ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เกร็ดประวัติศาสตร์

นายเตียง ศิริขันธ์ ผู้นำขบวนการเสรีไทยสกลนคร

5
ธันวาคม
2565

ภูมิหลัง

นายเตียง ศิริขันธ์ เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2452 ที่บ้านคุ้มวัดศรีสะเกษ ถนนมรรคาลัย ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อ ขุนนิเทศพานิช (บุดดี ศิริขันธ์) หรือนายฮ้อยบุดดี เป็นชาวเมืองมหาชัยกองแก้ว ซึ่งอยู่ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง มารดาชื่อนางอ้ม ศิริขันธ์ บิดามีอาชีพเป็นพ่อค้าเร่ สมัยนั้นเรียกว่า “นายฮ้อย” เป็นหัวหน้าคาราวานรับซื้อวัวควายไปขายที่เมืองมะละแหม่งในพม่า นายฮ้อยบุดดีเป็นน้องชายของพระบริบาลศุภกิจ (คำสาย ศิริขันธ์) กรมการพิเศษ นายเตียงเป็นบุตรคนที่ 6 ในบรรดาพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 9 คน (อภิสิทธิ์ กิจเจริญสิน, 2543 : 14)

 

ขุนนิเทศพานิช (บุดดี ศิริขันธ์) บิดาของนายเตียง
ขุนนิเทศพานิช (บุดดี ศิริขันธ์) บิดาของนายเตียง

 

นางนิวาศน์กับนายเตียง ศิริขันธ์
นางนิวาศน์กับนายเตียง ศิริขันธ์

 

นายเตียงสมรสกับนางสาวนิวาศน์ พิชิตรณการ บุตรีของ ร.อ.นาถ และนางเวศ พิชิตรณการ เมื่อ พ.ศ. 2482 มีบุตรคนเดียว ชื่อ นายวิฑูรย์ ศิริขันธ์ ครอบครัวของภรรยาเตียงมีความใกล้ชิดกับครอบครัวของจอมพล ผิน ชุณหะวัณ และ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ (พล.ต.อ.เผ่า เป็นลูกเขยของจอมพล ผิน ชุณหะวัณ) กล่าวคือ ร.อ.นาถ พิชิตรณการ เป็นเพื่อนกับจอมพล ผิน และนางวิง น้องสาวของนางเวศก็แต่งงานกับพ่อของ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ (ปรีชา ธรรมวินทร และ สมชาย พรหมโคตร (บรรณาธิการ), 2543 : 19)

นายเตียงจบการศึกษาสูงสุดระดับประกาศนียบัตรครูมัธยม (ป.ม.) จากคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[1] และเคยสมัครเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง แต่เรียนไม่จบเพราะไม่มีเวลาไปสอบ

นายเตียงเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเป็นครูที่โรงเรียนมัธยมหอวัง ต่อมาได้ย้ายไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนอุดรพิทยานุกุลจังหวัดอุดรธานี และได้ลาออกจากราชการครูเมื่อ พ.ศ. 2479 ภายหลังจากถูกฟ้องร่วมกับเพื่อนครู คือ นายปั่น แก้วมาตย์  นายญวง เอี่ยมศิลา และนายสุทัศน์ สุวรรณรัตน์ กล่าวหาว่ากระทำการฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ต่อมาศาลตัดสินยกฟ้อง เมื่อออกจากราชการแล้วได้ทำงานหนังสือพิมพ์ เสรีราษฎร์ ในตำแหน่งบรรณาธิการ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทางตรงครั้งแรกของประเทศ นายเตียงลงสมัครและได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ของจังหวัดสกลนคร การก้าวเข้าสู่เวทีทางการเมืองในฐานะ ส.ส. นับแต่ครั้งนั้น เป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้นายเตียงได้รู้จักและคุ้นเคยกับนายปรีดี พนมยงค์ และ ส.ส. อีสานในเวลาต่อมา ซึ่งกลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้เป็นแกนหลักของขบวนการเสรีไทยภายใต้การนำของ

นายปรีดีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

 

นายเตียง ศิริขันธ์
นายเตียง ศิริขันธ์

 

แนวคิดทางการเมือง

จากการศึกษาพบว่า นายเตียง ศิริขันธ์ มีแนวคิดทางการเมืองที่ผสมผสานกัน 3 แนวคิด คือ

(1) แนวคิดท้องถิ่นนิยม (Localism) เป็นแนวคิดที่ต้องการพัฒนาท้องถิ่นของตน คือ จังหวัดสกลนคร และภาคอีสานให้มีความเจริญก้าวหน้าตามหลักอุดมการณ์ของนายเตียงที่ว่า "เราจะร่วมกันทำงานให้แก่ประเทศชาติและมาตุภูมิด้วยความเสียสละเพื่อประโยชน์ของชาติ ของท้องถิ่นยิ่งกว่าชีวิตของตน" (ธงชัย พึ่งกันไทย, 2521 : 174)

แนวคิดท้องถิ่นนิยมของนายเตียงปรากฏในรูปของกระทู้ถามญัตติ และร่างพระราชบัญญัติต่างๆ ที่เสนอรัฐบาล ซึ่งเน้นในเรื่องเกี่ยวกับท้องถิ่นจังหวัดสกลนครเป็นหลัก เช่น กระทู้ถามเรื่องชลประทาน การเกษตรและการประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการบำรุงหนองหาร นอกจากนี้ยังเป็นผู้เอาใจใส่ประชาชน ใครเดือดร้อนก็คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ โดยเฉพาะชาวบ้านที่ยากจนได้จัดหาอาชีพให้ชาวบ้านได้มีรายได้ เช่น จักสาน และหม่อนเลี้ยงไหม (อภิสิทธิ์ กิจเจริญสิน, 2542 : 25-33)

(2) แนวคิดสังคมนิยม (Socialism) นายเตียงเป็นคนที่ชอบศึกษาค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ ที่บ้านมีตำราภาษาอังกฤษเกี่ยวกับลัทธิการเมืองไว้ศึกษาจำนวนมาก (วิสุทธ์ บุษยกุล อ้างใน ปรีซา ธรรมวินทร และสมชาย พรหมโคตร (บรรณาธิการ), 2543 : 58) การที่เป็นนักอ่านอยู่เสมอจึงเกิดแนวคิดเอนเอียงไปในแนวทางสังคมนิยม (เกื้อกูล ขวัญทอง, 2539 : 27) นายอาคม พรหมสาขา ณ สกลนคร อดีตเสรีไทยผู้ใกล้ชิดนายเตียง ลงความเห็นว่า นายเตียงมีแนวความคิดซ้ายแต่ไม่ใช่ซ้ายสุด เป็น Socialist มีอุดมการณ์ทำเพื่อส่วนรวมจริงๆ และนายเตียงก็ศรัทธาในอุดมการณ์ของนายปรีดี พนมยงค์ อีกด้วย (อาคม พรหมสาขา ณ สกลนคร อ้างใน ปรีชา ธรรมวินทร และสมชาย พรหมโคตร (บรรณาธิการ), 2543 : 76-77)

ส่วนตัวนายเตียง เมื่อครั้งถูกฟ้องศาลว่าเป็น “คอมมิวนิสต์” ในปี พ.ศ. 2477 นายเตียงยอมรับว่า ตนมีแนวคิดไปในทางสังคมนิยมตามแนวที่รัฐบาลประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ปกครองประเทศ ซึ่งต้องการลดความแตกต่างทางฐานะเศรษฐกิจระหว่างชั้นบุคคล ตนมิได้มีแนวคิดเชิดชูนิยมลัทธิคอมมิวนิสต์แต่อย่างใด (วิสุทธ์ บุษยกุล ใน สุพจน์ ด่านตระกูล (บรรณาธิการ), 2540 : 77-78)

(3) แนวคิดเสรีนิยมประชาธิปไตย (Democratic Liberalism) จากการศึกษาพบว่า แนวคิดเสรีนิยมประชาธิปไตยของนายเตียงปรากฏในงานเขียนเรื่อง หัวใจปฏิวัติในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นงานเขียนร่วมกับนายจำรัส สุขุมวัฒนะ ขนาดยาว 1,000 หน้า ตีพิมพ์ครั้งแรก 300 หน้า และงานแปลเรื่อง เอมิล (Emile) ของฌอง ฌาค รุสโซ งานเขียนและงานแปลทั้ง 2 เรื่องสะท้อนความคิดเสรีนิยมของนายเตียง เพราะปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศสเป็นการปฏิวัติที่เชิดชูสิทธิเสรีภาพ อันเป็นรากฐานของการพัฒนาประชาธิปไตยในเวลาต่อมา ดังข้อความตอนหนึ่งในหนังสือ หัวใจปฏิวัตรในฝรั่งเศส ที่ว่า “จงให้เสรีภาพแก่การพูดการพิมพ์โดยสมบูรณ์ นี่เป็นหลักธรรมอันยิ่งใหญ่แห่งประชาธิปไตย” (เตียง ศิริขันธ์, 2480 : 1-2)

ในช่วงที่นายเตียงทำงานหนังสือพิมพ์ก็สะท้อนความคิดเสรีนิยมผ่านบทความของหนังสือพิมพ์ เสรีราษฎร์ ตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนไทย ข้าพเจ้าเป็นไทแก่ตนเอง ข้าพเจ้าเป็นราษฎรไทย ราษฎรสยาม ทั้งข้าพเจ้าต้องการให้ทุกๆ คนบนพื้นอันเป็นสยามประเทศนี้เป็นราษฎรเสมอหน้ากันหมด ปราศจากความเหลื่อมล้ำต่ำสูง...จึงเป็นอุดมคติที่ข้าพเจ้าบูชาอีกอันหนึ่ง” (หนังสือพิมพ์ เสรีราษฎร์ วันที่ 9 กรกฎาคม 2479)

นายเตียงมิได้เพียงเชิดชูหลักการเสรีนิยมประชาธิปไตยผ่านงานเขียนเท่านั้น ในทางปฏิบัติ เขาก็นำแนวคิดดังกล่าวมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรมด้วย กล่าวคือในช่วงที่ยังเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล นายเตียงได้ปลูกฝังให้ลูกศิษย์มีนิสัยกล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก โดยฝึกให้นักเรียนได้หัดโต้วาที สะท้อนความคิดที่ต้องการเห็นลูกศิษย์เป็นนักประชาธิปไตยและเป็นตัวแทนของประชาชน ดังกรณีของ นายแคล้ว นรปติ และ พ.อ.สมคิด ศรีสังคม ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่เติบโตมาเป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพในภายหลัง (วิสุทธ์ บุษยกุล อ้างใน ปรีชา ธรรมวินทร และสมชาย พรหมโคตร (บรรณาธิการ), 2543 : 58)

บทบาทนักประชาธิปไตยที่โดดเด่นของเตียง ก็คือการทำหน้าที่ ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎรเป็นปากเสียงให้กับประชาชน พยายามควบคุมการบริหารงานของรัฐบาลโดยการอภิปรายซักถามและเสนอร่างพระราชบัญญัติอย่างต่อเนื่อง โดยนายเตียงได้รวมกลุ่มกับ ส.ส. ที่มีแนวคิดลักษณะไปทาง “เสรีนิยม” และ “ท้องถิ่นนิยม” เช่นเดียวกันได้แก่ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์  นายถวิล อุดล  นายจำลอง ดาวเรือง และนายอ้วน นาครทรรพ เป็นต้น (พีรยา คูวัฒนะศิริ, 2533 : 13)

 

นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์
นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์

 

นายถวิล อุดล
นายถวิล อุดล

 

นายจำลอง ดาวเรือง
นายจำลอง ดาวเรือง

 

นายอ้วน นาครทรรพ
นายอ้วน นาครทรรพ

 

บทบาททางการเมือง

นายเตียง ศิริขันธ์ ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. สกลนคร ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2480 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนครั้งแรก นายเตียงสนใจทางการเมืองมาก่อนตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2476 แต่การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม จึงไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง หลวงวรนิติปรีชา (วรดี พรหมสาขา ณ สกลนคร) อดีตผู้พิพากษา ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. คนแรกของจังหวัดสกลนครอย่างไม่มีคู่แข่ง

นายเตียงได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ครั้งแรกด้วยวัยเพียง 27 ปี ต่อมาได้รับเลือกตั้งทุกสมัย จนกระทั่งครั้งสุดท้ายปี พ.ศ. 2495 รวมเป็น ส.ส. 5 สมัย (2480, 2481, 2489, 2492 และ 2495) และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 3 สมัย ได้แก่ สมัยที่ 1 นายกรัฐมนตรีทวี บุณยเกตุ  สมัยที่ 2 นายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และสมัยที่ 3 นายกรัฐมนตรีพลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

นายเตียงทำหน้าที่ ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎรอย่างโดดเด่นเป็นนักการเมืองหนุ่มฝีปากกล้า เป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชนเมื่อกลับไปสกลนครก็ออกเยี่ยมเยือนประชาชนในพื้นที่อยู่เสมอ เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเป็นกันเองกับชาวบ้านไม่ถือตัว มีวาทศิลป์ในการพูด (จ.ส.ต.ผจญ ศิริมาศ ใน ปรีชา ธรรมวินทร และสมชาย พรหมโคตร (บรรณาธิการ), 2543 : 66) จนอาจกล่าวได้ว่า นายเตียง ศิริขันธ์ นั่งอยู่ในหัวใจของชาวสกลนคร อย่างแท้จริง และเมื่อมี พ.ร.บ.พรรคการเมืองฉบับแรกใน พ.ศ. 2489 นายเตียงได้เป็นแกนนำสำคัญร่วมกับเพื่อนตั้งพรรคสหชีพ ที่สนับสนุนแนวทางทางการเมืองของนายปรีดี พนมยงค์

 

นายเตียงขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มาตรวจราชการที่จังหวัดอุดรธานี
นายเตียงขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มาตรวจราชการที่จังหวัดอุดรธานี

 

นายเตียงได้ทุ่มเทเสียสละทำหน้าที่ ส.ส. เพื่อประเทศชาติและประชาชนด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ดังที่นักเขียนอาวุโส ศรีบูรพา นายกุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้กล่าวยกย่องไว้ในหนังสือพิมพ์ประชามิตร ว่า “บุคคลที่มีความสุจริต จริงใจ และบากบั่นในการทำหน้าที่ของตนนั้น เป็นบุคคลที่ข้าพเจ้าเห็นว่าสมควรเป็นผู้แทนราษฎรอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าแน่ใจว่าข้าพเจ้าได้พบคุณสมบัติสาระสำคัญนี้ในเตียง ศิริขันธ์ ผู้แทนของชาวสกลนคร”

ทำนองเดียวกับที่ นายสุภา ศิริมานนท์ ยกย่องในหนังสือพิมพ์สยามนิกร ว่า “ในจำนวนผู้แทนราษฎรทั้งหมด...เตียง ศิริขันธ์ เป็นบุคคลที่ดี ซึ่งมีอยู่ไม่กี่คน เตียง ศิริขันธ์ เป็นนักรัฐธรรมนูญที่แท้จริงเขาทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรชาวสยามสมหน้าที่โดยสมบูรณ์”

อย่างไรก็ตาม บทบาททางการเมืองของนายเตียง ศิริขันธ์ต้องผลิกผันนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 คณะรัฐประหารภายใต้การนำของจอมพล ผิน ชุณหะวัณ ร่วมกับพล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ผู้กุมอำนาจในกรมตำรวจ ประกาศจับนายปรีดี พนมยงค์ และกวาดล้างจับกุมสมาชิกพรรคสหชีพ รวมทั้งกลุ่มเสรีไทยที่สนับสนุนนายปรีดี

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 นายปรีดีร่วมกับพวกและทหารเรือในนาม “ขบวนการประชาธิปไตย” กระทำการยึดอำนาจรัฐคืนจากคณะรัฐประหาร และจอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่ไม่สำเร็จ จึงกลายเป็น “กบฏวังหลวง” ความพ่ายแพ้ของพลังประชาธิปไตยสายปรีดีถือเป็นการยุติบทบาททางการเมืองโดยสิ้นเชิงของนายปรีดี และนำไปสู่การกวาดล้างจับกุมนักการเมืองสายปรีดีครั้งใหญ่ในเวลาต่อมา

4 มีนาคม พ.ศ. 2492 นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์  นายจำลอง ดาวเรือง  นายถวิล อุดล และนายทองเปลว ชลภูมิ ถูก “วิสามัญฆาตกรรมทางการเมือง” ด้วยการยิงทิ้งที่กิโลเมตร 14-15 ถนนพหลโยธิน บางเขน โดยผู้นำของ “รัฐตำรวจ” ของคณะรัฐประหาร (ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์, 2544 : 10)

หลังจากเพื่อนร่วมอุดมการณ์ถูกสังหารอย่างทารุณ ได้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ใหม่ นายเตียง ศิริขันธ์ มีโอกาสกลับมาเป็น ส.ส. อีกแต่การกลับมาเป็น ส.ส. ของนายเตียงสมัยที่ 4 (พ.ศ. 2492) และสมัยที่ 5 (พ.ศ. 2495) เขาต้องลดบทบาททางการเมืองไปอย่างมากเพราะภัยคุกคามจากฝ่ายเผด็จการยังมีตลอดเวลา

ในที่สุด วาระสุดท้ายของนายเตียงก็มาถึง เขาได้ “หายตัวไป” อย่างลึกลับในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2495 โดยมาปรากฏภายหลังถูกอำนาจเถื่อนสังหารโหดด้วยการ “รัดคอตาย” และนำไป “เผาย่างศพ” ฝังทิ้งที่ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรีพร้อมกับอดีตเสรีไทย และคนขับรถ คือ นายชาญ บุนนาค  นายเล็ก บุนนาค  นายผ่อง เขียววิจิตร และนายสง่า ประจักษ์วงศ์ (ดูคำพิพากษาคดีย่างสด นายเตียง ศิริขันธ์ กับพวก คดีหมายเลขดำที่ 2628/2501 และคดีหมายเลขแดงที่ 1542/2502) รวมอายุของนายเตียงได้ 43 ปี

 

บทบาทผู้นำเสรีไทยสายอีสาน

นอกจากนายเตียง ศิริขันธ์ จะมีบทบาททางการเมืองในระบบรัฐสภาดังกล่าวมาแล้ว บทบาทที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การเป็นผู้นำเสรีไทยภาคอีสานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นายเตียงมิใช่แค่เพียงผู้นำเสรีไทยภาคอีสานและสกลนครเท่านั้น เขาเป็นแกนหลักในระดับ “ผู้ก่อการ” จัดตั้งขบวนการเสรีไทยภายในประเทศ กล่าวคือ นายเตียงเป็นหนึ่งในแกนนำ “องค์การต่อต้านญี่ปุ่น” ภายใต้การนำของนายปรีดี พนมยงค์ และก็เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการร่วมมือกับนายจำกัด พลางกูร และเพื่อน ส.ส. ภาคอีสาน จัดตั้ง “คณะกู้ชาติ” ต่อต้านญี่ปุ่นและพยายามโค่นอำนาจจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งต่อมา “องค์การต่อต้านญี่ปุ่น” และ “คณะกู้ชาติ” ได้รวมตัวกันเป็น “ขบวนการเสรีไทย” ภายใต้การนำของนายปรีดี พนมยงค์ ในปลายปี พ.ศ. 2484

หากจะพิจารณาถึงความสัมพันธ์ภายในคณะกู้ชาติของนายจำกัด พลางกูร กับนายเตียง ศิริขันธ์ จะเห็นว่า ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่โรงเรียนวัดบวรนิเวศวิหารด้วยกัน (สรศักดิ์ งามขจรกุลกิจ, 2531 : 75) และถ้าจะพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างนายปรีดี พนมยงค์ กับนายเตียง ศิริขันธ์  นายจำลอง ดาวเรือง  นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ และนายถวิล อุดล แล้ว กล่าวได้ว่า ส.ส. อีสานทั้ง 4 คน อยู่ในฐานะลูกศิษย์ลูกหาของปรีดี พนมยงค์ ทั้งสิ้น (พีรยา คูวัฒนะศิริ, 2533 : 58) ประการสำคัญเคยร่วมงานด้วยกันในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ โดยเฉพาะช่วง พ.ศ. 2483 - 2484 ในขณะที่ปรีดีดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ มีนายถวิลเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการ (อดิเรก บุญคง, 2536 : 41)

 

นายจำกัด กับ นางฉลบชลัยย์ พลางกูร
นายจำกัด กับ นางฉลบชลัยย์ พลางกูร

 

ดังนั้น หลังจากที่นายจำกัดยินยอมให้คณะกู้ชาติของตนอยู่ภายใต้การนำของนายปรีดีแล้ว นายจำกัดได้รับหน้าที่เดินทางไปติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตรที่จุงกิง ประเทศจีน เพื่อยื่นข้อเสนอต่อฝ่ายสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ให้ถือว่าการประกาศสงครามของรัฐบาลไทยภายใต้การนำของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นั้นเป็น “โมฆะ” พร้อมกับขอให้ทั้งสองประเทศนี้สนับสนุนองค์การใต้ดินต่อต้านญี่ปุ่นในรูปของการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นนอกประเทศ (นายฉันทนา (นามแฝง), 2522 : 69 - 72)

ในเวลาเดียวกัน นายเตียงได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากนายปรีดีในการบุกเบิกจัดตั้งค่ายฝึกพลพรรคเสรีไทย โดยได้จัดตั้งเป็นแห่งแรกในเขตภาคอีสานที่จังหวัดสกลนคร (แอนดรูว์ กิลคริสต์, ดุสิต บุญธรรม (แปล), 2527 : 342) แล้วจึงขยายไปสู่จังหวัดใกล้เคียงที่มีพรรคพวกสนิทเป็นผู้ดำเนินการ

นายเตียงได้จัดตั้งกองบัญชาการใหญ่ของกลุ่มเสรีไทยอีสานที่สกลนครอันมีเทือกเขาภูพานเป็นศูนย์กลางแห่งการเคลื่อนไหว เพราะเห็นว่ามีความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์ ประกอบกับพื้นที่ในจังหวัดสกลนครนี้ นายเตียงคุ้นเคยและรู้จักดีที่สุด อันเป็นผลมาจากเคยออกไปหาคะแนนเสียงมาแล้วทุกตำบลหมู่บ้านนั้นเอง (วิสุทธ์ บุษยกุล ในสุพจน์ ด่านตระกูล (บรรณาธิการ), 2540: 82) รายละเอียดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของขบวนการเสรีไทยสกลนคร จะได้กล่าวในบทต่อไป

การจัดตั้งค่ายเสรีไทยในภาคอีสาน นอกจากที่จังหวัดสกลนครแล้วยังมีจังหวัดอื่นๆ อีก ดังนี้

เขตมหาสารคามและกาฬสินธุ์[2] อยู่ในความรับผิดชอบของ นายจำลอง ดาวเรือง ส.ส. จังหวัดมหาสารคาม มีแกนนำที่สำคัญ เช่น ขุนไมตรีประชารักษ์ (ข้าหลวงประจำจังหวัด) นายกว้าง ทองทวี (ศึกษาธิการจังหวัด) นายไสว ถีนานนท์ (แขวงการทางจังหวัด) นายดิลก บุญเสริม (ครูโรงเรียนฝึกหัดครูมหาสารคาม) นายมาบ ภูมาศ และนายดิลก มะลิมาศ (อดิเรก บุญคง, 2536 : 92-93) ได้จัดตั้งค่ายเสรีไทยที่ป่าเชิงเขาภูพานใกล้ๆ บ้านนาคู อำเภอกุฉินารายณ์ บริเวณนั้นมีสนามบินเก่าอยู่ด้วย ซึ่งได้รับการปรับปรุงจนใช้การได้เป็นอย่างดีในเวลาต่อมา นายจำลองได้ส่งแกนนำ คือ นายดิลก บุญเสริม  นายดิลก มะลิมาศ  นายมาบ ภูมาศ เดินทางไปรับการฝึกอาวุธที่ค่ายบ้านโนนหอม จังหวัดสกลนคร ค่ายบ้านนาคูแห่งนี้จึงมีความใกล้ชิดกับหน่วยเสรีไทยในจังหวัดสกลนครเป็นอย่างมาก และนายเตียงก็เดินทางไปมาระหว่างบ้านนาคู จังหวัดมหาสารคาม กับค่ายเต่างอยและค่ายโนนหอม จังหวัดสกลนคร บ่อยครั้ง

เขตอุดรธานี นายเตียงมอบหมายให้ "เพื่อนสนิท" คือ นายอ้วน นาครทรรพ และคณะ ได้แก่ นายเพ่ง โพธิจินดา  นายมี ศรีทองสุก และนายจันทร วชิระภักดิ์ จัดตั้งค่ายเสรีไทยขึ้นที่บ้านสามพร้าว อำเภอเมือง และบ้านไชยวาร อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เสรีไทยเขตอุดรธานีส่วนหนึ่งผ่านการฝึกอบรมจากค่ายเสรีไทยในจังหวัดสกลนคร เช่น ค่ายบ้านโนนหอม ค่ายบ้านเต่างอย ค่ายดงพระเจ้า (อ้วน นาครทรรพ อ้างใน อดิเรก บุญคง, 2539 : 100-102)

เขตนครพนม อยู่ในความรับผิดชอบของนายถวิล สุนทรศารทูล (ข้าหลวงประจำจังหวัด) และนายสัมฤทธิ์ ขุนเมือง (ศึกษาธิการจังหวัด) ช่วงแรกตั้งค่ายที่บ้านกุดเผือกยางคำ ต่อมาย้ายไปที่บ้านปลาปาก อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม ครูฝึกเสรีไทยต่างได้รับการฝึกอาวุธจากค่ายโนนหอม จังหวัดสกลนคร

เขตอุบลราชธานี อยู่ภายใต้การดูแลของนายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์กับนายเตียง ศิริขันธ์  นายจำลอง ดาวเรือง และนายถวิล อุดล การตั้งค่ายเสรีไทยในเขตอุบลราชธานี คาดว่าน่าจะเริ่มขึ้นช่วงต้นปี พ.ศ. 2488 เช่นเดียวกับค่ายเสรีไทยเขตมหาสารคาม กาฬสินธุ์ อุดรธานี และนครพนม

เขตหนองคาย มีแกนนำผู้รับผิดชอบ คือ นายอ้วน นาครทรรพ และนายปกรณ์ อังคสิงห์ (ข้าหลวงประจำจังหวัด) มีทั้งค่ายอยู่ที่บ้านเก่าน้อยดอนหมู อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย

นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งค่ายเสรีไทยในจังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่น ทั้งสองแห่งไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของนายเตียง แต่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเสรีไทยส่วนกลาง เป็นเสรีไทยสายหลวงอดุลเดชจรัส อธิบดีกรมตำรวจ (อดิเรก บุญคง, 2536 : 111)

 

ที่มา : ปรีชา ธรรมวินทร, การเกิดขบวนการเสรีไทยสกลนคร, ใน 77 ปี วันสันติภาพไทย : เตียง ศิริขันธ์ ขบวนการเสรีไทยสกลนคร, (กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2565), หน้า 22-37.


[1] สมัยนั้นคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ยังไม่เปิดสอนระดับปริญญา

[2] เดิมจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดมหาสารคาม