การเดินทางไปร่วมงาน “PRIDI Sanjorn” จังหวัดสกลนครในวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ซึ่งทางสถาบันปรีดี พนมยงค์ ร่วมกับ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ได้กำหนดให้จัดโครงการสนับสนุนการศึกษาและมีการเสวนาในหัวข้อ“เสรีไทยกับนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแห่งสกลนคร” นั้น นับเป็นภารกิจที่น่ายินดีและชวนให้รู้สึกตื่นเต้นมิใช่เบา
กิจกรรมการเสวนาดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเปิดพื้นที่ทางวิชาการให้แก่นักศึกษา นักเรียน และประชาชน ได้เรียนรู้ถึงบทบาทของขบวนการเสรีไทย เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ระดับชาติกับการต่อสู้ของคนในท้องถิ่น ตลอดจนเรื่องราวของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในสกลนครและภาคอีสาน ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมือง โดยมีผู้ร่วมเสวนาที่จะร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ได้แก่ คุณวันใหม่ นิยม นักวิชาการ สถาบันอาศรมศิลป์ คุณวิชาญ ฤทธิธรรม อาจารย์ประจำสาขารัฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร คุณหทัยรัตน์ พหลทัพ บรรณาธิการบริหาร เดอะ อีสาน เรคคอร์ด (The Isaan Record) มิเว้นกระทั่งตัวผมเอง ดำเนินรายการโดย ผศ. ดร.พุฑฒจักร สิทธิ จากสาขารัฐศาสตร์เช่นเดียวกับ อาจารย์วิชาญ ซึ่งกิจกรรมจะจัดขึ้นในช่วงตั้งแต่เวลา 8:00 – 12:30 น. ณ ห้อง 19213 อาคาร 19 มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
บทบาทของขบวนการเสรีไทยสายอีสานโดยเฉพาะที่จังหวัดสกลนครนับเป็นภารกิจสำคัญ ทั้งยังมีความเชื่อมโยงกับ นายปรีดี พนมยงค์ เนื่องจาก นายเตียง ศิริขันธ์ ผู้นำขบวนการเสรีไทยในอาณาบริเวณเทือกเขาภูพานได้รับมอบหมายจาก นายปรีดี ให้จัดตั้งพลพรรคและปฏิบัติการในพื้นที่ภาคอีสาน โดย นายเตียง ใช้รหัสลับว่า “พลูโต”
สำหรับผมนั้น เมื่อได้รับมอบหมายให้กล่าวเกริ่นถึงเรื่อง “เสรีไทยกับนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแห่งสกลนคร” เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ PRIDI Sanjorn จึงเอ่ยปากว่า
"ความสนุกของการศึกษาขบวนการเสรีไทยในสกลนครหาได้จำกัดอยู่แค่เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 เท่านั้น เสรีไทยบางท่านยังเชื่อมโยงไปถึงนักปราชญ์ที่นายปรีดี พนมยงค์ สนใจสมัยเป็นนักเรียนกฎหมายในฝรั่งเศสอีกด้วย"
แน่นอนทีเดียว ถ้อยคำนี้ย่อมจะชวนให้นึกถึง นายเตียง ศิริขันธ์ เนื่องจากเขาเป็นผู้มีความรู้ภาษาฝรั่งเศส รวมถึงสนใจอ่านทั้งวรรณคดี ประวัติศาสตร์ การเมือง และการศึกษา ดังที่ นายเตียง เคยเรียบเรียงหนังสือเรื่อง หัวใจปฏิวัตรในฝรั่งเศส ร่วมกับ จำรัส สุขุมวัฒนะ ซึ่งเป็นงานที่สะท้อนแนวคิดประชาธิปไตยและการเชิดชูเสรีภาพ ไม่เพียงเท่านั้น นายเตียง ยังแปลหนังสือเรื่อง เอมิล ของ ฌอง ฌาค รุสโซ (Jean-Jacques Rousseau) อันมีเนื้อหาด้วยการศึกษา โดยใช้นามแฝงว่า “ศิริขันธ์” จัดพิมพ์ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2479 ซึ่ง นายเตียง ตั้งใจจะแปลงานชิ้นนี้มาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หากในบทความนี้ ผมใคร่จะผายมือแนะนำอีกบุคคลหนึ่งซึ่งเข้าร่วมขบวนการเสรีไทยในพื้นที่เทือกเขาภูพานและจังหวัดสกลนครเช่นกัน อีกทั้งเขาก็มีผลงานแปลและเรียบรียงงานเขียนของนักคิดชาวฝรั่งเศสคนสำคัญ ซึ่งต้องเป็นผู้ที่ นายปรีดี เองสนใจมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักเรียนกฎหมายในประเทศฝรั่งเศส
นามของเขาคนนั้นคือ สหัส กาญจนพังคะ ผู้เคยแปลผลงานของ ชาร์ลส จี๊ด (Charles Gide) นักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศสมาเป็นภาษาไทย
หากย้อนกาลเวลาไปช่วงภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 และหลายเดือนต่อมา หลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือ นายปรีดี มันสมองของคณะราษฎร ได้ร่าง “เค้าโครงการเศรษฐกิจ” แห่งชาติขึ้น หรือที่เรียกขานกันว่า “สมุดปกเหลือง” ซึ่งผลจาก “เค้าโครงการเศรษฐกิจ” ฉบับดังกล่าวนี้ทำให้ นายปรีดี ต้องเดินทางออกนอกประเทศไปพำนักอยู่ในฝรั่งเศสตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2476 เพราะถูกรัฐบาลที่มี พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่ามีแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์
ความน่าสนใจก็คือ ในตอนหนึ่งของ “เค้าโครงการเศรษฐกิจ” นายปรีดี ได้อ้างถึงแนวคิดและผลงานด้านเศรษฐศาสตร์ของ ชาร์ลส จี๊ด ดังปรากฏเนื้อความว่า
ความต้องการของมนุษย์ในปัจจัยที่ดำรงชีวิตอาจมีแตกต่างกัน และยิ่งมนุษย์มีความเกี่ยวพันกันกว้างขวางขึ้นและเจริญขึ้นแล้ว ความต้องการก็ยิ่งมีมากขึ้น. ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ จิ๊ด กล่าวไว้ว่า ที่เรียกกันว่าเจริญนั้นก็หมายความถึงว่าความต้องการของมนุษย์ได้มีมากขึ้น (คำสอน เศรษฐวิทยา เล่ม 1 หน้า 49) เช่นคนป่าต้องการเครื่องนุ่งห่มแต่พอปิดบังร่างกายบางส่วน ครั้นคนจำพวกนั้นเจริญขึ้น ก็ต้องการเครื่องนุ่งห่มปิดบังร่างกายมากขึ้น ดั่งนี้เป็นต้น
จวบจนกระทั่ง นายปรีดี ได้หวนคืนกลับคืนมาสู่เมืองไทย ภายหลังจากที่ พระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดอำนาจจากรัฐบาลพระยามโนฯ แล้วขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน ทางรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรก็ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาว่า หลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือ นายปรีดี มีแนวความคิดเป็นคอมมิวนิสต์ตามมลทินที่ถูกกล่าวหาแท้จริงหรือไม่
นายปรีดี ก็แถลงถึงเจตนาในการร่าง “เค้าโครงการเศรษฐกิจ” ของตน โดยยกแนวคิดของ ชาร์ลส จี๊ด มาสนับสนุนอีก ซึ่งในที่สุดเขาก็พ้นมลทินจากข้อกล่าวหา
เหตุที่ นายปรีดี กล่าวอ้างถึงแนวความคิดของ ชาร์ลส จี๊ด ก็เพราะเขาสนใจและหมั่นศึกษาตำราของนักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้มาตั้งแต่ครั้งที่ตนยังเป็นนักเรียนกฎหมายอยู่ในประเทศฝรั่งเศสช่วงทศวรรษ 2460 อีกทั้งเล็งเห็นว่าการนำแนวความคิดของ ชาร์ลส จี๊ด มาใช้ในประเทศสยามย่อมจะสร้างคุณประโยชน์ โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องสหกรณ์
เมื่อคราว นายปรีดี สอนที่โรงเรียนกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม ก็เคยนำแนวคิดของ ชาร์ลส จี๊ด มาอธิบายประกอบการบรรยายวิชากฎหมายปกครอง ครั้นพอ นายปรีดี สถาปนามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้น ก็ได้กำหนดให้มีการเรียนการสอนว่าด้วยแนวคิดและผลงานของนักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศสผู้นี้
นั่นจึงไม่แปลกที่ในสังคมไทยจะเริ่มมีคนสนใจและพยายามศึกษาแนวคิดและผลงานของ ชาร์ลส จี๊ด กันอย่างแพร่หลายในช่วงปลายทศวรรษ 2470

ชาร์ลส จี๊ด (Charles Gide) นักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส
ชาร์ลส จี๊ด ลืมตายลโลกหนแรกสุดเมื่อปี ค.ศ. 1847 (ตรงกับ พ.ศ. 2390) เป็นนักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญและมีชื่อเสียงเลื่องลือในฝรั่งเศส โดยเขียนทั้งตำราและบทความตามหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆจำนวนมากเพื่อนำเสนอแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ หากงานเขียนที่ได้รับความนิยมอย่างสูงคงมิพ้นหนังสือเรื่อง Principes D'économie Politique หรือ ตำราหลักเศรษฐศาสตร์ ที่จัดพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1884 (ตรงกับ พ.ศ. 2427) และยังได้รับการตีพิมพ์อีกหลายครั้ง จวบจนในปี ค.ศ. 1924 (ตรงกับ พ.ศ. 2467) จึงได้รับการแปลมาเป็นภาษาอังกฤษในชื่อ Principles of Political Economy โดย เออร์เนสต์ เอฟ. โรว์ (Ernest F. Row)
ก็อย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว ชาร์ลส จี๊ด กลายเป็นที่สนใจของผู้ใฝ่หาความรู้ในสังคมไทยในช่วงปลายทศวรรษ 2470 ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2479 จึงมีการแปลตำราเล่มเดียวกันนี้ก็ได้แปลตำราหลักเศรษฐศาสตร์จากภาษาอังกฤษคือ Principles of Political Economy มาเป็นภาษาไทย ผู้แปลคือ สหัส กาญจนพังคะ โดยให้ชื่อเล่ม หลักเศรษฐศาสตร์ของชาร์ลส์ จิ๊ด


หนังสือ หลักเศรษฐศาสตร์ของชาร์ลส์ จิ๊ด แปลโดย สหัส กาญจนพังคะ ฉบับพิมพ์ปี พ.ศ. 2494
สหัส ได้กล่าวถึงการถ่ายทอดผลงานของ ชาร์ลส์ จี๊ด มาสู่ภาษาไทยไว้ใน ‘คำนำของผู้แปล’ ความว่า
สมุดเล่มนี้ เอากำเนิดมาโดยบังเอิญ เพราะผู้ทำไม่ได้ตั้งใจมาแต่แรกว่าจะพิมพ์ขึ้น หากทำขึ้นเพื่อประกอบการศึกษา ท่านบรรณาธิการหนังสือวิทยาจารย์ทราบเค้า เห็นว่าพอจะเป็นหนังสือเบื้องต้นเสนอแก่ผู้สนใจในวิชานี้ จึงรับจัดการพิมพ์ขึ้น.
วิชาเศรษฐศาสตร์เดิมเป็นของหวงห้ามกันนักในเมืองไทย แต่สมัยนี้เป็นสมัยปฏิวัตรจิตต์ใจของคนไทย ความต้องการในความรู้อันเกี่ยวกับสมาคมวิทยา และการเมืองกระพือโหมรุ่งโรจน์ ตามความเข้าใจของผู้ที่ไม่ค่อยเดียงสาในวิชานี้เท่าใด เห็นว่าเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาว่าด้วยการเขม็ดแขม่หรือการประหยัดทรัพย์ ทั้งยังมองไม่เห็นว่า จำเป็นจักต้องศึกษาหาความรู้ในทางนี้เป็นพิเศษได้อย่างไรด้วยบทเรียนจรรยาก็สอนเราอยู่แล้วว่าให้รู้จักประหยัด.
ทั้งนี้เป็นความเข้าใจในวงแคบ วิชาเศรษฐศาสตร์มิใช่วิชาสอนให้คนรู้จักวิธีออมทรัพย์ จริงอยู่ การออมทรัพย์เป็นเพียงกะผีกหนึ่งในเศรษฐศาสตร์ แต่เศรษฐศาสตร์ทั้งหมดคือวิทยาศาสตร์ทางชุมชน ว่าด้วยความเกี่ยวข้องระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์อันจำเป็นแก่สภาพชีวิตของคนทุกคนในสมาคมปัจจุบัน สมุดตำรามากหลายที่ว่าด้วยวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมีแล้วในเมืองไทย แต่ตำราที่ว่าด้วยวิทยาศาสตร์ชุมชนยังขาดตกบกพร่องอยู่ แม้สมุดเล่มนี้จะมีประโยชน์บ้างเพียงเหตุเดียว คือเหตุที่เพิ่มจำนวนหนังสือเกี่ยวด้วยวิทยาศาสตร์ชุมชน เท่านี้ก็เป็นที่สมใจของผู้ทำแล้ว
สมุดนี้ เอาความมาจากหนังสือของศาสตราจารย์ชาลส์ จีด นักนิพนธ์วิชาเศรษฐศาสตร์ผู้มีนามกระเดื่องโลก ท่านเจ้าของเรียบเรียงอย่างง่าย มุ่งหมายให้แม้ผู้ไม่เคยพบคำว่าเศรษฐศาสตร์เลย ก็สามารถอ่านเข้าใจได้ ผู้ทำจึงพยายามที่สุดที่จะเขียนเป็นภาษาไทยที่ง่าย ๆ หนังสือนี้จึงมิใช่ตำรา แต่เป็นความเรียงสามัญเสนอแต่สามัญชนเราๆท่านๆ.
เห็นสมควรทำความเข้าใจไว้กับท่านผู้อ่านบ้างเล็กน้อย สมุดนี้มิได้เขียนขึ้นนิยมในลัทธิใด ๆ เพียงแต่บอกความจริงที่เป็นหลักวิทยาศาสตร์ แม้จะเสนอข้อความในลัทธิเศรษฐกิจ ก็พยายามชี้ข้อโต้แย้งและเหตุผลทุกด้านทุกมุม แต่ท่านเจ้าของเรื่องนี้เป็นนักนิยมสหกรณ์ ขอเตือนท่านผู้อ่านเพียงเท่านี้.
ผู้ทำหวังว่าสมุดนี้คงจะมีประโยชน์แก่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองบ้าง ด้วยมหาวิทยาลัยอ้างเรเฟอเรนซ์ถึงตำราของจีดอยู่เสมอ
ส่วนครูผู้จะสอบวิชาชุดเศรษฐวิทยานั้นเล่า หนังสือนี้คลุมหลักสูตรและตอบปัญหาทุกข้อที่เคยออกสอบไล่มาแล้ว
ส่วนนักอ่านทั่วไปที่สนใจในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ก็จักทราบซึ้งถึงวิถีชีวิตของบ้านเมืองสมัยใหม่อันเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง.
ผู้ทำได้แซกข้อความเบ็ดเตล็ดและสถิติบางอันของสยามประกอบในคำอธิบาย เท่าที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ ในทางทำให้ข้อความอ่านได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้และทั้งนั้น ขอขอบบุญคุณ คุณเจริญ ไชยชนะ ป.ม. ธ.บ. ที่เป็น 'องค์ประกอบสำคัญ' ที่ทำให้สมุดเล่มนี้เป็นเล่มขึ้นมาได้

สหัส กาญจนพังคะ ในวัยหนุ่ม
สหัส หรือชื่อแบบเดิมในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเขียนว่า สหัสส์ น่าจะลืมตายลโลกคนแรกช่วงต้นทศวรรษ 2450 เขาเคยเรียนที่คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่นั่นเขาได้พบกับ นายเตียง ศิริขันธ์
ควรกล่าวด้วยว่า ในยุคแรกๆนั้น คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ยังมิได้มีปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต แต่ได้เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรครูมัธยม (ป.ม.) แผนกอักษรศาสตร์ ขึ้นก่อนเมื่อปี พ.ศ. 2471 ซึ่งจะมีผู้ได้รับวุฒิ ป.ม. อยูเพียง 5 รุ่น ระหว่างช่วงปี พ.ศ. 2473-2477
นายเตียง ถือว่าเป็นผู้ได้รับวุฒิรุ่นแรก เมื่อปี พ.ศ.2473 ส่วน สหัส เป็นรุ่นที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2475
ครั้นสำเร็จการศึกษาออกไปรับราชการครูแล้ว ทั้งสองเคยร่วมมือกันเขียนหนังสือชุด เพื่อนครูตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาประมาณ 5 เล่ม มีเป้าประสงค์ที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้หลากหลายด้านแก่ผู้ที่เป็นครู โดยเฉพาะวิธีและแนวทางการสอน เพื่อเพื่อนครูทั้งหลายจะได้นำไปดัดแปลงและปรับใช้ในการสอนนักเรียนให้เกิดประสิทธิภาพ
หลังจากที่มีการสถาปนามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้นในปี พ.ศ. 2477 สหัส ยังได้สมัครเรียนและสำเร็จการศึกษาเป็นธรรมศาสตร์บัณฑิต (ธ.บ.) ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2479
สหัส เป็นผู้มีความรู้ภาษาอังกฤษดี จึงแปลและเรียบเรียงงานเขียนจากต่างประเทศออกมาเป็นภาษาไทยจำนวนไม่น้อย เล่มสำคัญก็คือ หลักเศรษฐศาสตร์ของชาร์ลส์ จิ๊ด ซึ่งความสนใจในการแปลและเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ ผมคิดว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่เขาได้เรียนที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองนั่นเอง
สหัส เข้ารับราชการทางด้านการศึกษาของประเทศ ไม่เพียงแต่เป็นครูสอนนักเรียนในโรงเรียนมัธยม หากยังมีผลงานเรียบเรียงหนังสือแบบเรียนหลายเล่มในช่วงต้นทศวรรษ 2480 โดยเฉพาะแบบเรียนวิชาหน้าที่พลเมืองของนักเรียนระดับชั้นต่างๆ ก่อนที่ต่อมาจะได้ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการประจำอำเภอและประจำจังหวัดตามลำดับ

เหตุที่ สหัส ได้เข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทยแห่งภูพานนั้น ก็เพราะเพื่อนของ นายเตียง มาแต่ครั้งยังเรียนหลักสูตร ป.ม. ที่แผนกอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจวบเหมาะกับตอนที่เมืองไทยได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น สหัส กำลังรับราชการตำแหน่งศึกษาธิการอยู่ที่จังหวัดสกลนครพอดี จึงตัดสินใจเข้าร่วมปฏิบัติการเสรีไทยในเขตเทือกเขาภูพานกับ นายเตียง ด้วย โดยเป็นสมาชิกระดับแกนนำ เลยทีเดียว
สหัส เคยร่วมปฏิบัติการเสรีไทยในค่ายบ้านโพนก้างปลา ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาภูพาน ห่างจากตัวตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ค่ายนี้เป็นค่ายเสรีไทยสายจีน หรือเรียกย่อๆว่าค่าย C โดย C นั้นย่อมาจาก China ในค่ายจะได้รับการสนับสนุนวิทยุสื่อสารจากจีน โดยในช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2488 สหัส ได้เป็นหนึ่งในวิทยากรที่ฝึกอาวุธให้กับสมาชิกขบวนการเสรีไทยที่เป็นครูจำนวน 84 คน มาจากโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูลจำนวน 74 คน และครูจากอำเภอเมืองอีก 10 คน ซึ่งจะมีการฝึกหัดอาวุธอย่างเข้มข้นทั้งกลางวันและกลางคืน
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงแล้ว ขบวนการเสรีไทยแห่งภูพานที่นำโดย นายเตียง ยังคงมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือขบวนการกู้ชาติของประเทศเพื่อนบ้านที่เคยตกเป็นอาณานิคม โดยเฉพาะขบวนการกู้ชาติในอินโดจีนอย่าง ขบวนการกู้ชาติเวียดนามและขบวนการกู้ชาติลาว สหัส ก็เข้าร่วมด้วยกับ นายเตียง
อันที่จริง ขบวนการเสรีไทยสายอีสานได้รับคนลาวที่รักชาติเข้ามาฝึกอาวุธบนเทือกเขาภูพานตั้งแต่ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย ครูครอง จันดาวงศ์ เป็นผู้รับผิดชอบ ครั้นสงครามสิ้นสุดลงเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 ขบวนการเสรีไทยแห่งภูพานก็ยังรับกลุ่มของพวกลาวอิสระและพวกเวียดมินห์ที่ต้องการกู้ชาติจากเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสมาฝึกอาวุธและตั้งแคมป์ที่เกาะดอนสวรรค์กลางหนองหารในช่วงเดือนตุลาคมปีเดียวกันซึ่งเป็นช่วงที่น้ำในหนองหารขึ้นสูง ต้องล่องเรือไปตอนกลางคืน เพราะการฝึกนี้ถือเป็นภารกิจลับ และจะฝึกรุ่นละประมาณ 30 คน ใช้เวลาฝึก 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน
ผู้อำนวยการฝึกบนเกาะดอนสวรรค์กลางหนองหารก็คือศึกษาธิการจังหวัดสกลนครที่ชื่อ สหัส นั่นเอง เขากล่าวกับผู้เข้ารับการฝึกทั้งหลายถึงวัตถุประสงค์ในการฝึกว่า
งานกู้ชาติของเราสำเร็จแล้ว เพื่อนบ้านซึ่งเป็นเสมือนญาติสนิทของเรา คือประเทศลาวนั้น เราต้องช่วยเหลือไม่ตกเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศสอีก
ในการฝึกนั้นจะมีทั้งภาคทฤษฎี คือการเรียนวิชาการเมือง ที่บ่งชี้เห็นถึงภัยจากลัทธิล่าอาณานิคม และภาคปฏิบัติคือฝึกการรบแบบกองโจร
ช่วงทศวรรษ 2490 สหัส ยังคงมีบทบาทในงานราชการด้านการศึกษาของประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังเรียบเรียงหนังสือแบบเรียนต่างๆ รวมถึงเรียบเรียงงานเขียนที่แปลมาจากประเทศอยู่บ้าง
ทว่าในทศวรรษเดียวกันนี้ เขาต้องเผชิญความเศร้าโศกแสนสาหัส เมื่อภรรยาคู่ชีวิตอย่าง สมจิต กาญจนพังคะ ต้องจากไปก่อนถึงวัยอันควรด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ทิ้งให้ สหัส ต้องจ่อมจมอยู่กับความอาลัยอาวรณ์

สมจิต ภรรยาของ สหัส กาญจนพังคะ

สหัส กาญจนพังคะ และ สมจิต ผู้เป็นภรรยา
สหัส กาญจนพังคะ ถือเป็นครูและนักการศึกษาคนสำคัญของประเทศ ทั้งยังเป็นนักแปลหนังสือผู้มีฝีมือ แต่เมื่อถึงคราวที่เขาต้องมาสวมบทบาทนักต่อสู้เพื่อชาติในนามของขบวนการเสรีไทยสายอีสาน ซึ่งปฏิบัติการอยู่บริเวณเทือกเขาภูพานเพื่อต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหัส ก็พร้อมใจและสามารถจะปรับเปลี่ยนตัวตนจากครูและนักการศึกษาผู้จับปากกา มาถือปืนและเป็นผู้ฝึกหัดอาวุธได้อย่างแข็งขันเลยทีเดียว
เอกสารอ้างอิง
- จิ๊ด, ชารลส์. หลักเศรษฐศาสตร์ของ ชารลส์ จิ๊ด. แปลโดย สหัสส์ กาญจนพังคะ. พระนคร: สำนักงานนายศิลปี, 2479.
- จีด, ชารลส์. หลักเศรษฐศาสตร์ของ ชารลส์ จีด. แปลโดย สหัส กาญจนพังคะ. พระนคร: อักษรโสภณ, 2494.
- ชุมนุมมติการศึกษา. คณะครูและนักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดสามจีนพิมพ์ชำร่วยในงานรื่นเริงรายปีของโรงเรียนและฉลองตึกเรียน 3 ชั้นที่สร้างขึ้นใหม่ วันที่ 26 มีนาคมพุทธศักราช 2480. พระนคร: โรงพิมพ์บางกอกรีวิว, 2480.
- เตียง ศิริขันธ์. เพื่อนครู เล่ม ๔. พิมพ์ครั้งที่ 2. พระนคร: โรงพิมพ์กรุงเทพ บรรณาคาร, 2478.
- เตียง ศิริขันธ์ และ จำรัส สุขุมวัฒนะ. หัวใจปฏิวัตรในฝรั่งเศส. ม.ป.ท. :ม.ป.พ., ม.ป.ป.
- นายสีดอกกาว (นิยม รักษาขันธ์). บันทึกลับเสรีไทยภูพาน. สกลนคร : สถาบันราชภัฏสกลนคร, 2543.
- นิยม รักษาขันธ์. 2488 ครูอีสานกู้ชาติ. สกลนคร : สถาบันราชภัฏสกลนคร, 2543.
- ปรีชา ธรรมวินทร. เตียง ศิริขันธ์ ขบวนการเสรีไทยสกลนคร. กรุงเทพฯ : แม่คำผาง, 2553.
- ปรีดี พนมยงค์. เค้าโครงการเศรษฐกิจ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2552.
- วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร. ตำนานเสรีไทย The FreeThai Legend. เริงชัย พุทธาโร บรรณาธิการ. กรุงเทพ : แสงดาว, 2546
- วิสุทธ์ บุษยกุล. เตียง ศิริขันธ์ วีรชนนักประชาธิปไตย ขุนพลภูพาน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : แม่คำผาง, 2553.
- สวัสดิ์ ตราชู. เตียง ศิริขันธ์ ลับสุดยอดเมื่อข้าพเจ้าเป็นเสรีไทย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : แม่คำผาง, 2553.
- สหัสส์ กาญจนพังคะ และ เจริญ ไชยชนะ. แบบเรียนภาษาไทยเรื่อง หน้าที่พลเมือง สำหรับชั้นมัธยมปีที่ ๕. พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์, 2482.
- สหัสส์ กาญจนพังคะ. หนังสืออ่านหน้าที่พลเมือง สำหรับชั้นมัธยมต้น. พระนคร : โรงพิมพ์อักษรนิติ, 2480.
- หนังสือที่ระลึกธรรมศาสตร์บัณฑิต คณะบัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง. พระนคร: โรงพิมพ์ไทยเขษม, 2482.
- อนุสรณ์ นางสมจิต กาญจนพังคะ. พิมพ์เนื่องในงานฌาปนกิจศพ ณ เมรุวัดหัวลำโพง 24 ธันวาคม 2493. สำนักพิมพ์ ส. ปรีชา., 2493.