ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เกร็ดประวัติศาสตร์

เหตุแห่งศรัทธาต่อท่านปรีดี พนมยงค์

3
ตุลาคม
2568

อรุณ เวชสุวรรณ สัมภาษณ์ ปรีดี พนมยงค์ ที่บ้านชานกรุงปารีส พ.ศ. 2524

 

มีหลายคนถามว่าทำไมข้าพเจ้าถึงศรัทธาท่านปรีดี ถึงกับเดินทางไปประเทศฝรั่งเศสเพื่อพบปะกับท่าน หรือเขียนบทความ เขียนหนังสือเกี่ยวกับตัวท่าน ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้าไม่เคยแสดงออกว่าสนใจเรื่องการเมืองมาก่อน

มูลเหตุที่ข้าพเจ้าศรัทธาท่านปรีดี เพราะว่าข้าพเจ้าได้เคยศึกษาชีวประวัติและผลงานของนักการเมืองไทยมาทุกยุคทุกสมัย แต่ละคนส่วนมากมุ่งหวังแต่จะได้มาซึ่งอำนาจและเงิน ยังไม่ค่อยจะมีนักการเมืองของไทยคนใดที่มุ่งหวังที่จะทำงานเพื่อความเจริญของประเทศชาติ ยิ่งนักการเมืองในสมัยปัจจุบันนี้ด้วยแล้ว ส่วนมากเข้ามาเป็นนักการเมืองด้วยหวังที่จะกอบโกย บางคนหากินด้วยการค้าของเถื่อน บางคนหากินด้วยการตั้งบ่อนการพนัน บางคนหวังเป็นรัฐมนตรีเพื่อการคอรัปชั่น เบียดบังภาษีของราษฎร เขาเหล่านั้นมีความเป็นอยู่อย่างสมบูรณ์พูนสุขมีเกียรติหรูหราอยู่ในวงสังคมและการกุศล มิใยที่นักหนังสือพิมพ์ประเภทข่าวสังคมซุบซิบเอาไปเขียนพรรณาอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาส่วนมากไม่ค่อยมีอุดมคติที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองกัน เพียงแต่คอยระวังในการรักษาเก้าอี้ของตัวไว้ให้เหนียวแน่น และไม่ลืมที่จะท่องคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่นักการเมืองรุ่นหลังนิยมท่องกัน คือคำว่า

ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

ปากก็ท่องไปแต่ในใจหรือพฤติกรรมของเขาก็พยายามกอบโกยเงินทองมาเพื่อตัวเองและญาติพี่น้อง สมุนบริวารคนเหล่านั้นบางคนในอดีตทำงานธนาคารต่างจังหวัดกระจอก ๆ แต่พอมาเล่นการเมืองก็กลายเป็นผู้มีเงินหมื่นล้าน กลายเป็นผู้เสียภาษีมากติดอันดับของเมืองไทย

บางคนเป็นนายทหารมาเล่นการเมืองไม่กี่ปีก็ร่ำรวย นายทหารบางคนถึงกับมาแสดงละครร้องห่มร้องไห้สงสารประชาชนที่ยากจน แต่พอได้อำนาจก็ยักยอกเอาเงินทองในท้องพระคลังมาไว้มากมาย ทำให้ลูก ๆ มีความเป็นอยู่สุขสบาย มีโรงงานอุตสาหกรรม โรงงานทอผ้ามีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เป็นของตัวเอง ลูก ๆ ของนักการเมืองเหล่านั้นก็มีหน้ามีตาหรูหราอยู่ในสังคม มีรสนิยมในการแต่งกายเป็นเลิศคือใช้แต่ของชั้นดีที่ผลิตในต่างประเทศ เป็นต้นว่าฝรั่งเศสและอเมริกา

นายทหารบางคนมาเล่นการเมืองโดยระบอบเผด็จการ มีอำนาจเด็ดขาดในการปกครองบ้านเมือง ประเภทที่เรียกว่า “ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” นักการเมืองประเภทนี้เมื่อตายไปแล้วได้โกงเงินของชาติไปนับเป็นพัน ๆ ล้านบาท บางคนถึงแม้ยังไม่ตายแต่ก็โกงเงินของชาตินับเป็นพัน ๆ ล้านบาทเช่นกัน นักการเมืองที่โกงกินเหล่านั้นเพลิดเพลินอยู่กับการเป็นประธานของบริษัทเงินทุน ประธานบริษัทต่าง ๆ ที่ตัวเองมีหุ้นใหญ่ ๆ มีชีวิตร่ำรวยด้วยเงินทองและอำนาจวาสนานานับประการ

นักการเมืองบางคนใต่เต้ามาจากการมีชื่อเสียงเมื่อตอนที่ตัวเองเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย มีคารมดี มองเห็นหน่วยก้านตัวเองว่ามีแววที่จะยึดอาชีพเป็นนักการเมืองได้ก็ไปอาศัยทำหนังสือพิมพ์เพื่อจะให้ข้อเขียนและชื่อเสียงของตัวเองเป็นที่ยอมรับในสังคม เมื่อมีชื่อเสียงสมปรารถนาแล้ว ก็เข้าไปสังกัดพรรคการเมือง โชคชตาได้ผลักดันให้นักการเมืองผู้นั้นเป็นคนมีชื่อเสียง เขาจึงมีความก้าวหน้าถึงกับสามารถตั้งพรรคการเมืองของตัวเองเป็นผลสำเร็จ แต่แทนที่จะซาบซึ้งในพระคุณของบุคคลที่ทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงขึ้นมาได้กลับด่าว่าเสียดสี ใช้คำพูดที่ไม่แสดงความเคารพต่อบุคคลผู้ซึ่งตัวเองเคยไปพึ่งใบบุญเขาในอดีต และแม้แต่ครูบาอาจารย์ผู้ซึ่งเคยเซ็นชื่อในใบ ปริญญาบัตร หรือเคยสั่งสอนมาก่อนนักการเมืองผู้นี้ก็ด่าเสียไม่มีชิ้นดี เข้าทำนองลูกศิษย์คิดล้างครู (และครูผู้นั้นก็คือศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ้งภากร นั่นเอง)

 

ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์

 

นักการเมืองบางคนเหมือนกับว่าบรรพบุรุษของตัวเองในอดีตเป็นเงาะป่าซาไก ตอนเป็นนักศึกษาก็ทำตัวเป็นผู้มีอุดมคติ เป็นนักศึกษาก็หัดเล่นหนังเล่นโขนเล่นละครไปตามเรื่อง เหมือนกับเงาะป่ามาอยู่ในเมืองหลวง แทนที่จะนึกถึงพรรคพวกเงาะของตัวเองตามบ้าน แต่กลับลืมตัวลืมตนเอาแต่ร้องรำทำเพลงเพื่อจะให้มีชื่อเสียงเป็นนักการเมืองกับเขาได้ เมื่อเป็นนักศึกษาก็ดู ๆ จะเป็นคนที่มีอุดมคติ ซ้ำยังเป็นคนประเภทที่เรียกว่า “เอียงซ้าย” เสียด้วยซ้ำไป คือเป็นคนที่เห็นแก่คนยากคนจนเพราะกำพืดของตัวเองยากจน ถึงกับอาศัยข้าวก้นบาตรของพระประทังชีวิตแต่พอเล่นการเมืองสักพัก มีรถมีบ้านมีสมุนบริวารก็ลืมตาอ้าปาก ลืมตัวลืมตนเช้าขึ้นมาก็ท่องคาถา “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ถูกนักการเมือง นักกินเมืองทั้งหลายกลืนอุดมคติเก่า ๆ เสียหมดสิ้น คิดอยู่แต่ว่าทำอย่างไรถึงจะร่ำรวย ทำอย่างไรถึงจะเป็นนักการเมืองได้นาน เป็นรัฐมนตรีอยู่ได้นาน ๆ

นักการเมืองบางคนประชาชนเลือกให้เข้ามาเป็นผู้แทนในสภา แทนที่จะมาทำหน้าที่ของตัวให้ดีที่สุดกลับเบี้ยวการประชุม บางคนเอาหนังสือโป๊หนังสือลามกมีภาพร่วมเพศมานั่งดูจนช่างภาพ น.ส.พ ถ่ายภาพเอาไปลงประจานก็เคยมี

ส่วนนักการเมืองที่มีฝีมือระดับครูของไทยส่วนมากมักจะมีหนังสือพิมพ์เป็นกระบอกเสียงของพรรค บางคนมีหุ้นอยู่ในหนังสือพิมพ์รายวันที่มีชื่อเสียง บางคนเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์เอาเสียเลย นักการเมืองเหล่านั้นอาศัยหนังสือพิมพ์เป็นแหล่งสร้างความเชื่อถือและโฆษณา (แฝงมาในรูปของข่าวและบทความ) เมื่อประชาชนคนทั่วไปซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านก็เท่ากับว่าได้นิยมชมชื่นกับนักการเมืองคนนั้น ๆ ไปในตัว

ยังมีนักการเมืองอีกประเภทหนึ่งคือเป็นพวกเจ้าพ่อและนักเลงหัวไม้ เป็นพ่อค้าของเถื่อน ของหนีภาษี เป็นเจ้าของบ่อนการพนัน จับพลัดจับผลูมีเงินล้านจึงคิดเล่นการเมือง เพราะการเล่นการเมืองทำให้มีคนเกรงใจ ยิ่งถ้าได้เป็นระดับรัฐมนตรียิ่งทำอะไรได้สะดวก การที่จะตั้งบ่อนการพนันในบ้านของตัวเองก็ไม่มีใครกล้าจับ การค้าของหนีภาษีต่าง ๆ ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้อง พวกนี้จึงเล่นการเมืองได้อิทธิพล ได้รับผลประโยชน์หลายด้าน คนพวกนี้หากได้เป็นระดับรัฐมนตรีก็ยิ่งโกงชาติโกงบ้านโกงเมืองอย่างใหญ่โตมโหฬาร เมื่อร่ำรวยมาแล้วถึงคราวเลือกตั้งสมัยต่อไปก็เอาเงินที่ตัวเองโกงมาแจกกับประชาชนเพื่อซื้อคะแนนเสียง บางแห่งแจกเป็นตัวเงินดื้อ ๆ ๑๐๐-๕๐๐ บาท บางแห่งมีความละอายแก่ใจ แจกเป็นวัสดุสิ่งของก็มี คนไทยผู้ขาดการศึกษาบางคน หรือคนที่เห็นแก่อามิสสินจ้างบางคนก็ยอมรับเงินเหล่านั้น ทำให้เมืองไทยเราได้นักการเมืองที่ไม่ดี เป็นนักกินเมืองเสียเป็นส่วนมาก

 

ท่านปรีดี พนมยงค์

 

เมื่อ ท่านปรีดี พนมยงค์ ทำการปฏิวัติเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ท่านต้องการให้ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข พระบรมวงศานุวงศ์องค์ใดที่สนพระทัยหันเหมาทางระบอบประชาธิปไตย ท่านปรีดีและคณะได้ให้ความเคารพนับถือพระบรมวงศานุวงศ์เหล่านั้นเป็นอย่างมาก อาทิเช่น พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร หรือพระอิศริยยศที่ได้สถาปนาในภายหลังคือ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ มีหลักฐานเป็นจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าท่านยกย่องเทิดทูนพระบรมราชจักรีวงศ์ ต้องการให้พระบรมวงศานุวงศ์เป็นประชาธิปไตย อย่างเต็มที่ และไม่ใช่แต่เท่านั้น ท่านปรีดีต้องการสร้างให้ประชาชนมีความเข้าใจในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย จึงได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าใจในระบอบการปกครองและสร้างนักการเมืองที่ดีให้กับประเทศชาติ เมื่อท่านดำรงตำแหน่งผู้ประสาทธ์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่านได้เสียสละเงินเดือนทั้งหมดบำรุงมหาวิทยาลัยแห่งนั้นจนหมดสิ้น

คุณสมบัติของท่านแตกต่างจากนักการเมืองในสมัยปัจจุบันอย่างเทียบกันไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้ามีความสนใจในชีวประวัติและผลงานของท่าน มีความศรัทธาในการที่จะช่วยเผยแพร่ผลงานของท่าน เพื่ออนุชนคนรุ่นหลังถือเอาเป็นแบบอย่าง จะได้ช่วยกันพัฒนาประเทศชาติอันเป็นที่รักให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น หากว่านักการเมืองรุ่นหลัง ๆ ได้ยึดถือเอาอุดมคติของท่านปรีดีเป็นแบบอย่างมากเข้า ๆ ประเทศไทยจะต้องเจริญรุ่งเรืองสถิตย์สถาพรเหมือนอย่างอารยะประเทศเขาเป็นแน่แท้

 

หมายเหตุ :

  • อักขรวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
  • ตั้งชื่อบทความใหม่โดยกองบรรณาธิการ

บรรณานุกรม :

  • อรุณ เวชสุวรรณ, ทำไมถึงศรัทธาท่านปรีดี, ท่านปรีดี พนมยงค์ กับความจริงที่ถูกบิดเบือน (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์อรุณวิทยา, ๒๕๒๗), น. ๗๓-๗๙.