Focus
- “ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์ 2492” เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ อ.ปรีดีและขบวนการ ที่ต้องการโต้กลับการทำรัฐประหารยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ และสถาปนารัฐบาลเผด็จการทหาร ซึ่งนำโดยพลโท ผิน ชุณหะวัณ,จอมพล ป.พิบูลสงครามและพรรคพวก แต่ปฏิบัติการไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากฝ่ายทหารเรือไม่ได้ยกทัพมาช่วยตามที่ตกลงกันไว้
- หลังความพ่ายแพ้ของขบวนการดังกล่าว รัฐบาลจึงทำการส่งโทรเลขไปสอบถามความเห็นของข้าราชการระดับจังหวัดเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง ซึ่งความเห็นส่วนใหญ่เป็นไปในทางเห็นด้วยกับการปราบปราม “จราจล” ของรัฐบาล
- หลังเหตุการณ์ รัฐบาลได้กวาดล้างผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการประชาธิปไตย รวมถึงฝ่ายค้านและผู้สนับสนุนนายปรีดี มีการจับกุม คุมขัง และการฆาตกรรมโดยรัฐเกิดขึ้นมากมาย

ทหารหน้าพระบรมมหาราชวัง
คืนวันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 คงเป็นห้วงยามสำคัญที่ นายปรีดี พนมยงค์ เปี่ยมล้นความคาดหวังในการจะต่อสู้ทวงคืนประชาธิปไตยกลับมาจากรัฐบาลเผด็จการทหาร แต่แล้วในคืนเดียวกันนี้เอง เขาต้องเผชิญกับความล้มเหลวและเป็นเหตุให้ต้องอำลาจากเมืองไทยไปเนิ่นนานถึงสามสิบกว่าปีโดยไม่มีโอกาสได้หวนย้อนมาอีกเลย

นายปรีดี พนมยงค์
“ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์” ซึ่งนำโดย นายปรีดี พร้อมกองกำลังของเขาอันประกอบด้วยอดีตเสรีไทยและลูกศิษย์ได้บุกเข้ายึดพื้นที่เมืองหลวง เริ่มจากมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองเมื่อเวลาราว 21.00 น. ก่อนจะสั่งการให้กองกำลังส่วนหนึ่งไปปลดอาวุธกองทหารผู้รักษาพระบรมมหาราชวังเพื่อจะเข้าไปตั้งกองบัญชาการขึ้น ขณะที่กองกำลังของ ขบวนการประชาธิปไตย อีกส่วนหนึ่งได้เข้ายึดสถานีวิทยุกรุงเทพฯ หรือ สถานีวิทยุพญาไท ช่วงเวลาประมาณ 21.05 น. จากนั้นจึงส่งเสียงประกาศแถลงการณ์สั่งปลดบุคคลสำคัญในรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม และแต่งตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งผู้ถูกสั่งปลด ได้แก่
- พลโท ผิน ชุณหะวัณ ผู้บัญชาการทหารบก
- พลโท กาจ กาจสงคราม รองผู้บัญชาการทหารบก
- พันตำรวจโท ละม้าย อุทยานานนท์ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล
- พลตำรวจโท หลวงชาติตระการโกศล อธิบดีกรมตำรวจ
- พลตำรวจตรีเผ่า ศรียานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจ

หลวงอุตรดิตถาภิบาล (เนื่อง ปณิกบุตร)
ที่มา: หนังสือการพระราชทานเพลิงศพ หลวงอุตตรดิตถาภิบาล (เนื่อง ปาณิกบุตร)
และสั่งย้าย หลวงอุตรดิตถาภิบาล ข้าหลวงประจำ จังหวัดชลบุรี มาเข้าประจำกระทรวง
ขณะเดียวกันประกาศแต่งตังรัฐบาลของฝ่ายขบวนการประชาธิปไตย ได้แก่
- นายดิเรก ชัยนาม นายกรัฐมนตรี
- นายดิเรก ชัยนาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- พลเรือตรีทหาร ขำหิรัญ ผู้บัญชาการกองพลนาวิกโยธินให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
- นายทวี บุณยเกตุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอื่น ๆ ทุกกระทรวงที่ยังไม่ได้แต่งตั้ง ก็ให้ปลัดกระทรวงรักษาการแทนไปก่อน พร้อมกับแต่งตั้งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้แก่
- พลเรือโท หลวงสินธุ์สงครามชัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นแม่ทัพใหญ่
- สมบูรณ์ ศรานุชิต รองแม่ทัพใหญ่
- พลตรีเนตร เขมะโยธิน ผู้บัญชาการทหารบก
- พลเรือตรี หลวงสังวรยุทธกิจ ผู้รักษาความสงบทั่วประเทศและอธิบดีกรมตำรวจ
- พันตำรวจเอก บรรจงศักดิ์ ชีพเป็นสุข ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล

นาวาโท ประดิษฐ์ พูลเกษ
ที่ว่า : หนังสือพระราชทานเพลิงศพ นาวาเอก ประดิษฐ์ พูลเกษ
และแต่งตั้งให้ นาวาโท ประดิษฐ์ พูลเกศ ผู้บังคับการกรมนาวิกโยธินสัตหีบ เป็นข้าหลวงประจำจังหวัดชลบุรี
ลงท้ายแถลงการณ์ว่า ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังทหารทุกหน่วยจากที่ตั้งเด็ดขาดไม่ว่าจะกรณีใด ๆ นอกจากจะได้รับคำสั่งโดยตรงจากแม่ทัพใหญ่
ทว่ากองกำลังที่บุกเข้าไปตั้งกองบัญชาการขึ้นในพระบรมมหาราชวังได้เกิดการปะทะกันด้วยกำลังอาวุธกับกองกำลังทหารบกของฝ่ายรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายทหารเรือซึ่งตามแผนการจะยกกำลังพลจากสัตหีบมาช่วยสนับสนุนก็ไม่ยอมมาตามนัดหมาย อ้างเหตุว่าเรือเกยตื้นเพราะน้ำลงที่บางปะกง
ท้ายสุด ขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยดังกล่าวจึงถูกปราบปรามจนพ่ายแพ้ราบคาบ นายปรีดี เองก็ต้องหลบลี้หนีภัยไป
ถึงแม้จะรัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ หรือจะเรียกว่าปฏิบัติการ “ปราบจลาจล” จนสงบเรียบร้อยดี แต่บรรยากาศทางการเมืองก็ดูเหมือนยังคงไม่ผ่อนคลายความตึงเครียด
ฝ่ายรัฐบาลแถลงถึงการใช้งบประมาณจำนวนมากถึงหลายล้านบาทในการปราบจลาจล ยิ่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มองการปฏิบัติการของ “ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์” เพราะประเทศชาติต้องสูญเสียงบประมาณไป เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ก่อความไม่สงบ

ทองเปลว ชลภูมิ, ทองอินทร์ ภูริพัฒน์, ถวิล อุดล, จำลอง ดาวเรือง
ที่มา: https://www.trueplookpanya.com/blog/content/51341/-timhis-tim-
ขณะที่รัฐบาลเองก็หมายมั่นจะกวาดล้างพวก “ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์” รวมถึงพวกฝ่ายค้านและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอย่างรุนแรงและไม่เป็นธรรม เช่น มีความพยายามจับกุมบรรดาอดีตรัฐมนตรี นักการเมือง ข้าราชการ รวมถึงกลุ่มพลเรือนที่ให้การสนับสนุน นายปรีดี เช่น นายเดือน บุนนาค, นายชิต เวชประสิทธิ์, นายเยื้อน พานิชวิทย์, นายเตียง ศิริขันธ์ และ นายวิจิตร ลุลิตานนท์ อีกทั้งในการจับกุมผู้สนับสนุนนายปรีดีบางราย เจ้าหน้าที่รัฐก็ใช้ความรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต ดังกรณีที่นายตำรวจอัศวินภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ต. เผ่า ศรียานนท์ ไปจับกุม พ.ต.อ. บรรจงศักดิ์ ชีพเป็นสุข โดนจับตายและอ้างว่าเพราะ พ.ต.อ. บรรจงศักดิ์ ต่อสู้ไม่ยอมจำนน จึงจำเป็นต้องวิสามัญฆาตกรรมเมื่อวันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ หรือกรณีของ 4 รัฐมนตรีอีสาน ได้แก่ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์, นายจำลอง ดาวเรือง, นายถวิล อุดล และ นายทองเปลว ชลภูมิ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสังหารอย่างเหี้ยมโหดย่านบางเขน แต่ฝ่ายตำรวจกลับอ้างว่าสี่รัฐมนตรีตายเพราะมีโจรมลายูมาบุกชิงตัวจนเกิดการปะทะต่อสู้กันเมื่อวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม
ดังนั้น จึงพยายามฟังเสียงจากข้าราชการและประชาชนว่าจะเห็นพ้องต้องกันหรือไม่ เพื่อที่การใช้ความรุนแรง จะได้มีความชอบธรรมมากขึ้น
จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2492 ให้กระทรวงมหาดไทยโทรเลขสอบถามความเห็นไปยังคณะกรมการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ และให้คณะกรมการจังหวัดตอบแสดงความเห็นส่งกลับมา โดยตั้งคำถามดังนี้
ข้อถามข้อ 1 การที่ได้มีบุคคลก่อการจลาจลขึ้นในคราวนี้ ทางคณะกรมการจังหวัดมีความเห็นประการใด
ข้อถามข้อ 2 ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจลาจลไปแล้วนั้น มีความเห็นอย่างใด

พระยารามราชภักดี (ม.ล. สวัสดิ์ อิศรางกูร)
ที่มา: สภาพเมื่อแรกสถาปนากระทรวงมหาดไทย
พระยารามราชภักดี (ม.ล. สวัสดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการตามคำสั่ง โดยกำหนดให้คณะกรมการจังหวัดทุกจังหวัดส่งโทรเลขตอบกลับมาภายในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2492
ต่อมาทางคณะกรมการจังหวัดของแต่ละจังหวัดก็ส่งโทรเลขแสดงความเห็นมาภายในเวลาที่กำหนด ดังปรากฏรายละเอียดต่อไปนี้
กระบี่
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เห็นว่าเป็นการไม่ชอบ เพราะผิดกฎหมายและประเทศชาติได้รับความเสียหาย”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลปฏิบัติการไปนั้นเป็นการสมควรแล้ว”
กาญจนบุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ไม่เป็นการสมควร เพราะเป็นเหตุให้เสียทรัพย์สิน และเลือดเนื้อกันเอง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“เป็นการสมควรแล้ว”
กำแพงเพชร
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่ได้มีบุคคลก่อการจราจลขึ้นคราวนี้นั้น เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นการผิดวิถีทางรัฐธรรมนูญ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ระงับปราบปรามไปนั้น เห็นว่าปฏิบัติดีแล้ว เพราะกระทำให้บ้านเมืองกลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว”
กาฬสินธุ์
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การจราจลที่เกิดขึ้นนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและเกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การที่รัฐบาลได้ปฏิบัติระงับการจราจลไปแล้วนั้น เป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว”
ขอนแก่น
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการเดือดร้อนเพราะก่อความไม่สงบ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติไปนั้นชอบแล้ว”
จันทบุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่มีผู้ก่อการจลาจลขึ้นเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการจราจลไปแล้วนั้น เป็นการชอบ”
ฉะเชิงเทรา
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การจราจลที่เกิดขึ้นเป็นการละเมิดต่อกฎหมายและนำความเสื่อมเสียมาสู่ประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การปฏิบัติของรัฐบาลเป็นไปโดยละมุนละม่อมและรวดเร็วเด็ดขาด ได้ผลดีเป็นที่ชื่นชมแก่ประชาชนและข้าราชการโดยทั่วไป”
ชลบุร
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่บุคคลได้ก่อการจราจลขึ้นในคราวนี้เป็นการทำลายประเทศชาติ ผิดกฎหมายบ้านเมือง ทำให้ประชาชนพลเมืองเดือดร้อน”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้น เป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยเหตุผลทุกประการ ยังผลให้เกิดสันติสุขแก่ประชาชนทั่วกัน”
ชัยนาท
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ที่เกิดการจราจลขึ้นนั้นไม่ดี เพราะเป็นการเสียหายแก่ประเทศชาติ และต้องเสียเลือดเนื้อระหว่างคนไทยด้วยกันเอง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลได้ปฏิบัตินั้น ชอบแล้ว”
ชุมพร
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การจลาจลเป็นการก่อกวนความสงบเรียบร้อยต่อบ้านเมืองอันผิดต่อกฎหมาย”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปนั้น เป็นการเหมาะสมกับเหตุการณ์แล้ว”
เชียงใหม่
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นภยันตรายแก่ชาติอย่างร้ายแรง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลปฏิบัติไปนั้นเป็นการเหมาะสมแก่เหตุการณ์และรวดเร็วเป็นอย่างดี”
เชียงราย
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“มีความเห็นว่าการก่อการจลาจลเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนอย่างแรง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับนั้น เป็นการสมควรแล้ว”
ตรัง
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“มีความเห็นว่าการจลาจลเป็นการละเมิดกฎหมาย ไม่เป็นการสมควร”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลได้ทำการระงับการจราจลไปแล้วนั้น ก็เป็นการสมควรแล้ว”
ตาก
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่บุคคลก่อการจลาจลขึ้นนั้น ไม่สมควรอย่างยิ่ง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลได้ปราบปรามระงับการจราจลได้ผลอย่างรวดเร็วนั้น ชอบแล้ว”
นครปฐม
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การจลาจลคราวนี้เป็นอันตรายซ้ำเติมประเทศชาติ ซึ่งไม่ดีแน่”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การปฏิบัติของรัฐบาลอยู่ในลักษณะทันท่วงที และเกิดความอบอุ่นใจแก่ชาวไทยอย่างดียิ่งอยู่แล้ว”
นครพนม
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ตามที่ได้มีบุคคลก่อการจลาจลขึ้นนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินการปราบปรามจลาจลไปแล้วนั้น เป็นการเหมาะสมกับเหตุการณ์อันนำความสงบสุขและมั่นคงมาสู่ประเทศชาติและประชาชน”
นครราชสีมา
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการไม่ชอบ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ชอบแล้ว”
นครศรีธรรมราช
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เห็นว่าเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นการทำลายความสงบสุขของประชาชนและเป็นภัยแก่ประเทศในยามที่ต้องการความสามัคคีร่วมกันเพื่อให้พ้นภัยพิบัติที่เผชิญอยู่ในขณะนี้”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“เห็นว่าเป็นการดียิ่ง ที่รัฐบาลได้ใช้ความรอบคอบ จัดการระงับได้ทันท่วงที บรรดาข้าราชการและประชาชนต่างชื่นชมยินดีโดยทั่วกัน”
นครสวรรค์
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการกระทำของหมู่บุคคลที่เห็นแต่ตัว กระทบกระเทือนจิตต์ใจและความสงบเรียบร้อยสุขของประชาชน ไม่ถูกวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ สมควรปราบปรามโดยเด็ดขาด”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลปฏิบัติไปนั้น เป็นการเหมาะสมแล้ว ระงับเหตุร้ายได้รวดเร็ว ยังผลให้เกิดความสันติสุขและอุ่นใจแก่ประชาชนเป็นอย่างดี”
นราธิวาส
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ตามที่มีบุคคลก่อการจลาจลขึ้นในคราวนี้ไม่ดี เพราะกระทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการจลาจลไปแล้วนั้น เห็นว่าได้ผลดีทันท่วงที”
หนองคาย
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การก่อจลาจลคราวนี้ เป็นการกระทำผิดกฎหมาย และไม่ได้เชื่อถือข่าววิทยุในคืนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เพราะเป็นข่าวเลื่อนลอย ทางจังหวัดได้สั่งให้รักษาความสงบโดยกวดขันทีนทีแต่คืนวันนั้น”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“เห็นชอบด้วยการกระทำของรัฐบาล”
น่าน
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ที่บุคคลก่อการจลาจลขึ้นคราวนี้ เห็นว่าเป็นภัยแก่ความสงบของบ้านเมืองและประเทศชาติ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลปฏิบัติการระงับไปแล้วนั้น เห็นเป็นการสมควร และเป็นคุณแก่ประเทศชาติอย่างสูง”
บุรีรัมย์
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่มีบุคคลก่อการจลาจล ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์และชีวิตของบุคคลเป็นส่วนรวม เป็นความผิดที่ร้ายแรง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติไปแล้ว เป็นการกระทำที่ชอบด้วยหน้าที่ ควรได้รับความสรรเสริญจากประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เพราะระงับได้รวดเร็ว ทำให้เสียหายน้อย”
ปทุมธานี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่ได้มีบุคคลก่อการจลาจลขึ้นในคราวนี้ มีความเห็นว่า เป็นการก่อการไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระหว่างการก่อกวนการจราจลไปแล้วนั้น เป็นการชอบแล้ว”
ประจวบคีรีขันธ์
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“บุคคลผู้ก่อการจลาจลมีความผิดฐานขบถภายในราชอาณาจักร์”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การปฏิบัติของรัฐบาลเป็นการชอบ”
ปราจีนบุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่ได้มีบุคคลก่อการจลาจลขึ้นนั้น เป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยระบอบประชาธิปไตยแท้จริง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการจราจลไปแล้วนั้น สมควรแล้ว”
ปัตตานีข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่มีบุคคลก่อการจลาจลขึ้นคราวนี้ เป็นการเสียหายเป็นภัย เปิดช่องทางแห่งค่ายคอมมิวนิสต์ เป็นทางทำลายชาติ และเป็นผลร้ายแก่ประเทศชาติในที่สุด”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลปฏิบัติการปราบปรามไปด้วยความเป็นธรรมรวดเร็วเด็ดขาดสงบได้นั้น สมควรแล้ว ความเด็ดขาด ความเป็นธรรมเพื่อความสงบสุขของประชาชนส่วนรวม เป็นยอดแห่งความปรารถนา”
ธนบุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่มีบุคคลก่อการจลาจลขึ้นคราวนี้ เห็นว่าเป็นแผนการของพวกเสรีไทยร่วมกับคอมมิวนิสต์ โดยวิธีปลุกปั่นให้ทหารเรือผิดใจกับทหารบก และเป็นแผนการที่วางไว้ล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุนานแล้ว
วัตถุประสงค์อันสำคัญแห่งแผนการนั้น เห็นว่า
1.เพื่อล้มรัฐบาลปัจจุบัน
2.เพื่อยึดการปกครอง
3.เพื่อช่วงชิงอำนาจการบริหาร และช่วงชิงอำนาจความเป็นเจ้าเป็นใหญ่ในประเทศ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการจราจลไปแล้วนั้น เป็นการปฏิบัติโดยละม่อม และปฏิบัติตามวิถีแห่งกฎหมาย ทั้งทันต่อเหตุการณ์ ควรได้รับความสรรเสริญอย่างยิ่ง”
พระนครศรีอยุธยา
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่มีบุคคลก่อการจลาจลขึ้นคราวนี้ เป็นการกระทำที่ผิดและทำให้เกิดการเสียหายต่อรัฐบาลและประชาชน”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้น เป็นการสมควรอย่างยิ่ง”
พังงา
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ไม่ชอบ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ชอบแล้ว”
พระนคร
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่ได้มีบุคคลคณะหนึ่งก่อการจลาจลขึ้นในคราวนี้ คณะก่อการจราจลคงมีความประสงค์ที่จะล้มรัฐบาลปัจจุบันโดยใช้กำลัง เป็นการไม่ชอบ เพราะขณะนี้ประเทศชาติอยู่ในภาวะฉุกเฉิน การเปลี่ยนการปกครองและรัฐบาล อาจเป็นเหตุให้พวกคอมมูนิสม์เข้าแทรกแซงได้ นอกจากนี้ยังเป็นการผิดวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายบ้านเมือง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการจราจลไปแล้วนั้น เห็นว่ารัฐบาลได้ทำไปโดยฉับพลันและพยายามทำไปในทางละมุนละม่อมที่สุด และสามารถระงับเหตุการณ์ได้ทันท่วงที เป็นที่น่าสรรเสริญยิ่ง”
พัทลุง
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การก่อการจลาจลคราวนี้ เห็นว่าผู้ทำการจลาจลไม่สมควรก่อ เพราะเป็นการกระทำให้เกิดวุ่นวายเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลและบ้านเมือง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การที่รัฐบาลให้ปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้น เห็นว่าเป็นการสมควรแล้ว ได้ผลดี ทั้งทำการระงับได้โดยรวดเร็ว”
พิจิตร
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่ได้มีบุคคลก่อการจลาจลขึ้นในคราวนี้ ทางคณะกรมการจังหวัดมีความเห็นว่าไม่ชอบ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้น มีความเห็นว่าชอบแล้ว”
พิษณุโลก
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เห็นว่าผู้ก่อการจลาจลกระทำผิดกฎหมายลักษณะอาญาและรัฐธรรมนูญ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การที่รัฐบาลระงับเหตุการณ์จราจลไปแล้วนั้น เห็นว่าเป็นการปฏิบัติชอบด้วยอำนาจหน้าที่ และเป็นการสร้างความสันติสุขแก่บ้านเมืองและประชาชน”
เพชรบุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ไม่เห็นชอบด้วย”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้นเป็นการดีแล้ว เป็นที่พอใจของคณะกรมการจังหวัด”
เพชรบูรณ์
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ผู้ก่อการจลาจลคราวนี้ทำให้ชีวิตและทรัพย์สินทั้งของรัฐและประชาชนเสียหาย เป็นการทำลายชาติ ไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่ง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับไปนั้นสมกับความจำเป็นและเป็นผลดีทุกประการ”
แพร่
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การจลาจลเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทำให้เดือดร้อนเสียหายแก่บ้านเมืองและประชาชน”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับไปนั้นสมควรแล้ว เป็นการนำความสงบเรียบร้อยความสันติสุขมาสู่บ้านเมืองและประชาชน”
ภูเก็ต
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่มีบุคลก่อการจลาจลขึ้นในคราวนี้เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยตัวบทกฎหมาย”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“โดยเหตุผลตามข้อ 1 รัฐบาลจึ่งปฏิบัติการระงับการจราจลเพื่อรักษาความสงบสุขไว้นั้นชอบแล้ว”
มหาสารคาม
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การก่อการจลาจลเช่นนั้นเป็นการไม่สมควร”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้นเห็นเป็นการเหมาะสมแล้ว”
แม่ฮ่องสอน
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการทำลายประเทศชาติ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“เหมาะสมต่อเหตุการณ์และรวดเร็วดี”
ยะลา
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การก่อการจลาจลไม่สมควร”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ระงับการจราจลไปนั้นชอบแล้ว”
ระนอง
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“บุคคลที่ก่อการจลาจลคราวนี้มุ่งแสวงอำนาจเพื่อตนหรือพรรคพวกมากกว่าทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ส่วนรวมของชาติ โดยที่ยังไม่ปรากฏว่ารัฐบาลบริหารราชการไปในทางเสื่อมโทรมให้แก่ประเทศชาติ ตรงกันข้าม ด้วยความจริงใจ รัฐบาลพยายามรักษาเสถียรภาพของชาติทั้งภายในและภายนอกไว้ด้วยดีและมั่นคง พยายามปรับปรุงส่งเสริมจะให้เกิดสันติสุขแก่ประชาชนและบ้านเมือง ฉะนั้น ผู้ก่อการจราจลคราวนี้เป็นผู้ทำความระส่ำระสายให้แก่บ้านเมืองโดยไม่สมควรแก่สถานะการณ์ทั้งทำให้เสียเกียรติประวัติของชาติไทย”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“รัฐบาลปราบปรามผู้กระทำความผิดกฎหมายได้รวดเร็วและเด็ดขาดเหมาะสมกับเหตุการณ์ เป็นการช่วยให้ภาวะของบ้านเมืองกลับคืนสภาพปกติเป็นที่เชื่อถือของนานาประเทศ ทำให้ขวัญของประชาชนและสถานการณ์อื่น ๆ ดี ประชาชนคลายความวิตกกังวล”
ระยอง
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการกระทำผิดกฎหมายและเป็นภัยต่อประเทศชาติ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“รัฐบาลปฏิบัติไปเป็นการชอบแล้ว”
ร้อยเอ็ด
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายเพราะมีเจตนาล้มล้างรัฐบาลปัจจุบัน”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“รัฐบาลปฏิบัติการระงับการจลาจลไปแล้วนั้น เป็นการเหมาะสมกับเหตุการณ์ดีแล้ว”
ราชบุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่ได้มีบุคคลก่อการจลาจลขึ้นในคราวนี้ เป็นการกระทำผิดกฎหมาย และเป็นการกระทำที่ไม่ชอบยิ่ง และเป็นภัยแก่ประเทศชาติ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้นเป็นการปฏิบัติชอบและเหมะสมแล้ว”
ลพบุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการไม่ควร เพราะทำความเดือดร้อนระส่ำระสายและเป็นการกระทำเพราะโมหะจริต”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลทำไปนั้นดีแล้ว”
ลำปาง
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การจลาจลเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยวิถีทางรัฐธรรมนูญแห่งประเทศไทย”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลโดยชอบด้วยกฎหมาย การที่รัฐบาลปราบปรามการจลาจลจนเรียบร้อยสงบไปได้ เป็นการชอบแล้ว”
ลำพูน
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“คณะกรมการจังหวัดไม่เห็นชอบด้วยการก่อการจลาจล”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลระงับเหตุจราจลไปนั้นชอบแล้ว”
เลย
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการกระทำมิชอบ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้นเป็นการปฏิบัติที่ชอบแล้ว”
ศรีสะเกษ
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การก่อการจลาจลขึ้นคราวนี้เป็นการผิดกฎหมาย”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับไปนั้น เป็นการเหมาะสมแล้ว”
สกลนคร
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการทำที่ไม่ชอบ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลทำการระงับนั้นชอบอย่างยิ่ง”
สงขลา
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ไม่มี ไม่น่าจะก่อขึ้น เพราะเป็นการเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นอันมาก”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“เป็นการรวดเร็วเหมาะสมกับเหตุการณ์ดีแล้ว”
สตูล
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การจลาจลเป็นการกระทำผิดกฎหมาย เป็นการมิชอบ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลปราบปรามระงับไปแล้วนั้นชอบแล้ว”
สมุทรสงคราม
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ไม่ดีต่อประเทศชาติ”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“เป็นผลดีต่อประเทศชาติในการทำมาหาเลี้ยงชีพและความสันติสุขของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง”
สระบุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การก่อจลาจลขึ้นในคราวนี้เห็นว่าเป็นการกระทำของพวกทำลายชาติ มุ่งร้ายต่อการปกครองแบบประชาธิปไตย”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติระงับการจลาจลไปแล้วได้ผลเป็นอย่างดี ได้รักษาความสงบให้กลับคืนมาอย่างทันท่วงทีรวดเร็ว เด็ดเขดด้วยวิธีการอันสุขุมแนบเนียนยิ่ง”
สิงห์บุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การจลาจลเป็นการทำลายความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“รัฐบาลปราบปรามได้เรียบร้อยรวดเร็ว ทำให้บ้านเมืองเข้าสู่สภาพปกติ ประชาชนคลายความวิตกกังวล”
สุโขทัย
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระทบกระเทือนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลปราบปรามการจลาจลได้สงบเรียบร้อยนั้น เป็นการชอบการปฏิบัติตามสมควรแล้ว”
สุพรรณบุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ผู้ก่อการจลาจลมุ่งหวังเพื่อลาภยศในส่วนตน แต่หาได้คำนึงถึงผลรับคือภัยที่จะบังเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติของตนไม่ เพราะการกระทำนั้นเป็นการก่อกวนความสงบสุขของประชาชนและประเทศชาติ และทั้งเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยแท้ แม้ประชาชนตลอดจนพระภิกษุสามเณร เมื่อทราบเหตุครั้งนี้ ต่างก็มีเสียงตำหนิติเตียนผู้ก่อการจราจลอยู่มาก”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้น คณะกรมการจังหวัดมีความเห็นชอบด้วยทุกประการ ยิ่งกว่านั้นรู้สึกขอบคุณรัฐบาลเป็นอย่างยิ่งที่ดำเนินการปราบปรามและระงับการจราจลจนบังเกิดสันติสุขแก่ประชาชนและประเทศชาติในระยะเวลาอันรวดเร็ว”
สุราษฎร์ธานี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการมิชอบ ยังผลเสียหายให้แก่ประชาชนและประเทศชาติอย่างร้ายแรง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“เป็นการเหมาะสมอย่างยิ่ง ยังผลให้เกิดความอุ่นใจและเกิดความสงบสุขแก่ประชาชน”
สุรินทร์
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นการมิชอบ เพราะเป็นการเสียหายแก่ประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง ควรหาทางป้องกันอย่าให้เกิดขึ้นอีก”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ชอบแล้ว รัฐบาลได้ปฏิบัติไป”
สมุทรปราการ
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เห็นว่าเป็นการทำความเสื่อมเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“เป็นการเหมาะสมแล้ว”
สมุทรสาคร
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“คณะกรมการจังหวัดและประชาชนรู้สึกเศร้าสลดใจที่บุคคลกลุ่มหนึ่งก่อการจลาจลให้ต้องศูนย์เสียชีวิต เลือดเนื้อ ทรัพย์สมบัติไป”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การที่รัฐบาลระงับปราบปรามได้โดยพลันนั้น คณะกรมการจังหวัดและประชาชนรู้สึกยินดีมาก”
อ่างทอง
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การจลาจลเป็นภัยต่อชาติ ควรปราบอย่างเด็ดขาด”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลปฏิบัติการไปแล้วสมควรอย่างยิ่ง ข้าราชการและประชาชนชื่นชมยินดีในความสำเร็จอันรวดเร็ว”
อุดรธานี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่มีบุคคลก่อการจลาจลคราวนี้ เป็นการกระทำการละเมิดกฎหมายของบ้านเมืองและเจตนาที่จะล้มล้างรัฐบาล อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างรุนแรง เห็นควรร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อปราบปรามให้เสร็จสิ้นโดยเร็วและป้งอกันมิให้เกิดขึ้นได้อีกต่อไป”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจลาจลแล้วนั้นด้วยความรวดเร็วรอบคอบและเด็ดขาดทันต่อเหตุการณ์ นำความสันติสุขมาสู่ประเทศชาติและประชาชนเป้นปกติดโดยเร็ววัน รู้สึกเป้นที่พึงพอใจแก่บรรดาข้าราชการและประชาชนในจังหวัดอุดรธานีเป็นอย่างมาก”
อุตรดิตถ์
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การก่อการจลาจลย่อมนำความหายนะมาสู่ชาติบ้านเมือง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การที่รัฐบาลปราบปรามได้รวดเร็วเช่นนี้ต้องด้วยความประสงค์ของข้าราชการและประชาชนแล้ว”
อุทัยธานี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่ได้มีบุคคลก่อการจราจรขึ้นในคราวนี้เป็นพฤตติการณ์อันไม่สมควรอย่างยิ่ง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่คณะรัฐบาลปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้น เป็นการสมควรกับเหตุการณ์แล้ว”
อุบลราชธานี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่มีผู้ก่อการจราจลขึ้น ย่อมเป็นการแสดงว่าบุคคลเหล่านั้นกระทำการละเมิดต่อกฎหมายของบ้านเมือง”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ในการปราบปรามก็ย่อมจะต้องกระทำโดยเด็ดขาดและรวดเร็ว เพื่อให้เหตุการณ์สงบโดยมิชักช้า”
นครนายก
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“เป็นบุคคลทำลายความสงบ เป็นภัยแก่ประเทศชาติและประชาชน”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ที่รัฐบาลระงับเสียได้โดยเร็ว เป็นบุญคุณแก่ประเทศชาติและประชาชนมาก”
นนทบุรี
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การที่ได้มีบุคคลก่อการจราจลขึ้นในคราวนี้ ไม่เป็นการสมควร เพราะเป็นเหตุให้เสียเลือดเนื้อและทรัพย์สิน”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัติการระงับการก่อการจราจลไปแล้วนั้น เห็นว่ารัฐบาลนี้สามารถระงับการจราจรได้ด้วยความรอบคอบรวดเร็วทันท่วงทีเป็นที่ยินดีและสรรเสริญของประชาชนโดยทั่วไปเป็นอย่างดียิ่ง”
ตราด
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“การก่อการจราจล คณะกรมการจังหวัดเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“คณะกรรมการจังหวัดเห็นว่ารัฐบาลย่อมมีหน้าที่ในการป้องกันและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ การปฏิบัติเพื่อระงับการก่อการจราจรเป็นการปฏิบัติชอบ”
อย่างไรก็ดี มีคณะกรมการจังหวัดอยู่เพียงจังหวัดหนึ่งที่ไม่ได้ส่งโทรเลขแสดงความเห็นตอบกลับมาภายในเวลาที่กำหนด นั่นคือ จังหวัดชัยภูมิ จึงกลายเป็นกรณีใหญ่ซึ่งทางรัฐบาลต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะมองว่าเป็นความล่าช้าอย่างผิดสังเกต
ด้วยเหตุนี้ ทางกระทรวงมหาดไทยจึงมีแผนการจะส่งโทรเลขย้ำเตือนไปยังคณะกรมการจังหวัดชัยภูมิเรื่องการให้แสดงความเห็น พร้อมทั้งให้ชี้แจงมาว่าเหตุใดจึงไม่ตอบแสดงความเห็นมาภายในเวลาที่กำหนด
ต่อมาในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2492 เวลา 09.40 น. ทางจังหวัดชัยภูมิได้ส่งโทรเลขตอบกลับมา ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้รับโทรเลขในวันเดียวกัน เวลา 12.00 น. โดยคณะกรมการจังหวัดแสดงความเห็นต่อการที่รัฐบาลปราบปรามขบวนการต่อสู้ยึดวังหลวงภายใต้การนำของ นายปรีดี ว่า
ชัยภูมิ
ข้อถามข้อ 1 มีความเห็นว่า
“ไม่เห็นชอบด้วยการกระทำของพวกก่อการจราจล”
ข้อถามข้อ 2 มีความเห็นว่า
“การที่รัฐบาลได้ปฏิบัติไปนั้น ชอบแล้ว”
อย่างไรก็ดี ช่วงเวลา 10.10 น. ของวันที่ 14 มีนาคม ทางกระทรวงมหาดไทยยังได้ส่งโทรเลขไปย้ำเตือน ทางจังหวัดชัยภูมิตอบกลับโทรเลขเตือนเมื่อเวลา 14.10 น. แต่กว่ากระทรวงมหาดไทยจะได้รับอีกทีก็เป็นเช้าวันที่ 15 มีนาคม เวลา 07.25 น.
ทางจังหวัดชัยภูมิยืนยันว่า ได้ส่งโทรเลขตอบกลับแล้วเมื่อวันที่ 7 มีนาคม คือโทรเลขที่ 110 นั่นยิ่งสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับกระทรวงมหาดไทยว่า เหตุใดโทรเลขจากชัยภูมิจึงล่าช้าถึง 7 วัน อีกอย่างในโทรเลขก็ลงวันที่ 14 มีนาคม ไม่ใช่วันที่ 7 มีนาคม ดังข้อความที่เจ้าพนักงานโทรเลขบันทึกไว้ในแบบพิมพ์โทรเลขฉบับที่ 110 ของจังหวัดชัยภูมิว่า “ที่ทำการต้นทางชัยภูมิ เลขหมาย ๑๐๗ คำ ๔๗ วันที่ ๑๔ เวลา ๙.๔๐”

พระนิกรบดี (จอน นิกรบดี)
พระนิกรบดี (จอน นิกรบดี) ผู้รับเรื่องนี้ของกระทรวงมหาดไทย จึงรายงานต่อ พระยารามราชภักดี ปลัดกระทรวง พร้อมให้ความเห็นว่า เพื่อจะทราบข้อเท็จจริง ควรขอให้ทางกรมไปรษณีย์โทรเลขช่วยสอบสวน
พระยารามราชภักดี มีหนังสือลงวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2492 ไปยังอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขเพื่อขอความช่วยเหลือ ต่อมาในวันที่ 23 เมษายนปีเดียวกัน มีหนังสือจากกรมไปรษณีย์โทรเลขโดย นายสุรินทร์ วิเศษกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการต่างประเทศลงนามแทนอธิบดีรายงานผลการสอบสวนว่า
“กรมไปรษณีย์โทรเลขได้สอบสวนแล้ว ปรากฏว่าที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขชัยภูมิได้รับฝากโทรเลขเลขที่ ๑๑๐ ของจังหวัดชัยภูมิไว้เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๔๙๒ เวลา ๙.๕๐ น. และได้จัดส่งผ่านมายังที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขนครราชสีมาเมื่อเวลาราว ๙.๕๖ น. และที่ทำการโทรเลขกลางกรุงเทพฯ ได้รับจากที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขนครราชสีมาเมื่อ ๑๐.๒๓ น. และได้จัดส่งให้กระทรวงมหาดไทยในวันเดียวกันโดยไม่มีล่าช้าแต่ประการใด…”
ครั้นทางกระทรวงมหาดไทยได้รับทราบผลการสอบสวน พระยารามราชภักดี เห็นว่าถ้าจะไม่ติดตามเรื่องนี้ต่อ ทางจังหวัดชัยภูมิจะเข้าใจว่าความบกพร่องเกิดจากกรมไปรษณีย์โทรเลข จึงมีหนังสือลงวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2492 ไปยังข้าหลวงประจำจังหวัดชัยภูมิ เพื่อให้สอบสวนข้อเท็จจริงและชี้แจงมาว่าเหตุใดทางจังหวัดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยที่กำชับให้แสดงความเห็นตอบกลับมาภายในวันที่ 10 มีนาคม และถ้าพบว่าการล่าช้าเป็นความผิดของผู้ใด ก็ให้ดำเนินการพิจารณาลงโทษ อีกทั้งจะต้องเร่งชี้แจงมาภายใน 7 วันนับแต่ได้รับหนังสือคำสั่งนี้

โทรเลขของจังหวัดชัยภูมิ
ทางจังหวัดชัยภูมิได้สอบสวนแล้วก็พบว่า ผู้มีหน้าที่รับส่งโทรเลขนั้นคือ นายชาญ มหัตพงษ์ ซึ่งเพิ่งได้ย้ายไปเป็นเสมียนมหาดไทยอยู่ที่อำเภอจัตุรัส จึงเรียกให้มาที่จังหวัดเพื่อชี้แจง โดย นายชาญ ก็ชี้แจงแล้วมีหนังสือบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรลงวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2492 ความว่า
กราบเรียน ท่านข้าหลวงประจำจังหวัดชัยภูมิ
ตามโทรศัพท์ที่ ๒๓๗ สั่งข้าพเจ้าให้มาจังหวัดเพื่อชี้แจงการส่งโทรเลขของจังหวัดที่ ๑๑๐ ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๔๙๒ นั้น ข้าพเจ้าขอชี้แจงว่า การที่ข้าพเจ้าส่งโทรเลขที่ ๑๑๐ ล่าช้าไปกว่ากำหนดตามที่กระทรวงมหาดไทยสั่งนั้น ก็เพราะว่า
๑. เกี่ยวกับงานในแผนก บางวันหนังสือรับและหนังสือส่งมีมากตลอดวันแทบไม่มีเวลาว่าง และบางทีตอนพักกลางวันต้องประจำทำงานตลอดชั่วโมงก็มี และเหตุที่งานมีมากนี้เองทำให้เกิดความหลงลืมบางสิ่งบางอย่างไปบ้าง ซึ่งข้อนี้ก็เป็นความผิดของข้าพเจ้าเอง แต่ทว่าความหลงลืมย่อมมีประจำตัวบุคคลทุกคน
๒. เรื่องการส่งโทรเลข โทรศัพท์ ทางแผนกจัดให้เวรรับส่งรับเงินมาจัดการเอง ซึ่งคราวหนึ่ง ๆ อนุญาตให้เพียง ๑๐๐ บาท สำหรับเงิน ๑๐๐ บาทนี้ ถ้าคราวใดมีโทรเลข โทรศัพท์ราชการมากก็ใช้ไปได้เพียงไม่กี่วันก็หมด บางคราวเงินหมดก็เป็นอันว่า โทรเลข โทรศัพท์ที่จะส่งไปในวันนั้น ๆ ต้องเลื่อนไปส่งวันใหม่ซึ่งข้าพเจ้าได้รับเงินมาจากเจ้าหน้าที่แล้ว ถ้าหากว่าจะจ่ายเงินทดรองส่วนตัวไปก่อน ก็ไม่สามารถที่จะกระทำได้ เพราะการครองชีพของข้าพเจ้าก็แร้นแค้นอยู่แล้ว เหตุจำเป็นมีดังนี้ จึงขอชี้แจงมาเพื่อทราบ
อนึ่ง ถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะเป็นไปเช่นไร ข้าพเจ้าก็ไม่มีความประสงค์ที่จะท้าวความไปถึงผู้อื่น ข้าพเจ้ายอมรับผิดแต่ผู้เดียว แต่ความผิดครั้งนี้เป็นแต่เพียงความผิดครั้งแรก ฉะนั้น ข้าพเจ้าขอกราบเรียนเพื่อขอความกรุณาให้ท่านว่ากล่าวตักเตือนเพื่อให้รู้จักความผิดชอบก่อน หวังว่าคงได้รับกรุณาโทษจากท่านด้วยควรมิควรแล้วแต่จะกรุณา
กระนั้น นายชวน สุริยจันทร์ ปลัดจังหวัดชัยภูมิและรักษาการแทนข้าหลวงประจำจังหวัดได้ลงนามในหนังสือสั่งตัดเงินเดือนข้าราชการของ นายชาญ จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ มีกำหนด 1 เดือนนับแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2492 เป็นต้นไป เนื่องจาก นายชาญ ประพฤติผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2485
นายชวน สุริยจันทร์ ยังได้มีหนังสือรายงานความคืบหน้าของผลการสอบสวนไปยังทางกระทรวงมหาดไทยนับตั้งแต่กลางเดือนไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม
ครั้นทางกระทรวงมหาดไทยได้ล่วงรู้ข้อเท็จจริง ต่อมา พระยารามราชภักดี จึงมีหนังสือลงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2492 เพื่อตอบว่ารับทราบแล้วและ “ให้สังวรว่าในกาลต่อไป ท่านจะต้องระมัดระวังการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ อย่าปล่อยปละละเลยดังเรื่องนี้อีกต่อไปจะเสียการ”
กรณีที่ทางจังหวัดชัยภูมิตอบกลับการแสดงความเห็นล่าช้าเกินกว่าวันที่กำหนดไว้ ยังทำให้หลายจังหวัดกระวนกระวายจนถึงกับส่งหลักฐานการส่งโทรเลขมาให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาอีกหน จังหวัดเหล่านั้นได้แก่
ปัตตานี ส่งมาโดย พระยารัตนภักดี และคณะกรมการจังหวัด
ยะลา ส่งมาโดย ประเสริฐ กาญจนดุล และคณะกรมการจังหวัด
สตูล ส่งมาโดย ชาติ บุณยรัตพันธุ์ และคณะกรมการจังหวัด
สำหรับจังหวัดสตูล ยังส่งรายละเอียดที่หน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดแสดงความเห็นไว้แล้วรายงานมาสู่ประธานคณะกรมการจังหวัดสตูล ก่อนที่จะประมวลนำมาเป็นเป็นความเห็นโดยรวมของจังหวัด ดังเช่น
ความเห็นจาก นายนาค ศรีวิสุทธิ์ ปลัดจังหวัดสตูล
ความเห็นจาก นายผล ราชฤทธิ์ สรรพากรจังหวัดสตูล
ความเห็นจาก นายน้อม วนะรมย์ ศึกษาธิการจังหวัดสตูล
ความเห็นจาก นายชั้น รอดเรืองศรี สาธารณสุขจังหวัดสตูล
ความเห็นจาก นายสำเภา คงชู อัยการจังหวัดสตูล
ความเห็นจาก นายเคลือบ นุกูลกิจ คลังจังหวัดสตูล
ความเห็นจาก นายวิสิทธิ์ ถิ่นสตูล รักษาการแทนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล
ความเห็นจาก นายวีระ วีระสัมพันธ์ ป่าไม้และยางจังหวัดสตูล
ความเห็นจาก นายชื่น ตินตะสิริ สรรพสามิตจังหวัดสตูล
ความเห็นจาก ร้อยโทประเสริฐ จันทราทิพย์ รักษาการแทนนายด่านศุลกากรเกาะนอก
และ ความเห็นจาก ร้อยตำรวจเอกสว่าง พลวรรณาภา ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล
จะเห็นได้ว่า เสียงจากข้าราชการจังหวัดต่าง ๆ แสดงถึงความไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวของ “ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์” ซึ่งนำโดย นายปรีดี อีกทั้งมองว่าการปราบปรามอย่างเด็ดขาดของรัฐบาลจอมพล ป. มีความเหมาะสมและชอบธรรมแล้ว
“ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์” ยังถูกโจมตีในแง่ลบอย่างหนัก ถูกมองเป็นผู้ทำลายประเทศชาติ และถูกเชื่อมโยงให้เป็นพวกคอมมิวนิสต์ ดังจะเห็นได้จากความเห็นของหลายจังหวัด
อาจเป็นไปได้ว่า นี่มิใช่ความรู้สึกนึกคิดอย่างแท้จริงของประชาชนหรือข้าราชการทุกคน ทางจังหวัดจำเป็นต้องแสดงออกถึงการสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล แต่การแสดงความเห็นดังที่ผมยกมาแสดงให้เห็นแล้วนี้ ก็ย่อมเป็นส่งที่รัฐบาลทหารสามารถใช้อ้างความชอบธรรมในการปราบปรามได้
ภายหลัง “ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์” พ่ายแพ้ในการต่อสู้ทวงคืนประชาธิปไตยมาจากรัฐบาลเผด็จการทหาร นายปรีดี พนมยงค์ ก็แทบจะหมดสิ้นบทบาททางการเมือง ดังเห็นได้จากเสียงของคณะกรมการและข้าราชการจังหวัดต่าง ๆ ที่ไม่ให้การสนับสนุนความเคลื่อนไหวของนายปรีดีเลย มิหนำซ้ำ ยังถูกประโคมโจมตีให้กลายเป็นผู้ร้ายในสายตาชาวไทยอยู่เสมอ ๆ โดยเฉพาะที่ผู้ก่อการเข้ายึดพระบรมมหาราชวังเป็นศูนย์บัญชาการนั้น ก็มีกระแสใส่ความว่า เพราะนายปรีดีมักใหญ่ใฝ่สูงจะเปลี่ยนแปลงประเทศเป็นสาธารณรัฐและเป็นพวกคอมมิวนิสต์

เส้นทางที่ผู้เขียนใช้เดินทางออกจากสยามในครั้งที่ 2
นับแต่นั้น นายปรีดี ก็ต้องเดินทางระหกระเหินลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และมิได้กลับเข้ามาปฏิบัติการอะไรในเมืองไทยอีกเลย
“ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความคาดหวังของ นายปรีดี ก็มีอันพังทลายลง มิหนำซ้ำ ยังทำให้ นายปรีดี ต้องเผชิญกับการตกเป็นผู้ทำลายประเทศชาติ ทั้ง ๆ ที่เขาปรารถนาดีต่อประเทศชาติโดยแท้
หมายเหตุ:
- คงอักขรและการสะกดตามต้นฉบับ
เอกสารอ้างอิง :
- หจช.มท.0201.2.1.1/101 ข้าราชการลาและขาดราชการในวันจลาจล (พ.ศ. 2492).
- ไทยน้อย (เสลา เรขะรุจิ). ๒๕ คดีกบฏ (พระนคร : ประมวลสาส์น, 2513)
- ประจวบ อัมพะเศวต. พลิกแผ่นดิน : ประวัติศาสตร์การเมืองไทย 24 มิถุนายน 2475-14 ตุลาคม 2516 (กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ, 2543)
- สุเพ็ญ ศิริคูณ. กบฏวังหลวง (26 กุมภาพันธ์ 2492). วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2518.