ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
บทบาท-ผลงาน

สุนทรพจน์ของรู้ธ และพิธีสวนสนามของขบวนการเสรีไทย ในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2488

25
กันยายน
2567

“ข้าพเจ้าถือว่าขบวนการเสรีไทยเป็นแต่เพียงกองหน้า (Vanguard) ของปวงชนชาวไทยผู้รักชาติเท่านั้น…ผู้ที่ได้ร่วมงานกับข้าพเจ้าคราวนี้ ถือว่าทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้ชาติ มิได้ถือว่าเป็นผู้กู้ชาติ การกู้ชาติเป็นการกระทำของคนไทยทั้งปวง

ซึ่งแม้ผู้ที่จะไม่ได้ร่วมในองค์การนี้โดยตรง ก็ยังมีอีกประมาณ 17 ล้านคนที่ได้กระทำโดยอิสระของตนในการต่อต้านด้วยวิธีทางที่เขาเหล่านั้นสามารถทำได้หรือเอากำลังใจช่วยขับไล่ให้ญี่ปุ่นพ้นไปจากประเทศไทยโดยเร็วก็มี…”

ปรีดี พนมยงค์

ใน สุนทรพจน์ของรู้ธ หรือคำปราศรัยของนายปรีดี พนมยงค์

ต่อผู้แทนพลพรรค, 25 กันยายน 2488

 


ปรีดี​ พนม​ยงค์​ ผู้​สำเร็จ​ราชการ​แทน​พระองค์​ และหัวหน้า​ขบวนการ​เสรีไทยในประเทศ​ รับความเคารพ​จากขบวนสวนสนามเสรีไทย​ วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2488 เบื้องหลังมี ม.ร.ว.เสนีย์​ ปราโมช​ นายกรัฐมนตรี​ และหัวหน้า​เสรีไทย​สายอเมริกา​ พล.ต.อ. อดุล​ อดุล​เดช​จรัส​  พล.ท.ชิต มั่น​ศิลป์​ สินาดโยธา​รักษ์​ และ พล.ร.อ.สินธุ์​ กมล​นาวิน​ ร.น.

 

ภายหลังการประกาศสันติภาพเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ในบริบทการเมืองโดยนายปรีดี พนมยงค์ ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในรัฐบาลพลเรือนโดยในช่วงแรกมีนายทวี บุณยเกตุ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ 17 วัน และต่อมาทาง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกาจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2488 โดยภารกิจสำคัญหลังสงครามของนายปรีดี หัวหน้าเสรีไทยในประเทศ และพลพรรคเสรีไทยคือ การสวนสนามของพลพรรคเสรีไทยราว 8,000 คน บนถนนราชดำเนินกลาง ในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2488 ซึ่งการสวนสนามผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินนั้นมีนายปรีดีในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ และหัวหน้าขบวนการเสรีไทยในประเทศ เป็นประธานฯ พิธีการสวนสนามมีพลพรรคเสรีไทยมีจุดมุ่งหมาย 2 ประการ

ประการที่หนึ่ง เพื่อให้สหประชาชาติรับทราบว่า อาวุธที่ส่งมอบให้แก่เสรีไทยในช่วงปฏิบัติการยังมีอยู่ครบถ้วน

ประการที่สอง เพื่อให้เห็นว่าพลพรรคเสรีไทยพร้อมที่จะต่อสู้กับข้าศึกถ้าจำเป็นทั้งเป็นการประกาศต่อสากลว่าประเทศไทยยังสามารถดำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชสมบูรณ์มิได้ถูกยึดครองและถูกปลดอาวุธอย่างผู้แพ้สงคราม ภายหลังการสวนสนามอาวุธยุทธภัณฑ์ของเสรีไทยได้นำมาเก็บไว้ในกรมสรรพาวุธทหารบกให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน

ดังนั้น พิธีสวนสนามที่มาพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายสัมพันธมิตรครั้งนี้จึงเป็นการแสดงออกให้ประชาคมโลกเห็นว่าประเทศไทยมีเอกราชสมบูรณ์ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเจรจาต่อรองทางการเมืองระหว่างประเทศและจากการประกาศว่าสงครามของรัฐบาลไทยต่อสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่นั้นเป็นโมฆะ

 


วันสวนสนามของพลพรรคเสรีไทย 25 กันยายน 2488

 


ภาพสตรีสมาชิกเสรีไทยเข้าร่วมการสวนสนามของพลพรรคเสรีไทย

 

บรรยากาศในวันสวนสนามฯ ได้ถูกบันทึกไว้โดยช่างถ่ายภาพยนตร์ของฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนอกจากภาพพิธีทางการของสมาชิกเสรีไทยซึ่งปรากฏภาพผู้เข้าร่วมเป็นประชาชนทั้งชาย-หญิง นักเรียน นิสิตนักศึกษา กรรมกร และพ่อค้าหลายวัย หลากอาชีพอยู่นั่งอยู่รอบถนนราชดำเนินกลางที่ให้ความสนใจและยินดีกับพลพรรคเสรีไทยเป็นจำนวนมาก

 


ภาพการสวนสนามของพลพรรคเสรีไทย

ความหลากหลายของขบวนการเสรีไทยทั้งประชาชน เพศ และอาชีพแล้วในส่วนของฝ่ายนักศึกษานอกจากมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองที่เสรีไทยใช้พื้นที่บางส่วนในการปฏิบัติการเสรีไทยแล้วในปี 2488 ยังมีการจัดตั้งสมาชิกเสรีไทยที่เป็นนิสิตจุฬาฯ ขึ้นโดยนิสิตกลุ่มนี้ได้เข้าร่วมการสวนสนามฯ ด้วยในฐานะนักเรียนนายทหารสารวัตรหรือเตรียมพลนิสิตจุฬาฯ ภายใต้โรงเรียนนายทหารสารวัตรที่ริเริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2488 โดยพลเรือตรี สังวร สุวรรณชีพ สมาชิกเสรีไทย ได้เข้าปรึกษาหารือกับนายปรีดี พนมยงค์ ว่าขบวนการเสรีไทยต้องมีหน่วยทหารลับพร้อมรบแบบสงครามกองโจร (Gurrilla War-fare) ที่มีการรบทั้งในป่าและในเมืองรวมถึงใช้อาวุธทันสมัยเพื่อใช้ดำเนินงานผลักดันกองทัพญี่ปุ่นออกไปจากประเทศไทย ประกอบกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในเวลานั้นยุติการเรียนการสอนชั่วคราวเพราะภัยสงคราม พลเรือตรี สังวรจึงเสนอว่านิสิตชายจุฬาฯ พร้อมและเหมาะสมเข้ารับการฝึกเนื่องจากเป็นยุวชนทหารมาแล้ว

เมื่อปรีดีเห็นด้วยกับข้อเสนอทางพลเรือตรี สังวรจึงขอเข้าพบหม่อมเจ้ารัชฎาภิเศก โสณกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผู้ได้อนุญาตให้นิสิตไปช่วยราชการในยามสงครามได้หากให้เป็นไปด้วยความสมัครใจและมีการเรียกนิสิตชายราว 400 คน เข้าประชุมด่วนและปิดลับในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2488 เวลา 10.00 น. ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งมีผู้ผ่านการคัดเลือก จำนวน 298 คน แบ่งออกเป็น 2 หน่วย คือ หน่วยรบ 273 คน และหน่วยสื่อสาร 25 คน และหม่อมเจ้ารัชฎาภิเศกยังได้อนุมัติเงินรายได้ของจุฬาฯ สมทบจ่ายเป็นเบี้ยเลี้ยงแก่นิสิตในระหว่างปฏิบัติราชการลับครั้งนี้ด้วย

 


สงวน ตุลารักษ์

 

นายสงวน ตุลารักษ์ หนึ่งในสมาชิกเสรีไทยคนสำคัญเล่าว่า เมื่อการสวนสนามของพลพรรคเสรีไทยจบลงแล้วในช่วงเย็นของวันนั้น นายปรีดี พนมยงค์ ที่มีนามแฝงในขบวนการเสรีไทยว่า “รู้ธ” ได้เชิญผู้แทนพลพรรคเสรีไทยทุกหน่วยไปร่วมสโมสร ณ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และนายปรีดีได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้แทนพลพรรคเสรีไทยฯ ซึ่งได้มีการกล่าวสุนทรพจน์เป็นครั้งแรกและเป็นสุนทรพจน์ที่มีความสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ขบวนการเสรีไทยไว้ดังต่อไปนี้

 

สุนทรพจน์ของ “รู้ธ” ในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2488

 


ภาพของปรีดี พนมยงค์ ในการสวนสนามของพลพรรคเสรีไทย

 

สรุปสุนทรพจน์ของรู้ธ หรือ ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 8 และหัวหน้าขบวนการเสรีไทยในประเทศ ในงานสโมสรภายหลังการสวนสนามของพลพรรคเสรีไทย ณ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2488 แสดงให้เห็นทัศนะเรื่องขบวนการเสรีไทยของนายปรีดี 3 ประการสำคัญได้แก่

ประการที่หนึ่ง จุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของขบวนการเสรีไทยนั้นมีเจตนาอันบริสุทธิ์ และปรีดีถือหลักเป็นคติในการรับใช้ชาติครั้งนี้ว่า เรามุ่งจะทำหน้าที่ในฐานะที่เราเกิดมาเป็นคนไทย ซึ่งจะต้องสนองคุณชาติ เราทั้งหลายไม่ได้มุ่งหวังทวงเอาตำแหน่งในราชการมาเป็นรางวัลตอบแทน ทั้งได้กล่าวย้ำถึง การกระทำคราวนี้มิได้ก่อตั้งเป็นคณะหรือพรรคการเมือง แต่เป็นการร่วมงานกันประกอบกิจ เพื่อให้ประเทศชาติได้กลับสู่สถานะก่อนวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484

นายปรีดียังระบุชัดเจนว่า วัตถุประสงค์ของเราที่ทำงานคราวนี้มีจำกัดดังกล่าวแล้วและมีเงื่อนเวลาสุดสิ้น กล่าวคือ เมื่อสภาพการณ์เรียบร้อยลงแล้ว องค์การเหล่านี้ก็จะเลิกและสิ่งซึ่งจะเหลืออยู่ในความทรงจำของเราทั้งหลาย ก็คือ มิตรภาพอันดีในทางส่วนตัวที่เราได้ร่วมรับใช้ชาติด้วยกันมา

ประการที่สอง สถานะของสมาชิกเสรีไทยคือผู้รับใช้ชาติ นายปรีดีกล่าวถึงประเด็นนี้ไว้อย่างแยบคายเพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าประชาชนและสมาชิกเสรีไทยมีความสำคัญเท่าเทียมกันในการช่วยต่อต้านฝ่ายอักษะจนนำมาสู่การประกาศสันติภาพได้

ผู้ที่ได้ร่วมงานกับข้าพเจ้าคราวนี้ถือว่าทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้ชาติ มิได้ถือว่าเป็นผู้กู้ชาติ การกู้ชาติเป็นการกระทำของคนไทยทั้งปวง ซึ่งแม้ผู้ไม่ได้ร่วมในองค์การนี้โดยตรง ก็ยังมีอีกประมาณ 17 ล้านคนที่ได้กระทำโดยอิสระของตนในการต่อต้านด้วยวิถีทางที่เขาเหล่านั้น สามารถจะทำได้หรือเอากำลังใจช่วยขับไล่ให้ญี่ปุ่นพ้นไปจากประเทศไทยโดยเร็วก็มี หรือแม้แต่คนไทยที่นิ่งอยู่โดยไม่ทำการขัดขวางผู้ต่อต้านญี่ปุ่นหรือผู้รับใช้ชาติ ซึ่งเท่ากับเปิดโอกาสให้ผู้รับใช้ชาติทำการได้สะดวก ฯลฯ เป็นต้น คนไทยทั้งปวงเหล่านี้ทุกคนร่วมกันทำการกู้ชาติของตนด้วยกันทั้งสิ้น

ประการที่สาม นายปรีดีขอบคุณบุคคลผู้ที่มีความสำคัญและแสดงความเสียใจต่อผู้ที่จากไปจากการปฏิบัติภารกิจในขบวนการเสรีไทย สุนทรพจน์ช่วงท้ายนี้สะท้อนทัศนะของนายปรีดีที่ให้เกียรติบุคคลที่ร่วมงานและเคารพต่อผู้ที่เสียชีวิตโดยระบุชื่อบุคคลสำคัญไว้อย่างละเอียด

ในส่วนผู้ร่วมงานกับข้าพเจ้าในการรับใช้ชาติ ข้าพเจ้าขอขอบใจหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และขอบใจคนไทยในสหรัฐอเมริกา คนไทยในอังกฤษ คนไทยในจักรภพของอังกฤษ และคนไทยในประเทศจีน ผู้ที่ได้ช่วยเหลือกิจการอยู่ในต่างประเทศ

ส่วนภายในประเทศข้าพเจ้าขอขอบใจหัวหน้าผู้ใหญ่ในกองบัญชาการ คือ นายทวี บุณยเกตุ  นายพลตำรวจเอก อดุล อดุลเดชจรัส  พลเรือตรี สังวร สุวรรณชีพ  นายดิเรก ชัยนาม  พลโท สินาด สินาดโยธารักษ์  นาวาเอก หลวงศุภชลาศัย ซึ่งได้เป็นหัวหน้าบัญชาการในการต่อต้านให้ดำเนินไปด้วยดี ข้าพเจ้าขอขอบใจหัวหน้ารองและผู้ที่ประจำในกองบัญชาการ ขอบใจหัวหน้าพลพรรคและพลพรรคอื่นทั้งหลาย ซึ่งถ้าจะระบุนามในที่นี้ก็จะเป็นการยืดยาว การกระทำของท่านเหล่านี้จะปรากฏอยู่ในสมุดที่ระลึกซึ่งข้าพเจ้าจะสั่งให้รวบรวมขึ้น…

ในงานปฏิบัติหน้าที่คราวนี้ ได้มีสหายของเราเสียชีวิตไปหลายคน อาทิ พระองค์เจ้าจีระศักดิ์ฯ  นายจำกัด พลางกูร  นายสมพงศ์  ศัลยพงศ์  นายการะเวก ศรีวิจารณ์  และพลพรรคอื่นอีกหลายคนซึ่งหัวหน้าพลพรรคกำลังสำรวจรายนามขอให้สหายทุกคน ซึ่งอยู่ ณ ที่นี้ตั้งจิตอธิษฐานให้วิญญาณของผู้ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วในงานนี้จงอยู่ โดยผาสุกในสัมปรายภพ…”

สุนทรพจน์ของรู้ธสะท้อนให้เห็นแนวคิดเสรีภาพของนายปรีดีเกิดมาจากความร่วมมือของรัฐบาลใหม่ และสมาชิกขบวนการเสรีไทยเดิมผลักดัน ช่วยเหลือ เจรจาต่อรองด้วยความอดทนและเท่าทันเกมการเมืองระหว่างประเทศ โดยในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2488 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์มีใจความว่า การเจรจาระหว่างรัฐบาลอังกฤษและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเรื่องข้อตกลงระหว่างไทยกับอังกฤษนั้นเสร็จสิ้นลงแล้ว ม.ร.ว.เสนีย์จึงเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อใหนาย้เสริม วินิจฉัยกุล หนึ่งในคณะเจรจาฯ เดินทางไปเซ็นความตกลงสมบูรณ์แบบกับอังกฤษ ณ ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2489

ต่อมาในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2489 ได้มีการประกาศการยกเลิกสถานะสงครามระหว่างประเทศไทยกับบริเตนใหญ่และประเทศอินเดีย และในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2489 กองทหารของอังกฤษได้จัดพิธีสวนสนามฯ ขึ้นและกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธานในพิธีฯ ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมี ลอร์ด หลุยส์ เมานท์แบทเตน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสัมพันธมิตรภาคเอเชียอาคเนย์เดินทางมาร่วมในพิธีสวนสนามฯ ด้วยจะเห็นได้ว่าสันติภาพของประชาชนไทยนอกจากจะได้มาด้วยการต่อสู้แล้วยังมาจากความร่วมมือสมานฉันท์ และสามัคคีของทั้งผู้ปกครองและประชาชนโดยหัวใจของความสำเร็จนี้ตั้งอยู่บนฐานคิดเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งมวล ดังในสุนทรพจน์ของ ‘รู้ธ’ ซึ่งกล่าวไว้เมื่อ 79 ปีที่ผ่านมา

 

ภาคผนวก

 

 

สุนทรพจน์ของรู้ธ

สหายทั้งหลาย

ข้าพเจ้าเชิญท่านมาร่วมสโมสรในวันนี้ ไม่ใช่ในฐานะตำแหน่งราชการของข้าพเจ้าหรือของท่าน ข้าพเจ้าเชิญท่านมาในฐานะสหายที่ได้ร่วมกันรับใช้ประเทศ ข้าพเจ้าจักต้องขออภัยสหายอื่นอีกมากมายที่ข้าพเจ้าไม่สามารถเชิญท่านมาในคราวเดียวกันพร้อมกันได้หมดเนื่องด้วยสถานที่คับแคบเกินกว่าจำนวน ฉะนั้น จึงขอร้องท่านทั้งหลายช่วยติดต่อไปยังสหายตามหมวดหมู่ต่างๆ ให้ทราบถึงปรารภของข้าพเจ้าในวันนี้โดยทั่วกันด้วย

ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะแสดงเปิดเผยในนามของสหายทั้งหลายถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ ซึ่งเราทั้งหลายได้ถือหลักเป็นคติในการรับใช้ชาติครั้งนี้ว่า เรามุ่งจะทำหน้าที่ในฐานะที่เราเกิดมาเป็นคนไทย ซึ่งจะต้องสนองคุณชาติ  เราทั้งหลายไม่ได้มุ่งหวังทวงเอาตำแหน่งในราชการมาเป็นรางวัลตอบแทน  การกระทำทั้งหลายไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ของบุคคลหรือหมู่คณะใด แต่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งมวล

 การกระทำคราวนี้มิได้ก่อตั้งเป็นคณะหรือพรรคการเมือง แต่เป็นการร่วมงานกันประกอบกิจ เพื่อให้ประเทศชาติได้กลับสู่สถานะก่อนวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 แม้ว่าการดำเนินงานจะได้จัดให้มีองค์การบริหารคือ กองบัญชาการสำนักงานหรือสาขาใด ๆ ขึ้น ก็เพื่อความจำเป็นที่จะให้งานนี้ได้มีระเบียบอันนำมาซึ่งวินัยและสมรรถภาพ สมาคมซึ่งมีสมาชิกน้อยกว่าผู้ร่วมงานคราวนี้ต้องมีกรรมการฉันใดผู้ร่วมงาน คราวนี้ซึ่งมีจำนวนมากก็ยิ่งจำต้องมีองค์การบัญชาการฉันนั้น เมื่อองค์การในการรับใช้ชาติจำเป็นต้องมีขึ้นดังกล่าวแล้ว ก็จำเป็นจะต้องมีนามสำหรับในการนี้ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชนชาวไทยอยู่ในต่างประเทศได้รับความรับรอง ตลอดมา ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกองค์การและผู้ร่วมงานในต่างประเทศว่า “เสรีไทย” เพราะเวลานั้นต่างประเทศเข้าใจว่า ประเทศไทยอยู่ภายใต้ครอบครองของญี่ปุ่น เสรีไทยไม่ใช่ผู้ที่อยู่ใต้ครอบครอบของญี่ปุ่น ความหมาย ก็คือ ไทยที่เป็นเสรี ไทยทั้งหลายที่ต้องการให้ประเทศของตนเป็นอิสระ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ต่างประเทศรับรองการกระทำของผู้ที่อยู่ในต่างประเทศ หาใช่เป็นคณะหรือพรรคการเมืองไม่

ส่วนองค์การต่อต้านภายในประเทศนั้น ในชั้นเดิมไม่มีชื่อเรียกองค์การว่าอย่างไร การชักชวนให้ร่วมงานตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2484 เป็นต้นมา ก็ชักชวนเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นให้พ้นประเทศ และเมื่อองค์การภายในและภายนอกนี้มีชื่อว่า Free Siamese Movement หรือขบวนการเสรีไทยเป็นนามสมญาที่ควรยอมรับ ข้าพเจ้าก็ได้ถือเอานามนี้โต้ตอบกับต่างประเทศโดยใช้นามองค์การว่า องค์การขบวนเสรีไทย ซึ่งเราทั้งหลายก็จะเห็นได้ชัดอีกว่าไม่ใช่เรื่องคณะพรรคการเมือง

วัตถุประสงค์ของเราที่ทำงานคราวนี้มีจำกัดดังกล่าวแล้วและมีเงื่อนเวลาสุดสิ้น กล่าวคือ เมื่อสภาพการเรียบร้อยลงแล้ว องค์การเหล่านี้ก็จะเลิก และสิ่งซึ่งจะเหลืออยู่ในความทรงจำของเราทั้งหลาย ก็คือ มิตรภาพอันดีในทางส่วนตัวที่เราได้ร่วมรับใช้ชาติด้วยกันมา โดยปราศจากความคิดที่จะเปลี่ยนสภาพองค์การเหล่านี้ให้เป็นคณะหรือพรรคการเมือง และเพราะเหตุที่การกระทำคราวนี้เป็นการสนองคุณชาติ ผู้ใดจะรับราชการในตำแหน่งใดหรือไม่นั้นจึงต้องเป็นไปตามความสามารถตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนเหมือนดังคนไทยอื่นทั้งหลาย  เราพึงพอใจด้วยความระลึกและด้วยความภาคภูมิใจว่า เราได้ปฏิบัติหน้าที่ที่เกิดมาเป็นคนไทย  จริงอยู่ ในระหว่างที่สะสางให้สภาพของประเทศกลับเข้าสู่ฐานะเดิม ได้มีผู้ร่วมงานคราวนี้บางคนรับตำแหน่งในราชการ แต่ทั้งนี้ขอให้เข้าใจว่า บุคคลเหล่านั้นเข้ารับหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายโดยพระบรมราชโองการให้ปฏิบัติ หรือนัยหนึ่งเป็นการปฎิบัติตามคำสั่ง เพื่อจัดการเรื่องที่เกี่ยวพันอยู่กับนานาประเทศให้เสร็จสิ้นไปเท่านั้น หาใช่เป็นการเอาตำแหน่งราชการมาเป็นรางวัลไม่

ผู้ที่ได้ร่วมงานกับข้าพเจ้าคราวนี้ถือว่าทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้ชาติ มิได้ถือว่าเป็นผู้กู้ชาติ การกู้ชาติเป็นการกระทำของคนไทยทั้งปวง ซึ่งแม้ผู้ไม่ได้ร่วมในองค์การนี้โดยตรง ก็ยังมีอีกประมาณ 17 ล้านคนที่ได้กระทำโดยอิสระของตนในการต่อต้านด้วยวิถีทางที่เขาเหล่านั้น สามารถจะทำได้หรือเอากำลังใจช่วยขับไล่ให้ญี่ปุ่นพ้นไปจากประเทศไทยโดยเร็วก็มี หรือแม้แต่คนไทยที่นิ่งอยู่โดยไม่ทำการขัดขวางผู้ต่อต้านญี่ปุ่นหรือผู้รับใช้ชาติ ซึ่งเท่ากับเปิดโอกาสให้ผู้รับใช้ชาติทำการได้สะดวก ฯลฯ เป็นต้น  คนไทยทั้งปวงเหล่านี้ทุกคนร่วมกันทำการกู้ชาติของตนด้วยกันทั้งสิ้น  ส่วนผู้ที่คอยขัดขวางการต่อต้านของผู้รับใช้ชาติจะเป็นโดยทางกาย ทางวาจา หรือทางใจนั้นก็มีบ้างเล็กน้อยเป็นธรรมดา แต่เขาเหล่านั้นในทางพฤตินัย ไม่ใช่คนไทย เพราะการกระทำของเขาเหล่านั้น ไม่ใช่การกระทำของคนที่เป็นไทย เขามีสัญชาติไทยแต่เพียงโดยนิตินัย คือ เป็นคนไทยเพราะกฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น

 ข้าพเจ้าจึงกล่าวได้ในนามของสหายทั้งหลายว่า ราษฎรทั้งปวงประมาณ 17 ล้านคน ที่เป็นคนไทยทั้งโดยทางนิตินัยและพฤตินัยนั้นเอง เป็นผู้กู้ชาติไทย ฉะนั้น ผู้ซึ่งข้าพเจ้าจะต้องขอขอบคุณอย่างสูงยิ่งก่อนอื่น ก็คือ คนไทยทั้งปวงนี้

ในส่วนผู้ร่วมงานกับข้าพเจ้าในการรับใช้ชาติ ข้าพเจ้าขอขอบใจหม่อมราชวงศ์เสนีย์  ปราโมช และขอบใจคนไทยในสหรัฐอเมริกา  คนไทยในอังกฤษ คนไทยในจักรภพของอังกฤษ และคนไทยในประเทศจีน ผู้ที่ได้ช่วยเหลือกิจการอยู่ในต่างประเทศ

ส่วนภายในประเทศข้าพเจ้าขอขอบใจหัวหน้าผู้ใหญ่ในกองบัญชาการ คือ นายทวี บุณยเกตุ  นายพลตำรวจเอก อดุล อดุลเดชจรัส  พลเรือตรีสังวร สุวรรณชีพ  นายดิเรก ชัยนาม  พลโท สินาด สินาดโยธารักษ์  นาวาเอก หลวงศุภชลาศัย ซึ่งได้เป็นหัวหน้าบัญชาการในการต่อต้านให้ดำเนินไปด้วยดี  ข้าพเจ้าขอขอบใจหัวหน้ารองและผู้ที่ประจำในกองบัญชาการ  ขอบใจหัวหน้าพลพรรคและพลพรรคอื่นทั้งหลาย ซึ่งถ้าจะระบุนามในที่นี้ก็จะเป็นการยืดยาว  การกระทำของท่านเหล่านี้จะปรากฏอยู่ในสมุดที่ระลึกซึ่งข้าพเจ้าจะสั่งให้รวบรวมขึ้น ข้าพเจ้าขอขอบใจทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจ ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกับข้าพเจ้าในงานรับใช้ชาติคราวนี้โดยทั่วกัน

ในงานปฏิบัติหน้าที่คราวนี้ ได้มีสหายของเราเสียชีวิตไปหลายคน อาทิ พระองค์เจ้าจีระศักดิ์ฯ นายจำกัด พลางกูร  นายสมพงศ์  ศัลยพงศ์  นายการะเวก  ศรีวิจารณ์  และพลพรรคอื่นอีกหลายคนซึ่งหัวหน้าพลพรรคกำลังสำรวจรายนามขอให้สหายทุกคน ซึ่งอยู่ ณ ที่นี้ตั้งจิตอธิษฐานให้วิญญาณของผู้ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วในงานนี้จงอยู่ โดยผาสุกในสัมปรายภพ

ในที่สุดนี้ ขอให้สหายทั้งหลายจงพร้อมใจกันเปล่งเสียงไชโย เพื่อสดุดีคนไทยทั้งปวง โดยขอให้คนไทยทั้งปวงเสวยความสุขเกษมสำราญในสันติภาพอันถาวรและอวยพรให้ชาติไทยตั้งมั่นเป็นเอกราชอยู่ชั่วกัลปวสาน

 

 

หมายเหตุ : 

  • ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และสถาบันปรีดี พนมยงค์ 

 

บรรณานุกรม

เอกสารชั้นต้น :

  • ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศตั้งซ่อมคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2484, เล่มที่ 58, หน้า 1821-1823.
  • ราชกิจจานุเบกษา, แถลงการณ์ เรื่อง การยกเลิกสถานะสงครามระหว่างประเทศไทยกับบริเตนใหญ่และประเทศอินเดีย และแถลงการณ์. ประกาศ ณ วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2489. เล่มที่ 63 ตอนที่ 4 ก., หน้า 15-46.

 

หนังสืออนุสรณ์งานศพ :

  • ปรีดี พนมยงค์. คำปราศรัย สุนทรพจน์บางเรื่องของนายปรีดี พนมยงค์ และบางเรื่องเกี่ยวกับขบวนการเสรีไทย ใน อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ร.ท. อู๊ต นิตยสุทธิ ต.ช.ต.ม. อดีตผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา ณ ฌาปนสถาน วัดใหม่อัมพร อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา 20 เมษายน 2517. ม.ป.ท.: สหประชาพาณิชย์ (แผนกการพิมพ์), 2517.
  • ปรีดี พนมยงค์. สุนทรพจน์ของ “รู้ธ” ใน อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายสงวน ตุลารักษ์ ณ เมรุวัดธาตุทอง วันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2538. ม.ป.ท.: ม.ป.พ., 2538.
  • อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือตรี หลวงสังวรยุทธกิจ ท.ช., ป.ม. (สังวร สุวรรณชีพ). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชวนพิมพ์, 2516.

 

หนังสือภาษาไทย :

  • กนต์ธีร์ ศุภมงคล, การวิเทโศบายของไทย, (กรุงเทพฯ: คณะอนุกรรมการเอกสารและหนังสือที่ระลึกในคณะกรรมการกึ่งศตวรรษธรรมศาสตร์, 2527)
  • นายฉันทนา, X.O. Group เรื่องภายในขบวนการเสรีไทย พิมพ์ครั้งที่ 3, (กรุงเทพฯ: เชษฐบุรุษ, 2522)
  • ปรีดี พนมยงค์, เบื้องหลังการก่อตั้งขบวนการเสรีไทย, (กรุงเทพฯ: สันติธรรม, 2516)
  • ปรีดี พนมยงค์, โมฆสงคราม บันทึกสัจจะประวัติศาสตร์ที่ยังไม่เคยเปิดเผยของรัฐบุรุษอาวุโส, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิปรีดี พนมยงค์, 2558)
  • วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ บรรณาธิการ, เสรีไทย : อุดมการณ์ที่ไม่ตาย, (คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดทำหนังสือที่ระลึก คณะกรรมการดำเนินงานเปิดอาคารเสรีไทยอนุสรณ์, 2546)
  • วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร, ตำนานเสรีไทย, (กรุงเทพฯ: แสงดาว, 2546)

 

สื่ออิเล็กทรอนิกส์ :

  • กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม. (25 มีนาคม 2565). กำเนิด “เสรีไทยสายนิสิตจุฬาฯ” หน่วยอาสากว่า 300 คน ทำเพื่อเอกราช-อธิปไตยไทย.  https://www.silpa-mag.com/history/article_54144, เข้าถึงเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567
  • ฉัตรทิพย์ นาถสุภา. (7 ธันวาคม 2564). ประวัติศาสตร์ขบวนการเสรีไทยในสงครามโลกครั้งที่ 2. https://pridi.or.th/th/content/2021/12/914, เข้าถึงเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567
  • นรนิติ เศรษฐบุตร. 25 กันยายน พ.ศ. 2488. http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=25_%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2488, เข้าถึงเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567
  • ปรีดี พนมยงค์. (25 กันยายน 2563). สุนทรพจน์ของรู้ธ. https://pridi.or.th/th/content/2020/09/431, เข้าถึงเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567
  • สถาบันปรีดี พนมยงค์. (5 สิงหาคม 2563). สงวน ตุลารักษ์ : ผู้ประสานงานรอบทิศของขบวนการเสรีไทย. https://pridi.or.th/th/content/2020/08/368, เข้าถึงเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567
  • หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน). (2563). การสวนสนามของกองกำลังเสรีไทย. https://www.youtube.com/watch?v=qLiOfUqBaN0 , เข้าถึงเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567
  • อนุสรณ์ ธรรมใจ. (7 พฤษภาคม 2563). ภารกิจเพื่อสันติภาพและเอกราชของขบวนการเสรีไทย. https://pridi.or.th/th/content/2020/05/243, เข้าถึงเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567