Focus
- นายปรีดี พนมยงค์ ได้อธิบายถึงปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในด้านเงินทุน แรงงาน การเมืองระหว่างประเทศ และการรักษาอธิปไตยของชาติ โดยเน้นย้ำว่าการขุดคลองกระ หรือคอคอดกระจะต้องดำเนินการด้วยทุนของชาติเอง และต้องระมัดระวังไม่ให้ต่างชาติเข้ามามีอิทธิพลเพื่อรักษา “เอกราชทางเศรษฐกิจ"
- นายปรีดีได้ปรึกษากับหลวงเดชาติวงศ์ (ม.ล.กรี เดชาติวงศ์) เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการขุดคลองฯ และได้เสนอแนวทางการหาเงินทุนจากเงินคงคลังและเงินสำรองของประเทศ นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนวทางการพัฒนาที่ดินสองฝั่งคลองให้เป็นสวนผลไม้และพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลและจัดสรรที่ดินให้กับกรรมกรและผู้ยากจน โดยแสดงความฉงนใจเกี่ยวกับแนวคิดของรัฐบาลในขณะนั้นที่จะขุดคลองที่ยาวกว่าแนวที่เคยมีการศึกษาไว้ และมีความกังวลเกี่ยวกับการนำโครงการขุดคลองไปเชื่อมโยงกับการทำเหมืองแร่ ซึ่งเป็นกิจการที่แตกต่างกัน
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๑
เรียน ท่านนายกสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้ทราบข่าวจากวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงความดำริของรัฐบาลไทยปัจจุบันที่จะขุดคลองที่คอคอดกระ ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ชาติไทยจะได้จากคลองนี้ก็คงมีผู้คิดกันมากแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวซ้ำ ข้าพเจ้าขอเน้นเฉพาะความเป็นเอกราชทางเศรษฐกิจของชาติ คือถ้าการขุดคลองนี้ดำเนินไปโดยอิสระตามกำลังของชาติไทยเราเอง และป้องกันมิให้อยู่ได้อิทธิพลของต่างชาติได้ ก็จะเป็นวิถีทางอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ชาติไทยได้มีความเป็นเอกราชในทางเศรษฐกิจยิ่งขึ้น
โดยที่นายกรัฐมนตรีปัจจุบันได้เคยแถลงไว้ว่ายินดีรับฟังความเห็นของคนไทยทั่วไป ข้าพเจ้าจึงคิดว่าการศึกษาค้นคว้า และความคิดอันเกี่ยวกับการสร้างคลองนี้ที่ข้าพเจ้าเคยมีอยู่บ้างเล็กน้อยอาจจะเป็นประโยชน์แก่มวลราษฎรไทยและรัฐบาลไทยบ้างก็เป็นได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเขียนจดหมายมายังท่าน เพื่อขอให้ท่านนำส่งต่อไปยังรัฐบาล และก่อนนำส่งขอให้ท่านคัดกับอัดสำเนาจดหมายฉบับนี้แจกไปยังหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ เพื่อราษฎรและรัฐบาลรับไว้ประกอบการพิจารณาในการที่จะสร้างคลองนี้ให้สําเร็จตามอุดมการณ์ดังกล่าวข้างต้น
๑. เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ ขณะที่เรือลำซึ่งข้าพเจ้าโดยสารเพื่อไปยังประเทศฝรั่งเศสได้แล่นผ่านคลองสุเอซนั้น ข้าพเจ้าได้ถามอาจารย์เลเดแกร์ (ชาวฝรั่งเศสที่เคยเป็นที่ปรึกษากฎหมายและอาจารย์โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม) ซึ่งเดินทางไปด้วย ถึงเรื่องราวของคลองสุเอซ เมื่ออาจารย์ได้เล่าให้ฟังพอสมควรแล้ว

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ข้าพเจ้าก็ได้ระลึกถึงเรื่องที่เคยได้ยินมานั้นแต่ยังเป็นนักเรียนมัธยมอยู่ว่า รัฐบาลไทยสมัยรัชการที่ ๕ ได้ดำริที่จะขุดคอคอดกระแต่มีอุปสรรคเนื่องจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ข้าพเจ้าจึงได้ถามอาจารย์ผู้นั้นว่า; ถ้าประเทศสยามจะฟื้นฟูความคิดขุดคลองกระขึ้นมาอีก ต่างประเทศจะว่าอย่างไร อาจารย์ตอบว่าสำหรับฝรั่งเศสไม่มีปัญหา คือถ้าขุดได้ก็เป็นการดีเพราะจะทำให้คมนาคมระหว่างฝรั่งเศสกับอินโดจีนทางทะเลสั้นเข้าอีก
อาจารย์ได้เล่าให้ฟังถึงการที่ชาวต่างประเทศเคยเสนอโครงการต่อรัชกาลที่ ๕ เพื่อขุดคลองที่กล่าวนี้ ท่านแนะว่าถ้าข้าพเจ้าสนใจที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติของข้าพเจ้าแล้ว เมื่อข้าพเจ้าอยู่ในฝรั่งเศสก็ควรค้นคว้าศึกษาถึงเรื่องคลองนั้นและเทียบ เคียงดูกับเรื่องคลองสุเอซ คลองปานามา คลองคีลของเยอรมัน คลองโครินธ์ของกรีกต่อมาเพื่อนของข้าพเจ้าจำนวนหนึ่งกับข้าพเจ้าได้คิดทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยตั้งแต่เรายังอยู่ด้วยกันในประเทศฝรั่งเศส
ข้าพเจ้าได้เสนอหลักการอันเป็นรากฐานสำคัญที่เป็นจุดหมายของข้าพเจ้าในการ เปลี่ยนแปลงนั้น คือจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่อยู่ที่ความปรารถนาให้ชาติไทยมีความเป็นเอกราชสมบูรณ์ ซึ่งรวมทั้งเอกราชในทางเศรษฐกิจด้วย (ผู้อ่านเค้าโครงการเศรษฐกิจของข้าพเจ้าคงเห็นความปรารถนาของข้าพเจ้าในเรื่องที่กล่าวนี้แล้ว) มิตรสหายดังกล่าวแล้ว ได้ตกลงมอบให้ข้าพเจ้าพิจารณาแก้ปัญหาเศรษฐกิจของชาติ ข้าพเจ้าจึงได้พิจารณาตามสติปัญญาอันน้อยของข้าพเจ้าและโดยเฉพาะการขุดคลองที่คอคอดกระนั้น
ข้าพเจ้าได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องการขุดคลองที่คอคอดต่าง ๆ ตามที่อาจารย์เลเดแกร์เคยแนะนำไว้ผลแห่งการศึกษาค้นคว้าของข้าพเจ้าในสมัยนั้นทำให้ข้าพเจ้าเห็นว่าในแง่การช่างนั้น ; การขุดคลองที่คอคอดต่าง ๆ ซึ่งแม้ภูมิประเทศจะเป็นภูเขาก็สามารถทำได้ เช่น คลองปานามา เป็นต้น แต่ปัญหาอยู่ที่แรงงาน ทุน การเมืองระหว่างประเทศในเรื่องแรงงานนั้นปรากฏว่าการขุดคลองสุเอซต้องใช้วิธีเกณฑ์แรงราษฎรอาหรับซึ่งต้องล้มตายกันมาก ส่วนการขุดคลองปานามานั้น แม้จะใช้วิธีจ้างคนงานแต่คนงานก็ต้องล้มตายเพราะไข้มาลาเรียมาก
การขุดคลองคีลและคลองโครินธ์ไม่มีปัญหาดังกล่าวนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าจะขุดคลองกระแล้วก็ต้องใช้วิธีจ้างคนงานและมีเครื่องมือทุ่นแรงที่ทันสมัยกว่าแต่ก่อน และต้องระวังเรื่องโรคภัยไข้เจ็บของคนงานซึ่งรัฐบาลมีทางแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ในเรื่องเงินทุนนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าการขุดคลองคีลและคลองโครินธ์ได้ใช้จ่ายเงินของประเทศนั้นเอง จึงไม่มีปัญหาอันใดที่ต่างประเทศจะแทรกแซงในธุรกิจอันเป็นไปตามอธิปไตยของชาตินั้น แต่สำหรับคลองสุเอซนั้นก็รู้กันอยู่ทั่วไปแล้วว่าต้องใช้ทุนของหลายประเทศอันทำให้ไอยคุปต์ต้องเสียอธิปไตยในเขตคลองนั้นไป
ส่วนการขุดคลองปานามานั้น เดิมฝรั่งเศสได้รับสัมปทานจากประเทศโคลัมเบีย ซึ่งเจ้าของเขตปานามาแต่บริษัทนั้นขุดไปไม่สำเร็จ; การงานต้องหยุดชะงักลงและมีการชำระบัญชีบริษัทนั้น ต่อมา ส.ร.อ.[1] ได้ทำการเจรจากับโคลัมเบียเพื่อขอสัมปทานขุดคลองปานามา รัฐบาลโคลัมเบียสมัยนั้นได้ประวิงการสัตยาบันข้อตกลงกับ ส.ร.อ. เพื่อเกี่ยงที่จะได้ประโยชน์ยิ่งขึ้น ใน ค.ศ. ๑๙๐๓ ได้เกิดมีขบวนการแบ่งแยกดินแดนโคลัมเบีย โดยแยกเขตปานามาออกเป็นอีกประเทศหนึ่งต่างหากจากโคลัมเบีย
รัฐบาลโคลัมเบียได้ส่งกองทหารไปเพื่อจะปราบขบวนการนี้ แต่ได้ถูกต้านโดยนาวิกโยธินอเมริกันแห่งเรือลาดตะเวน ส.ร.อ. ชื่อ “แนชวิลล์” ซึ่งอ้างนัยของสัญญาที่มีไว้แต่ปางก่อนว่า ส.ร.อ. มีสิทธิคุ้มครองที่จะให้บริเวณคอคอดปานามานั้นเป็นแดนเปิดการสู้รบระหว่างกองทหารของรัฐบาลโคลัมเบียกับขบวนการเอกราชของปานามาจึงสงบลง ต่อมาอีกไม่กี่วันรัฐบาล ส.ร.อ. ก็รับรองประเทศปานามาที่ตั้งขึ้นใหม่นั้น และประเทศปานามาก็ทำสนธิสัญญายกเขตคลองปานามาให้อยู่ในความอารักขาของ ส.ร.อ. ฉะนั้นปัญหาเรื่องทุนก็เกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด และอาจเป็นเหตุให้มีการแบ่งแยกดินแดนตั้งขึ้นเป็นประเทศใหม่ เช่น ประเทศปานามา เป็นต้น ในส่วนที่เกี่ยวกับปัญหาการเมืองระหว่างประเทศโดยทั่วไปนั้นก็เป็นที่ชี้เห็นประจักษ์อยู่แล้วสำหรับคลองสุเอซและคลองปานามา
ส่วนคลองคีลและคลองโครินธ์ไม่มีปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ สำหรับการขุดคลองกระในสมัยที่ข้าพเจ้าศึกษาอยู่นั้น เห็นว่าปัญหามิได้อยู่แต่เพียงว่าที่จะต้องระมัดระวังระบอบอาณานิคมอังกฤษอย่างเดียวเท่านั้น คือต้องระลึกถึงตัวอย่างของคลองอื่น ๆ ที่จะมีผลในทางการเมืองตามมาอีกด้วย ถ้าหากเราไม่ระมัดระวังให้ดี และถ้าคิดหาทุนโดยการกู้เงินต่างประเทศแทนที่จะเอาทุนของเราเองแล้วจะทำให้มีภาระหลายอย่างติดตามมา

นายปรีดี พนมยงค์ หรือหลวงประดิษฐ์มนูธรรม
๒. ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๘ ขณะที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทยนั้น กรมโยธาเทศบาลสมัยนั้น (ที่ได้ตั้งขึ้นโดยรวมกรมทางกับกรมนคราทรเข้าเป็นกรมเดียวกันมีหน้าที่ในการทางทั่วราชอาณาจักร และการคมนาคมส่วนท้องถิ่น) ได้จัดร่างโครงการทางทั่วราชอาณาจักรตามคำสั่งของข้าพเจ้า เสร็จแล้วได้เสนอร่างโครง การนั้นมายังข้าพเจ้าเพื่อพิจารณา เมื่อข้าพเจ้าพิจารณาถึงการสร้างทางจากชุมพรผ่านกระบี่เพื่อไปยังระนองและพังงานั้น

พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน)
ข้าพเจ้าได้หวนระลึกถึงการขุดคลองที่คอคอดกระว่าสมควรที่จะได้ฟื้นขึ้นมาอีก แทนที่จะสร้างทางอย่างเดียวซึ่งจะเป็นวิถีทางอย่างหนึ่งในการช่วยให้ชาติไทยมีความเป็นเอกราชทางเศรษฐกิจสมบูรณ์ยิ่งขึ้นตามอุดมการณ์ของคณะราษฎร แต่ปัญหาการขุดคลองกระนี้เกินขอบเขตของกระทรวงมหาดไทยโดยเฉพาะข้าพเจ้าจึงได้นำเรื่องไปเสนอเจ้าคุณพหลฯ นายกรัฐมนตรี เจ้าคุณพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) ตอบว่า ถ้าขุดได้ก็เป็นการดีเพราะท่านเองเคยผ่านคลองสุเอซมาเหมือนกัน และเคยอยู่ในประเทศเยอรมนีที่มีคลองคีลเชื่อมทะเลเหนือกับบอลติกที่คอคอดใกล้กับประเทศเดนมาร์กจึงอยากให้เรามีคลองที่คอคอดกระบ้าง ท่านถามว่า เราจะเอาเงินมาจากไหนกับต้องระวังต่างประเทศ ข้าพเจ้าเรียนต่อท่านเจ้าคุณฯ ว่า ข้าพเจ้าก็มีความวิตกอย่างท่าน แต่ก่อนอื่นทีเดียวเราจะขุดคลองนั้นต่อเมื่อเรามีทุนของเราเอง เพราะถ้าขืนใช้วิธีกู้ยืมจากต่างประเทศแล้ว ก็จะทำให้เราต้องผูกพันกับเจ้าหนี้ทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย ข้าพเจ้าจะปรึกษาหลวงเดชาติวงศ์ (ม.ล.กรี เดชาติวงศ์) เพื่อนร่วมก่อการวันที่ ๒๔ มิถุนายน ย้ายจากกรมรถไฟมาเป็นนายช่างในกรมโยธาเทศบาล ซึ่งเป็นผู้ร่างโครงการทางทั่วราชอาณาจักรว่า การขุดคลองกระจะสิ้นค่าใช้จ่ายสักเท่าใด แล้วจะพิจารณาว่า กระทรวงการคลังจะมีเงินให้หรือไม่ข้าพเจ้าเรียนท่านเจ้าคุณฯ ต่อไปว่าปัญหาต่างประเทศนั้นนอกจากการป้องกันโดยไม่กู้เงินเขามาขุดคลองแล้ว เราจะต้องระวังไม่เพียงแต่อังกฤษเท่านั้น แต่ต่างชาติที่เป็นมหาอำนาจทั้งหมด เราจะต้องเอาเยี่ยงคลองคีลของเยอรมันและคลองโครินธ์ของกรีก ซึ่งอยู่ภายใต้อธิปไตยของชาตินั้นเด็ดขาด ไม่ใช่วิธีการอย่างคลองสุเอซหรือคลองปานามา
ข้าพเจ้าเรียนท่านเจ้าคุณพหลฯ ว่าประเทศอังกฤษย่อมถูกกระทบกระเทือน โดยเฉพาะถ้าเราชี้แจงกับเขาว่า แม้สิงคโปร์จะขาดรายได้เนื่องจากการผ่านสินค้าของไทยก็ตาม แต่อินเดียกับพม่าของอังกฤษย่อมได้ประโยชน์จากคลองนี้ด้วย; แม้พ่อค้าที่ลอนดอนเองก็ได้ประโยชน์เพราะปีหนึ่ง ๆ บริเตนซื้อสินค้าหนัก ๆ เช่น ไม้สักและข้าวจากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เมื่อค่าขนส่งถูกลงพ่อค้าชาวอังกฤษเองก็ได้ประโยชน์คุ้มหรือเกินกว่าที่ได้ทางสิงคโปร์ การที่เราจะขุดคลองกระตามอธิปไตยของเราได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับปัญหาแห่งการรักษาอธิปไตยและความเป็นเอกราชทั้งมวลของชาติ ข้าพเจ้าเห็นว่ารัฐบาลที่ท่านเจ้าคุณฯ เป็นหัวหน้าอยู่นั้นก็ได้รักษาดุลยภาพแห่งอำนาจไว้เป็นอย่างดี และถ้าเราช่วยกันประคองรักษาต่อไป เราจะรักษาความเป็นเอกราชของชาติไว้ได้ ท่านเจ้าคุณฯ ตอบว่า “จริง” แล้วท่านเสริมต่อไปว่า ถ้าเราเสียดุลยภาพแห่งอำนาจแล้ว ดุลยภาพอื่น ๆ ก็เสียตามไปด้วย บ้านเมืองก็จะพังทลาย
ข้าพเจ้าเรียนท่านเจ้าคุณฯ อีกว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าเป็นห่วงอยู่ก็คือ การเจรจาแก้ไขสัญญาที่ไม่เสมอภาคเวลานั้นยังไม่มีศัพท์สนธิสัญญากับต่างประเทศ คือเราลงมือขุดคลองก่อนแล้วก็จะทำให้การเจรจาแก้ไขสัญญาเช่นนั้นขลุกขลักได้ เราต้องจัดการแก้ไขสัญญาให้เรามีเอกราชสมบูรณ์ก่อน
เจ้าคุณพระยาพหลฯ เห็นด้วยในหลักการตามที่ข้าพเจ้าเสนอแล้วท่านสั่งให้ข้าพเจ้ากลับไปพิจารณากับหลวงเดชาติวงศ์ เรื่องการช่างและให้ข้าพเจ้าคิดหาเงินทุนต่อไป

หลวงเดชาติวงศ์ (หลวงกรี เดชาติวงศ์)
ที่มา: พระราชทานเลิงศพ หม่อมหลวงกรี เดชาติวงศ์
๓. ข้าพเจ้าได้เชิญหลวงเดชาติวงศ์ มาปรึกษากะประมาณกันอย่างคร่าว ๆ ว่าถ้าเราจะขุดคลองที่คอคอดกระยาวประมาณ ๕๐ กิโลเมตร ขนาดกว้างและลึกอย่างคลองสุเอซรวมทั้งการแต่งร่องน้ำจากปากคลองไปสู่ทะเลลึก ก็คงใช้เงินในขณะนั้นประมาณ ๑๐ ล้านบาท นอกจากนั้นเราจำเป็นต้องสร้างเขื่อนและท่าเทียบเรือ โรงคลังสินค้า เขื่อนกันคลื่นในทะเล ถนน และทางรถไฟ ริมฝั่งคลอง สะพานรถไฟและสะพานต่าง ๆ ข้ามคลอง โรงไฟฟ้า การโทรเลข โทรศัพท์ กระโจมไฟ อาคาร และอุปกรณ์อื่น ๆ อันเกี่ยวแก่ความจำเป็นและความสะดวกแก่การเดินเรือผ่านคลองนี้ จึงได้กะกันอย่างคร่าว ๆ ว่าคงใช้เงินอีกราว ๘ ล้านบาท รวมทั้งสิ้นประมาณ ๑๘ ล้านบาทเราได้คิดกันอีกแผนหนึ่งถึงการขุดคลองที่กว้างและลึกน้อยกว่าคลองสุเอซ เช่น ขนาดคลองโครินธ์ของกรีกเพื่อให้เรือเพียงขนาดที่เข้าปากน้ำเจ้าพระยาได้ผ่านเท่านั้น อันจะเป็นการกระทบกระเทือนอังกฤษไม่มากนัก ในการนี้เราอาจลดค่าใช้จ่ายสำหรับงานดินลงไปได้ ประมาณ ๖ ล้านบาท แต่เราก็ต้องสร้างเขื่อน สะพานข้ามคลอง และการก่อสร้างอื่น ๆ เช่นเดียวกับการขุดคลองขนาดคลองสุเอซนั่นเอง เราได้คิดต่อไปว่าถ้าเราจะขุดเพียงขนาดกว้างลึกเท่าคลองโครินธ์แล้วมีแผนการขยายให้เท่าคลองสุเอซในอนาคต แต่เราเห็นว่า การขยายคลองใหม่และสิ่งก่อสร้างบางอย่างก็ต้องทำใหม่ เช่น สะพานข้ามคลอง เป็นต้น ฉะนั้นจึงคิดว่า ไหน ๆ จะขุดคลองกันตรงนี้แล้วก็ขุดกันเต็มอัตราทีเดียว เอาขนาดคลองสุเอซนั่นแหละหลวงเดชาฯ ถามข้าพเจ้าว่าจะเอาเงินมาจากไหน ข้าพเจ้าตอบว่า เงินคงคลังกับเงินสำรองใช้หนี้เงินกู้ยืมมีอยู่ที่กระทรวงการคลังซึ่งเก็บไว้เฉย ๆ นั้น สมควรขอเอามาใช้จ่ายในการลงทุนของประเทศชาติได้ประมาณ ๓๕ ล้านบาท ส่วนหนึ่งก็เอามาสร้างทาง อีกส่วนหนึ่งก็เอามาสร้างคลองกระ แต่กระทรวงการคลังหวงเงินนั้น ข้าพเจ้าเห็นจะต้องอาสาไปเจรจาขอลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อรัฐบาลจะได้อนุญาตให้ใช้เงินคงคลังและเงินสำรองใช้หนี้ถึงได้สะดวกหลวงเดชาฯ ไต่ถามถึงปัญหาระหว่างประเทศข้าพเจ้าได้ตอบตามที่ได้เรียนเจ้าคุณพหลฯ ดังกล่าวแล้ว
ข้อสังเกต ตามที่วิทยุกระจายเสียงแจ้งว่ารัฐบาลไทยปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๐๑) คิดจะขุดคลองนี้จากบริเวณใต้บางสะพานไปยังปากน้ำจันนั้น ทำให้ข้าพเจ้าฉงนว่าเหตุใดจึงจะขุดคลองยาวประมาณกว่า ๑๐๐ กิโลเมตร ซึ่งเกินกว่าแนวที่นายช่างได้กะกรุย เมื่อครั้งรัชกาลที่ ๕ กว่าหนึ่งเท่า แต่ได้ทราบว่ารัฐบาลหวังจะได้ทองคำและแร่อื่น ๆ จากการขุดคลองนี้ จึงทำให้ข้าพเจ้าระลึกกว่าการขุดคลองกับการทำเหมืองแร่นั้นต่างกัน แม้ข้าพเจ้าจะเห็นด้วยตาเปล่าว่างานทั้งสองอย่างมีการขุดดินด้วยกัน การสร้างคลองนั้น ต้องการให้คลองตรงและสั้นที่สุด ส่วนการทำเหมืองแร่มีการขุดดินในที่จำกัดและคดเคี้ยวไปมาตามสายแร่และบางที่สายแร่ก็อยู่ตื้น บางทีก็ลึกไม่สม่ำเสมอ เครื่องขุดดินสำหรับทำเหมืองแร่ก็มีลักษณะต่างกับเครื่องขุดดินสำหรับขุดคลอง ยิ่งเป็นเครื่องขุดดินทำเหมืองทองคำแล้วที่มีลักษณะพิเศษออกไปอีก เพราะแร่ทองคำที่มีอยู่ใต้ดินในทรายนั้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ มาก นาน ๆ จึงจะพบเป็นเมล็ดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ซึ่งถือว่าเป็นมหัศจรรย์ไม่ใช่เป็นลิ่มหรือแท่ง นอกจากนั้นเครื่องสำหรับเหมืองทองคำต้องมีเครื่องกลไลที่สามารถระวังเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขุดที่อาจมีบางคนไม่ซื่อแล้วยักยอกเอาไปคนหนึ่ง ๆ เพียงวันละไม่ถึงกรัมก็จะทำให้นายเหมืองหรือรัฐบาลขาดทุน
ข้าพเจ้าได้ระลึกต่อไปอีกว่าบริเวณอำเภอบางสะพานนี้เป็นแหล่งที่บรรพบุรุษของไทยได้ทำการขุดและร่อนเอาแร่ทองคำขึ้นมาติดต่อกันเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว ในสมัยที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้น ทองคำส่วนหนึ่งที่มีอยู่ในกรุงนั้น ก็ได้มาจากแหล่งที่ กล่าวนี้ ดังนั้นในสมัยโบราณท่านจึงยกบริเวณนี้ขึ้นเป็นเมือง (คือที่เรียกว่าจังหวัดในปัจจุบันมีชื่อว่า “เมืองกำเนิดนพคุณ”) ซึ่งหมายถึงจังหวัดที่เป็นแหล่งกำเนิดทองคำเนื้อดีซึ่งเรียกกันว่า ทองเนื้อเก้า หรือทองนพคุณ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แหล่งทองคำที่กล่าวนี้ก็ยังทำกันต่อมาและได้ยกบริเวณนี้ ให้เป็นเมืองกำเนิดนพคุณอยู่จนกระทั่งยุบเมืองเป็นอำเภอแล้วต่อมาเปลี่ยนเรียกชื่อ ตำบล ที่ตั้งที่ว่าการอำเภอเมืองกำเนิดนพคุณ จึงกลายมาเป็นอำเภอบางสะพานในปลายรัชกาลที่ ๕ ได้มีบริษัทต่างประเทศขอสัมปทานทำเหมืองแร่ทองคํา ณ บริเวณนั้นตามปกติแล้วพระมหากษัตริย์พระองค์นั้นทรงหวงแหนทรัพยากรอันมีค่าของชาติ แต่การที่พระองค์พระราชทานสัมปทานนั้น ข้าพเจ้าคิดว่า พระองค์คงทรงพิจารณาว่าทองคำที่เหลืออยู่จากการขุดค้นตั้งแต่สมัยโบราณเป็นต้นมาเหลือน้อยมาก ถ้าบริษัทต่างด้าวอยากจะลงทุนก็อาจเป็นประโยชน์แก่ราษฎรไทยที่จะได้ค่าจ้างจากการเป็นลูกจ้างบริษัท ในที่สุดบริษัทนั้นทำไปไม่สำเร็จแล้วต้องล้มละลาย ข้าพเจ้าคิดว่าเทคนิคในการทำเหมืองทองปัจจุบันอาจมีอะไรดีกว่าเมื่อครั้งบริษัทนั้นก็เป็นได้ ฉะนั้นจึงไม่ประสงค์คัดค้านการที่รัฐบาลจะทำเหมืองแร่ทองคำ ณ ที่นั้นอีก แต่ขอให้สำนึกให้ดีว่าจะยังมีทองคำเหลืออยู่พอที่จะลงทุนทำได้กำไรหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามการทำเหมืองแร่เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากจากการขุดคลอง จึงไม่สมควรที่จะเอาการขุดคลองไปขึ้นต่อการทำเหมืองแร่ที่อาจเป็นการเสี่ยง การขุดคลองอาจทำให้เห็นเป็นชิ้นแร่บางชนิดบ้างแต่ก็ไม่มากมายถึงกับโกยขึ้นได้ง่าย ๆ ยิ่งเป็นแร่ทองคำแล้วไม่ใช่ของหาได้ง่าย ๆ มิฉะนั้นทองคำที่หมดคุณค่าหรืออาจมีราคาถูกกว่าดีบุก การที่ทองคำเป็นสิ่งหายากนั้นเป็นเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ทองคำมีราคาแพง
อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าเห็นสมควรในหลักการที่ดำริวิสาหกิจใด ๆ จะต้องคำนึงถึงวัตถุพลอยได้ด้วย จึงคิดว่านอกจากแสวงหาแร่ดังกล่าวแล้ว รัฐบาลอาจคิดอย่างอื่นอีกก็เป็นได้ ในขณะที่เราดำริขุดคลองสมัยเจ้าคุณพหลฯ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เราได้ดำริถึงสิ่งพลอยได้จากสภาพที่เห็นกันได้อย่างประจักษ์ ซึ่งข้าพเจ้าจะได้นำมาเล่าสู่กันฟังดังต่อไปนี้
การสร้างคลองนี้เราก็จะต้องประกาศหวงห้ามที่ดินในบริเวณในประมาณ ๒ แสนไร่ และโดยเฉพาะที่ดินในบริเวณนั้นเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์แต่ยังเป็นที่รกร้างว่างเปล่า มิได้มีผู้ใดทำประโยชน์เมื่อขุดคลองขึ้นแล้วที่ดินสองฝั่งคลองต้องเจริญแน่ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกหลวงเดชาฯ ว่าจะให้รัฐบาลลงทุนอีก ๒ ล้านบาท เพื่อจัดการปรุงแต่ที่ ๒ แสนไร่นั้นให้เป็นสวน คือที่ดินบางแห่งเหมาะก็ทำเป็นสวนผลไม้ได้ เช่น บริเวณหลังสวนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นที่ดินอุดมสมบูรณ์สําหรับสวนผลไม้ นอกจากนั้นก็ปลูกยางพาราและมะพร้าว ; ต้นโกโก้และไม้ยืนต้นอื่น ๆ ข้าพเจ้าคิดว่า เมื่อพ้นกำหนดห้าปีแล้ว ที่สวนเหล่านั้นก็จะมีราคา (เมื่อก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง) ไม่น้อยกว่าไร่ละ ๑๐๐ บาท และถ้าเป็นสวนผลไม้ที่มีราคามากขึ้นไปอีก ที่สวนสองแสนไร่ก็คงเป็นเงินยี่สิบล้านบาท ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายในการสร้างสวนแล้ว รัฐบาลก็จะได้กำไรคืนทุนที่จะขุดคลอง เราเห็นกันว่าจะไม่ใช้วิธีถางป่าแบบเผาป่าที่ทำกัน โดยโค่นต้นไม้ลงมาแล้วใช้ ไฟเผา เพราะเราเสียดายไม้ของชาติ เราจะปรุงแต่งที่ดินสองฝั่งคลองอย่างประณีต เช่น ไม้ใหญ่ต้นใดสามารถทำเป็นซุงเพื่อใช้ทำเขื่อนได้ดีต้องประคองให้เป็นซุง ไม้ใดที่เลื่อยเป็นแผ่นกระดานปลูกอาคารได้ก็ต้องเลื่อย ไม้ใดที่ทำเป็นเสาเข็มได้ก็ต้องเอามาเป็นเสาเข็ม ส่วนไม้ที่ใช้อย่างอื่นไม่ได้จึงเอามาเผาเป็นถ่านไม่ใช่เผาทิ้งให้เป็นเถ้า ในการนี้รัฐบาลก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกในการถางป่า
เราได้พิจารณากันว่าส่วนที่สร้างขึ้นใหม่นั้นจะให้กรรมกรที่มาช่วยการขุดคลองมีสิทธิซื้อ ก่อนผู้อื่นเพื่อให้เขาเหล่านั้นมีที่ดินอันเป็นสวนอย่างอุดมสมบูรณ์ เป็นกรรมสิทธิ์ของแต่ละคนโดยให้ชำระเงินผ่อนเป็นงวด ๆ กรรมกรเหล่านี้อาจมาจากภาคอื่นทั่วราชอาณาจักร และเมื่อเขาได้ช่วยขุดคลองสำเร็จแล้วก็จะได้มีที่ดิน พร้อมด้วยอาคารที่สร้าง ให้ด้วยราคาถูกอย่างผาสุก กรรมกรแต่ละคนก็เพียงแต่จะบำรุงพืชผลที่เราลงไว้ให้และต่อเติมตามที่เขาเห็นสมควร เขาก็จะเก็บผลได้อย่างสบายและนำไปส่งตลาดค้ากับต่างประเทศซึ่งอยู่ที่ปากคลองขุดใหม่นั้น ซึ่งเขาจะได้ราคาดีขึ้นกว่าที่ต้องผ่านเมืองท่าของประเทศอื่น ที่ดินส่วนที่เหลือขายให้กับกรรมกรก็จะได้ขายให้แก่คนไทยซึ่งเป็นคนยากจน หรือคนที่ไม่มีหลักทรัพย์ของตนเองตามที่กรรมการขายที่ดินจะได้ตรวจสอบพิจารณาให้ถี่ถ้วนเพื่อป้องกันมิให้คนมั่งมีเอาเงินไปซื้อที่ดินจากกรรมกร หรือคนยากจนดังกล่าวแล้ว เราก็จะต้องมีข้อกำหนดว่าที่ดินซึ่งกรรมกรและคนยากจนรับซื้อไปนั้นจะซื้อขายหรือโอนโดยวิธีอื่น ๆ ไม่ได้นอกจากโอนทางมรดกเท่านั้น ข้าพเจ้าได้เสนอเรื่องที่ปรึกษากับหลวงเดชาฯ ต่อเจ้าคุณพหลฯ แล้วเดินทางไปเจรจาขอลดดอกเบี้ยเงินกู้สำเร็จแล้วกลับมาประเทศไทยได้รับมอบหมายให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและได้แก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เสมอภาค ซึ่งเป็นอุปสรรคของ อธิปไตยและเอกราชแห่งชาติไทยแล้วย้ายไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่อมาก็มีเหตุการณ์ต่าง ๆ จนกระทั่งสัญญาสมบูรณ์แบบตามที่ราษฎรไทยรู้อยู่แล้ว
๔. บัดนี้สัญญาไม่เสมอภาคและสัญญาสมบูรณ์แบบก็หมดไปแล้ว ตามนิตินัยประเทศไทยมีความเป็นเอกราช สิ่งที่ข้าพเจ้าเป็นห่วงอีกคือเอกราชตามพฤตินัยเพราะปัญหาที่จะต้องคิดให้รอบคอบมิใช่อยู่แต่เพียงว่าเราเห็นว่าเราเป็นเอกราชตามนิตินัยแล้วจะทำการตามพลการ

แผนที่ทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่บริเวณที่จะดำเนินโครงการคลองคอคอดกระ
ข้าพเจ้าสนับสนุนรัฐบาลให้ขุดคอคอดกระสำเร็จไปตามอุดมการณ์ที่ข้าพเจ้าพรรณนามาตั้งแต่ต้นก็เพราะมีความหวังว่ารัฐบาลจะรักษาและป้องกัน เอกราชของชาติ ตามพฤตินัยได้และใช้ทุนของชาติไทยเราเองดังที่ข้าพเจ้าจะกล่าวต่อไป
ประการที่ ๑ การรักษาและป้องกันเอกราชทางพฤตินัย ข้าพเจ้าคิดว่า นักการเมืองปัจจุบันนี้จำนวนมากเคยเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเจ้าคุณพหลฯ มาโดยตรงคงจะระลึกถึงเจ้าคุณพหลฯ บ้างว่า ในระหว่างที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่นั้น ราษฎรได้รับความร่มเย็นเป็นสุข เอกราชและอธิปไตยของชาติเท่าที่มีอยู่ในขณะนั้นมิได้เสื่อมลงไปแต่ได้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะท่านเจ้าคุณได้นำราษฎรรักษาดุลยภาพแห่งอำนาจไว้ได้เป็นอย่างดี การงานของประเทศชาติสมดุลไปทุกส่วน
ภายหลังสงครามครั้งที่แล้วหลายรัฐบาลไทยที่มีอยู่ก่อนรัฐประหาร พ.ศ. ๒๔๙๐ ก็ได้นำหลักนโยบายอันสุขุมคัมภีรภาพของเจ้าคุณพหลฯ มาใช้เพื่อรักษาความเป็นเอกราชตามนิตินัยและตามพฤตินัยของชาติ โดยรักษาดุลยภาพแห่งอำนาจของมหาประเทศไว้ได้ แม้ว่ารัฐบาลเหล่านั้นจะมีข้อบกพร่องบางอย่างแต่ก็ไม่บกพร่องในเรื่องความเป็นเอกราชของชาติซึ่งสำคัญกว่าบุคคลและสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น ราษฎรมากหลาย ในปัจจุบันนี้ได้เรียกร้องโดยใช้ภาษาอย่างสามัญชนว่า “ความเป็นกลาง” ซึ่งทำให้บางท่านวินิจฉัยตามรูปการณ์ภายนอกของศัพท์เทคนิคแห่งกฎหมายระหว่างประเทศ และบางท่านก็คัดค้านคารมต่าง ๆ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าการพิจารณาคำเรียกร้องของราษฎรสามัญทั่วไปนั้นจะต้องพิจารณาเจตนารมณ์ของราษฎร เพราะถ้าพิจารณาเถียงกันตามศัพท์เทคนิคแล้ว ข้าพเจ้าเองและเชื่อว่าอีกหลายท่านถ้าใช้เวลาว่างสำรวจศัพท์ที่เราใช้แล้วก็จะพบว่าเราท่านใช้ศัพท์ผิดเพี้ยนไปได้ จึงควรให้อภัยแก่ราษฎรสามัญโดยอย่าเข้มงวดในการใช้ศัพท์เทคนิคนัก ข้าพเจ้าคิดว่า “ความเป็นกลาง” ที่ราษฎรสามัญเรียกร้องนั้น หมายถึงดุลยภาพแห่งอำนาจซึ่งเป็นนโยบายที่เจ้าคุณพหลฯ นำราษฎรมาสมัยหนึ่งในการรักษาอธิปไตยและเอกราชของชาติไว้ได้อย่างมั่นคงและทวียิ่งขึ้น เพราะท่านไม่เอาชาติไปเป็นเดิมพันถ่วงน้ําหนักข้างหนึ่งข้างใด สิ่งที่ท่านเอาเป็นเดิมพัน คือการรักชาติด้วยกาย วาจา ใจ ท่านเทิดทูนชาติไทยเหนือบุคคลใด ๆ ข้าพเจ้าจึงหวังว่าท่านที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของเจ้าคุณพหลฯ คงสามารถเจริญรอยตามได้ นโยบายของเจ้าคุณพหลฯ ดังว่านั้นเป็นเกราะที่แข็งแกร่งในการป้องกันอิทธิพลของต่างชาติที่จะแทรก เข้ามาในปัญหาอธิปไตยกับเอกราชของชาติไทย ข้าพเจ้าหวังว่าความหวังของข้าพเจ้าคงไม่พลาด
ประการที่ ๒ ปัญหาทุน ข้าพเจ้าเห็นว่าการสร้างคลองที่คอคอดกระนี้เป็นการลงทุนที่ดีอย่างหนึ่ง สำหรับชาติไทยโดยชาติไทยเอง ดังนั้นเป็นการสมควรที่รัฐบาลจะนำเอาทุนนอนที่มีอยู่โดยยังมิได้ใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างใดและไม่กระทบกระเทือนถึงเสถียรภาพของเงินตรามาลงทุนได้
ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยถ้ารัฐบาลจะคิดกู้เงินของชาติอื่นมาลงทุนในการนี้ เพราะจะทำให้เกิดภาระผูกพันทางพฤตินัยหลายอย่างผลที่เราหวังจะได้ความเป็นเอกราชสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในทางเศรษฐกิจก็จะกลับกลายเป็นเสียเอกราชทางพฤตินัยอย่างอื่น ๆ
ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยถ้ารัฐบาลจะเพิ่มภาษีอากรหรือลดเงินเดือนข้าราชการ เพื่อการนี้
และข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยที่จะเอาทุนนอนของชาติมาใช้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องที่ไม่ใช่การลงทุนเช่นการขุดคอคอดกระนี้
ข้าพเจ้าเห็นว่า รัฐบาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ และบางรัฐบาลต่อ ๆ มาจนการรัฐประหาร พ.ศ. ๒๔๙๐ นั้นได้สะสมทุนบางประการไว้ให้ชนรุ่นหลังซึ่งชั้นคงมีเหลืออยู่บ้างพอที่รัฐบาลนี้อาจนำมาลงทุนในการสร้างคอคอดกระได้ และยังมีขุมทรัพย์อีกบางประการที่ข้าพเจ้าจะบอกให้ท่านไปสำรวจเอามาใช้ในการนี้ ทุนและขุมทรัพย์เหล่านี้เป็นทองคำแท่งที่ชาติไทยมีอยู่แล้วไม่ต้องไปขุดค้นจากดินให้เสียเวลา ทองคำแท่งเหล่านี้บางประเภทก็เป็นทุนสำรองเงินตราบางประเภทก็ไม่ใช่ทุนสำรองเงินตรา แม้ทองคำที่รัฐบาลเอาขึ้นบัญชีเป็นสำรองเงินตรานั้น ก็ยังมีบางประเภทที่การได้มาการเสียไป การมีอยู่มิได้ทำให้เงินตราปัจจุบันนี้ดีขึ้นหรือเลวลง เช่น ทองคำ ประเภทที่เราได้คืนจากพันธมิตรซึ่งยึดครองญี่ปุ่นและบัดนี้เราได้ฝาก ไว้ใน ส.ร.อ. นั้น เมื่อครั้งญี่ปุ่นได้เอาทองคำส่วนหนึ่งแห่งธนาคารชาติของเขากันไว้ว่าเป็นของไทย เนื่องจากที่เขามาขอเบิกเป็นเงินบาทในระหว่างสงคราม ทองคําประเภทนั้นก็มิได้ช่วยให้เงินบาทระหว่างสงครามมีค่าดีขึ้นอย่างไร เมื่อเสร็จสิ้นสงครามแล้ว พันธมิตรยึดทองคำประเภทนั้นไว้ก็มิได้ทำให้เงินบาทของไทยเสื่อมค่าลงไป เพราะเหตุนั้น คือ เสื่อมค่าเพราะเหตุอื่น ๆ ภายหลังเราได้ทองคำนั้นคืนมาก็มิได้ทำให้เงินบาทมีค่าดีขึ้นอย่างไร เพราะค่าของเงินบาทเสื่อมลงโดยเหตุอื่น ๆ เพื่อความเข้าใจของสามัญชนผู้อ่านจดหมายนี้
ข้าพเจ้าขอชี้แจงอย่างง่าย ๆ ว่าระบบเงินตราของไทยเมื่อก่อนสงครามครั้งที่แล้วนั้นเป็นระบบการแลกเปลี่ยนอย่างเสรี คือผู้ใดมีธนบัตรเป็นจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่น สมมติว่าตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป ก็มีสิทธิ์เอาธนบัตรนั้นมาขอแลกเงินตราต่างประเทศที่เป็นทุนสำรองได้ทันทีโดยรัฐบาลปฏิเสธไม่ได้
ในสมัยนั้นรัฐบาลสยามได้มีทุนสํารองมั่นคงนักคือนอกจากเงินตราต่างประเทศ แล้วยังมีทองคำอีกด้วยคือมีหลักทรัพย์อันมีค่า ๑๐๐% ซึ่งไม่หวั่นเกรงแม้จะมีผู้เอาธนบัตรที่ออกใช้ทั้งหมดมาแลกทุนสำรอง แต่ในระหว่างสงครามที่แล้วเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ระบบเงินตราของไทยก็เหมือนกับอีกหลายประเทศในโลก คือใช้ระบบควบคุม กล่าวคือผู้ถือธนบัตรไทยไม่มีสิทธิ์ที่จะขอแลกเงินตราต่างประเทศที่เป็นทุนสำรอง รัฐบาลยอมให้แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้ตามที่รัฐบาลเห็นสมควรเพื่อไม่ต้องเอาทุนสำรองที่มีอยู่เดิมมาจ่ายเพื่อแลกเปลี่ยนรัฐบาลอาจทำได้โดยรักษาดุลยภาพแห่งมูลค่าที่มีผู้เอาเงินบาทมาขอแลกเงินตราต่างประเทศกันมูลค่าเงินตราต่างประเทศที่รัฐบาลได้รับมา เช่น ได้รับมาจากการขายสินค้าแก่ต่างประเทศ เป็นต้น ถ้ารัฐบาลรักษาดุลภาพเช่นนี้ไว้ไม่ได้ คือมีการแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินตราต่างประเทศเกินกว่ามูลค่าที่รัฐบาลได้ รับแล้วก็จะต้องจำหน่ายทุนสำรองและในที่สุดทองสำรองก็หมด ตามปกติชาติไทยเราอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบในทางการค้าและเศรษฐกิจกับต่างประเทศอยู่แล้ว ถ้าเราดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมดาโดยไม่ถ่วงตาเต็งแห่งอำนาจให้หนักไปข้างใด อันเป็นการทำให้ดุลยภาพทางการเศรษฐกิจและการค้าเสียไปแล้ว เราก็รักษาดุลยภาพในการแลกเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก ดังนั้นการรักษาดุลยภาพแห่งอำนาจไว้ให้ได้จึงเป็นสองสำคัญที่จะแก้ไขความหนักใจของรัฐบาลในดุลยภาพทางการคลังและทางงบประมาณ
เนื่องจากเราเสียดุลยภาพไปมากในระหว่างสงครามจึงเป็นเหตุให้ค่าเงินบาทตกต่ำไป ต่อมาจนภายหลังสงครามด้วย ซึ่งปรากฏว่าเงิน ๑๘ บาทจึงจะแลกดอลลาร์ ส.ร.อ. ได้ ๑ เหรียญ แต่บางรัฐบาลที่มีอยู่ก่อนรัฐประหาร พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้ใช้วิธีรักษาดุลยภาพแห่งอำนาจและเศรษฐกิจจึงทำให้ค่าของเงินบาทสูงขึ้น คือ เงิน ๑๐ บาท แลกได้ ๑ ดอลลาร์ ส.ร.อ. แต่บัดนี้ราษฎรไทยต้องจ่ายถึง ๒๑-๒๒ กว่าบาท จึงจะแลกได้หนึ่งดอลลาร์ ส.ร.อ. โดยมีความหวังว่ารัฐบาลจะรักษาดุลยภาพต่าง ๆ ดังที่กล่าวแล้วไว้ได้ ข้าพเจ้าจึงได้เสนอต่อราษฎรและรัฐบาลในการที่จะเอาทองคำบางประเภทที่ชาติไทย มีอยู่มาลงทุนขุดคลองกระดังกล่าวในข้างบนนี้เพื่อความเข้าใจของสามัญชนว่า ชาติไทยมีทองคำอยู่ในเวลานี้อย่างไรบ้างนั้น ข้าพเจ้าลองนึกคร่าว ๆ จะขอเล่าสู่กันฟัง ถ้าความจำของข้าพเจ้าเลือนไปบ้างก็ขอท่านผู้อ่านโปรดอภัยให้ด้วย

การก่อตั้งธนาคารชาติหรือธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบันเป็นผลงานสำคัญของนายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในทศวรรษ 2480 (กลาง)ปรีดี พนมยงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดสำนักงานธนาคารชาติไทย
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 และ(ด้านซ้ายของภาพ) พระยาทรงสุรรัชฎ์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง และรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารชาติไทย
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย
ก. ในสมัยก่อนที่ข้าพเจ้าเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น
ทุนสำรองเงินตราของไทยฝากไว้เป็นเงินปอนด์สเตอร์ลิงค์ในอังกฤษแทบทั้งสิ้น เมื่อข้าพเจ้าได้รับตำแหน่งที่กระทรวงการคลังได้พิจารณเห็นว่า วิธีการดังกล่าวนั้นเป็นการให้เงินตราและเศรษฐกิจของไทย ต้องตกอยู่ภายใต้เงินอังกฤษอย่างสิ้นเชิง ยิ่งกว่าผู้นั้นถ้าเงินอังกฤษเสื่อมราคาลงไป เงินไทยก็จะต้องเสื่อมราคาด้วย ข้าพเจ้าจึงได้สั่งให้ธนาคารตัวแทนรัฐบาลไทยในอังกฤษเอาเงินปอนด์ที่เป็นทุนสำรองเงินตราส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นทองคำประมาณ ๓๕ ล้านกรัม แล้วนำมาเก็บไว้ที่ห้องนิรภัยของกระทรวงการคลัง ณ กรุงเทพฯ ต่อมาเงินปอนด์เสื่อมราคาลงโดยอังกฤษได้ลดค่าของเงินปอนด์ที่แลกเปลี่ยนกับเงินดอลลาร์ ส.ร.อ. ประมาณปอนด์ละ ๒๐ เซ็นต์ อเมริกาจึงทำให้ จึงทำให้ทองคำที่ข้าพเจ้านำมาเก็บไว้ ณ กรุงเทพฯ นั้นมีราคาสูงขึ้นในส่วนที่เกี่ยวกับเงินปอนด์อันทำให้ชาติไทยได้มีกำไร จำนวนมากและทำให้ค่าแห่งทุนสำรองเงินตราไทยสูงขึ้น นอกจากนี้ก่อนที่อังกฤษจะลดค่าเงินปอนด์ ข้าพเจ้าได้สดับตรับฟังถึงฐานะของเงินอังกฤษเห็นว่าอังกฤษจะต้องลดค่าในเร็ววัน จึงได้สั่งโอนเงินปอนด์อีกส่วนหนึ่งไปเป็นเงินเหรียญอเมริกันเป็นการด่วน โทรเลขของข้าพเจ้าไปถึงลอนดอนประมาณ ๖ ชั่วโมง ก่อนอังกฤษประกาศลดราคาเงินจึงสามารถโอนเงินปอนด์บาง ส่วนไปเป็นเงินดอลลาร์อเมริกัน ซึ่งชาติไทยได้มีกำไรส่วนหนึ่ง เมื่อรัฐบาลสมัยก่อนโน้นประกาศสงครามกับอังกฤษ อังกฤษจึงได้ยึดเงินของไทยที่ฝากไว้ในอังกฤษ แต่ทองคำที่เราเอามาเก็บไว้ในกรุงเทพฯ ก็ได้รอดพ้นจากการยึดของอังกฤษ และข้าพเจ้าคิดว่ายังอยู่เรียบร้อยที่ห้องนิรภัยของชาติไทยจนถึงทุกวันนี้ ทองคำประเภทนี้ก็ยังไม่ควรที่รัฐบาลจะแตะต้อง คือควรรักษาไว้เพื่อความจำเป็นอันสำคัญอย่างยิ่งยวดในกาลภายหน้า
ข. เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ เมื่อเงินมีราคาตกต่ำลงเรื่อย ๆ รัฐบาลไทยขณะนั้นมีเงินเหรียญบาทอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเมื่อคิดเป็นเนื้อเงินก็มีราคาประมาณบาทละ ๔๐ สตางค์ ราษฎรไม่นิยมเหรียญบาท เหรียญบาทจึงค้างอยู่ที่กระทรวงการคลังประมาณ ๔๐ กว่าล้านเหรียญ ข้าพเจ้าจึงได้ส่งเอาเหรียญเหล่านั้นไปขายแล้วซื้อเป็นทองคำได้ประมาณ ๒ ล้านกรัมเศษ เอาฝากไว้ที่ ส.ร.อ. ทองคำงวดนี้รัฐบาลก็ยังไม่ควรแตะต้องเช่นเดียวกับที่กล่าวในข้อ ก.
ค. เมื่อก่อนญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์นั้น ญี่ปุ่นได้ถูกอังกฤษ อเมริกัน กักเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศเหล่านั้น ญี่ปุ่นไม่มีเงินตราต่างประเทศที่จะมาแลกเป็นเงินบาทเพื่อซื้อข้าวสาร ญี่ปุ่นจึงได้มาเจรจากับรัฐบาลไทยในขณะนั้นเพื่อขอเอาเงินเยนมาแลกเป็นเงินบาท ข้าพเจ้าเห็นว่า เงินเยนไม่มั่นคงจึงเกี่ยงว่าถ้าญี่ปุ่นจะเอาเงินบาทก็ให้เอาทองคำมาแลก ญี่ปุ่นไม่พอใจแต่ในที่สุดญี่ปุ่นก็ยอม โดยตกลงว่าทองคำส่วนหนึ่งให้ขนเอามากรุงเทพฯ และอีกส่วนหนึ่งนั้นเอาฝากไว้ที่ธนาคารชาติญี่ปุ่น ภายหลังไม่กี่วันก็เกิดสงครามเอเชียบูรพา ดูเหมือนการขนทองมากรุงเทพฯ คงชะงักไป และคงฝากไว้ที่ญี่ปุ่น ข้าพเจ้าประมาณคร่าว ๆ เห็นจะราว ๆ ๓ ล้านกรัม ทองคำยอดนี้เอามาลงทุนขุดคลองได้โดยไม่กระทบกระเทือนถึงเสถียรภาพของเงินตรา
ง. ในระหว่างสงครามญี่ปุ่นได้บังคับให้รัฐบาลไทยจ่ายเงินบาทแลกกับเงินเยนที่เรียกว่าบัญชีเงินเยนพิเศษเป็นจำนวนมากมาย อันเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้เงินบาทต้องเสื่อมค่าลงอย่างมากมายและเรื้อรังมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ในระหว่างที่ข้าพเจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รัฐบาลในสมัยหลังเคยมาหารือถึงการที่ญี่ปุ่นขอเงินอีก ข้าพเจ้าก็แนะไปว่าให้เกี่ยงเกี่ยวเอาทองคำมาแลก ญี่ปุ่นก็ยอมให้ทองคำบางส่วน และเอาขึ้นบัญชีเงินเยนพิเศษบางส่วน ข้าพเจ้าหนักใจว่าถ้าเสร็จสงครามแล้วทองคำประเภทนี้ของไทยที่ฝากไว้ในญี่ปุ่นก็คงสูญเพราะญี่ปุ่นต้องเป็นฝ่ายแพ้แน่นอน และสัมพันธมิตรก็คงจะยึดทองคำนี้ โดยอาจอ้างตามนิตินัยว่าสืบเนื่องจากรัฐบาลไทยครั้งก่อนโน้นร่วมรบกับญี่ปุ่น
ข้าพเจ้าคิดดูเห็นว่าทางออกที่พอจะอ้างกับสัมพันธมิตรได้ก็คงมีบันทึกไว้ว่า เงินที่จ่ายให้ญี่ปุ่นในตอนที่รัฐบาลมาหารือกับข้าพเจ้านั้น เราจ่ายให้ไปเพราะญี่ปุ่นเอาไปซื้อข้าวให้ราษฎรมลายูและอินโดนีเซีย ประกอบด้วยความจริงก็ปรากฏจากหนังสือของญี่ปุ่นที่แจ้งมาจะเอาไปซื้อข้าวสารให้ราษฎรเหล่านั้น พร้อมกันนั้นข้าพเจ้าก็ได้โทรเลขลับบอกไปยังกองบัญชาการของสัมพันธมิตรที่แกนดีถึงการที่ฝ่ายไทยต้องจ่ายเงินให้ญี่ปุ่นซื้อข้าวสารเพื่อราษฎรของสัมพันธมิตรเอง
เมื่อเสร็จสงครามแล้ว สัมพันธมิตรผู้ยึดครองประเทศญี่ปุ่นก็ได้ทองคำที่เราฝากไว้ในญี่ปุ่นรวมทั้งทองคำรายนี้ด้วย ต่อมาได้มีอเมริกันคนหนึ่งที่เคยทำงานอยู่ในกองทัพสัมพันธมิตรที่โตเกียวได้เสนอต่อเอกอัคราชทูตไทยที่กรุงวอชิงตันว่า สามารถที่จะหาทางเจรจาให้รัฐบาลไทยได้ทองคำที่ฝากไว้ในญี่ปุ่น โดยเขาขอค่านายหน้าบ้าง ข้าพเจ้าทราบว่ารัฐบาลไทยที่มีอยู่ก่อนรัฐประหารได้พิจารณาเห็นว่าทองคำ ประเภทนี้ต่างกับประเภทที่กล่าวในข้อ ค. เพราะได้ไว้ในระหว่างสงคราม ถ้าชาติไทยได้ทองคำจำนวนนี้ มาโดยเสียค่านายหน้าเพียงเล็กน้อยก็สมควร นายหน้าคนนี้ได้เดินทางมาพบรัฐบาลที่กรุงเทพฯ แล้วขอโอกาสมาพบข้าพเจ้า เพื่อขอความเห็นว่าเหตุผลที่จะอ้างประกอบนั้นมีอะไรบ้าง นอกจากเหตุผลส่วนที่เขาคิดไว้ ข้าพเจ้าจึงได้ชี้แจงถึงเหตุผลว่า ทองคำของเรานั้นไม่ใช่แลกกับเงินที่ช่วยญี่ปุ่นในการรบ แต่เป็นเรื่องที่ญี่ปุ่นเอาเงินไปซื้อข้าวสารให้ราษฎรในมลายูและอินโดนีเซีย นายหน้าผู้นั้นพอใจมากที่ได้ข้ออ้างซึ่งข้าพเจ้าได้แนะให้เขาไปติดต่อรัฐบาล เพื่อขอดูหลักฐานที่กระทรวงการคลัง
ต่อมาอีกไม่กี่วันก็เกิดรัฐประหาร ข้าพเจ้าไม่รู้แน่ชัดว่า รัฐบาลต่อมาได้ตกลงกับนายหน้าคนนั้นอย่างไรบ้าง ชาติไทยจึงได้ทองคำประเภทนี้คืนมาแล้วนำไปฝากไว้ยัง ส.ร.อ. (ข้าพเจ้าคิดว่านายหน้าคนนี้คงเอาเหตุที่เราอ้างเอาเงินบาทให้แก่ญี่ปุ่นเพื่อซื้อข้าวสารให้แก่ราษฎรสัมพันธมิตรเป็นเหตุสำคัญในการเจรจา) ข้าพเจ้ากะว่าทองคำประเภทนี้มีประมาณ ๓๐ ล้านกรัมเศษ ถ้าขายยังตลาดเสรีที่มีราคาสูงกว่าราคาทางการของ ส.ร.อ. แล้วเราจะได้เงินตราต่างประเทศ ๓๐ ล้านเหรียญอเมริกา อันจะเป็นทุนสำหรับขุดคลองกระได้
จ. ยังมีทองคำแท่งและเงินอยู่ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ซึ่งไม่เกี่ยวกับเงินสำรองเงินตราเลย ข้าพเจ้าได้สอบสวนแล้วได้ความว่าทองคำแท่งและเงินแท่งเหล่านี้เป็นของเจ้าประเทศราชแห่งเมืองต่าง ๆ ในภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และระยะต่าง ๆ ในบริเวณเจ็ดหัวเมืองภาคใต้ที่ได้นำมาในนามของราษฎรแห่งหัวเมืองเหล่านั้น ทูลเกล้าถวายเพื่อเป็นราชบรรณาการแด่พระมหากษัตริย์ไทยตามระบบศักดินา ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าเงิน และทองเหล่านั้นจะมีน้ำหนักเท่าใด เงินทองเหล่านี้เดิมเก็บไว้ ณ ห้องนิรภัยเก่าของกระทรวงการคลังมาหลายสมัยแล้ว เจ้าคุณประยูรวงศ์ (เจ้าคุณจอมมารดาแพ) ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่าในสมัยที่ท่านเป็นสนมเอกแต่ผู้เดียวของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ท่านได้เห็นทองแท่งและเงินแท่งชนิดนี้มาก
ท่านเล่าว่าเวลานั้นท่านเป็นเด็กไม่รู้จะเอาทองแท่งไปทำอะไร ท่านจึงเอาทองคำบางแท่งมาใช้เป็นที่ทับชายมุ้งเพื่อกันไม่ให้มุ้งปลิว ทั้งนี้ก็แสดงว่าทองคำและเงินแท่งชนิดนี้มีอยู่มาก ข้าพเจ้าคิดว่าราษฎรในภาคพายัพและภาคอีสานคงจะมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบข่าวว่าทองคำแท่งและเงินแท่งซึ่งเจ้าประเทศราชในสมัยก่อนได้นำมาทูลเกล้าฯ ถวายเป็นราชบรรณาการในนามของพี่น้องเหล่านี้ ยังคงมีเหลืออยู่ที่ยังมิได้เอาไปทำประโยชน์อย่างอื่น ถ้าหากรัฐบาลจะได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อนำเอาทองคำแท่งและเงินเหล่านี้เปลี่ยนสภาพให้เป็นทุนส่วนหนึ่งของคลองที่จะขุดใหม่ก็จะได้เป็นคุณประโยชน์แก่ชาติไทยเป็นส่วนรวมและจะนำมาซึ่งความปลื้มปิติของราษฎรในภาคต่าง ๆ ที่ได้มีส่วนในการนี้ด้วย
ฉะนั้น ถ้าหากทองคำแท่งตามที่กล่าวข้างต้นยังไม่พอเป็นทุนในการขุดคลอง (แต่ข้าพเจ้าคิดว่าพอ) ข้าพเจ้าเห็นว่าการขุดคลองนั้นมิใช่ว่าเราจะต้องจ่ายเงินค่าก่อสร้างทันที รวมทั้งหมดคือจะจ่ายเป็นงวด ๆ ไปตามโครงการ ในระหว่างนั้นรัฐบาลก็มีเวลาหาทางประหยัดรายจ่ายแผ่นดินที่ไม่จำเป็นเอามาใช้ในการนี้โดยไม่ต้องเพิ่มภาษีอากรหรือลดเงินเดือนข้าราชการ ข้าพเจ้าเห็นว่ารัฐบาลสามารถทำได้ เพราะหวังว่าคงจะมีหลายท่านที่จะเจริญรอยตามเจ้าคุณพหลฯ ในการเทิดทูนชาติเหนือบุคคล โดยกาย วาจา ใจ
๕. ข้าพเจ้าหวังว่าในการที่เอาทองคำส่วนที่ไม่กระทบกระเทือนถึงเสถียรภาพของเงินตรามาเป็นทุนในการขุดคลองกระนี้ นอกจากชาติไทยจะได้รับประโยชน์โดยตรงดังกล่าวมาแล้วข้างต้นก็ยังจะมีประโยชน์ทางอ้อมอีกมากหลาย รวมทั้งจะเป็นการทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การค้าและเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองอยู่ในขณะนี้ได้กระเตื้องขึ้นอีก การนี้จะเป็นประโยชน์แก่คนไทยทุกวรรณะไม่ว่าจะเป็นวรรณะเจ้าสมบัติ หรือผู้มีทุนน้อย หรือวรรณะไร้สมบัติ แม้ว่าชาวยุโรป ชาวอเมริกัน ชาวอาเซียนทุกชาติทุกภาษาที่มาทำการค้าและวิสาหกิจ พึ่งโพธิสมภารของชาติไทยอยู่ในเวลานี้ ก็จะพลอยได้รับประโยชน์จากการลงทุนของชาติไทยในการสร้างคลองกระโดยทุนของชาติไทยเองดังกล่าวแล้วนั้นด้วย
ขอแสดงความนับถือ
ปรีดี พนมยงค์
(นายปรีดี พนมยงค์)
เอกสารอ้างอิง :
- ปรีดี พนมยงค์, “แผนขุดคอคอดกระ” ใน ชีวิตและงานของ ดร.ปรีดี พนมยงค์ โดย สุพจน์ ด่านตระกูล (กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ, 2552)
[1] ส.ร.อ. คือตัวย่อที่มาจากคำว่า สหรัฐอเมริกา