การเคลื่อนไหวงานของขบวนการเสรีไทยสกลนครภายใต้การนำของนายเตียง ศิริขันธ์ หรือ "ขุนพลภูพาน" ซึ่งใช้รหัสลับว่า "พลูโต" ได้มีการประชุมเตรียมการขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ โดยประชุมกันที่โรงแรมตราชู บริเวณห้าแยก ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี มีแกนนำสำคัญ คือ นายเตียง ศิริขันธ์ นายสนิท ประสิทธิพันธ์ นายสวาสดิ์ และนายสวัสดิ์ ตราชู (ปรีชา ธรรมวินทร และสมชาย พรหมโคตร (บรรณาธิการ), ๒๕๔๓ : ๗๘) หลังจากนั้นนายเตียงได้ตั้งโรงเลื่อยไม้ที่บ้านพาน ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เพื่อบังหน้าสำหรับการเคลื่อนไหวของเสรีไทย ต่อมาจึงจัดตั้งหน่วยงานเสรีไทยแห่งแรกของภาคอีสานที่บ้านโนนหอม ตำบลโนนหอม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
การจัดตั้งค่ายเสรีไทยที่บ้านโนนหอม นายเตียงเริ่มต้นโดยการชักชวนเพื่อนสนิท คือ นายละเอียด อภิวาทนะศิริ ซึ่งขณะนั้นเป็นครูโรงเรียนบ้านโนนหอม ทำการจับจองที่ดิน ซึ่งมีสภาพเป็นป่าดงเพื่อถากถางทำไร่อ้อย โดยนายเตียงจัดหาทุนมาให้ดำเนินการทั้งหมด พอปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ก็ได้จ้างแรงงานถากถางและปลูกอ้อยได้ทั้งหมด ๑๐๐ ไร่เศษ เมื่อดำเนินการมาถึงขั้นนี้นายเตียงกระซิบบอกความจริงแก่นายละเอียดว่า "จะทำการกู้ชาติ ให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ ห้ามพูดให้คนอื่นรู้เป็นอันขาด เมื่อถึงเวลาจะให้ออกจากครูและจะให้เป็นกำนัน" (ละเอียด อภิวาทนะศิริ, ม.ป.ป. : ๑)
หลังจากนั้นไม่นาน นายเตียงก็ได้สร้างโรงหีบอ้อยขึ้นกลางไร่อ้อย โดยได้พานายละเอียดไปดูโรงงานน้ำตาลที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เพื่อมาเป็นตัวอย่าง เครื่องจักรก็ใช้เครื่องยนต์เป็นแรงปั่นโดยต่อสายพานเข้าไปหาลูกหีบ ซึ่งปรากฏว่าใช้ทำงานได้ดี พอถึงช่วงนี้ ทุกคนในโรงหีบอ้อย และคนงานไร่อ้อยต่างรู้เรื่องงานเสรีไทยแล้ว แต่ไม่มีใครพูดอะไร ทุก ๆ คนต่างทำงานตามหน้าที่ของตนเอง การค้าขายน้ำอ้อยดูเหมือนว่าจะขาดทุน แต่ก็ยังดำเนินการต่อไป (ละเอียด อภิวาทนะศิริ อ้างใน อดิเรก บุญคง, ๒๕๓๖ : ๖๒-๖๓)

นายสวาสดิ์ ตราชู นายสนิท ประสิทธิพันธ์ และนายสวัสดิ์ ตราชู
ที่มา : หนังสือ 77 ปี วันสันติภาพไทย : เตียง ศิริขันธ์ ขบวนการเสรีไทยสกลนคร
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๖ เป็นช่วงที่ขบวนการเสรีไทยขยายฐานสมาชิกออกไปกว้างมากขึ้น นายเตียง ศิริขันธ์ จึงได้ขอร้องให้นายละเอียด อภิวาทนะศิริ ลาออกจากครูประชาบาล เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ แล้วแต่งตั้งเป็นกำนันตำบลโนนหอม ในวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๗ เพื่อควบคุมชาวบ้านในตำบลโนนหอม จัดตั้งเป็นกองกำลังเพื่อทำการกู้ชาติ (ละเอียด อภิวาทนะศิริ, ม.ป.ป. : ๒)
การดำเนินการจัดหาสมาชิกเข้าร่วมขบวนการเสรีไทยสกลนครนั้น เริ่มจากการชักชวนผู้ใกล้ชิดที่เป็น "ญาติหรือเพื่อนสนิท" ให้ร่วมงานกู้ชาติ และกำชับให้ปกปิดเป็นความลับ การหาสมาชิกใช้วิธีการมอบแกนนำหาเพื่อนตาย เป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในลักษณะเหมือนวิธีการขยายเซลล์นั้นเอง (สวัสดิ์ ตราชู, ๒๕๒๗ : ๑๕) กล่าวคือ จาก ๑ เป็น ๓ จาก ๓ เป็น ๙ จาก ๙ เป็น ๒๗ ไปเรื่อย ๆ โดยแต่ละช่วงของสมาชิกจะไม่ให้รู้จักกันเลย ทั้งนี้เพราะจำต้องรักษาองค์กรไว้เป็นความลับ การติดต่อกันก็ใช้จดหมายเขียนด้วย "หมึกลับ" เมื่ออ่านแล้วจะต้องเผาทิ้งทันที (นายฉันทนา (นามแฝง), ๒๕๒๒ : ๒๖๒)
สมาชิกเสรีไทยสกลนครมีทั้งข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านทั่วไป และลูกศิษย์นายเตียง ศิริขันธ์ สมาชิกที่เป็นข้าราชการ ส่วนใหญ่เป็นครูประชาบาล ส่วนชาวบ้านโดยมากเป็นชายฉกรรจ์ และมีผู้หญิงจำนวนหนึ่งเป็นสมาชิกเสรีไทยสกลนครด้วย
บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการหาสมาชิกก็คือ ครูและกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพราะคนเหล่านี้เป็นบุคคลที่ชาวบ้านและผู้ใต้บังคับบัญชาเคารพนับถือ เช่น กรณีครูสำเริง สิงหะวาระ ศึกษาธิการอำเภอเมืองสกลนคร สั่งให้ครูไปพบนายเตียง ที่บ้านโพนนาก้างปลา คำสั่งของศึกษาธิการอำเภอสมัยนั้น ครูทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ (อาคม พรหมสาขา ณ สกลนคร อ้างใน นิยม รักษาขันธ์, ๒๕๔๓ : ๑๗๐)
อย่างไรก็ตาม แม้ในเบื้องต้นผู้บังคับบัญชาจะออกคำสั่งให้ครูเข้าร่วมงาน โดยอาจจะยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เมื่อฟังนายเตียง ศิริขันธ์ ผู้นำเสรีไทยสกลนคร อธิบายถึงความจำเป็นที่ต้องมีขบวนการเสรีไทยแล้ว ต่างก็ยินดีเข้าร่วมงานกู้ชาติครั้งนี้
ขบวนการเสรีไทยสกลนครมีสมาชิกระดับแกนนำเป็นเครือข่ายที่สำคัญ ดังนี้[1]
๑. นายเตียง ศิริขันธ์ รหัสลับ "พลูโต" เป็นผู้นำกองทัพพลเรือน (ท.พ.ร.)
๒. นายสนิท ประสิทธิพันธ์ รองแม่ทัพพลเรือน
๓. นายสวาสดิ์และสวัสดิ์ ตราชู[2] สองพี่น้องคหบดีเมืองอุดรธานี
๔. นายครอง จันดาวงศ์[3] เพื่อนสนิทนายเตียง เป็นครูประชาบาลที่อำเภอสว่างแดนดิน
๕. นายสหัส กาญจนะพังคะ ศึกษาธิการจังหวัดสกลนคร (เพื่อนนายเตียงสมัยเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
๖. นายเรวัตร ชื่นสำราญ ครูใหญ่โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล
๗. นายพินัย แสงพันธ์ นายช่างแขวงการทางสกลนคร
๘. นายสำเริง สิงหะวาระ ศึกษาธิการอำเภอเมืองสกลนคร
๙. นายละเอียด (เอี่ยม) อภิวาทนะศิริ กำนันตำบลโนนหอม อำเภอเมืองสกลนคร
๑o. นายเขียน งันลาโสม กำนันตำบลเต่างอย อำเภอเมืองสกลนคร
๑๐. นายทนง (หมา) เกษรมาลา กำนันตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างแดนดิน
๑๒. ร.ต. เสรี นวลมณี
๑๓. นายสุพรรณ ศิริขันธ์ ปลัดอำเภอเมืองสกลนคร
๑๔. นายวิสุทธ์ บุษยกุล ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดนายเตียง ศิริขันธ์ ครูโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล[4]
๑๕. นายอาคม พรหมสาขา ณ สกลนคร[5]
๑๖. เรืออากาศโท พีระ ศิริขันธ์ น้องชายนายเตียง ศิริขันธ์

ครอง จันดาวงศ์ (พ.ศ. 2451 – 2504)
เสรีไทยนักเรียนนอกที่ปฏิบัติงานเป็นส่วนหนึ่งของเสรีไทยสกลนคร คือ
๑. นายกฤษณ์ (อัมพร หรือคง) โตษยานนท์ เสรีไทยสายอังกฤษ
๒. นายอำนวย (กัลป์) พูลพิพัฒน์ เสรีไทยสายอเมริกา
๓. นายกระจ่าง ตุลารักษ์ เสรีไทยสายอังกฤษ
๔. นายฉลอง ปึงตระกูล เสรีไทยสายอเมริกา
๕. นายประเสริฐ ปทุมมานนท์ เสรีไทยสายอังกฤษ

จากซ้าย แถวหลัง ส.อ. กันเนอร์ คอลลินส์ ร.อ. กฤษณ์ โตษยานนท์ พ.ต. เค็มป์ ส.อ. ผู้ติดตาม
แถวหน้า พ.ต. สไมเลย์ กับนายเตียง ศิริขันธ์
ที่มา : หนังสือ 77 ปี วันสันติภาพไทย : เตียง ศิริขันธ์ ขบวนการเสรีไทยสกลนคร
นอกจากนี้ยังมีทหารสัมพันธมิตรที่ปฏิบัติงานกับเสรีไทยสกลนคร ได้แก่
๑. พันตรี บาทหลวงฮอลิเดย์ ชาวอเมริกัน
๒. พันตรี กรีน ชาวอังกฤษ
๓. พันตรี เดวิด สไมเลย์ ชาวอังกฤษ
๔. พันตรี เค็มป์ ชาวอังกฤษ
๕. ร้อยเอก วินน์ ชาวอังกฤษ
๖. สิบเอก กันเนอร์ คอลลินส์ ชาวอังกฤษ
๗. สิบเอก สไปเดอร์ ชาวอังกฤษ
สำหรับจำนวนสมาชิกเสรีไทยสกลนคร มีกำลังที่แน่นอนกี่คนนั้น เป็นเรื่องยากที่จะประมาณการ เพราะเสรีไทยเป็นงาน "ลับ" และมีการเคลื่อนย้ายจากค่ายหนึ่งไปอีกค่ายหนึ่งอยู่บ่อยครั้ง
จากการศึกษาพบว่ามีค่ายเสรีไทยในจังหวัดสกลนคร จำนวนประมาณ ๑๐ ค่าย ค่ายที่ใหญ่ ๆ คือ ค่ายดานนกยูง บ้านเต่างอย[6] ค่ายบ้านโนนหอม ค่ายดงพระเจ้า[7] บ้านหนองหลวง ค่ายบ้านตาดภูวง เพราะฉะนั้นพลพรรคเสรีไทยสกลนครทั้งหมดน่าจะมีหลายพันคน และจากการรวบรวมของนายฉันทนา หรือมาลัย ชูพินิจ (๒๕๒๒ : ๒๘๘) ในหนังสือ X.O. GROUP ประมาณการว่า สกลนครมีกองกำลังเสรีไทยที่ผ่านการฝึกแล้ว จำนวน ๓,๕๐๐ คน นอกจากนี้ ยังมีเสรีไทยในหน่วยจังหวัดใกล้เคียง เช่น อุดรธานี มหาสารคาม อุบลราชธานี อีกจำนวนมากที่ผ่านการฝึกอบรมจากสกลนคร จึงอาจกล่าวได้ว่า เสรีไทยสกลนครเป็นกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดของขบวนการเสรีไทยในภาคอีสาน[8]
การดำเนินงานเสรีไทยซึ่งเป็นขบวนการใต้ดิน นอกจากจะต้องอาศัยผู้นำที่เข้มแข็ง และสมาชิกที่เสียสละแล้ว ปัจจัยด้านทุนทรัพย์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในงานเคลื่อนไหวก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้ นายเตียงนอกจากจะอาศัยทรัพย์สินของตนและภรรยา คือ นางนิวาศน์แล้วยังได้จัดตั้งโรงเรียนขึ้น ๒ แห่ง เพื่อเป็นทุนในการเคลื่อนไหวเสรีไทย (พระครูโสภณปุญญากร, สัมภาษณ์) โรงเรียนทั้ง ๒ แห่ง คือ โรงเรียน ศิริขันธ์ ๑ ตั้งอยู่ที่อำเภอพรรณานิคม มีนายครอง จันดาวงศ์ เพื่อนร่วมชั้นเรียนโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล เป็นอาจารย์ใหญ่ และโรงเรียนศิริขันธ์ ๒ ตั้งอยู่ที่อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
การยึดมั่นในอุดมการณ์เพื่อประเทศชาติของนายเตียงอย่างซื่อสัตย์สุจริต และยอมทุ่มเททุนทรัพย์เพื่องานกู้ชาติและงานการเมืองทำให้ตอนบั้นปลายแห่งชีวิตของนายเตียงไม่มีทรัพย์สินอะไร ยังคงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ "ยากจน" จนกระทั่งวันตาย (อาคม พรหมสาขา ณ สกลนคร อ้างใน ปรีชา ธรรมวินทร และสมชาย พรหมโคตร (บรรณาธิการ), ๒๕๔๓ : ๗๗)
แหล่งทุนที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในการดำเนินงานเสรีไทย คือการสนับสนุนจากนายสวาสดิ์ ตราชู คหบดีแห่งเมืองอุดรธานี ในเรื่องนี้นายวิสุทธ์ บุษยกุล เคยกล่าวไว้ว่า นายสวาสดิ์ ตราชู และนายสวัสดิ์ตราชู สองพี่น้องเป็นนายทุนที่ยอมสละทุกอย่างเพื่องานเสรีไทย ซึ่งเป็นงานเพื่อความอยู่รอดของชาติบ้านเมืองในครั้งนั้น (วิสุทธ์ บุษยกุล ใน สุพจน์ ด่านตระกูล (บรรณาธิการ), ๒๕๔๐ : ๓๐)
หมายเหตุ :
- ปรีชา ธรรมวินทร, การก่อตั้งขบวนการเสรีไทยสกลนคร และการจัดหาสมาชิก, ๗๗ ปี วันสันติภาพไทย : เตียง ศิริขันธ์ ขบวนการเสรีไทยสกลนคร (กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๖๕), น. ๔๐-๔๘.
บรรณานุกรม :
- เกียรติ ก้องไพร, "พัฒนาการทางความคิดและชีวิตทางการเมืองของครอง จันดาวงศ์" ใน ครูครอง จันดาวงศ์ ชะตากรรมที่เลือกไม่ได้. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : พรรคสัจจธรรม, มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ๒๕๓๙.
- ทศ พันธุมเสน และจินตนา ยศสุนทร. จากมหาสงครามสู่สันติภาพ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : สถาบันปรีดี พนมยงค์, ๒๕๔๒.
- นิยม รักษาขันธ์ (นายสีดอกกาว, นามแฝง). บันทึกลับเสรีไทยภูพาน. สกลนคร : สถาบันราชภัฏสกลนคร, ๒๕๔๓.
- นิยม รักษาขันธ์ อายุ ๗๑ ปี, วันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๓. สัมภาษณ์
- ปรีชา ธรรมวินทร และสมชาย พรหมโคตร (บรรณาธิการ). จากยอดโดมถึงภูพาน : บันทึกประวัติศาสตร์ฉบับสามัญชนบนเส้นทางประชาธิปไตย. สกลนคร : สถาบันราชภัฏสกลนคร, ๒๕๔๓.
- พระครูโสภณปุญญากร (บุญ นารโท) อายุ ๘๔ ปี, วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๔๕. สัมภาษณ์
- มาลัย ชูพินิจ (นายฉันทนา, นามแฝง). X.O.Group เรื่องภายในขบวนการเสรีไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๓ กรุงเทพฯ : เชษฐบุรุษ, ๒๕๒๒
- วิสุทธ์ บุษยกุล. “เมื่อข้าพเจ้าทำงานกับครูเตียง ศิริขันธ์” ใน วีรบุรุษนักประชาธิปไตยขุนพลภูพาน เตียง ศิริขันธ์ ผู้นำเสรีไทยอีสาน. สุพจน์ ด่านตระกูล (บรรณาธิการ). นนทบุรี : สถาบันวิทยาศาสตร์สังคม, ๒๕๔๐.
- สวัสดิ์ ตราชู. ลับสุดยอดเมื่อข้าพเจ้าเป็นเสรีไทยกับขุนพลภูพาน เตียง ศิริขันธ์. พิมพ์ครั้งที่ ๒ กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๓
- อดิเรก บุญคง. บทบาทของขบวนการเสรีไทยสายอีสานและบทบาททางการเมืองของสมาชิกหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๘๔ - ๒๔๘๕. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม, ๒๕๓๖.
- แอนดรูว์ กิลคริสต์. เสรีไทยจากอังกฤษ. แปลโดย ดุสิต บุญธรรม, กรุงเทพฯ : สันติภาพ, ๒๕๒๗.
[1] นายเติม ศิลปี ข้าหลวงประจำจังหวัดหรือผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๘-๒๔๘๙ แม้จะไม่ใช่แกนนำคนสำคัญของขบวนการเสรีไทยสกลนครก็ตาม แต่ก็เป็นข้าราชการระดับสูงสุดของจังหวัดในเวลานั้น ที่รู้เห็นเป็นใจด้วยกับปฏิบัติการใต้ดินของเสรีไทยสกลนคร เช่น กรณีทหารญี่ปุ่นสงสัยว่ามีสนามบินลับและค่ายทหารที่บ้านเต่างอย นายเติม ศิลปี ก็ฉลาดเลี่ยงตอบไปว่า "ภาพโรงเรือนที่เห็นในหุบเขานั้นเป็นที่หลบภัยของหน่วยราชการต่าง ๆ ในจังหวัด ส่วนภาพที่เห็นว่าเป็นสนามบินนั้น ที่จริงแล้วจัดสร้างเป็นสนามกีฬา" (อาคม พรหมสาขา ณ สกลนคร อ้างใน นิยม รักษาขันธ์, ๒๕๔๓ : ๑๗๒).
[2] ในบรรดาคนใกล้ชิดของนายเตียง ศิริขันธ์ ที่ได้ร่วมงานเสรีไทยตั้งแต่เริ่มแรกที่สุด โดยอาศัยความสนิทสนมส่วนตัวจริงๆ มี ๓ คน คนแรกชื่อ นายสวาสดิ์ ตราชู คหบดีที่เคยมีโรงแรมหลายหลังและรถยนต์หลายคันในจังหวัดอุดรธานี คนที่ ๒ ชื่อนายสวัสดิ์ ตราชู เป็นน้องชายนายสวาสดิ์ คนที่ ๓ ชื่อ นายสนิท ประสิทธิพันธ์ ทหารเก่า เคยเป็นนักมวยและคนขับรถของนายสวาสดิ์ นายสนิทเคยรับหน้าที่เดินทางไปจีนเพื่อสืบหานายจำกัด พลางกูร (เสรีไทยรุ่นแรกที่อาสาไปติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตรและเสียชีวิตในจีน) นายสนิทเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ส่วนนายสวัสดิ์เคยถูกตำรวจจับขณะขนส่งวิทยุสนามและถูกขังเกือบปี นายสวาสดิ์เป็นนายทุนที่ยอมสละทุกอย่างเพื่องานในอุดมคติ โดยไม่เคยได้รับอะไรตอบแทนนอกจากความภูมิใจที่ได้ทำงานเพื่อความอยู่รอดของชาติ (วิสุทธ์ บุษยกุล ใน สุพจน์ ด่านตระกูล (บรรณาธิการ), ๒๕๔๐ : ๓๐)
[3] ครอง จันดาวงศ์ เป็นผู้ช่วยสำคัญของนายเตียง ศิริขันธ์ ในการขยายกำลังพลพรรคเสรีไทยหาที่ตั้งค่ายฝึกพลพรรคและสร้างสนามบินลับในจังหวัดสกลนคร นอกจากนี้ยังทำหน้าที่จัดหน่วยลำเลียงอาวุธเวชภัณฑ์ให้แก่หน่วยงาน ตลอดทั้งเป็นหัวหน้าหน่วยงานส่งข่าว และหาข่าวให้แก่ฝ่ายบัญชาการของนายเตียงอีกด้วย (เกียรติ ก้องไพร, ๒๕๓๙ : ๔๒-๔๓).
[4] ต่อมาเป็นศาสตราจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
[5] ต่อมาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสกลนคร ๒ สมัย.
[6] นิยม รักษาขันธ์ ผู้ค้นคว้าและเขียนเรื่องบันทึกลับเสรีไทยภูพาน ประมาณการว่ามีกำลังพลเสรีไทยเฉพาะที่กองบัญชาการใหญ่ค่ายดานนกยูง บ้านเต่างอย แห่งเดียวจำนวน ๒-๓ พันคน (นิยม รักษาขันธ์, สัมภาษณ์).
[7] ค่ายดงพระเจ้า บ้านหนองหลวงภายหลังย้ายไปจัดตั้งค่ายใหม่ที่บ้านตาดภูวง อำเภอวาริชภูมิ เพราะทหารญี่ปุ่นเริ่มรู้ความลับเกี่ยวกับค่ายนี้.
[8] จำนวนเสรีไทยที่ได้รับการฝึกอาวุธทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า ๕-๖ หมื่นคน (แถมสุข นุ่มนนท์ อ้างใน ทศ พันธุมเสน และจินตนา ยศสุนทร, ๒๕๔๒ : ๔๗) ส่วนพลพรรคเสรีไทยทั่วภาคอีสานที่ได้รับการฝึกอบรมมีทั้งสิ้นประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน (แอนดรูว์ กิลคริสต์, ดุสิต บุญธรรม (แปล), ๒๕๒๗ : ๓๐๐).