การประท้วงของสหภาพครูในประเทศนิวซีแลนด์
ที่มา : The Momentum
จากบทความสองตอนที่ผ่านมา เราได้เห็นภาพของความรุนแรงสองรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน รูปแบบหนึ่งเป็นความรุนแรงที่มองเห็นได้ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รุนแรง ดึงดูดความสนใจของสื่อและสาธารณชน และได้รับการตอบสนองอย่างทันที อีกรูปแบบหนึ่งเป็นความรุนแรงที่ซ่อนเร้น ซึ่งฝังอยู่ในโครงสร้างของสังคม ดำเนินต่อเนื่องอย่างเงียบงัน สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้คนนับล้าน แต่กลับถูกมองข้ามและยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติ
ความท้าทายที่สังคมเผชิญอยู่คือ เราให้ความสำคัญกับการตอบสนองต่อความรุนแรงที่มองเห็นได้มากเกินไป ในขณะที่ละเลยการจัดการกับความรุนแรงที่ซ่อนเร้นซึ่งสร้างความเสียหายมากกว่าในระยะยาว เราจัดสรรงบประมาณมหาศาลให้กับตำรวจและกองทัพเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่มองเห็นได้ แต่ลังเลที่จะลงทุนในการศึกษา สุขภาพ และสวัสดิการสังคมที่จะป้องกันความรุนแรงที่ซ่อนเร้น คำถามที่สำคัญคือ มีทางออกใดบ้างที่สามารถจัดการกับความรุนแรงทั้งสองรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
บทความตอนสุดท้ายนี้จะเสนอว่า รัฐสวัสดิการที่ออกแบบมาอย่างดีสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความรุนแรงทั้งสองประเภท โดยการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประชาชน รัฐสวัสดิการไม่เพียงแต่ลดความรุนแรงที่ซ่อนเร้นโดยตรง แต่ยังช่วยป้องกันความรุนแรงที่มองเห็นได้ซึ่งมักเป็นผลพวงจากความไม่เป็นธรรมที่สะสมมายาวนาน ก่อนที่จะพูดถึงทางออก เราต้องเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างความรุนแรงทั้งสองรูปแบบให้ชัดเจน ความรุนแรงที่มองเห็นได้และความรุนแรงที่ซ่อนเร้นไม่ได้แยกขาดจากกัน แต่มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง ความรุนแรงที่มองเห็นได้มักเป็นอาการที่ปรากฏออกมา ในขณะที่ความรุนแรงที่ซ่อนเร้นคือสาเหตุที่แท้จริงซึ่งฝังอยู่ภายใน
การปฏิวัติฝรั่งเศสไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะผู้คนโกรธในวันใดวันหนึ่ง มันเป็นผลมาจากความไม่เป็นธรรมที่สะสมมาหลายศตวรรษ จากความหิวโหยที่ทนมานาน จากการถูกกดขี่อย่างเป็นระบบ และจากความสิ้นหวังที่ไม่เห็นทางออก เมื่อความรุนแรงที่ซ่อนเร้นสะสมจนถึงจุดหนึ่ง มันจะระเบิดออกมาเป็นความรุนแรงที่มองเห็นได้ การจลาจล การก่อความไม่สงบ หรือแม้แต่การปฏิวัติ คือวิธีที่ผู้คนที่ถูกกดขี่มานานใช้แสดงความไม่พอใจและเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง
ในสังคมปัจจุบัน เราเห็นรูปแบบเดียวกันนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า การประท้วงที่ปะทุขึ้นในหลายประเทศไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ มันเป็นการสะท้อนของความไม่พอใจที่สะสมมาจากความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การขาดโอกาส และการถูกทอดทิ้งจากระบบ ชุมชนที่มีอัตราอาชญากรรมสูงมักเป็นชุมชนที่ประสบกับความยากจน การว่างงาน และการขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาและสุขภาพ การก่อการร้ายในหลายกรณีเกิดจากความรู้สึกถูกกีดกัน ถูกเลือกปฏิบัติ และความสิ้นหวังที่สะสมจนกลายเป็นความเกลียดชัง
การประท้วงวิกฤตการค่าครองชีพสูงในประเทศอังกฤษ
ที่มา : ไทยรัฐ ออนไลน์
สิ่งที่สังคมมักเข้าใจผิดคือ การใช้กำลังเพื่อปราบปรามความรุนแรงที่มองเห็นได้โดยไม่จัดการกับสาเหตุที่แท้จริงนั้นเหมือนกับการรักษาอาการไข้โดยไม่รักษาโรค ความรุนแรงอาจสงบลงชั่วคราว แต่สาเหตุที่อยู่เบื้องหลังยังคงอยู่และจะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง นี่คือเหตุผลที่การจัดการกับความรุนแรงที่ซ่อนเร้นจึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันความรุนแรงที่มองเห็นได้ในอนาคต
รัฐสวัสดิการเป็นทางออก รัฐสวัสดิการคือระบบที่รัฐบาลรับผิดชอบในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประชาชนทุกคน โดยการจัดหาบริการพื้นฐานที่จำเป็นต่อการมีชีวิตที่มีศักดิ์ศรี ระบบนี้ไม่ใช่การแจกเงินหรือการให้เปล่าอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด แต่เป็นการลงทุนในศักยภาพของมนุษย์และการสร้างสังคมที่เป็นธรรม ประเทศที่มีระบบสวัสดิการที่แข็งแกร่ง เช่น ประเทศนอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และเยอรมนี มักมีอัตราอาชญากรรมต่ำ มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจน้อย และมีความสุขโดยรวมของประชาชนสูง
การศึกษาที่เท่าเทียมคือรากฐานของรัฐสวัสดิการที่แท้จริง เมื่อทุกคนไม่ว่าจะเกิดในครอบครัวรวยหรือจน สามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้เท่าเทียมกัน ความรุนแรงที่ซ่อนเร้นในรูปแบบของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจะลดลง ในประเทศฟินแลนด์ ระบบการศึกษาถูกออกแบบมาเพื่อให้เด็กทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในเมืองใหญ่หรือหมู่บ้านห่างไกลได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานเดียวกัน โรงเรียนไม่มีการจัดอันดับ ไม่มีการแข่งขันที่ทำลาย แต่เน้นการพัฒนาศักยภาพของเด็กแต่ละคนตามความสามารถของพวกเขา ผลลัพธ์คือฟินแลนด์มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกและมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาต่ำที่สุด
ระบบการศึกษาในประเทศฟินแลนด์
ที่มา : BBC NEWS ไทย
การเข้าถึงสุขภาพที่เป็นสากลเป็นเสาหลักอีกเสาหนึ่งของรัฐสวัสดิการ เมื่อทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ความรุนแรงที่ซ่อนเร้นในรูปแบบของความไม่เท่าเทียมด้านสุขภาพจะหายไป ในไต้หวัน ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าครอบคลุมประชาชนกว่าเก้าสิบเก้า เปอร์เซ็นต์ ค่ารักษาพยาบาลต่ำมาก ผู้ป่วยสามารถเลือกโรงพยาบาลและแพทย์ได้อย่างอิสระ และไม่มีใครต้องล้มละลายเพราะค่ารักษาพยาบาล ผลลัพธ์คือไต้หวันมีอายุขัยเฉลี่ยที่สูง ประชาชนมีความพึงพอใจต่อระบบสุขภาพสูงกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ และใช้จ่ายด้านสุขภาพเพียงหกเปอร์เซ็นต์ของ GDP ซึ่งต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่
ความมั่นคงทางเศรษฐกิจผ่านระบบประกันสังคมที่เข้มแข็งก็เป็นส่วนสำคัญ เมื่อผู้คนสูญเสียงาน เจ็บป่วย หรือชราภาพ พวกเขาไม่ควรตกอยู่ในความยากจนและความสิ้นหวัง ระบบประกันว่างงานที่ดีไม่ได้แค่จ่ายเงินให้คนว่างงาน แต่ยังจัดหาการฝึกอาชีพ การศึกษาเพิ่มเติม และความช่วยเหลือในการหางานใหม่ ในเดนมาร์ก ระบบ flexicurity ผสมผสานความยืดหยุ่นของตลาดแรงงานกับความมั่นคงของสวัสดิการ ทำให้ผู้คนไม่กลัวการเปลี่ยนงานหรือการเสี่ยงกับอาชีพใหม่ เพราะรู้ว่าหากล้มเหลว พวกเขาจะได้รับการดูแล
ที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมก็เป็นสิทธิพื้นฐานที่รัฐสวัสดิการต้องรับประกัน ในเวียนนา ประเทศออสเตรีย มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรอาศัยในบ้านพักสังคม ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยที่รัฐบาลสร้างและให้เช่าในราคาที่ย่อมเยา บ้านเหล่านี้ไม่ใช่ที่อยู่คุณภาพต่ำสำหรับคนจน แต่เป็นอาคารที่ออกแบบสวยงาม มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีผู้อยู่อาศัยจากทุกระดับรายได้ ผลลัพธ์คือเวียนนาเป็นหนึ่งในเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกและมีปัญหาคนไร้บ้านน้อยที่สุด
การป้องกันความรุนแรงที่มองเห็นได้
สิ่งที่น่าสนใจคือ ประเทศที่มีระบบสวัสดิการที่แข็งแกร่งมักมีอัตราอาชญากรรมและความรุนแรงที่ต่ำกว่าประเทศที่ใช้จ่ายเงินมหาศาลกับระบบตำรวจและคุก ประเทศนอร์เวย์มีอัตราการฆาตกรรมต่ำที่สุดในโลก แม้จะมีอัตราการจำคุกต่ำและเน้นการฟื้นฟูมากกว่าการลงโทษ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อผู้คนมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ มีโอกาสในชีวิต และรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม แรงจูงใจในการใช้ความรุนแรงจะลดลงอย่างมาก
ระบบสวัสดิการที่ดีช่วยลดความเครียดและความสิ้นหวังที่เป็นต้นเหตุของความรุนแรงหลายรูปแบบ ความรุนแรงในครอบครัวมักเกิดขึ้นมากขึ้นในช่วงเวลาที่มีความกดดันทางเศรษฐกิจ เมื่อผู้คนไม่ต้องกังวลว่าจะหาเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร หรือค่ารักษาพยาบาลได้อย่างไร พวกเขาก็มีเวลาและพลังใจมากขึ้นในการดูแลความสัมพันธ์และครอบครัว การศึกษาพบว่าการมีรายได้พื้นฐานหรือสวัสดิการที่เพียงพอช่วยลดอัตราความรุนแรงในครอบครัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับคนหนุ่มสาว การมีโอกาสในชีวิตคือสิ่งที่ป้องกันไม่ให้พวกเขาหันไปหาความรุนแรง เมื่อเด็กรู้ว่าถ้าพวกเขาเรียนหนังสือและทำงานหนัก พวกเขาจะสามารถมีชีวิตที่ดีได้ พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะเสี่ยงกับการเข้าร่วมแก๊งค์อาชญากรหรือกลุ่มสุดโต่ง แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางหนีความยากจนได้ ความสิ้นหวังนั้นจะกลายเป็นความโกรธและอาจนำไปสู่ความรุนแรง ระบบสวัสดิการที่ดีสร้างความหวังและเปิดโอกาสให้กับทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะเกิดมาในครอบครัวใด การป้องกันการแบ่งแยกทางสังคมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่รัฐสวัสดิการช่วยลดความรุนแรง เมื่อคนรวยและคนจนใช้โรงเรียนเดียวกัน ใช้โรงพยาบาลเดียวกัน และอาศัยในชุมชนเดียวกัน พวกเขาจะเห็นกันและกันเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน มากกว่าคนต่างโลก การที่มีชนชั้นกลางที่แข็งแกร่งและความเหลื่อมล้ำที่ต่ำทำให้สังคมมีเสถียรภาพมากขึ้น ความขัดแย้งและความตึงเครียดระหว่างกลุ่มต่าง ๆ จะลดลง และสังคมจะมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ภายใต้โครงการประชารัฐสวัสดิการ เป็นมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
ที่มา : ไทยรัฐ ออนไลน์
ความรุนแรงทั้งสองรูปแบบที่เราได้พูดถึงตลอดสามตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สังคมมีทางเลือกในการจัดการกับมัน การตอบสนองต่อความรุนแรงที่มองเห็นได้ด้วยกำลังและการลงโทษอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เราต้องจัดการกับสาเหตุที่แท้จริงซึ่งอยู่ในรูปแบบของความรุนแรงที่ซ่อนเร้น และทางออกที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการสร้างระบบสวัสดิการที่แข็งแกร่ง รัฐสวัสดิการไม่ใช่ระบบที่สมบูรณ์แบบ มันมีข้อจำกัดและความท้าทาย แต่หลักฐานจากประเทศที่ประสบความสำเร็จแสดงให้เห็นว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เรารู้จักในการสร้างสังคมที่เป็นธรรม สงบสุข และมีความสุข เมื่อทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ความรุนแรงทั้งสองรูปแบบจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
อนาคตของสังคมมนุษย์ไม่จำเป็นต้องเต็มไปด้วยความรุนแรง ความขัดแย้ง และความทุกข์ทรมาน เราสามารถสร้างโลกที่ดีกว่าได้ โดยการเลือกที่จะลงทุนในผู้คน เลือกที่จะสร้างระบบที่เป็นธรรม และเลือกที่จะดูแลกันและกัน นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้และกำลังเกิดขึ้นจริงในหลายส่วนของโลก คำถามคือ สังคมของเราพร้อมที่จะเลือกเส้นทางนี้หรือไม่ ข้อถกเถียงความรุนแรงที่เราได้สำรวจตลอดสามตอนนี้สอนเราให้เห็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดมักไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุด การจัดการกับความรุนแรงที่ซ่อนเร้นอาจไม่ได้สร้างข่าวเหมือนการจับกุมอาชญากร แต่มันสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนและลึกซึ้งกว่า ถ้าเราต้องการสังคมที่แท้จริงแล้วปลอดจากความรุนแรง เราต้องมีความกล้าที่จะมองเห็นความรุนแรงที่ซ่อนอยู่ และมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบที่ขจัดมันออกไปจากรากเหง้า
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: