ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
แนวคิด-ปรัชญา

ทหารนอกสนามการเมือง : ชัยชนะของระบอบประชาธิปไตยที่เป็นไปได้

4
กรกฎาคม
2566

Focus

  • ทหารเป็นเสมือนเหรียญสองด้านของประชาธิปไตย ในอดีตที่ผ่านมา ทหารเป็นคนอภิวัฒน์ประชาธิปไตย โต้อภิวัฒน์ และการยึดอำนาจกลับก็ใช้ทหารกระทำการ แต่ถ้าจะเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์จริงๆ ทหารต้องถูกตัดออกจากการเมือง และเครือข่ายองคาพยพทั้งหลาย เช่น องค์กรอิสระต่างๆ จะขยับตาม การจะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ ก็ทำได้ไม่ยาก
  • ประเทศไทยปัจจุบันไม่เหมือนเดิม แต่ผ่านจากสังคมเกษตรกรรมที่ประชาชนรอฟังคำสั่งของรัฐบาล กลายเป็นสังคมอุตสาหกรรมที่พลเมืองตื่นตัวและทุกคนต้องการมีส่วนร่วมกับรัฐบาล ทั้งในเรื่องกฎหมายและนโยบาย
  • ทหารกับประชาชนพึงสนับสนุนกันและกันในทางประชาธิปไตย โดยทหารอยู่ฝ่ายใด ฝ่ายนั้นชนะ จึงขอเสนอหลักการ 6 ข้อ ที่ควรใช้เพื่อเอาทหารออกจากการเมืองและสร้างทหารมืออาชีพ ประกอบการสร้างประชาธิปไตยของประเทศ คือ (1) ให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ (2) กองทหารไม่สามารถสะสมเงินได้ (ไม่มีเงิน ไม่มีการคอร์รัปชัน) (3) สินทรัพย์ที่ทหารดูแลอยู่ (เช่น สนามมวย สนามม้า สนามกอล์ฟ และมีที่ดิน) ให้มีองค์การมหาชนขึ้นมาดูแล (4) การบริหารจัดการภายในที่ยกเลิกระบบเส้นสายและระบบอุปถัมภ์ในกองทัพ (5) แก้ไขความคิดทางวินัยทหารให้เป็นประชาธิปไตย และ (6) ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบปัจจุบันแต่ใช้แบบสมัครใจแทน

 

 

ในฐานะที่เป็นอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่และเคยอยู่วงความมั่นคง ในสถานการณ์ปัจจุบันมีความแตกต่างอย่างไรกับสมัยก่อน หากมีการเอาทหารออกจากการเมืองจะง่ายขึ้นไหม ทหารจะเป็นทหารของประชาชนที่แท้จริงได้หรือไม่

 

 

เรื่องของอำนาจที่กังวลอยู่ว่าประชาชนจะสู้อย่างไร ผมเรียนอย่างนี้ ก็ขออนุญาตพาดพิงถึงอาจารย์อนุสรณ์ด้วย ถ้าประชาชนไม่เอาด้วย เขาแค่นัดหยุดงานทั่วไปไม่ต้องทำอะไร ไม่ทำงาน ไม่มีรัฐบาลไหนอยู่ได้ อย่างที่ท่านว่าถ้าประชาชนผู้ถูกปกครองไม่ยอมให้ปกครอง ไปไม่รอด มีแค่ 5 ล้านคน ที่สนับสนุนพี่ๆ ผม อยู่ฝั่งประชาธิปไตยมีเท่าไหร่มหาศาล 25 ล้านคน ทุกคนหยุดงาน ผมให้เวลา 1 เดือน ผมอยู่บ้าน อีกเดือนหนึ่งก็ทำงาน ได้อีกเดือนก็หยุดอยู่บ้าน อยู่เรื่อยๆ ไม่รอด ไม่มีทางรอด นี่คือวิธีการต่อสู้ของประชาชน

เรื่องที่ผมจะพูดในฐานะของทหารนี่ก็คือ ผมจะพูดเรื่องทหารกับประชาชนเท่านั้น ทหารเป็นเหมือนกับเป็นเหรียญสองด้านของประชาธิปไตย ทหารเป็นคนอภิวัฒน์ประชาธิปไตย ไม่มีที่ไหนเลยที่ไม่มีทหาร แล้วจะเป็นประชาธิปไตยได้ด้วยตัวเอง (ความจริงบางอย่างก็ไม่ตรงนัก) อย่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ใช้กองกำลัง คือมีกองกำลัง อภิวัฒน์สยาม 2475 ก็ใช้ทหาร พระยาพหลสมัยในวันที่ 20 มิถุนายน 2476  ท่านไปสู้ เพราะโดนโต้อภิวัฒน์ไป จึงไปยึดอำนาจกลับมา นี่ก็เป็นการใช้ทหาร จนถึงการปราบกบฏบวรเดชคือใช้ทหารหมด 

 

 

การโต้ก็ใช้กำลังทหาร การปราบกบฏก็ใช้กำลังทหาร และ 2490 ก็ใช้ทหารที่แพ้สงครามโลกครั้งที่สองมา ให้เดินกลับมา รวมคนเข้ามารบ เราต้องคิดว่าถ้าจะเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์จริงๆ ทหารต้องออกจากการเมือง เมื่อเอาออกมาแล้ว เครือข่ายองคาพยพทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตุลาการภิวัฒน์ เป็นองค์กรอิสระต่างๆ จะขยับตาม เพราะเขาต้องพึ่งทหาร เมื่อทหารออกเสร็จแล้ว เขาจะผ่อนลงสุดท้ายก็ต้องยอม และเราก็สามารถที่จะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบได้ไม่ยากนัก แต่ขั้นต้นต้องเอาทหารออก

ระหว่างประชาชนกับทหารจะดูกันอย่างไร ผมดูที่ประชาชนก่อน ประชาชนเป็นอย่างไร ณ ขณะนี้ ทฤษฎีการพัฒนาทางการเมือง เรื่องวัฒนธรรมทางการเมืองของ Gabriel Almond และ Sidney Verba บอกว่าประเทศที่จะเป็นประชาธิปไตยได้ดี คือคนในสังคมต้องพร้อมเป็นประชาธิปไตย แล้วการที่พร้อมก็คือมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแข็งขัน มีความคลั่งในการที่จะเป็นทางการเมืองและมักจะเกิดในสังคมอุตสาหกรรม เขาจะคิดอยู่ 2 อย่าง คือสิทธิและหน้าที่

 

 

สิทธิและหน้าที่เป็นอย่างไร มีหน้าที่ต้องไปทำงาน เสียภาษี แล้วตามไปดูว่าภาษีไปอยู่ที่ไหน นั่นคือความ Active ทางการเมือง คิดว่าเราทำหน้าที่แล้ว เราจ่ายภาษีแล้ว เราต้องตามไปดู อย่างในยุโรปเด็กอายุ 18 รัฐบาลจับทำงานหมด เพื่อเสียภาษี แล้วก็เสียภาษีหนักมาก แต่รู้สึกว่าเราต้องเป็นเจ้าของภาษีนั้น ชดใช้เมื่อเราเป็นเด็กเรียนหนังสือฟรีมา ทำงานแล้วก็จ่ายภาษีคืน นี่คือ Active เรียกว่า Active Citizenship พลเมือง คือความเป็นคนเมือง

เกษตรกรชาวไร่ชาวนาในปัจจุบันไม่ใช่เกษตรกรชาวไร่ชาวนาเมื่อ 30-40 ปีก่อน เป็นคนมีความรู้ทั้งนั้นเลย ไปทำเกษตรสมัยใหม่ แล้วก็ชาวไร่ชาวนาเดิมเข้ามาเป็นฝ่ายภาคบริการในเมือง แล้วก็เปิดมือถือรู้เรื่องทุกอย่างเห็นทุกอย่าง ผมไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงพรรคการเมือง เห็นเด็ก 10 ขวบเป็นผู้หญิงแอบถ่ายรูปทีมงาน ผมก็บอกไม่ต้องแอบมาถ่าย มาถ่ายเลย แล้วก็ถ่ายรูปไป แล้วก็ถามผู้ปกครองว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ปกครองบอกว่าเด็ก 10 ขวบผู้หญิงคนนี้ฟังคลิปการเมืองทุกวัน 10 ขวบสมัยก่อนผมยังเล่นลูกหินอยู่เลย

 

 

คิดดูว่าคนในประเทศนี้เปลี่ยนไปมากมายขนาดไหน เพราะการสื่อสารนั่นเอง มีคลิปมีข้อมูลต่างๆ ซึ่งสมัยก่อนช่วงการอภิวัฒน์ 2475 ยังต้องส่งกระดาษ เดี๋ยวนี้สื่อสารได้หมด ประชาชนที่ Active หรือที่เรียกว่า Active Citizenship มีความตื่นตัวมากๆ เขาจะรู้ว่าจะทำอะไร

ประเทศที่กำลังพัฒนายังไม่ถึงจุดนี้ เราเคยเป็นมาก่อนเรียกว่าสังคมเกษตรกรรม โดยสังคมเกษตรกรรม เราจะฟังเฉพาะว่า รัฐบาลสั่งอะไรมาเราเดินตาม กฎหมายว่าไงเราเดินตาม แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว เมื่อกฎหมายนี้ไม่ดี เราอยากแก้กฎหมาย นี่คือความเป็นสมัยใหม่ของประเทศอุตสาหกรรม ทฤษฎีนี้มีมานานแล้ว 60-70 แล้ว ประเทศไทยเดินมาถึงจุดที่เหมือนชาวยุโรปแล้ว ชาวยุโรปเขาสู้กับยุโรปตะวันออก สู้แล้วชนะ เพราะเขามีความคลั่งสิทธิและหน้าที่ของเขา 

 

 

ความแตกต่างระหว่างคนที่เป็นแบบสังคมเกษตรกรรม คือแล้วแต่นาย ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม ว่าอย่างไรก็ว่ากันไป ตอนนี้ทุกคนต้องการมีส่วนร่วม ต้องการอยากรู้ว่ากฎหมายนั้นเป็นอย่างไร กฎหมายกระทบเราเป็นอย่างไร กฎหมายที่ไปเอื้ออำนวยพวกผูกขาดเป็นอย่างไร ทำไมเขารวย ทำไมเราจน ต้องคิดอยู่เสมอ อย่างพรรคก้าวไกลมี (นโยบาย) สุราก้าวหน้า คนเราอยากจะทำสุรา เราอยากจะได้กฎหมายนี้ เรามาสนับสนุนเขาเพื่อเราจะได้ขายของได้ หรือ สินค้าที่เป็นพืชเกษตรกรรมทั้งหลายจะได้ขาดตลาด ราคาจะได้ดีขึ้น เขาคิดออกขนาดนี้ เมื่อเขาคิดออกเขารู้อะไรดีของเขาเอง สิ่งนี้เราต้องการ ดังนั้นเราจึงบอกว่านี่คือ พลเมือง พลเมืองใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทย มีทุกหนทุกแห่ง

ค่ายทหารที่ผมไปหาเสียงให้พรรคก้าวไกล ปรากฏว่าชนะรวด แล้วผมก็เข้าไปในชุมชนของทหารกองหนุน ผู้สมัครผู้แทนฯ เขาก็กลัว แต่พอเข้าไปออกมาต้อนรับดี คะแนนทิ้งขาด อยู่ในค่ายทหารนี่ทิ้งขาดหมด แปลว่าถ้าคุณจะยึดอำนาจคุณถามลูกน้องคุณหรือยัง นี่คือเรื่องที่เปลี่ยนแปลงใหญ่และสำคัญมาก ดังนั้นประชาชนกับทหารถ้าอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ ประชาธิปไตยมา ดังนั้นเราต้องเอาทหารมาอยู่ฝั่งประชาชน อย่างประเทศฝรั่งเศส ประชาชนชนะเองหรือเปล่า la Fayette ทหารปารีส ทำลายคุก Bastille ก็ทำลายไป แต่ถ้าทาง la Fayette เข้าทางกษัตริย์นี่เสร็จเลย คือตัวอย่าง ประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาก็เหมือนกัน รัสเซียก็เหมือนกัน คือทหารอยู่เคียงข้างใคร คนนั้นชนะ

 

 

ประเด็นที่ผมกำลังจะนำเสนอ ว่าถ้าจะทำอย่างไรดีให้ทหารมาฝั่งเรา ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปกองทัพ

ผมเสนอสมัยพรรคอนาคตใหม่ ก่อนที่จะถูกยุบไป หวังว่าทางพรรคก้าวไกลและทางพรรคเพื่อไทยจะนำไปใช้ ผมประกาศเป็นการเปิดเผย เอาไปเถอะ เอาไปใช้ ส่วนหนึ่งไม่ได้หมดทั้งหมด แต่เริ่มอย่างนี้ซึ่งทางพรรคก้าวไกลเขาก็พูด แล้วทางพรรคเพื่อไทยเขาพูดเหมือนกัน

ข้อที่ 1 คือให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ หลักการง่ายๆ ก็คือปัจจุบันเรามี ผบ.ทบ. ผู้บัญชาการทหารบก ทหารเรือทหารอากาศ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ต่างประเทศไม่มี เขาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ถ้าเป็นแบบเยอรมันจะเป็นผู้จัดการสาธารณสุขในเวลาปกติ แล้วพอเกิดสงคราม นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุด รัสเซียก็เป็น ปูตินก็เป็นผู้บัญชาสูงสุดนั่งสั่งการ แปลว่าเมื่อจะสั่งทหารต้องฟังใคร ฝ่ายพลเรือน ถ้าเกิดมีทหารสั่งไปนู่น เขาก็ไม่ไป ไม่ใช่นายผม นี่คือขั้นต้นที่เราทำได้

ปัจจุบัน ผบ. เหล่าทัพสั่งให้ขึ้นไปทางไหนก็ได้ ไปตรงไหนก็ได้ แต่ถ้าจะมีแจ้งรัฐบาลนิดหน่อย พลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจได้อย่างไร อันนี้ก็ไม่รู้ว่าลุงกำนันจะพูดจริงหรือเปล่านะ ก็บอกคุยกับท่านประยุทธ์อยู่ คุยกันจะพักใหญ่แล้ว คุยเสร็จแล้วก็เดินไปเดินไปเดินมา แล้วบอกว่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่แล้ว ดังนั้นจึงประกาศกฎอัยการศึก เอาทหารมาคุมตามสี่แยกก่อน วางทั่วประเทศ เพื่อให้ทหารออกมาจากที่ตั้งก่อนตามกฎหมาย หลังจากนั้นก็รอ 2-3 วัน เสร็จแล้วก็ยึดอำนาจ ง่ายดี แต่ถ้ายังไม่ประกาศกฎอัยการศึกก็ยึดอำนาจไม่ได้ ดังนั้นยึดอำนาจไม่ง่าย อยู่ที่กฎหมาย แล้วก็อยู่ที่อำนาจในการสั่ง ดังนั้นก็ไม่ให้การจัดการอยู่ที่เขา ดึงมาอยู่ที่รัฐบาลพลเรือน ปัจจุบันนี้เป็นทหารประกาศได้ ก็เปลี่ยนเป็นรัฐมนตรีพลเรือนประกาศ 

ขั้นต่อไป จะเห็นได้ว่าก่อนที่จะมีการยึดอำนาจจะสังเกตได้ว่า ผบ. เหล่าทัพ จะวางแผนว่าจะต้องหาเงิน เพราะว่าคนนี้อำนาจคือผู้พัน ผู้การระดับพันเอก ระดับพันโท เขาจะบอกเสมอว่าให้ผมยึดอำนาจหรือ เอาเงินมาก่อน เพราะถ้าไม่เอามา ไม่แน่ผมเข้าคุก เอาเงินไว้ก่อนเก็บไว้ก่อน บางทีทำท่ายึดอำนาจ 2-3 รอบ มีบางสมัยทำท่ายึดอำนาจ 2-3 รอบได้ 2-3 รอบ สบายไป นี่คือวิธีการ ดังนั้นเราก็ต้องทำให้การจัดซื้ออาวุธของกองกองทัพเปลี่ยนไปมาอยู่ที่กลาโหม อันนี้ก็เสนอสมัยอนาคตใหม่ ก็คือให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้ามาร่วมกับกลาโหม ทหารก็มาบอกว่าข้าศึกจะหน้าตาเป็นอย่างนี้ กองทัพมีคนเท่านี้เราจะรบอย่างไร เหมือนยูเครนกับรัสเซีย แล้วก็ตั้งเป็นตุ๊กตา เรามีคนแค่นี้นะ เราต้องมีอาวุธอย่างนั้น ทำอย่างไรดี

ประชาชนที่อยู่ในสื่อมวลชนอะไรต่างๆ ส่วนมากแล้วจะมีความคลั่งทหาร รู้ด้วยนะว่าคุณจะซื้อเรือดำน้ำของใคร เช่นทำไมเราไปซื้อของจีน ทำไมไม่ไปซื้อของเยอรมันนี้เป็นต้นเพราะ ถ้าซื้อกับจีน 3 ลำ 36,000 ล้านบาท ถ้าซื้อเยอรมัน 2 ลำ แล้วได้ถอน 6 พันล้าน ซื้อแค่ 2 ลำพอแล้ว ได้คืนมาอีก 6 พันล้าน เป็นเครื่องเยอรมันแท้ๆ ส่วนของเรานี่เครื่องจีน นี่คือตัวอย่าง

ดังนั้นถ้าประชาชนรู้เกิดอะไรขึ้นเขารู้ว่าอะไรดีไม่ดี รู้ราคาด้วย และสิ่งที่เกิดขึ้นมาในรัฐบาลก่อนก็คือ ค่าการตลาด ห้ามเปิดเผยเป็นความลับทางราชการ ทำไมต้องห้ามเปิดเผย ถ้าประชาชนรู้เองเขาก็จะกำหนดราคาส่วนต่าง ราคากลางตลาด ได้ของที่ดี ที่ประชาชนชอบ เหมาะสม ราคาไม่แพง และประชาชนยอมรับด้วย เมื่อประชาชนย่อมรับสภาย่อมผ่านแน่นอน เรื่องง่ายๆ 

 

 

ข้อที่ 2 ไม่สามารถสะสมเงินได้ นี่คือเรื่องสำคัญที่สุด นอกจากนั้นจะเป็นเรื่องการซื้อจัดจ้างในกองทัพ เปลี่ยนเป็นแบบ Lazada ได้ไหม เป็น ร้านค้าของกลาโหม เอาข้าวของมาผ่านเกณฑ์มาตรฐาน แล้วก็ซื้อขายไป ให้โควตาไป ไม่ต้องให้เงิน พอไม่มีเงิน จะมีการคอร์รัปชันไม่ได้ ให้เป็นโควตาเหมือนวงเงินบัตรเครดิต ใครอยากซื้ออะไรก็ไปตัดเครดิต เงินก็ไปตัดที่กระทรวงการคลัง ไม่มีใครจับเงิน ทหารไม่จับเงิน แล้วจะไปเอาเงินที่ไหนมา ได้แต่ของ ซึ่งฝรั่งก็ทำอย่างนั้น คือ ให้หน่วยใช้ได้แต่ของ

ข้อที่ 3 สินทรัพย์ที่ทหารดูแลอยู่ เช่น สนามมวย สนามม้า สนามกอล์ฟ และมีที่ดินด้วย สิ่งเหล่านี้ถ้าสะสมไว้จะเรียกว่าเงินสวัสดิการ คือได้ไม่เยอะหรอก แต่ถ้าเกิดผู้บังคับบัญชาคิดว่าเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวจะได้ไปจ่ายเงินค่ายึดอำนาจ มีความเสี่ยง ดังนั้นจึงต้องมีองค์การมหาชน ขึ้นมาองค์การหนึ่ง ที่มีทั่วไปในรัฐบาล แล้วนำไปบริหารจัดการโดยมืออาชีพ เงินก็จะเข้าระบบส่วนกลาง เงินไม่สามารถจะไปอยู่ที่ตัวคนยึดอำนาจได้ พอไปอยู่ตรงนั้นเสร็จแล้วเงินเอาไว้ทำอะไร

หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายคืนกระทรวงการคลังไปแล้ว จะมีเงินเหลือซึ่งจะไปเสริมสร้างกองทัพได้อีกทีด้วย เช่น ซื้อหุ้น วิจัยพัฒนา และที่สำคัญคือช่วยกำลังพลชั้นผู้น้อยเรื่องสวัสดิการ ให้เขาได้เยอะๆ เมื่อทหารรู้สึกอยู่สุขสบาย รู้สึกไม่มีความห่วงใยครอบครัวแล้ว เขาจะอยากรบให้เรา เขาเชื่อว่ากองทัพดูแล เพราะเป็นทหารเป็นตลอดชีวิต เขาจะดูแลตลอดชีวิตรวมทั้งครอบครัวด้วย ถ้ามีเงินมากพอก็ใช้ได้ สิ่งต้องการเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรจะต้องทำ

ข้อที่ 4 เป็นเรื่องของการบริหารจัดการภายใน เวลายึดอำนาจเราต้องเอาคนที่เราเชื่อว่าเป็นพวกเรา สมมุติว่าเราจะไปทำทุจริต เราก็ต้องไปนำคนที่จะรองรับการกระทำทุจริตเรา การยึดอำนาจนี้เป็นการทุจริต ถึงกับประหารชีวิตเลย ดังนั้นเขาต้องเอาคนที่เขาไว้ใจได้หรือยังเป็นสาย เรียกว่าระบบเส้นสายในกองทัพ ก็ต้องเลิกระบบเส้นสายอุปถัมภ์ หลักการคือเวลาจะแต่งตั้งอะไร ไม่ให้รู้ว่าเป็นใคร เป็นกรรมการจากส่วนกลางมาดูแล้ว เห็นแต่รหัสรายชื่อ

นี่เป็นระบบของสหรัฐอเมริกา เราจะรู้แต่ว่าแต่ละคนจะมีบันทึกการทำงาน เอาการทำงานมาแข่งกัน แข่งแล้ว 3 คนแรกค่อยเอาไปให้ผู้บังคับบัญชาในระดับนั้นดู เอาคนที่ดีที่สุดมา ซึ่งอาจจะมีการสัมภาษณ์กันถ้าเข้าขากันก็เลือกไป แต่ก็ยังไม่สามารถแต่งตั้งลงไปได้ไกล ปัจจุบันเหล่าทัพตั้งผู้การผู้พันได้เขาถึงยึดอำนาจได้ ตัดแค่ 2 ชั้น คือถ้าเป็นเหล่าทัพตั้งได้แค่แม่ทัพ แม่ทัพตั้งได้แค่ ผอ. พล แล้ว ผอ. พล จะตั้งผู้การ เขาก็ต้องตั้งคนที่ทำงาน ไม่อย่างนั้นบันทึกการทำงานตัวเองก็เสีย นี่คือวิธีการ

ข้อที่ 5 แก้ไขความคิดเขาในแบบทางวินัยทหาร ในแบบการฝึกต่างๆ ให้เป็นประชาธิปไตย ให้รู้ว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำแบบตะวันตก เราจะเห็นในหนังฝรั่งเวลาเครื่องบินบินมาแล้วเห็นพลเรือน เขาสั่งให้ปล่อยระเบิดเห็นพลเรือนเดินมา ไม่มีอาวุธ เขากลับเลย เขาไม่บินไป ของเรายิงเลย ยิงนกในกรง ยิงใส่วัดก็ยิง ยิงใส่มัสยิดก็ยิง ยิงใส่บุคลากรทางการแพทย์ก็ยิง ยิงใส่รถพยาบาลก็ยิง ทำขัดทุกอย่างกับอนุสัญญาเจนีวา เพราะเขาไม่สอนกัน บังคับให้สอนบังคับให้ท่องบังคับให้จำ มันจะเข้าไปในใจ สมมุติผู้บังคับบัญชาจะสั่งปั๊บ อ้าวมันผิดนี่ ตำราไม่ได้บอกอย่างนี้ นี่คือวิธีการที่จะเติมไปในสมองเขา

ข้อที่ 6 ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบปัจจุบัน รัสเซีย ที่ดูโบราณ ไปใช้แบบสมัครใจ พอสมัครใจเกิดอะไรขึ้น เขาภูมิใจในความเป็นทหาร เขารู้ว่าเขาอยู่ 5 ปี เขาได้ทุกอย่าง เขาฝึกหลายอย่างเพื่ออะไร เพื่อเป้าหมายที่เขาอยากสมัครมาคือป้องกันประเทศ ป้องกันอริราชศัตรู รักษาเอกราช เขาจะรู้หน้าที่เขาตั้งแต่เริ่มเข้ามาเลย โดยไม่ใช่ถูกบังคับมาและถูกพาไปตรงไหนก็ได้ คือความต่าง 

 

 

นี่คือการที่จะทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นอาชีพของเขา แล้วผมอยากเห็นภาพอย่างที่ทหารอเมริกาลงจากเครื่องบินมา ชาวอเมริกันที่อยู่ที่สนามบินไปจับมือ ไปกอด ตบมือให้ แถมลากไปกินข้าวอีก นี่คือความต่างของการเป็นทหารอาชีพ กับความรู้สึกที่ได้ทำประโยชน์ให้กับประชาชน ประชาชนก็รู้สึกว่าเขาไปทำงานข้างนอก เขารู้ว่าทำงานให้กับประชาชน และประชาชนก็รักเขา เมื่อทหารรู้สึกว่าประชาชนรักเขา เขาจะไม่ทำร้ายประชาชน

นี่คือวิธีการ 6 ข้อ ที่เป็นการปฏิรูปกองทัพ มีหลายเรื่อง แต่เอาแค่ 6 เรื่องนี้ก่อน อยากจะสรุปว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มีเงื่อนไขอยู่แค่ประชาชนกับทหารดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือ ทำให้ทหารเป็นของประชาชน อยู่กับประชาชน จัดเงื่อนไขต่างๆ แล้วถ้าระหว่างนี้มีใครมาเกะกะเกเร ข้ามขั้ว เปลี่ยนข้าง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เพราะความอิจฉาริษยา ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประชาชน โดยไม่พยายามสถาปนาสิ่งที่อาจารย์ปรีดีพูดไว้ก็คือ ท่านพยายามจะสถาปนาประชาธิปไตยให้ประชาชน และมันไม่ทัน เกิดการโต้อภิวัฒน์ตลอดเวลา ดังนั้นประชาชนนี่แหละจะไปเลือกนักการเมือง พรรคการเมือง และวิถีทางการเมืองที่จะบอกว่าทำประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน ไม่ใช่ว่าเราเลือกเขาเพราะว่าเราชอบเขาเฉยๆ เขาต้องมีอุดมการณ์ไปในแนวทางเดียวกันด้วย ถ้าคุณไม่ทำตามนี้คุณทรยศเรา เราจะสู้กับคุณ เราจะหยุดการทำงานให้คุณ และถ้าประชาชนมีเสียงมากพอ มีจำนวนมากพอ เกิดการหยุดงานแบบที่เกิดขึ้นในยุโรป รัฐบาลไหนๆ ก็อยู่ไม่รอด ขอบคุณครับ

 

 

รับชมบันทึกการเสวนาย้อนหลัง :

 

 

ที่มา : พล.ท. ดร.พงศกร รอดชมภู. PRIDI Talks #21: “เราจะรักษาชัยชนะก้าวแรกของประชาชน (และก้าวต่อๆ ไป) ไว้ได้อย่างไร?” วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 - 17.00 น. ณ ห้องพูนศุข วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์.