการมีอารมณ์ร่วมทางกายภาพ ’ (Physical Arousal Index)

ทีมนักวิจัย UCL แสดงหลักฐานทางชีวสรีรวิทยาว่า ชีพจรของผู้ชม ‘ ซิงค์ ’ กัน ระหว่างชมการแสดงสด (Synchronize ระบบการทำให้หลายสิ่งหลายอย่างทำงานประสานกัน, พร้อมกัน, หรือในจังหวะเดียวกัน เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและเป็นระบบเดียวกัน) แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อน สื่อให้เห็นว่าการอยู่ร่วมในห้องเดียวกันกับเรื่องเล่าที่ทรงพลัง ทำให้เกิดการประคองอารมณ์ร่วมและสร้างความผูกพันกลุ่ม ซึ่งเป็นฐานสำคัญของความเห็นอกเห็นใจและการเรียนรู้ทางสังคมแบบลึก

 

4. หลักฐานเสริมจาก ‘ การฝึกการแสดง ’

ฝั่ง ‘ ผู้แสดง ’ ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจเช่นกัน Goldstein & Winner ติดตามเด็กและวัยรุ่นที่เรียนการแสดง 1 ปี เทียบกับกลุ่มเรียนศิลปะแขนงอื่น พบว่า acting training ทำให้ ‘ empathy ’ และ ‘ theory of mind ’  โตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ชี้ว่า ‘ การสวมรองเท้าคนอื่น ’  ผ่านละคร หล่อเลี้ยงทักษะใจที่เป็นฐานของความเข้าใจมนุษย์ ซึ่งสะท้อนกลับไปยังผู้ชมที่ซึมซับกระบวนการนี้ผ่านการ ‘ ดูสด ’ เช่นกัน

[ ‘ การสวมรองเท้าคนอื่น ’ Put yourself in someone else's shoes หมายถึง การลองทำความเข้าใจสถานการณ์ ความรู้สึก หรือมุมมองของผู้อื่น โดยจินตนาการว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา เพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจอย่างลึกซึ้ง (Empathy) ]

 

5. คุณค่าเชิงสุขภาวะ ไม่ใช่แค่ซาบซึ้ง แต่ดีต่อสังคม

สรุปหลักฐานเชิงนโยบายโดยกระทรวงวัฒนธรรมอังกฤษ (DCMS) และทีมนักวิจัย UCL/WHO ชี้ว่าการมีส่วนร่วมในศิลปะการแสดง (ไปดู/เข้าร่วม) เกี่ยวโยงกับสุขภาวะกาย ใจที่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตสูงขึ้น และประโยชน์ทางเศรษฐสังคม (ผลิตภาพ/ลดการใช้บริการสุขภาพที่ไม่จำเป็น)

ละครเวทีสดทำให้เรา ‘ ฉลาดขึ้น ’ เพราะความรู้ถูกผูกเข้ากับประสบการณ์จริง และทำให้เรา ‘ จิตใจอ่อนโยนขึ้น ’ เพราะได้เดินทางในโลกของผู้อื่นอย่างปลอดภัยและจริงใจ ในพื้นที่เดียวกัน ช่วงเวลาเดียวกัน กับมนุษย์จริงที่หายใจอยู่ตรงหน้า

เมื่อม่านปิดลง เราไม่ได้กลับบ้านพร้อมเรื่องราวเท่านั้น แต่กลับไปพร้อมวิธีมองโลกที่ลึกขึ้น อ่อนโยนขึ้น และพร้อมจะรับฟังกันมากขึ้นด้วย

แหล่งอ้างอิง

  • Education Next/ERIC: ผลสุ่มทดลอง field trip ดูละครสด—การเรียนรู้และมุมมองทางสังคมดีขึ้น.
  • UCL : หัวใจผู้ชมเต้นสอดจังหวะในโรงละคร—ดัชนีการมีอารมณ์ร่วมทางกายภาพ
  • JESP (Rathje et al., 2021): การเข้าชมละครสดเพิ่ม empathy/เปลี่ยนทัศนคติ/โปรสังคม.
  • Neural synchrony ล่าสุด (2025): ปฏิสัมพันธ์ตรงกับผู้ชมเพิ่มการซิงก์ของสมอง/engagement.
  • DCMS × UCL/WHO: สรุปหลักฐานศิลปะกับสุขภาวะและประโยชน์ทางเศรษฐสังคม.

 

 

ถ้าคิดถึงฉัน ...

แล้วอยากพบกันอีกครั้ง

ก็ขอให้ลอง

ส่องเข้าไปในกระจก

 

 

เธอกลับมา...เพื่อขอค็อกเทลแก้วหนึ่ง 
ไม่ใช่เพื่อดื่ม แต่เพื่อ “บอกลา” ใครบางคน 
แต่ค็อกเทลแก้วนั้น ไม่มีอยู่ในเมนูอีกต่อไป

คำพูดสุดท้ายที่ไม่เคยเอ่ย...อาจรินได้อีกครั้ง 
Last Word – ค็อกเทลแก้วสุดท้าย

นำแสดงโดย 
กังหัน ชนณฐ เรืองช่วย 
มีสุข ชิดชม สัจจะผลกุล 
กีต้าร์ ตันติกร เมืองหนองหว้า

บทประพันธ์ - วิธวินท์ ธนะชัย 
กำกับการแสดง - วิธวินท์ ธนะชัย

เปิดการแสดง 22 - 31 สิงหาคม 2568 
จำนวน 10 รอบการแสดง บัตรราคาปกติ 800 บาท  
ระยะเวลาการแสดง 90 นาที/รอบ (ไม่มีพักครึ่งระหว่างการแสดง) 
จำนวนที่นั่ง 30 ที่นั่ง/รอบ ประเภทที่นั่ง  Free Seating 
พิเศษ: ทุกที่นั่งในทุกรอบจะได้รับเครื่องดื่ม Welcome Drink (NON ALCOHOLIC)

กิจกรรมพิเศษ 
วันเสาร์ที่ 23 รอบ 19:30 หลังจบการแสดงจะมีกิจกรรมสนทนา 
Post-Show Discussion ผู้กำกับ และนักแสดง 
วันอาทิตย์ที่ 31 รอบ 19:30 หลังจบการแสดงจะมีกิจกรรม 
POD Ceremony (กิจกรรมส่งผ้าคลุมให้ผู้กำกับเรื่องต่อไป)

สถานที่แสดง: CCG Private Studio (Town in Town, Bangkok) 
Location: https://maps.app.goo.gl/QwsmF95xA6xnraV46

 

 

เราไม่รู้หรอกว่าตอนนี้คุณกำลังเจออะไรอยู่

แค่ทำงานให้รอดก็แทบหมดแรงแล้ว

 

แต่ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่า…

ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังแบกอยู่

ขอแค่ 90 นาที ให้เราเล่าเรื่องของคุณกลับมาให้คุณฟัง

 

“ฉัน / me, myself & I”

คือพื้นที่เล็ก ๆ ที่คุณจะไม่ถูกตัดสิน

แม้คุณจะยังไม่โอเค

 

เรื่องย่อละครเวทีเรื่อง “Me, Myself & I”

ละครเวทีแนว Musical Coming of Age Drama ที่พาผู้ชมดำดิ่งสู่บทสนทนาอันซับซ้อนระหว่าง “ตัวฉัน” ใน 3 ช่วงวัย 16, 26 และ 36 ปี ที่มาพบกันในพื้นที่แห่งความทรงจำ และต่างฝ่ายต่างตั้งคำถามถึงเส้นทางที่ตัวเองเลือก

ท่ามกลางบทพูดที่ทั้งจริงใจและปวดร้าว ตัวละครแต่ละคนได้ เปล่งเสียงเพลง ที่ถ่ายทอดความฝัน ความลังเล และความหวังของตัวเองอย่างไม่ปิดบัง ทำให้ “เสียงร้อง” กลายเป็นภาษาที่จริงที่สุดในวันที่ไม่มีใครฟังกันอีกแล้ว

ในขณะที่วัย 16 ร้องด้วยความเชื่อมั่น วัย 26 เริ่มสั่นคลอน และวัย 36 ร้องด้วยเสียงที่กลั่นมาจากความเสียใจ ทุกเพลงกลายเป็นร่องรอยของ “ชีวิต” ที่เคยทุ่มเทอย่างเต็มที่ แม้มันอาจไม่สมบูรณ์

เพราะบางครั้ง... คำถามในใจก็ไม่ได้ต้องการคำตอบ 
แต่ต้องการแค่ “ใครสักคน” ที่จะเข้าใจ

“Me, Myself & I” คือบทเพลงแห่งการเติบโต ที่ไม่ได้สอนให้เรากล้าฝัน... 
แต่สอนให้เรา “ให้อภัยตัวเอง” แม้ความฝันจะไม่ได้เป็นจริง

 

นักแสดง

+ คีย์ ชนิสรา ไพศาลดวงจันทร์ 
+ เตย ณิชา รอดอนันต์ 
+ เฟื้อง รักชน พุทธรังษี

บทประพันธ์

+ จันทกร งามสมประสงค์

ประพันธ์ดนตรี

+ ภวินท์ แย้มกลีบ 

กำกับการแสดง

+ ภวินท์ แย้มกลีบ

อำนวยการผลิต

+ เจษฎา ด่านปาน

ควบคุมการผลิต

+ POEMS DIMENSION

รอบการแสดง “Me, Myself & I”

เปิดม่าน 19 - 28 ก.ย. 2568 (2025) จำนวน 10 รอบการแสดง 

 

 

“ เผาลี่ ” กับ ‘ ปรากฏการณ์ละครโรงเล็ก ’

‘ ปรากฏการณ์ละครโรงเล็ก ’ ใน “ เผาลี่ ” คือการได้รับความความนิยมสูงสุดจากละครทั้ง 6 เรื่อง ในครึ่งปีแรก (2569/2025) ของโครงการ Poems Dimenssion ที่โดดเด่นทั้งรูปแบบ (Immersive Walking Experience) และเนื้อหาที่หนักหน่วง แต่ถูกถ่วงดุลด้วยการแสดงแนว Movement ในทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องแรกช่วงเปิดเรื่อง ให้ความรู้สึกสยิว-สยอง เพราะทั้งการออกแบบฉากและการแสดงทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ากำลังก้าวเข้าสู่ ‘ โลกภายในของใครบางคน ’ การ move อย่างมีความหมาย ที่บอกภารกิจ วิถีชีวิต และแรงปรารถนาของความเป็นหญิง กับสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ลีลาที่ทำให้น่าค้นหา  น่าสนใจ

สิ่งที่สั่นประสาทไม่ใช่

ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ หนึ่งในนักแสดง 4 คน ที่โดดเด่นสายเด็กคือน้อง นีโอ ด.ช. ณคริส ลิมปรัทกาญจนา อายุ 7 ขวบ เจ้าของรางวัล “ KIDS e-Influencer 2025 ” คนล่าสุด จาก e-Influencer Thailand  เป็นหนึ่งในนักแสดงหน้าใหม่ของวงการเด็กที่น่าจับตา เพราะเขาไม่ใช่แค่ ‘ น่ารักในกล้อง ’ แต่ยังเล่าเรื่องได้เป็นธรรมชาติอย่างน่าแปลกใจ นีโอเริ่มเป็นที่รู้จักจาก content ส่วนตัวในชื่อ “ Neo Nachris เจอนีไปเจอนี่ ” ตามสถานที่และกิจกรรมสำหรับเด็ก ก่อนต่อยอดสู่บทบาทพิธีกรรายการเด็ก “ หนูทดลอง Little Explorers ” ที่โชว์ด้านขี้สงสัยและกล้าลองของจริง ๆ ด้านงานโฆษณา นีโอมีผลงาน “ TVC The Connect บ้านพฤกษา ” ซึ่งได้ทั้งแสดงและพากย์เสียงเอง เพิ่มมิติความเป็น "นักเล่าเรื่องตัวน้อย" ที่ครบเครื่อง ขณะเดียวกันในชีวิตประจำวันเขายังเป็นนักเรียนโปรแกรมภาษาอังกฤษของ โรงเรียนสาธิตรามคำแหง บางนา และเคยคว้ารางวัลกิจกรรมของโรงเรียน สะท้อนว่าความมุ่งมั่นไม่ได้อยู่แค่หน้าเลนส์ 

คำที่คนรอบตัวมักได้ยินจากนีโอคือ “ ลองก่อน ” นิสัยง่าย ๆ ที่พาให้เขาก้าวจากเด็กที่ชอบรีวิวไปเป็นเด็กที่ สื่อสาร และ เชื่อมต่อกับผู้คนผ่านเรื่องเล่าของตัวเอง วันนี้นีโอคือภาพแทนของความอยากรู้อยากเห็นที่งอกงามอย่างพอดี และพรุ่งนี้ไม่ว่าเขาจะไป “ เจอนี่ ” ที่ไหน เราก็พร้อมตามดูด้วยรอยยิ้มเสมอ

 

 

ชอบการเปรียบเทียบความหมายที่เป็นหัวใจของเรื่องกับพฤติกรรมของ กิ้งก่า

1. การ ‘เปลี่ยนสี’ เพื่อเอาตัวรอด

กิ้งก่าต้องปรับสีเพื่อให้ถูกยอมรับในสภาพแวดล้อม เหมือนมนุษย์ที่ต้อง "เปลี่ยนตัวเอง" ให้เข้ากับความคาดหวังของสังคม

2. สูญเสียตัวตนโดยไม่รู้ตัว

พอเปลี่ยนสีจนชิน สุดท้ายมันก็จำไม่ได้ว่าสีจริงของตัวเองคืออะไร นี่คือภาพเดียวกับคนที่วิ่งตามชื่อเสียงหรือความสำเร็จจนลืมว่า "เราเคยเป็นใคร"

3. อยู่รอด แต่ไม่ได้มีความสุข

มันเป็นสัตว์ที่อยู่รอดเก่ง แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นสัตว์ที่ "มีอิสรภาพ" เหมือนคนที่ชนะทุกเวที ยกเว้น "เวทีในใจตัวเอง"

4. การถูกเพ่งมอง กิ้งก่าเป็นสัตว์ที่คนชอบจับตามองด้วยความตื่นเต้นหรือกลัว สะท้อนแรงกดดันจากสังคมที่คอยจับจ้องทุกการก้าวของผู้ประสบความสำเร็จ

5. ความเปราะบางแต่แข็งแรง ภายนอกดูนิ่ง เฉยชา อยู่ตัว แต่จริง ๆ เป็นสัตว์ที่เครียดง่ายและตอบสนองต่อสิ่งเร้าไวมาก

6. สัญลักษณ์ของคนที่ต้อง "แปลงสภาพ" เพื่อรอดในระบบ ในบริบททุนนิยมหรือสังคมการแข่งขัน

คนจำนวนมากต้องทำตัวเหมือนกิ้งก่า เปลี่ยนตามสถานการณ์ ปรับเพื่อเอาใจคนอื่น ถูกบังคับให้ "เป็นได้ทุกแบบ ยกเว้นแบบที่เป็นตัวเราเอง"

 

 

ละครเวทีส่งท้ายปีจาก POEMS DIMENSION

“ Resonance of Heights ” (เสียงสะท้อนจากที่สูง) เรื่องราวของ ดาดฟ้า บาร์ลับ หัวใจ

และการตัดสินใจระหว่าง "อดีต" กับ "พรุ่งนี้" ละครเปิดตัวด้วยคำถามสะท้อนใจ “ เคยคุยกับคนแปลกหน้า แล้วใจเบาลงไหม ”

บนชั้นสูงสุดของเมืองในคืนสิ้นปี ชายสองคนเริ่มต้นจากบทสนทนาธรรมดา ก่อนค่อยๆ คลี่ความทรงจำ ความฝัน และภาระของครอบครัวที่กดทับมานาน

เสียงเพลงจากบาร์ลับพาใจกลับไปหาวัยเยาว์ และความจริงเรื่อง "ดวงดาว"

ทำให้พวกเขาเห็นกัน และกันชัดขึ้น นี่คือการเดินทางจากความเงียบงันสู่ความหวัง ที่ชวนให้เชื่อว่าพรุ่งนี้เริ่มใหม่ได้เสมอ

เราขอชวนคุณขึ้นมาพบละครที่พูดกับความเหงาอย่างอ่อนโยน และพาความหวังกลับบ้าน ถ้าคุณพร้อมจะเริ่มต้นพรุ่งนี้แบบไม่เดียวดาย

แสดงโดย

วิน ภวัต สิริธีรภัคกุล

พรีม พีรทัต พรมเทศ

เอ็ม กฤติณัฏฐ์ อัศวณรงค์กุล

บทประพันธ์/กำกับการแสดง

สุธิดา สิงหราช

 

เปิดการแสดง 12 - 21 ธันวาคม 2568

กิจกรรมพิเศษ

วันเสาร์ที่ 13 รอบ 19:30 หลังจบการแสดงจะมีกิจกรรมสนทนา

Post-Show Discussion ผู้กำกับ และนักแสดง

วันอาทิตย์ที่ 21 รอบ 19:30 หลังจบการแสดงจะมีกิจกรรม

POD Ceremony (กิจกรรมส่งผ้าคลุมให้ผู้กำกับเรื่องต่อไป)

การแสดงนี้เหมาะกับผู้ชมที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป

ระยะเวลาการแสดง: 90 นาที/รอบ (ไม่มีพักครึ่งระหว่างการแสดง)

จำนวน: 30 ที่นั่ง/รอบ พิเศษ: ทุกท่านจะได้รับเครื่องดื่ม Welcome Drink(NON ALCOHOLIC)

 

 

บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ “ครูโบ”

ผศ. สุธิดา สิงหราช — ผู้กำกับการแสดง

 

Q: ถ้าให้เล่า “ละครเรื่องนี้ในหนึ่งประโยค” ที่ไม่ใช่เรื่องย่อ แต่คือความรู้สึกที่อยากให้คนดูพกกลับบ้านหลังม่านปิด จะพูดว่าอะไร?

A (ครูโบ): “ตัวตนของเราเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด หากวันหนึ่งต้องแลกมันไปกับอะไร ก็ขอให้สิ่งนั้น ‘คู่ควร’ กับการแลกจริง ๆ”

ขยายความ: ละครเรื่องนี้ตั้งคำถามแบบซื่อสัตย์มาก ๆ ว่า เรากำลังใช้ชีวิตตามความคาดหวังของใคร และราคาที่จ่ายไป—เวลา ความสัมพันธ์ หรือความสงบในใจ—คุ้มค่าหรือไม่ เป้าหมายคือให้คนดู “กล้าสำรวจตัวเอง” อย่างอ่อนโยน ไม่ตัดสิน

Q: ตอนกำกับฉากสำคัญ มีคำพูดไหนที่บอกนักแสดงแล้วจำมาถึงวันนี้บ้าง?

A: “ด้านขวาของเวที—ทางที่ผู้ชมเดินเข้าสู่โรงละคร—จุดที่ตัวละครมายืนตรงนี้ คือ ‘บ่อเหวของความทุกข์และการสูญเสีย’ เป็นห้วงเวลาแห่งความตรอมตรมที่เราแต่ละคนอาจเคยผ่าน แต่สุดท้าย เราต่างก็ก้าวข้ามและย้ายไปยืนอีกฝั่งได้เสมอ”

ขยายความ: เราออกแบบ “ทิศทางอารมณ์” บนเวทีให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของตัวละครจริง ๆ ด้านขวาคือภาวะถดถอย/สูญเสีย ด้านซ้ายคือการฟื้นคืน/มองเห็นตัวเองชัดขึ้น นักแสดงจะรู้ว่า “ยืนตรงไหน = สถานะใจไหน” เพื่อให้ความหมายเชิงภาพและอารมณ์ไปด้วยกันโดยไม่ต้องอธิบายเยอะ

Q: ถ้าผู้ชมพลาดละครเรื่องนี้ เขาจะ ‘พลาด’ อะไรไป?

A: “อาจพลาด ‘วิวบนที่สูง’ ที่สะท้อนให้เห็นความงามของชีวิตที่ยังเหลืออยู่”

ขยายความ: วิวบนที่สูงในที่นี้ไม่ใช่แค่วิวเมือง แต่คือ “ระยะห่าง” ที่ช่วยให้เราเห็นเรื่องของตัวเองเล็กลง ชัดขึ้น และเลือกเดินต่ออย่างมีสติมากขึ้น

Q: ความรู้สึกจากการเข้าร่วมโครงการ POEMS DIMENSION?

A: “ประทับใจมากที่ได้ใช้เวลากับสิ่งที่รักที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิต โอกาสจาก POEMS DIMENSION เติมพลังใจและพลังสร้างสรรค์ให้เราเดินหน้าสร้างงานศิลปะต่อไป”

ขยายความ: โครงสร้างสนับสนุนของทีม—ตั้งแต่การพัฒนาบท ห้องซ้อม ไปจนถึงการสื่อสารกับผู้ชม—ทำให้ทีมสร้างสรรค์โฟกัสที่ “คุณภาพของประสบการณ์สด” ได้เต็มที่จริง ๆ

 

 

บทสัมภาษณ์นักแสดง “พรีม”

พีรทัต พรมเทศ — นักศึกษา ปี 3 คณะนิเทศศาสตร์ (สื่อสารการแสดง)

 

ผมหนีเสียงครอบครัว

หนีเงาเก่า ๆ หนีทุกอย่าง

จนเหลือแต่ผมเอง...ที่เหนื่อย

Q: ตอนที่รู้ว่าตัวเองได้เล่นเรื่องนี้ ความรู้สึกแรกคืออะไร?

A (พรีม): “ทั้งกลัวและตื่นเต้นมากครับ เพราะยังไม่ค่อยมั่นใจกับฝีมือของตัวเอง คิดตลอดว่า ‘เราทำได้ไหม บทนี้ควรเป็นเราจริงหรือเปล่า’ แต่ก็ดีใจมาก เพราะผมรักละครเวทีและอยากเล่นมานาน”

Q: คุณได้เรียนรู้อะไรจากตัวละครที่เอาไปใช้ในชีวิตจริงได้?

A: “ผมมอง ‘ธัช’ ว่าเขาไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง—เหมือนผมเลย แต่ระหว่างเรื่อง เราเห็นความคิดของเขาเติบโตขึ้นมาก ผมเลยเหมือนได้เติบโตไปพร้อมกับตัวละคร ได้เรียนรู้การเชื่อฟังตัวเอง และค่อย ๆ ยอมรับตัวตนตัวเองอย่างจริงจัง”

Q: มี reference หรือแรงบันดาลใจอะไรตอนตีความตัวละครนี้?

A: “ชีวิตของผมเองครับ ‘ธัช’ กับผมมีแบ็กกราวด์คล้ายกัน ทั้งเส้นทางชีวิต ปัญหาในครอบครัว และช่วงวัยที่กำลังค้นหาตัวตน ต่างกันตรงที่ผมเป็นลูกคนเล็กเลยไม่ได้กดดันเท่า แต่ความรู้สึกหลายอย่างมันตรงกันมาก ทำให้ผม ‘เข้าใจ’ ธัชได้จากข้างใน”

Q: เคยมีช่วงที่รู้สึก ‘ไม่เก่งพอ’ ไหม อะไรทำให้ฮึดขึ้นมาอีกครั้ง?

A: “เป็นประจำเลยครับ ผมอยากเก่ง อยากได้รับการยอมรับจากสังคม เพื่อน คนรอบตัว และสำคัญที่สุดคือพ่อแม่ เพราะทั้งสองท่านเก่งมาก ผมเลยพยายามทำหลายอย่าง—แต่งเพลง หางานทำ ไม่อยู่นิ่ง เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แม้วันนี้คำตอบอาจยังไม่ชัด แต่สิ่งที่พาผมไปต่อคือ ‘ความกล้า’ ผมบอกตัวเองเสมอว่า อย่าท้อ เราทำได้ และลุยกับมันใหม่ทุกครั้ง”

Q: แนะนำตัวเอง ผลงานที่ผ่านมา และมุมมองต่อละครเวที

A: “ผม ‘พรีม พีรทัต พรมเทศ’ ตอนนี้เรียนปี 3 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารการแสดง ผลงานที่ผ่านมา: ซีรีส์ every you every me ทุกๆ เธอที่รัก และ The Bangkok Boy มุมมองของผม—ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เสพซีรีส์กับภาพยนตร์มากกว่า แต่ในมุมของเด็กนิเทศ ผมเชื่อว่าละครเวทีกำลังกลับมาแน่นอน เพราะมันไม่เคยตาย และไม่มีสื่อไหนทดแทน ‘การอยู่ร่วมกันตรงนั้น-ตอนนั้น’ ได้”

++++++++++++++++++++

 

 

บทสัมภาษณ์นักแสดง “วิน” ภวัต สิริธีรภัคกุล

 

ผมสอนให้คนอื่นเริ่มต้นใหม่

“แต่ผมลืมสอนตัวเอง”

คืนนี้...ขอลองเป็นนักเรียนอีกครั้ง

Q: แนะนำตัว ผลงานที่ผ่านมา และมุมมองต่อละครเวที

A: “ผมวินครับ ไม่พูดเยอะ—มาเจอกันดีกว่า (ยิ้ม) งานละครเวทียังไม่มีครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ก็เลยตั้งใจมากเป็นพิเศษ สำหรับผม ละครเวทีคืออีกจักรวาลที่ต้องเคารพ—สด ซื่อสัตย์ และท้าทาย เพราะทุกลมหายใจบนเวทีคือของจริงระหว่างคนแสดงกับคนดู ผมอยากชวนทุกคนมาสัมผัส ‘ของจริง’ ไปพร้อมกัน”

Q: ตอนรู้ว่าได้เล่นเรื่องนี้ ความรู้สึกแรกคืออะไร?

A (วิน): “ขอบคุณมาก ๆ ครับ ตั้งแต่อ่านบทก่อนแคสก็รู้สึกว่านี่เป็นงานที่ ‘ใช่’ ทั้งสนุก ท้าทาย และมีอะไรให้ขุดลึก ผมอยากเล่ามันตั้งแต่นาทีแรกที่ปิดบทจบเลย”

Q: คุณได้เรียนรู้อะไรจากตัวละคร ที่เอาไปใช้ในชีวิตจริงได้?

A: “ตอบแบบไม่สปอยล์นะครับ (หัวเราะ) สั้น ๆ เลยคือ ‘อย่ารับของจากคนแปลกหน้า’ แต่ในภาพใหญ่ ตัวละครนี้สอนเรื่อง ‘การฟังตัวเองให้ชัด’ และ ‘การรับมือกับสิ่งที่แบกอยู่’ ผมเอาวิธีโฟกัสทีละประเด็น—จับ “แกน” ของฉากก่อนแล้วค่อยขยายรายละเอียด—ไปใช้กับชีวิตจริงได้มาก”

Q: มีเรเฟอเรนซ์หรือแรงบันดาลใจอะไรตอนตีความตัวละครนี้?

A: “ลี้คิมฮวงครับ—วีรบุรุษที่ยืนบนหลักการของความรักและศักดิ์ศรี ผมไม่ได้ลอกท่าที แต่หยิบ ‘แกนความซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเอง’ มาเป็นเข็มทิศ เวลาเล่นก็จะเช็กเสมอว่า ‘ฉากนี้ เขายังซื่อสัตย์กับใจตัวเองอยู่ไหม’”

Q: เคยมีช่วงที่รู้สึก ‘ไม่เก่งพอ’ ไหม อะไรทำให้ฮึดกลับมา?

A: “เคยครับ…และครูของผมคือ ‘แมว’ (จริงจังนะ) แมวสอนให้รู้จักจังหวะ—ช่วงนิ่ง ช่วงพุ่ง และการไม่พยายามเกินไป เมี๊ยว เมี่ยว เมี๊ยว เมี๊ยว…แปลภาษาคนคือ รู้จักพัก หายใจ และกลับมาโฟกัสใหม่แบบไม่โทษตัวเอง”

+++++++++++++++++++++

 

 

บทสัมภาษณ์นักแสดง “เอ็ม” กฤติณัฏฐ์ อัศวณรงค์กุล — นักแสดงละครเวที/โทรทัศน์/ภาพยนตร์

 

ถ้าคุณเคย “สัญญากับตัวเองว่าจะเริ่มใหม่” นี่ละครเวทีเรื่องที่จะทำให้

สัญญานั้นเกิดขึ้นจริง

Q: ตอนที่รู้ว่าตัวเองได้เล่นเรื่องนี้ คุณรู้สึกอะไรเป็นอย่างแรก?

A (เอ็ม): “เซอร์ไพรส์และดีใจมากครับ ตอนนั้นกำลังรอขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ แล้วได้รับสายจากพี่โบกัส (ผู้กำกับ) ที่เราเพิ่งเจอกันตอนผมไปออดิชั่นอีกโปรเจกต์เมื่อสัปดาห์ก่อน พี่โบบอกว่าเห็นพัฒนาการและพลังงานบางอย่างที่สอดคล้องกับตัวละคร จึงเล่าโปรเจกต์คร่าว ๆ และอยากส่งบทให้พิจารณา ผมตอบตกลงทันทีตั้งแต่ยังไม่ได้อ่านบท เพราะรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ ‘ครูคนแรก’ ในเส้นทางการแสดงของผมอีกครั้งหลังผ่านมากว่า 10 ปี”

Q: คุณได้เรียนรู้อะไรจากตัวละครนี้ ที่เอาไปใช้กับชีวิตจริงได้บ้าง?

A: “ตัวละครนี้ทำให้ผมเข้าใจ ‘ความเงียบ’ มากขึ้น บางครั้งสิ่งที่ไม่พูดกลับทรงพลังที่สุด เพราะเปิดพื้นที่ให้เราได้ฟังเสียงข้างในอย่างแท้จริง อีกด้านคือการมองโลกตามความเป็นจริง ไม่หลอกตัวเอง ไม่ใช่โลกสวย แต่ก็ไม่สิ้นหวัง—การยอมรับอย่างตรงไปตรงมาทำให้พบ ‘พื้นที่เล็ก ๆ ของความเข้าใจ’ ที่พาเราเดินต่อได้”

Q: มี reference หรือแรงบันดาลใจอะไรตอนตีความตัวละคร?

A: “ผมอิงจากประสบการณ์บางช่วงชีวิต โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงหรือความสูญเสีย สิ่งสำคัญคือความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก—ไม่ใช่แค่ปฏิกิริยาภายนอก แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นข้างใน”

Q: คุณเคยมีช่วงที่รู้สึก ‘ไม่เก่งพอ’ ไหม อะไรทำให้ฮึดขึ้นมา?

A: “เคยครับ แต่ผมไม่ได้มองมันเป็นศัตรูที่ต้องต่อสู้ ผมทำงานด้วยความตั้งใจเต็มที่เสมอ ความรู้สึก ‘ไม่เก่งพอ’ เลยกลายเป็น ‘พื้นที่เรียนรู้’ ให้เติบโตอย่างซื่อสัตย์กับตัวเองมากกว่า”

Q: แนะนำตัวเอง ผลงานที่ผ่านมา และมุมมองต่ออุตสาหกรรมละครเวที

A: “เอ็ม กฤติณัฏฐ์ อัศวณรงค์กุล ทำงานการแสดงมากว่า 20 ปี ทั้งละครเวที โทรทัศน์ และภาพยนตร์ ควบคู่กับการร้องเพลง เขียนบท ออกแบบศิลป์ กำกับ และจัดเวิร์กช็อปพัฒนาศักยภาพทางการแสดง เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลละครเวทีกรุงเทพ 2018 และ Muslim International Film Festival 2021

ผลงานที่ผ่านมาบางส่วน ได้แก่ ละครเวที ‘แกะดำโลกสวย เดอะมิวสิคัล’, ‘ม้า 2018’, ‘เวนิสวานิช’, ‘ลิลิตพระลอ’, ‘รอยดุริยางค์’, ‘The Return of Wanthong’, ‘มังกรสลัดเกล็ด เดอะมิวสิคัล’, ‘เพื่อชาติ เพื่อ Humanity คุณจำกัดลาท่านปรีดี’; ภาพยนตร์ประกวด ‘Baitul (บ้าน)’; มิวสิกวิดีโอ ‘รื้อฟื้น’ (Better Weather); ซีรีส์และละครโทรทัศน์ ‘ภารกิจรัก: ราชนาวีที่รัก’, ‘In Time With You’, ‘สมบัติมหาเฮง’, ‘คนละโลก’, ‘คุณนายสายลับ’, ‘แม่สื่อจอมป่วน’, ‘นายร้อยสอยดาว’

สำหรับผม ละครเวทีคือ ‘พื้นที่ของความจริง’ ที่นักแสดงและผู้ชมได้หายใจร่วมกันตรงนั้น-ตอนนั้น ไม่มีการตัดต่อ อุตสาหกรรมอาจเล็ก แต่หัวใจใหญ่ และยังเติบโตได้ หากเราซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่ทำ ผมอยากเห็นคนเปิดใจให้ละครเวทีมากขึ้น เห็นคุณค่าของการได้ ‘อยู่ร่วมกัน’ เพราะทุกครั้งที่ม่านเปิด เราต่างกำลังเป็นมนุษย์ร่วมกันบนเวทีเดียวกัน—และไม่มีสื่อไหนแทนที่ประสบการณ์นี้ได้”

……..

Resonance of Heights เป็นละครเวทีที่เหมาะกับช่วงสิ้นปีมากๆ ฮะ เนื้อเรื่องในละครจะเป็นวันสิ้นปีพอดี โดยมีผู้ชายหน้าตาดี 3 คน  มารวมตัว แชร์เรื่องราวกันโดยความบังเอิญ (หรืออาจจะไม่ได้บังเอิญ) เพราะท้ายที่สุดละครจะนำไปสู่ความลับเกี่ยวกับ “ดวงดาว” ที่เนื้อเรื่องโดยรวมพยายามจะปูมาตลอด 

นักแสดงของเรื่องมีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น แต่ทั้ง 3 ตัวละคร กลับมีเสน่ห์ที่แตกต่าง และน่าดึงดูดอย่างละสายตาไปไม่ได้ เหมือนแม่เหล็กที่แตกต่างกัน กลับดึงดูดเข้าหากันอย่างน่าประหลาด

เริ่มต้นที่เตชิต (พี่วิน - ภวัต สิริธีรภัคกุล) อาจารย์จักรวาลวิทยา  ผู้ซึ่งมีน้ำเสียงที่อบอุ่น มาดเนี้ยบ ลุคเนิร์ดผสมนายแบบ แต่เมื่อไหร่ที่เขาพูดขึ้น ทั้งจังหวะ บรรยากาศจะพาเข้าสู่ความสงบ พี่เขาจะพาไปฟังอดีตของเขา และอาจทำให้เราย้อนกลับไปคิดอะไรบางอย่าง

ธัช (พี่พรีม - พีรทัต พรมเทศ) หนุ่ม Gen Z หน้าตาดี ที่มีดีกรีไม่ธรรมดา ทั้งรวยและเป็นเจ้าของบาร์ตั้งแต่อายุยังน้อย แม้บุคลิกจะมีความร่าเริง แต่บางอย่างในชีวิตกลับทำให้เขาดูเหงาแบบที่ไม่ควรจะเป็น

ไม้ (พี่เอ็ม - กฤติณัฏฐ์ อัศวณรงค์กุล) ชายหนุ่มบุคลิกดี ดูฉลาดและน่าค้นหา ผู้ปรากฏกายท่ามกลางสายฝน เขากลับเป็นตัวละครลับ ที่ทำให้เกิดความสนุก และเพิ่มพลังให้กับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี

Resonance of Heights

(เสียงสะท้อนจากที่สูง)

ละครเวทีส่งท้ายปีจาก

POEMS DIMENSION

เรื่องราวของ ดาดฟ้า บาร์ลับ หัวใจ

และการตัดสินใจระหว่าง "อดีต" กับ "พรุ่งนี้"

เปิดแสดง 12 - 21 ธันวาคม 2568 จำนวน 10 รอบการแสดง

 

กิจกรรมพิเศษ

+ วันเสาร์ที่ 13 รอบ 19:30 หลังจบการแสดงจะมีกิจกรรมสนทนา

Post-Show Discussion ผู้กำกับ และนักแสดง

+ วันอาทิตย์ที่ 21 รอบ 19:30 หลังจบการแสดงจะมีกิจกรรม

POD Ceremony (กิจกรรมส่งผ้าคลุมให้ผู้กำกับเรื่องต่อไป)

 

 

“ POD Ceremony ” [5] 
วัฒนธรรมแห่งการส่งต่อและการอำลาที่ศักดิ์สิทธิ์

ในโลกของศิลปะการแสดง ‘การแสดงรอบสุดท้าย’ มักจะเต็มไปด้วยความทรงจำและอารมณ์หลากหลาย ทั้งความสุข ความเศร้า ความภูมิใจ และความผูกพัน แต่ที่ POD (Poems Dimension) การแสดงรอบสุดท้ายไม่ใช่แค่การปิดม่าน หากแต่เป็น ‘พิธีกรรม ’ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ศิลปะและผู้คนเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง เรียกพิธีกรรมนี้ว่า “ POD Ceremony ” วัฒนธรรมเฉพาะที่สะท้อนความเชื่อว่า “ การละครไม่เคยสิ้นสุด ” หากแต่ถูกส่งต่อจากมือหนึ่งสู่อีกมือหนึ่ง จากเรื่องหนึ่งสู่อีกเรื่องหนึ่ง

ผ้าคลุมสีแดง คือพลังเวทมนตร์แห่ง ‘ การสร้างโลกละคร ’

เมื่อเสียงปรบมือสุดท้ายจบลงและไฟเวทีดับลงและค่อย ๆ สว่างขึ้นอีกครั้ง จะมีภาพที่คนดูทุกคนรอคอย ผู้กำกับของเรื่องที่เพิ่งปิดม่านไป จะส่งต่อผ้าคลุมสีแดง ให้ผู้กำกับของเรื่องถัดไป ผ้าคลุมสีแดงนี้ไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ธรรมดา แต่มันถูกตัดเย็บจาก ‘ ม่านแดงด้านหน้าโรงละคร ’ ผืนเดียวกัน ม่านที่เปิดขึ้นเพื่อเริ่มต้นการเล่าเรื่อง และปิดลงเมื่อเรื่องนั้นสิ้นสุด ได้ถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นเสื้อคลุมแห่งการสืบทอด

ในวัฒนธรรมของ POD ผู้กำกับไม่ใช่แค่ ‘คนทำงาน’ แต่คือ ‘ผู้ร่ายมนตร์’ ที่เสกคำจากหน้ากระดาษให้กลายเป็นโลกที่ผู้ชมสามารถมองเห็น รู้สึก และเรียนรู้ชีวิตจากละครได้ พิธีส่งต่อผ้าคลุมจึงเปรียบเสมือนการส่งไม้ต่อแห่งเวทมนตร์ซึ่งเป็นพลังในการสร้างภาพฝันจากสิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้ ให้กลายเป็นประสบการณ์จริงตรงหน้าผู้ชม

‘ พิธีตัดเอ็น ’ อำลาเพื่อเริ่มต้นใหม่

อีกหนึ่งช่วงเวลาที่งดงามและสะเทือนใจไม่แพ้กันคือ ‘ พิธีตัดเอ็นป้ายชื่อเรื่อง ’ ที่แขวนอยู่หน้าโรงละครมาตลอดการแสดง ทุกเรื่องของ POD จะมีป้ายชื่อแขวนไว้ และในรอบสุดท้าย ทีมงาน และนักแสดงจะมารวมตัวกัน เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีนี้

เมื่อเอ็นถูกตัด ป้ายชื่อร่วงลงมา นั่นคือสัญญาณว่าเรื่องราวได้อำลาไปแล้วอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่การปิดเพื่อจบ แต่คือการปิดเพื่อ ‘ เก็บความทรงจำ ’ และเปิดทางให้เรื่องใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น

วัฒนธรรมแห่งการเชื่อมโยง

 

POD Ceremony ไม่ใช่เพียงพิธีที่ทำเพื่อความสวยงาม แต่คือการสร้าง ‘วัฒนธรรมร่วม ’ ที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของทั้งศิลปินและผู้ชม

 

‘ สำหรับศิลปิน ’ มันคือการยืนยันว่า สิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นได้ถูกจารึกไว้ในความทรงจำของผู้คนแล้ว

‘ สำหรับผู้ชม ’  มันคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของการอำลาและการส่งต่อ เป็นประสบการณ์ที่ย้ำว่า “ ละครไม่ใช่แค่สิ่งที่เราดู แต่คือสิ่งที่เรามีส่วนร่วม ”

“ POEMS DIMENSION ” พื้นที่ที่ศิลปะไม่เคยตาย

พิธีกรรมเหล่านี้ทำให้ POD ไม่ใช่แค่โรงละครเล็ก แต่คือ ‘สถานที่แห่งการเล่าเรื่อง’ ที่ศิลปินรุ่นใหม่และผู้ชมทุกคนจะได้มาสัมผัสพลังร่วมกัน

ทุกครั้งที่ผ้าคลุมสีแดงถูกส่งต่อ

ทุกครั้งที่เอ็นของป้ายชื่อละครถูกตัดลง

คือการบอกว่า ศิลปะการแสดงของ POD จะไม่มีวันสิ้นสุด

เพราะมันไม่ได้อยู่แค่บนเวที แต่ยังคงอยู่ในหัวใจของทุกคนที่เคยก้าวเข้ามา

POD Ceremony จึงไม่ใช่แค่พิธี แต่คือ ‘ วัฒนธรรม ’ ที่ทำให้ทุกคนอยากกลับมามีส่วนร่วม และเป็นประจักษ์พยานของ ‘ เวทมนตร์การละคร ’ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

Proclamation : โครงการ “ POEMS DIMENSION ” ได้รับการพัฒนาด้วยแนวคิด “ Commercial Arts Incubator ” โดย บริษัท เจริญสุข คอร์เปอเรท กรุ๊ป จำกัด (CCG) [6] มีเป้าหมายในการส่งเสริม และยกระดับศิลปินละครเวทีรุ่นใหม่ ผ่านการสนับสนุนเชิงกลยุทธ์ ทั้งในด้านทุนตั้งต้น (Seed Investment) โครงสร้างการพัฒนาผลงาน และการบริหารจัดการในรูปแบบที่ตอบโจทย์ทั้งด้านศิลปะและตลาดเชิงพาณิชย์ โครงการฯ มุ่งเน้นการเปิดพื้นที่ให้ผู้กำกับ นักเขียนบท และนักแสดงหน้าใหม่ ได้ทดลองและพัฒนาผลงานบนเวทีจริง ภายใต้ระบบสนับสนุนที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมการแสดงร่วมสมัย

หมายเหตุสำคัญ : “ Commercial Arts Incubator ” คือแพลตฟอร์มเชิงกลยุทธ์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบ่มเพาะศิลปินละครเวทีรุ่นใหม่ และผู้ประกอบการสายสร้างสรรค์ โดยให้การสนับสนุนทั้งในด้านทุนและการเข้าถึงตลาด เพื่อแปลงไอเดียทางศิลปะให้กลายเป็นผลงานที่สามารถสร้างรายได้ และเติบโตได้ในเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ

 

เกณฑ์การคัดเลือก External Program 2026

- ความสอดคล้องกับโครงสร้างผู้ชมเป้าหมาย (Audience Relevance)

- ความแข็งแรงของโครงเรื่องและประเด็น (Narrative & Thematic Coherence)

- ความชัดเจนของรูปแบบและประเภทการแสดง (Clarity of Form & Genre)

- ศักยภาพเชิงตลาดและความร่วมสมัย (Market Fit & Contemporary Relevance)

- ความเป็นไปได้ด้านการผลิตและงบประมาณ (Production & Budget Feasibility)

- ศักยภาพเชิงภาพจำและการสื่อสาร (Visual Identity & Communication Potential)

- ความรับผิดชอบต่อเนื้อหาและผู้รับชม (Content Responsibility & Audience Care)

- ศักยภาพในการสร้างความร่วมมือ (Collaboration & Partnership Potential)

- ทัศนคติการพัฒนาและการทำงานร่วมกัน (Growth Mindset & Collaborative Practice)

- ศักยภาพการต่อยอดเป็นทรัพย์สินทางสร้างสรรค์ระยะยาว (IP Longevity & Expansion Potential)

 

 

รายชื่อโครงการที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบสัมภาษณ์ External Program 2026 ขอแสดงความยินดีกับ 34 โครงการ ที่ผ่านการคัดเลือกตามรายชื่อข้างต้น

POEMS DIMENSION สำหรับผู้ที่ยื่นโครงการไม่ทัน POEMS DIMENSION

จะเปิดรับโครงการ EXTERNAL PROGRAM อีกครั้งในเดือน ตุลาคม 2569 [7]

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เต็มที่ [email protected]

พื้นที่สำหรับโอกาสใหม่ https://www.charoensook.com/poemsdimension

 

 

“ มนุสโสสิ ” ละครเวทีโรงเล็กประจำเดือน มกราคม 2569

เค้าโครงเรื่อง

ในปี 2611 ‘ นาค ’ หุ่นยนต์หญิงผู้ทำนายอนาคตด้วยอัลกอริทึมชั้นสูง ใช้ชีวิตเงียบ ๆ ในสำนักดูดวงเล็ก ๆ กับทนายตกอับและเด็กสาวหัวดื้อ วันหนึ่งคดีปริศนากลับดึงเธอขึ้นศาลให้ทั้งโลกตัดสินว่าเธอเป็นแค่ทรัพย์สินของบริษัท หรือคือ ‘ คน ’ คนหนึ่งจริง ๆ ระหว่างกฎหมาย ความทรงจำ และความลับในบ้านหลังนี้

 

บทประพันธ์/กำกับการแสดง

โดย กันตชาต ชวนะวิรัช

 

แสดงโดย

ต้นหอม เจตนิพัทธ์ จริยเลิศบวร

น้ำหอม จิรศิริ เตชะลปนรัศมี

พี่หวัด ศุภสวัสดิ์ บุรณเวช

หมิง ปภัสร หวง

 

เปิดการแสดง 10 รอบ 23-31 มกราคม และ 1 กุมาพันธ์ 2569

เปิดขายบัตร

บัตร EARLY BIRD ราคา 650 บาท (จำกัดจำนวนที่ 50 ใบ)

ระยะเวลาในการขาย 19 - 26 ธ.ค. 2568

(เริ่มขาย 19 ธ.ค. 2568 เวลา 00:01 / เสร็จสิ้น 26 ธ.ค. 2568 เวลา 23:59)

บัตร REGULAR ราคา 800 บาท

ระยะเวลาในการขายบัตร 27 ธ.ค. ถึง 1 ก.พ. 2569

(เริ่มขายบัตร 27 ธ.ค. 2568 เวลา 00:01 / เสร็จสิ้น 1 ก.พ. 2569 เวลา 21:00)

 

สถานที่จัดแสดง : CCG Private Studio (Town in Town, Bangkok)

Location: https://maps.app.goo.gl/QwsmF95xA6xnraV46

 

ไปชมละคร POEMS DIMENSION สามารถใช้โค้ดส่วนลดค่าเดินทางกับ LINE MAN RIDE ได้ตามเงื่อนไข

  • ลูกค้าใหม่ ใส่โค้ด POD100 รับส่วนลด 60% (สูงสุด 100 บาท)
  • ลูกค้าปัจจุบัน ใส่โค้ด POD50 รับส่วนลด 20% (สูงสุด 50 บาท)

 

*** โค้ดมีจำนวนจำกัดต่อวัน (จำกัด 1 โค้ด/ผู้ใช้) เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า

จาก MRT สีน้ำเงิน ลงทางออกที่ 4 / ขึ้นลิฟไปชั้น 4 / เดินตามทางเส้นสีเหลือง

ต่อ MRT สายสีเหลือง ลงสถานีลาดพร้าว 83 ทางออกฝั่งลาดพร้าวชอย 92-94

ต่อแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์ไป ศรีวรา - ทาวน์อินทาวน์

เข้าซอย ซ.ศรีวรา 8/2 ตรงไปจนสุดซอย - เลี้ยวขวา

ตึกหลังที่ 6 มีผ้าม่านสีแดงผืนใหญ่และชื่อเรื่องประดับด้านหน้าโรงละคร

(สังเกตป้าย PRIVATE STUDIO บ.เจริญสุข เลขที่ 1213/496)

 

 

โครงการใหม่ในปี 2569 
“ Hidden Theatre Festival 2026 ”

ในปี 2569 Poems Dimension ปั้นโพรเจกต์ใหม่ “ Hidden Theatre Festival 2026 ” คือโครงการที่จะนำละครเวทีเข้าหาชุมชน เป็นงานขยายฐานเพื่อการพัฒนาให้ศิลปะการแสดงแขนงนี้เป็นที่รู้จักและเข้าใจในวงกว้างมากขึ้น ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยค่าใช้จ่ายแบบ ‘ ละครโรงเล็ก ’ แต่ได้รับชมงานสร้างที่มีสุนทรีย์ศิลป์ ซาบซึ้งประทับใจต่อการเสพงานศิลปะที่เข้าถึงได้ง่าย ให้แรงบันดาลใจ และงดงามในความทรงจำ ด้วยปรัชญาการแสดงแนวมนุษย์นิยม ที่มีแนวทางมุ่งสำรวจตัวตน ค้นหาแนวทาง และเติบโตอย่างคนที่มีวุฒิภาวะ ละครของ Poems Dimension จึงไม่ใช่เพียงพันธกิจ ‘ ถนอมจิตใจ ’ แต่คือเจตจำนงที่มุ่งประคับประคองให้เรียนรู้ เพื่อรู้จัก เข้าใจ เป็นมิตรต่อ ‘ โลกภายใน ’ ของตัวเอง และสามารถร่วมสร้างสันติสุขสู่สังคมได้ด้วยธรรมชาติวิถี ขณะนี้โครงการอยู่ในระหว่างขั้นตอนการเตรียมงานเชิงนโยบาย ที่จะขยายสู่ชุมชนและประขาชน บนปณิธานของการสร้างงานละครเวทีเพื่อทำหน้าที่ ‘ พัฒนากร ’ แม้เป็นเพียงหนึ่งใน ‘ หยดน้ำแห่งมหาสมุทรมนุษย์โลก ’ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะ ได้ลงมือทำแล้ว

 

 

POEMS DIMENSION : มิติของบทกวีที่ลึก กว้างไกล และไร้ขอบเขต

“ Small Experimental Theatre & Commercial Arts Incubator in Thailand ”

POEMS DIMENSION ชวนคุณไปอยู่ในมิตินี้ด้วยกัน

OFFSTAGE CLUB  เปิดคลับเดือนสิงหาคม 2026 เป็นคลับสำหรับนักแสดง ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งทักษะการแสดง การเตรียมความพร้อมทางอาชีพ และการสร้างเครือข่ายในวงการ

คลับนี้เป็นพื้นที่สำหรับการฝึกฝน ทดลอง และเติบโต ผ่านเวิร์กช็อป กิจกรรมสร้างสรรค์ และโอกาสในการเข้าร่วมโปรเจกต์ต่าง ๆ โดยเปิดกว้างทั้งนักแสดงหน้าใหม่ นักแสดงอาชีพ รวมถึงผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และผู้ทำงานในอุตสาหกรรมการแสดงทั้งไทยและต่างประเทศ

สมาชิกของ OFFSTAGE CLUB จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การเข้าร่วมเวิร์กช็อปเฉพาะทาง ส่วนลดบัตรชมการแสดง โอกาสในการออดิชั่น การเข้าร่วมเทศกาลละคร หรือได้รับการแนะนำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงได้เข้าร่วมเครือข่ายสำหรับการต่อยอดในสายงานการแสดง

*** OFFSTAGE CLUB มีกระบวนการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติที่ตรงเข้าร่วมเท่านั้น และจำกัดจำนวนสมาชิกต่อปี โดยมี Board of Artistic เป็นผู้ร่วมคัดเลือก

POD เชื่อว่าทุกคนมีบทกวีของตนเองที่รอการถ่ายทอด

ไม่ว่าจะผ่านการแสดง การเคลื่อนไหว หรือการตีความ ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน

ถ้าคุณเป็น….

- คนดูที่อยากสัมผัสละครเวทีแบบใกล้ชิดกว่าที่เคย

- คนทำงานที่กำลังมองหาพื้นที่ทดลองของจริง ไม่ใช่แค่ในความฝัน

- แบรนด์ / องค์กร / เทศกาล ที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มเล่าเรื่องรูปแบบใหม่

- อยากร่วมงานในตำแหน่ง ‘ Ticket Sales Representative ’ (Project Based)

https://www.facebook.com/share/p/1BwmKe2GMv/

- นิสิต-นักศึกษาฝึกงานสายละครเวที นี่คือโอกาสของคุณที่จะได้เป็นส่วนหนึ่ง

ของทีมสร้างสรรค์ POD

ตำแหน่งที่รับสมัคร

- Assistant Production Manager

- Creative Content Marketing

- Technician(Light and Sound)

รายละเอียดหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่ง https://www.instagram.com/p/DOaQ7yuD2ns/?utm_source=ig_web_button_share_sheet&igsh=ZDNlZDc0MzIxNw==

หมายเหตุ : การฝึกงานจัดขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะและประสบการณ์ของผู้เข้าร่วม

ไม่มีการจ่ายค่าตอบแทน ตามนโยบายของบริษัท

สถานที่ฝึกงาน POEMS DIMENSION

บริษัท เจริญสุข คอร์เปอเรท กรุ๊ป จำกัด (Town in Town)

Location: https://maps.app.goo.gl/QwsmF95xA6xnraV46

 

นักศึกษา-นิสิตผู้สนใจ สามารถส่ง Portfolio และรายละเอียดมาได้ที่

E-mail : [email protected]

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม IB/DM

ติดตามความเคลื่อนไหวของวัฒนธรรมละครโรงเล็กและการแสดงตลอดปีได้ที่

New theatre production every month at POEMS DIMENSION.

FB: https://shorturl.at/OPWnP

Official Group Operated by POD เข้ากลุ่มPOD COMMUNITY 

https://www.facebook.com/share/g/19WhCkz3CA/

IG: https://www.instagram.com/POEMSDIMENSION

Website: www.charoensook.com/poemsdimension

ดูโปรแกรมที่กำลังจัดแสดงตอนนี้ กดที่ Highlight ‘ Now Showing ’

จองบัตร / ดูโปรแกรมทั้งปี / ร่วมงานกันกดลิงก์ใน ‘ Bio ’

 

 

ขอบพระคุณ ภาพและข้อมูลข่าว 
โดย 
บริษัทเจริญสุข คอร์เปอเรท กรุ๊ป จำกัด (CCG) 
และ โครงการ “ Poems Dimension ”

 


[1] Poems Dimension : พื้นที่เล็ก แต่ความหมายยิ่งใหญ่ : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=122135394638578289&set=pb.61567348686743.-2207520000&type=3

[3] POEMS DIMENSION : ทำไม "สด" จึงต่าง :  https://www.facebook.com/share/p/17idc58Bdz/

[4] Prosocial behavior – พฤติกรรมเอื้อสังคม https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/prosocial-behavior/

[5] “ POD Ceremony ” วัฒนธรรมแห่งการส่งต่อ และการอำลาที่ศักดิ์สิทธิ์ https://www.facebook.com/share/p/1BHgMjz6Fo/

[7] “ ใครอยากทำละครเวที ”  ปีที่ 3 เชิญทางนี้ https://www.facebook.com/photo/?fbid=122170466114578289&set=pb.61567348686743.-2207520000