ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
บทสัมภาษณ์

ลาวัณย์ อุปอินทร์ เล่าถึงคุณพ่อ พลเรือโทศรี ดาวราย สมาชิกคณะราษฎร และชีวิตในฐานะศิลปินหญิงเพื่อสันติภาพ และความเป็นธรรม

21
มกราคม
2568
 

<

 

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

สวัสดีผู้ชมทุกท่าน กลับมาพบกันในรายการ PRIDI Interview กันอีกครั้ง ในวันนี้เราอยากชวนทุกท่านมาคุยกันเนื่องในวาระ 121 ปี ชาตกาล พลเรือโท ศรี ดาวราย (พ.ศ. 2567) หนึ่งในสมาชิกคณะราษฎรสายทหารเรือเป็นหนึ่งคนที่มีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งหนึ่งคนที่มาร่วมพูดคุยและให้เกียรติเรามาตอบคำถามในวันนี้ คือบุตรสาวของพลเรือโทศรี ดาวราย ขอต้อนรับและสวัสดีอาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์

ก่อนจะเข้าสู่การสนทนาอยากจะแนะนำถึงอาจารย์ลาวัณย์ นอกจากจะเป็นบุตรสาวของท่านพลเรือโทศรี ดาวราย อาจารย์ลาวัณย์ ก็เป็นศิลปินแห่งชาติ แล้วก็เป็นศิลปินอีกคนที่มีคุณูปการต่อวงการศิลปะไทยมาก รวมถึงมีผลงานวาดภาพอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ แล้วก็บุตรของท่านทั้ง 3 ท่าน นอกจากนี้ยังมีผลงานที่วาดถึงบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย

ก่อนอื่นอยากให้อาจารย์ลาวัณย์เล่าถึงคุณพ่อค่ะ คุณพ่อที่เราจำได้ในความทรงจำ ท่านทำงานอะไรบ้าง และมีอุปนิสัยกับลักษณะเป็นอย่างไร

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ไม่ค่อยจะสนิทกับคุณพ่อเลย ไม่ค่อยมีโอกาสพบพูดคุยกันเลย ขนาดมีคนถาม คุณพ่อยังไม่รู้เลย คือ ดิฉันออกรายการทีวี แล้วมีคนเขาถามว่า คนที่นามสกุลดาวรายเป็นลูกสะใภ้ใช่ไหม คุณพ่อบอกเป็นลูก แต่ก็ไม่เคยดูทีวี มีคนเขามาบอกถึงได้มาดูทีวีด้วย

 

พลเรือโทศรี ดาวราย และ ม.ร.ว. อบลออ ดาวราย
ที่มา: หนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว. อบลออ ดาวราย
 

รูปครอบครัวดาวราย
ที่มา: หนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว. อบลออ ดาวราย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด : 

ก็แปลว่าในช่วงชีวิต ตอนช่วงที่เราเป็นวัยรุ่น หรือตอนทำงานก็อาจจะไม่ได้คุยกับคุณพ่อมากนัก บทบาทการทำงานของเราเองคุณพ่อก็อาจจะไม่ได้รับทราบสักเท่าไร

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

คุณพ่อก็มีงานของคุณพ่อเองตลอดเวลาจนแทบไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับลูกเลย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อยากให้อาจารย์เล่าให้ฟังหน่อยว่า คุณพ่อเป็นทหารเรือด้วยใช่ไหมคะ ตอนที่เป็นทหารเรือคุณพ่อมีต้องไปประจำการที่ไหนหรือว่าต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ หรือไปเรียนที่ไหนหรือเปล่าคะ

 

สมัยพลเรือโทศรี ดาวราย เป็นเจ้ากรมอู่ทหารเรือ
ที่มา: หนังสืองานพระราชเพลิงศพ พลเรือโทศรี ดาวราย

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

คุณพ่อเป็นเจ้ากรมอู่อยู่ที่ทหารเรือ แล้วก็ไปเรียนต่อที่ประเทศอิตาลี 17 ปี คือตอนนั้นเป็นช่วงที่ดิฉันยังเด็ก ๆ อยู่ ก็กลับมาถึงคนเขาถามว่าดิฉันเป็นใครว่านามสกุลดาวรายเป็นลูกสะใภ้หรือ ดิฉันถึงได้บอกว่าเป็นลูก ถึงได้มีโอกาสพูดคุยกัน

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อยากให้อาจารย์ขยายเพิ่มนิดหนึ่ง อย่างตอนที่บอกว่าช่วงอาจารย์เล็ก ๆ คุณพ่อไปต่างประเทศ ตอนนั้นไปทำอะไรที่ประเทศไหน

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

คุณพ่อไปเรียนต่อเรือที่ประเทศอิตาลี ไปช่วงที่ดิฉันยังเด็ก ๆ อยู่ ก็เลยไม่มีโอกาสได้สนิทสนมกับคุณพ่อเลย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วอย่างฝีมือ หรือความตั้งใจ ทางด้านคุณพ่อในการเป็นทหารเรือมีผลงานอะไรเด่น ๆ บ้าง

 

พลเรือโทศรี ดาวราย บนเรือหลวงเจ้าพระยา เมษายน พ.ศ. 2468
ที่มา: หนังสืองานพระราชเพลิงศพ พลเรือโทศรี ดาวราย

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

คุณพ่อเป็นคนต่อเรือรบหลวงคนแรกและคนเดียวในประเทศไทย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ตอนนั้นช่วงประมาณปีไหน ที่คุณพ่อมีผลงานเด่น ๆ

 

พลเรือโทศรี ดาวราย กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน เมื่อ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2460
ที่มา: หนังสืองานพระราชเพลิงศพ พลเรือโทศรี ดาวราย

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ก็ พ.ศ. 2500 ได้ไหม อาจจะยังไม่ถึง พ.ศ. 2400 กว่า

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แต่ช่วงที่ว่าคุณพ่อมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ก็จะเป็นช่วงก่อนหน้าอาจารย์เกิดเลยใช่ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ดิฉันเกิด พ.ศ. 2478 เพิ่งเกิดไม่นาน

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ในครอบครัวคุณพ่อเคยเล่าให้ฟังไหม เกี่ยวกับเรื่องของการไปปฏิบัติหน้าที่ หรือเป็นส่วนหนึ่งของคณะราษฎรช่วง พ.ศ. 2475 มีเล่าให้คนในครอบครัวฟัง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ไม่มีเลย คือ คุณพ่อเป็นคนค่อนข้างเฉย ๆ มีอะไรก็ไม่ค่อยเล่า เฉพาะอย่างยิ่งลูกผู้หญิง คุณพ่อจะไม่สนใจก็เลยไม่มีโอกาสพูดคุยไม่กันเลย คือไม่สนิทกันเลย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เหมือนก่อนหน้านี้เคยสัมภาษณ์ท่านหนึ่งก็จะมีประมาณนี้เหมือนกันว่า เวลาเป็นบุคคลที่ขับเคลื่อนทางการเมือง เขาก็จะไม่ค่อยเล่าเรื่องราวให้กับคนในครอบครัวฟัง เหมือนมีการไปปฏิบัติการเมืองก็จะไม่ค่อยได้แชร์ ได้ฟัง

 

ภาพอาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ สมัยเป็นครู
ที่มา: หนังสือ "ชีวิต และ ผลงาน ลาวัณย์ อุปอินทร์"

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

งั้นอยากให้อาจารย์เล่าให้ฟังนิดหนึ่ง อย่างช่วงวัยเด็กเห็นบอกว่าโตมา เราก็จะมีความทะมัดทะแมงหน่อย เพราะว่าพี่น้องก็มีเป็นผู้ชายด้วยใช่ไหม ญาติหลานคนอื่น ๆ ก็เป็นผู้ชาย อยากให้เล่าช่วงชีวิตวัยเด็กของอาจารย์ว่า ในครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์ หรือทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง

 


คุณพ่อ (พลเรือโทศรี ดาวราย) คุณแม่ (ม.ร.ว. อบลออ ดาวราย) กับลูก ๆ
ที่มา: หนังสืองานพระราชเพลิงศพ พลเรือโทศรี ดาวราย

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ลูกคุณแม่คนโตเป็นผู้ชาย แล้วถัดมาอีก 2 คนก็เป็นผู้หญิง แล้วพอท้องดิฉันทุกคนก็หวังว่า อยากจะให้เป็นผู้ชายแต่ปรากฏว่าเกิดมาเป็นผู้หญิง คนเขาก็เลยไม่สนใจ ดิฉันไม่ค่อยได้มีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกับใครเลย พอดีมีลูกคุณป้าเป็นลูกผู้ชาย อายุไล่กัน ดิฉันก็เลยเหมือนเป็นเด็กผู้ชาย ทำอะไรเล่นอะไรทุกอย่างก็เหมือนเด็กผู้ชายทั้งนั้น

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

คิดว่าจากการที่เราแบบเติบโตจากญาติ ๆ ที่เล่นด้วยกันอันนี้มีส่วนด้วยไหม ที่ทำให้เราอาจจะชอบวาดรูป หรือเข้าไปเรียนในโรงเรียนศิลปะ

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ดิฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมถึงสนใจขึ้นมา อยู่ดี ๆ ก็เกิดสนใจการเขียนรูป

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

นอกจากความสนใจแล้ว ตัวคุณพ่อเองอาจจะไม่ค่อยได้คุยกันใช่ไหม แต่อยากรู้ว่าอยากในช่วงที่เติบโต สิ่งที่อาจารย์ลาวัณย์คิดว่า ได้ซึมซับจากตัวคุณพ่อเองมีอะไรที่เราน่าจะได้นิสัยจากคุณพ่อมาด้วย

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

คือเป็นคนตรงไปตรงมา แล้วค่อนข้างจะดุนิดหน่อย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ดุในที่นี้อาจจะเสียงเข้ม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :  

แต่จริง ๆ คุณพ่อเป็นคนใจดี แต่เวลาพูด ใครไม่รู้ ก็คิดว่าจะดุ

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

คล้ายปากร้ายใจดี อย่างนี้อาจจะดูเหมือนดุ มีระเบียบ

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

แต่ใจดี

 

ร่วมชื่นชมความสำเร็จในชีวิตของลูก พ.ศ. 2509

ที่มา: หนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว. อบลออ ดาวราย

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เล่าความทรงจำเกี่ยวกับคุณพ่อให้ฟังหน่อยได้ไหม มีเหตุการณ์ไหนที่เรารู้สึกว่าประทับใจในตัวคุณพ่อไหม หรือเป็นเหตุการณ์ที่เราจำได้

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

คุณพ่อเป็นคนต่อเรือรบคนแรกคนเดียวในประเทศไทย คือ เราก็ชื่นชมแต่ว่าไม่มีโอกาสสนิทสนมใกล้ชิดกับคุณพ่อ เพราะคุณพ่อก็ทำงานอยู่ตลอดเวลา เราก็เรียน เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับคุณพ่ออยู่แล้ว โดยเฉพาะเป็นลูกผู้หญิงด้วย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เมื่อครู่เห็นอาจารย์ลาวัณย์บอกว่า ช่วงที่คุณแม่เจอมรสุมชีวิตมีคนจะกล่าวหาเราจนต้องหลบที่บ้านคุณตาใช่ไหมคะ

 


นักศึกษาประชาชนชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง เพื่อรวมตัวขับไล่พระถนอมออกจากประเทศ
ภาพ/คำบรรยาย : สารคดี ฉบับพิเศษรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย รวม 3 เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์, 2541

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ช่วง 6 ตุลาฯ ที่ว่ามีคนกล่าวหา ช่วงนั้นเราก็เลยเหมือนจะกลัวโดนลูกหลงก็เลยต้อง ไปพักที่บ้านคุณแม่กับคุณพ่อ คือ ดิฉันสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร แล้วเราก็สนใจเรื่องการเมืองอยู่แล้วด้วยก็ติดตาม พอมามีเรื่องเช้าวันนั้น ก็มีคนบอกว่า อย่าออกจากบ้าน เพราะว่าจะอันตราย เพราะว่าลูกเสือชาวบ้านและพวกกระทิงแดง กำลังคึกจัดมากเลย ถ้าออกจากบ้านอาจจะอันตรายมาก เพราะวิทยุประโคมข่าวอยู่ตลอดเวลา ทีนี้ก็เลยออกจากบ้าน คือดิฉันทำงานติดต่อเกี่ยวกับการเมือง แต่คนรู้จักบ้านใช่ไหม ถ้าอยู่บ้านก็กลัวอันตราย เพราะถ้าเผื่อมีใครมาทำอะไรเรา จึงออกจากบ้านไปพักที่บ้านคุณแม่กับคุณพ่อ ซึ่งเป็นทหารเรืออยู่ก็เลยเขียนจดหมายไปบอกผู้บัญชาการทหารเรือว่าลูกสาวไม่รู้เรื่องอะไรเลย และไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เล่าเหตุการณ์ที่พอจำได้เกี่ยวกับคุณตา มีส่วนช่วยเหลืออย่างไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

6 ตุลาฯ ก็มีคนเขากล่าวหาว่า ดิฉันไปแต่งหน้านักศึกษาให้เหมือนเจ้าฟ้าชาย ออกรายการวิทยุ สถานีวิทยุยานเกราะประโคมข่าวกันตลอดเวลาเลย ดังกันจนถึงประเทศฝรั่งเศส ซึ่งพี่สาวเขาเป็นภรรยาทูตฝรั่งเศสเขารู้เรื่อง เขาก็ตกใจ  เขาก็มาเมืองไทยเพื่อมาดู

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ตอนนั้นคุณพ่อก็มีส่วนช่วยในการแนะนำเรา หรือว่าให้เราส่งจดหมายไปแจ้ง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ก็ไปบอกผู้บัญชาการทหารเรือนพลเรือเอกว่า ลูกสาว ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่รู้เรื่อง แล้วก็แนะนำให้เขียนจดหมายแจ้งให้ในพระเจ้าอยู่หัวรับรู้ด้วย แล้วคุณพ่อก็เขียนจดหมายถึงพลเรือเอก

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

วันนั้นที่ย้ายไปอยู่บ้านคุณพ่อคุณแม่นี่คือในกรุงเทพฯ ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ในกรุงเทพฯ

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อยู่ตรงแถวไหน

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

อยู่ใกล้ ๆ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ห่างมาจากแถวสนามหลวงที่เกิดเหตุการณ์อันตราย อาจารย์ลาวัณย์มีความสนใจเหตุบ้านการเมืองมาโดยตลอดมาอยู่แล้ว อยากให้เล่าตรงนี้นิดหนึ่งว่า คิดว่าอะไรที่ทำให้เรามีความสนใจในเรื่องการเมือง เกี่ยวข้องไหมที่คุณพ่อเราก็เป็นหนึ่งในสมาชิกคณะราษฎรหรือเป็นทหารเรือ แล้วอะไรที่บ่มเพาะเรา

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ตอนนั้นก็คล้าย ๆ ตั้งเป็นชมรมขึ้นมา “แนวร่วมศิลปิน” ก็ติดตามเรื่องสถานการณ์ของบ้านเมืองมาตลอด ก็มีคนสนใจ

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แนวร่วมศิลปินก็คือเป็นชมรม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ชมรมที่ไม่ได้ตั้งเฉพาะพวกศิลปากร ก็ชวนหมดเลยมีแนวร่วมหมดทุกวงการเลย มาชุมนุมกัน หากมีอะไรต่ออะไรก็ติดต่อถึงกันได้เลย ก็สนใจเรื่องการเมืองร่วมกัน

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ตอนนั้นจะเป็นช่วงอาจารย์เป็นนักศึกษาใช่ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เรียนจบแล้ว

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เหมือนเป็นชมรมของอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ อยู่แล้ว

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เรียกว่าแนวร่วมศิลปินมีทุกวงการเข้ามาร่วมกันหมด

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แนวร่วมศิลปินส่วนมาก มีเหตุการณ์ที่คุยกันหรือใช้ติดต่อกัน คือคุยเอาไว้เคลื่อนไหวเรื่องอะไรกันบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เคลื่อนไหวอยู่ในกรุงเทพฯ หรือในประเทศไทย เราก็พยายามจะติดต่อที่สนใจกันเท่านั้น

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วอย่างเรื่องการเมือง คือ ตอน พ.ศ. 2519 แนวร่วมศิลปินมีการเคลื่อนไหว หรือมีการได้พูดคุยอะไรกันบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

มีการประชุม เจอกันพูดคุยกันว่าจะทำอะไร ยังไง อะไรบ้าง

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

นอกจากเรื่องของตัวชมรมที่อาจารย์เป็นแนวร่วม อยากรู้ว่าอาจารย์ได้วาดภาพบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทยอยู่หลายท่าน อยากให้อาจารย์ลองยกตัวอย่างว่า มีรูปท่านไหนที่อาจารย์เคยวาดบ้าง

 


ภาพวาดอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในชุดครุย
ที่มา: หนังสือ "ชีวิต และ ผลงาน ลาวัณย์ อุปอินทร์"

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

มีรูปอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ที่เด่น ๆ ขึ้นมา อย่างรูปอาจารย์ป๋วยสาเหตุที่ได้รูปอาจารย์ป๋วย ได้รูปถ่ายมาเป็นรูปขาวดำแต่งชุดครุย ดิฉันก็ไปที่มหาลัยธรรมศาสตร์ที่ห้องสมุดปรากฏว่า ในตู้กระจกมีเสื้อครุยของอาจารย์ป๋วยก็ไปขอยืม เสร็จแล้วอาจารย์ป๋วยรู้ว่า ดิฉันขอยืมเสื้อเพื่อจะมาเขียนรูป อาจารย์ป๋วยก็มาดูดิฉันเขียน โชคดีมาก ดิฉันเลยขอความกรุณาท่านให้เป็นแบบเขียนหน้าจากตัวจริง แล้วก็เขียนรูปอาจารย์ปรีดีด้วย รูปอาจารย์ปรีดีเข้าใจว่าท่านทำประโยชน์ต่อบ้านเมืองมากมายเหลือเกิน บังเอิญก็ไปรู้จักสนิทสนมกับท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ขอย้อนไปตรงอาจารย์ป๋วยกับอาจารย์ปรีดีนิดหนึ่ง อย่างรูปอาจารย์ป๋วยที่อาจารย์บอกว่าได้วาดจากตัวจริงใช่ไหม ตอนนั้นวาดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือเปล่า

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ห้องทำงานที่มหาวิทยาลัยศิลปากร อาจารย์ป๋วยก็ไปที่นั่น เลยได้มีโอกาสไหน ๆ ท่านมาทั้งที แล้วก็ขอความกรุณาท่านให้เป็นแบบให้หน่อย แล้วก็เขียนหน้าจากตัวจริง

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ใช้เวลาวาดนานไหมคะ ในตอนนั้น

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ตั้งแต่ท่านเป็นแบบให้

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

วาดแค่เป็นแบบตอนนั้นเลยก็คือไม่กี่ชั่วโมงใช่ไหมคะ

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

วาดเฉพาะหน้า เสื้อผ้าอะไรต่ออะไรเราเขียนหมดแล้ว ร่างหน้าไว้เสร็จหมดแล้วด้วย เขียนจากรูปถ่าย พอท่านมาเป็นแบบก็ได้เขียนจากตัวจริงดีใจมากเลย ได้อารมณ์ของอาจารย์ป๋วย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วอย่างรูปของอาจารย์ปรีดี อาจารย์พอจะจำได้ไหมว่า วาดภาพอาจารย์ปรีดีมีสักกี่ภาพที่เราได้ลงมือวาดภาพไป

 


ภาพวาดนายปรีดี พนมยงค์ ในชุดสากล
ที่มา: หนังสือ "ชีวิต และ ผลงาน ลาวัณย์ อุปอินทร์"

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

รูปอาจารย์ปรีดีแต่งชุดสากลผูกเน็กไทรูปหนึ่ง อีกรูปหนึ่งก็แต่งชุดเสื้อครุย ท่านปรีดี คือ เราก็สนใจเรื่องบ้านเมืองอยู่แล้วใช่ไหม ก็รู้ว่าท่านเป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทยอย่างยิ่ง และบังเอิญได้รู้จักกับท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ท่านผู้หญิงพูนศุขก็จะเล่าอะไรต่ออะไรเกี่ยวกับสามีให้ฟัง ดิฉันตอนแรกก็เขียนรูปเป็นรูปใส่ชุดสากล รูปเฉพาะแค่หน้าก่อนรูปหนึ่ง แต่พอมาสนิทกับท่านผู้หญิงก็เห็นจากรูปถ่ายเป็นครุย พอขึ้นรูปก็มีรูปถ่ายเป็นรูปขาวดำ ร่างจากรูปถ่ายเสร็จแล้ว เรารู้ประวัติของอาจารย์ปรีดีอยู่แล้ว ศึกษาจากเหตุการณ์บ้านเมือง พอมาสนิทกับท่านผู้หญิงพูนศุข ยิ่งรู้ละเอียดมากขึ้น จึงลุกขึ้นมาเขียนรูปจากชุดครุยปริญญา รูปนี้ที่รู้สึกว่า แทบจะเรียกว่าเหมือนกับรู้จักท่านอาจารย์ปรีดีทั้ง ๆ ไม่เคยเห็นตัวจริงเลย เขียนแล้วดิฉันพอใจมากกับรูปอาจารย์ปรีดีรูปนี้

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อยากรู้ว่าท่านปรีดีในสายตาของอาจารย์ คิดว่าท่านอาจารย์ปรีดีเป็นคนอย่างไร มีบุคลิกลักษณะนิสัยอย่างไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ท่านเป็นนักการเมือง คือ เป็นคนที่จิตใจอ่อนโยนมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นนักการเมือง แล้วก็ทำเพื่อประเทศชาติตลอดเวลาเลย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

มีเหตุการณ์ไหนของอาจารย์ปรีดี ช่วงที่อาจารย์เติบโตพอจะทันเหตุการณ์ไหนบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ไม่เคยทันเลย คือจะรู้ทุกอย่างจากท่านผู้หญิงพูนศุข อยากรู้อะไรก็บอก ท่านผู้หญิงพูนศุขจะเล่าให้ฟัง

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

จำได้ไหมว่า ท่านผู้หญิงพูดถึงอาจารย์ปรีดีอย่างไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

อาจารย์เป็นคนใจดี แต่ว่าใครไม่รู้ คิดว่าเป็นนักการเมืองคงจะเคร่งเครียด ไม่จริงเป็นคนใจดีมาก

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ตอนนั้นวาดภาพประมาณช่วงปีไหน อาจารย์พอจะจำได้ไหม ช่วงสัก พ.ศ. 2500 ต้น ๆ ประมาณนั้นได้ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

จำไม่ได้แล้ว

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ของอาจารย์กับท่านผู้หญิงพูนศุขไปเจอกันได้อย่างไร

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

งานเปิดงานแสดงก็มีงานเป็นรูปท่านปรีดีก็มีคนเขียนว่าไปแสดง เราก็ยืนดูรูปอยู่ ท่านผู้หญิงพูนศูขก็ถามว่าสนใจมากเหรอ เราบอกว่าสนใจมาก ท่านก็บอกฉันเป็นภรรยาท่านปรีดี ก็รู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น เสร็จแล้วเราก็เลย เราสนใจใช่ไหม จึงพยายามติดตามท่านผู้หญิงก็เลยสนิทกัน ถ้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับอาจารย์ปรีดีก็ให้บอกท่านผู้หญิงพูนศุขจะเล่าให้ฟัง เวลาเขียนรูปก็ได้อะไร ๆ ที่เป็นของอาจารย์ปรีดี ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยเห็นตัวจริงเลย แต่คิดว่าได้อะไรมากพอสมควร

 

ภาพวาดสุลักษณ์ ศิวรักษ์ โดยอาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ตอนดูรูปเองก็รู้สึกว่า มันค่อนข้างมีความละมุน เหมือนอย่างที่อาจารย์บอกพอได้ฟังคำบอกเล่าอาจจะได้ความรู้สึก เรารู้สึกจากใจจริง ๆ ใส่ลงไปในภาพ อย่างอาจารย์บอกว่านี่เป็นเหตุผลเวลาอาจารย์วาดภาพอย่างบุคคลทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย อาจารย์ก็จะวาดคนที่อาจารย์เคารพ หรือนับถือ อยากให้เล่าตรงนี้ว่า เวลาเลือกบุคคลที่อาจารย์จะวาดภาพ บุคคลเหล่านี้อาจารย์เลือกอย่างไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ต้องคนดัง ๆ อยู่ในแวดวงการเมือง อย่างอาจารย์ปรีดีหรืออาจารย์ป๋วยก็มีที่เด่น ๆ  ก็มี 2 คนนี้ คนที่สนใจการเมืองอีกคนหนึ่งที่เราสนใจอยู่บ้างก็มีคุณสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ดิฉันยังเขียนรูปไปเลย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อาจารย์ทวนเล่าให้ฟังเพิ่มสักนิดหนึ่ง เมื่อกี้ที่อาจารย์พูดถึงอาจารย์ป๋วยใช่ไหม บอกว่ากับอาจารย์ป๋วยอาจจะสนิทกันมากหน่อย เพราะว่าเคยเจอกันใช่ไหม เล่าให้ฟังหน่อยว่าเจอกันรู้จักกันยังไงบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์  :

มีอะไรก็ไปปรึกษาหารือท่าน แต่ตอนระยะหลังรู้สึกห่าง ๆ ไปหน่อย มีช่วงหนึ่งที่สนิทกันมากตอนที่เขียนรูปท่าน แต่หลังจากนั้นแล้วก็ไม่ค่อยได้เจอกัน

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ตอนทํางานที่ศิลปากรที่บอกว่า อาจารย์ป๋วยอยู่ที่ธรรมศาสตร์ได้ติดต่อไปมาหาสู่กันบ้างไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ท่านก็ไปเป็นแบบให้

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อาจารย์ไปหาอาจารย์ป๋วยได้ปรึกษาเรื่องอะไรที่ธรรมศาสตร์บ้างไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เรื่องการเรียน เราก็สนใจอยู่ก็ติดตาม

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อย่างในช่วงนั้น ถ้ามุมมองของคนที่อยู่ในยุคนั้นเหมือนกับอาจารย์ เขามองอาจารย์ป๋วยเคารพนับถืออาจารย์ป๋วยไหม หรือมีคนที่ต่อต้านหรือไม่ชอบ

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

รู้สึกว่าจะไม่มีคนต่อต้านอาจารย์ป๋วย นิสัยใจคอท่านไม่เคยยุ่งวุ่นวายกับใครเลย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แต่ก็สรุปว่าอาจารย์ป๋วยก็คล้าย ๆ อาจารย์ปรีดีว่าก็จะมีความยิ้มแย้มดูใจดี

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ใช่

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อย่างอาจารย์ปรีดี ถ้าอย่างในช่วงนั้น อาจารย์มองว่ามุมมองที่สังคมมองต่ออาจารย์ปรีดีเป็นอย่างไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เขามองอย่างเทิดทูน คือ อาจารย์ปรีดีนี่มีคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติมาก รัฐสภาท่านก็เป็นผู้จัดการทั้งนั้น แล้วก็ทำประโยชน์ต่อประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่ตัวท่านอยู่ต่างประเทศ แต่ทําทุกอย่างให้ประเทศไทย

 

ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์
ที่มา: หนังสือ "ชีวิต และ ผลงาน ลาวัณย์ อุปอินทร์"

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

นอกจากอาจารย์ปรีดี ครอบครัวของอาจารย์ปรีดีเห็นอาจารย์บอกว่าก็เคยเจอท่านผู้หญิงพูนศุข และเจอบุตรสาวของท่านด้วย อยากให้เล่าหน่อยว่าเคยเจอท่านไหนบ้าง แล้วก็สนิทสนมกับท่านไหนบ้าง

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ท่านผู้หญิงพูนศุขสนิทกับท่านมาก คือ เขียนรูปอาจารย์ปรีดีได้ก็เป็นเพราะว่าท่านผู้หญิงด้วย ท่านเล่าหมดทั้งอุปนิสัยใจคอ เวลาเราเขียนรูปคนโดยที่เราไม่รู้อะไรเลยก็เหมือนแค่เห็นรูปถ่าย แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักคน ๆ  นั้นอุปนิสัยใจคอมีบุคลิกอย่างไรก็จะได้จิตวิญญาณของคน ๆ นั้นออกมาด้วย อย่างรูปอาจารย์ป๋วยกับอาจารย์ปรีดีเขียนแล้วดิฉันชอบมาก

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วนอกจากอาจารย์ปรีดี มีคุณสุดา ครูดุษฎี และก็คุณวาณี พนมยงค์ ใช่ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ใช่

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วก็อาจารย์เคยเจอทั้ง 3 ท่านใช่ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ค่อนข้างจะสนิทกัน เวลามีงานที่ไหนก็ไปเจอกันในงาน

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ให้เล่าจุดเริ่มต้นก่อนรู้จัก รู้จักผ่านท่านผู้หญิงพูนศุขไหม หรือว่ารู้จักกันได้อย่างไร

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์  :

รู้จักเวลามีงานแสดงทั้ง 3 ท่านก็จะไปในงานด้วยแล้วก็ท่านผู้หญิงก็บอกว่าเป็นลูก ก็เลยสนิทกัน

 

 


ภาพวาดสุดา พนมยงค์
ที่มา: หนังสือ "ชีวิต และ ผลงาน ลาวัณย์ อุปอินทร์"

 


ภาพวาดครูดุษฎี พนมยงค์
ที่มา: หนังสือ "ชีวิต และ ผลงาน ลาวัณย์ อุปอินทร์"
 
วาณี พนมยงค์
ที่มา: หนังสือ "ชีวิต และ ผลงาน ลาวัณย์ อุปอินทร์"

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อยากให้เล่าถึงภาพวาดที่ว่าทั้งครอบครัวพนมยงค์เหมือนว่ามีภาพที่เป็นชุดของลูกสาวทั้ง 3 ท่านด้วยใช่ไหม ตอน พ.ศ. 2558 ตอนนั้นเป็นวาระอะไรที่เราวาดรูปท่าน

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ไม่มีวาระพิเศษหรอก ส่วนตัวรู้สึกชื่นชมก็อยากจะเขียนรูปเก็บไว้ แล้วทั้ง 3 คนนี้ก็เต็มใจอยากที่จะให้เราเขียนด้วยเขียนแล้วใช้ได้ทีเดียวทั้ง 3 รูป

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ตอนนั้นเราวาดจากจินตนาการ หรือวาดจากภาพจริง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เขียนจากตัวจริงด้วย ได้รูปมาแล้วก็ขึ้นรูปไว้ แล้วก็เขียนจากตัวจริงด้วย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เหมือนเสื้อผ้าร่างกายก็ได้จากภาพถ่ายใช่ไหม แต่ว่าใบหน้าก็จะคล้ายอาจารย์ป๋วยว่าก็คือเราวาดจากหน้าจริง คิดว่ามุมมองต่อทั้ง 3 ท่านนิสัยใจคอเป็นอย่างไร จากที่ได้มีการพูดคุยกัน

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

น่ารักมาก ท่านเป็นคนสนใจทางด้านการเมืองเหมือนกัน แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเป็นคนสนใจเฉย ๆ แล้วก็ท่านเป็นคนสนใจการเมือง แล้วก็สนใจเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองทุกอย่าง

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด  :

แล้วอย่างอาจารย์ก็คือติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่เรื่อย ๆ ไหม จนถึงตอนนี้ก็ติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่เรื่อย ๆ ไหม ตัวอาจารย์เอง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ใช่

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

นอกจากอาจารย์ปรีดีเคยเจอเพื่อนคุณพ่อคนอื่นไหม หรือว่าสมาชิกคณะราษฎร

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์:

ไม่มีเลย ไม่ได้สนิทกับคุณพ่อด้วย เพราะคุณพ่อมีงานกับคุณพ่อนี่ไม่สนิทกันเลย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อย่างบทบาทเรื่องตอน วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คุณพ่อทําอะไรอันนั้น คุณพ่อเคยเล่าไหม หรือว่าไม่เคย

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ไม่เคย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วก็อย่างคณะราษฎร อย่างเช่นหลวงหลวงสินธุสงครามชัย เคยเจอ เคยรู้จักกันไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ไม่เคย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

สุดท้ายอยากถามถึงกิจกรรมของคุณพ่อบ้าง อย่างช่วงบั้นปลายชีวิตหรือกิจกรรมงานอดิเรกที่คุณพ่อชอบทําในชีวิตประจําวัน ปกติคุณพ่อชอบทําอะไรบ้าง หรือเจอคุณพ่อไปทํางานไปมากกว่า

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

คุณพ่อก็ไปทำงานอยู่ที่กรมอู่ทหารเรือ

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ถ้าหลังจากช่วงเกษียณแล้ว ได้เจอคุณพ่อบ้างไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

หลังจากเกษียณคุณพ่อก็ยังไปทํางาน

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ไม่ได้เกษียณแล้วหยุดเลยใช่ไหม ถ้ากิจกรรมที่เราจะเห็นคุณพ่อทําอยู่บ่อย ๆ หรือสิ่งที่คุณพ่อชอบทํา อาจารย์คิดว่ามีอะไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ไม่ค่อยสนิท ก็เลยไม่ค่อยจะสนใจด้วย ก็เลยไม่ค่อยรู้ว่าคุณพ่อชอบทำอะไร

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วถ้าอย่างมีเวลาครอบครัว เวลาเราจะไปเที่ยวไปทํากิจกรรมกัน เราไปเที่ยวแนวไหน

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ไม่เคย คือต่างคนต่างไป ไม่เคยไปเที่ยวเป็นครอบครัว

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อยากให้อาจารย์เล่าถึง อันนี้เป็นรูปของท่านผู้หญิงพูนศุข อีกภาพหนึ่งอันนี้ อยากให้อาจารย์เล่าว่า รูปนี้วาดตอนไหน

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ตอนนี้คือ สนิทกับท่านแล้ว ได้รูปมาเป็นรูปขาวดำ ก็มาถามจะบอกว่าอยากจะเขียนรูปนี้ บอกท่านผู้หญิงว่าท่านแต่งชุดสีอะไร ท่านก็บอกว่าแต่งชุดสีเทาอมฟ้า จึงเขียนรูปนี้ไว้ แล้วท่านก็มาดูบอกว่า ดีใช้ได้อยู่แล้ว

 

ภาพวาดท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ถูกตำรวจคุมตัว เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495

ที่มา: หนังสือ "ชีวิต และ ผลงาน ลาวัณย์ อุปอินทร์"

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นที่บอกว่าเป็นเหตุการณ์วันเดินขึ้นศาล ซึ่งอาจารย์มองว่าใน พ.ศ. 2546 อันนี้จากรายละเอียดก็คือเป็นท่านผู้หญิงเล่าให้ฟัง โดยอาจารย์จําได้ไหมว่า ท่านผู้หญิงเล่าอะไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เรื่องส่วนมากก็จะพูดแต่เรื่องของท่านอาจารย์ปรีดี

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แต่เหตุการณ์ในวันนี้พูดถึงไหม ตอนที่เราจะวาดรูปนี้ ท่านผู้หญิงพูนศุขบอกรายละเอียดอะไรอย่างไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เดินขึ้นโรงพักโดนคดี โดนข้อกล่าวหาหลายคดีท่านผู้หญิงพูนศุข

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

นอกจากสีในภาพที่อาจารย์วาดอยากนำเสนออะไรเป็นพิเศษอีกไหมคะ

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ภาพนี้ไปได้มาจากไหนไม่รู้ เป็นรูปขาวดำ เสร็จแล้วมาบอกท่านว่าได้รูปนี้มาจะเขียน ท่านผู้หญิงพูนศูขก็บอก “เอาอย่างนั้นเลยเหรอ บอกคนเยอะ ๆ อย่างนี้เหรอ” ก็บอกท่านผู้หญิงเดินมาแล้วก็มีตํารวจคุมมาก็เล่าสถานการณ์ด้วย  ท่านผู้หญิงพูนศุขชอบรองเท้าบอก “อาจารย์ลาวัณย์เขียนรองเท้าสวยเชียว” แทนที่จะบอกว่าหน้าตาสวย บอกรองเท้าสวย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อย่างความประทับใจที่อาจารย์ลาวัณย์มีต่อท่านผู้หญิงพูนศุขจากการที่ได้พูดคุยรู้จักกันหลายปี เรามองว่าท่านผู้หญิงพูนศุขเป็นคนมีนิสัยใจคออย่างไรบ้าง เราประทับใจอย่างไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

น่ารักมาก เป็นคนตรงไปตรงมา

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

(เปิดหลังสือแล้วชี้ที่ภาพ) ภาพอาจารย์ปรีดี

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

รูปนี้ขายไปแล้ว

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

คือบางภาพขาย

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

จัดแสดงงานได้เราไม่ได้จะขาย แต่ว่าเจ้าของสถานที่เขาขายให้ ถามว่าที่จัดแสดงไม่ได้จะขายใช่ไหม เขาบอกว่าเขามานั่ง เขามานั่งเฝ้าอยู่ที่รูปตั้งนาน แล้วเขาก็บอกอยากได้ แต่ถามว่าจะให้ในราคาเท่าไร เขาบอก 400,000 บาท

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้ว 400,000 บาท สมัยนั้น

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ก็เลยขายให้อาจารย์เลย ดิฉันไม่ได้อยากจะขายเลย คือ รูปเขียนจะไปเก็บเอาไว้ ก็บอกรูปหนึ่งให้ตั้ง 400,000 บาท คิดดู

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่า อันนี้เป็นภาพของใครและตอนนั้นวาดที่ไหน

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เขียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คือ เชิญท่านศักดิ์ชัย บำรุงพงศ์มาสอนพิเศษ แล้วก็เป็นคนเชิญ ก็นำหนังสือมาทุกครั้งที่ท่านมาก็เห็นหน้า เลยค่อนข้างสนิทกัน เลยบอกว่าอยากจะเขียนรูปให้ท่านแล้วท่านก็มาฝึกแบบให้

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

สังเกตว่ามีหนังสือ

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

มีหนังสือที่เป็นคนเขียนรูป คือ หนังสือชื่อ “ปีศาจ”  เป็นหนังสือที่ชื่อดังมากของท่านศักดิ์ชัย ชื่อปีศาจ แล้วก็ท่านเขียน มีหนังสือเยอะและยังมีช่องว่างพอจะใส่ได้อีกเยอะ พอจะใส่ได้อีกเยอะ

 

เสนีย์ เสาวพงศ์ (ศักดิ์ชัย บำรุงพงศ์)

ที่มา: หนังสือ "ชีวิต และ ผลงาน ลาวัณย์ อุปอินทร์"

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ตอนนั้นเป็นช่วง พ.ศ. 2520 ใช่มั้ยคะ คุณเสนีย์ เสาวพงศ์ อันนี้ด้วย แล้วก็คุณทองใบ ทองเปาด์ อันนี้เป็นภาพวาดที่มีที่มาอย่างไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เป็นทนาย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วไปรู้จักกันได้อย่างไร หรือทําไมเราถึงเลือกวาดภาพคุณทองใบ

 

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ตอนนั้นไปที่ศาล ก็ไปฟังเขาที่ศาล แล้วก็ไปเห็นเขา แล้วก็รู้จักเขาอยู่แล้ว รู้จักกับทางรูปถ่าย จึงทักทายกันเลยสนิทกัน ก็เลยขอเขียนรูป

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แต่รูปตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว อยู่ที่เจ้าตัวหรือเป็นตัวอาจารย์ที่เก็บไว้

 

ภาพวาดพลเรือโทศรี ดาวราย อายุ 71 ปี

ที่มา: หนังสือ "ชีวิต และ ผลงาน ลาวัณย์ อุปอินทร์"

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

รู้สึกอยู่ที่เจ้าของเขา คือรูปตอนนี้ คุณพ่อแบบ แต่ก็บอกไม่ไหวแล้วแม่พ่อเมื่อย เลยเขียนมือไม่เสร็จ แล้วพอไปเขียนรูปคุณพ่อใหม่อีกรูปหนึ่ง แล้วเขียนมือชัดแจ๋วเลย

 

 

ภาพวาดนายปรีดีและท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ที่ทางอาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

รูปตอน 72 ปีขอดูภาพอาจารย์ปรีดีสักนิดหนึ่ง มีเป็นชุดนี้ อันนี้เป็นภาพเดียวกันที่มอบให้กับทางสถาบันปรีดี พนมยงค์ ที่จะมีรูปของอาจารย์ปรีดีและรูปท่านหญิงพูนศุข อยากให้อาจารย์ลาวัณย์เล่าถึงภาพนี้หน่อย

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ได้จากรูปถ่าย แล้วก็เขียน อ่านประวัติก็ชื่นชมท่านปรีดีที่มีคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติมากมายะ นึกอยากจะเขียน พอได้ก็ได้รูปมาก็มาเขียนรูปนี้ก่อน

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

จากสัมภาษณ์จะสังเกตได้ว่าอาจารย์ปรีดียิ้มปริ่มมากเลยรูปนี้ สิ่งที่อาจารย์อยากจะนําเสนอผ่านภาพนี้เป็นโทนประมาณไหน แล้วอยากสื่อสารมุมมองของอาจารย์ปรีดี

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ท่านเป็นคนใจดี

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อาจารย์ลาวัณย์ก็เลยเลือกภาพอาจารย์ปรีดียิ้มปริ่ม แล้วอย่างท่านผู้หญิงพูนศุข สองภาพนี้

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

รูปนี้เขียนก่อน เสร็จแล้วรูปนี้เขียนจากตัวจริง มาเป็นแบบให้ที่นี่เลย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ตอนนั้นมีทาบทามท่านผู้หญิงพูนศุขอย่างไรบ้าง ที่ท่านผู้หญิงพูนศุขมาเป็นแบบวาดรูปให้

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

รูปนี้เขียนจากตัวจริงเลย ไม่ได้เขียนจากรูปถ่าย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แต่มีการบอกกล่าวว่าอยากจะขอให้ท่านผู้หญิงพูนศุขมาเป็นแบบให้ อาจารย์ลาวัณย์เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม บรรยากาศวันที่ท่านผู้หญิงพูนศุขมาเป็นแบบวาดภาพให้

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

บอกอยากจะเขียนรูปท่านผู้หญิงพูนศุข อยากขอถ่ายรูป ท่านผู้หญิงพูนศุขบอก “ถ่ายรูปจะดีอย่างไร เขียนจากตัวจริงเลยดีไหม” ดิฉันบอก “อุ๊ย ดีสิคะ” ก็เลยเขียนจากตัวจริง แล้วท่านผู้หญิงพูนศุขก็มาเป็นแบบให้

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

วันนั้นท่านมาคนเดียวหรือว่ามีคนอื่นมาด้วย

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

มีคนมาคนหนึ่งเป็นคนขับรถเขาก็รออยู่ พอเขียนท่านผู้หญิงพูนศุขเมื่อยก็หยุดพัก

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ใช้เวลานานไหมวันนั้น พอไปจะจำได้ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

นั่งเขียนทีหนึ่งก็ชั่วโมงกว่า ๆ แล้วก็เมื่อยแค่หนสองหน แล้วก็เลิก

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

วันนั้นที่วาดนี่คือได้เสร็จทั้งภาพ หรือว่าได้แค่ใบหน้าได้แค่ท่าทาง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เขียนจากตัวจริงทั้งหมดเลย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เสร็จภายในหนึ่งวันเลย คือ เสร็จสมบูรณ์ภายในหนึ่งวัน หมายถึงเสร็จภายในหนึ่งวันเลยใช่ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ไม่เสร็จ ต้องมาเขียนอีก และต้องแต่งชุดอย่างนี้มาด้วย

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ท่านผู้หญิงพูนศุขมาแบบนี้หลายวัน จนกว่าภาพจะเสร็จ แต่ท่านผู้หญิงพูนศุขเองก็ทราบอยู่แล้วว่าใช้เวลาระยะหนึ่งใช่ไหม แต่ก็ยินยอมที่จะมาเป็นแบบให้

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ท่านพูนศุขดีใจ บอกว่า “ฉันดีใจที่อาจารย์ลาวัณย์ได้เขียนรูป” ก็ขอบพระคุณท่านมากเลยที่กรุณามาเป็นแบบให้

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วอย่างภาพนี้เป็นภาพของใคร ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมว่าเป็นภาพของใคร แล้วก็มีที่มาของภาพนี้เราวาดอย่างไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

รูปจิระนันท์ พิตรปรีชา เขาเข้าป่าใช่ไหม แล้วเขาก็ออกมาก็สนิทกันก็น่าจะบอกเขาว่าอยากจะเขียนรูป เขาก็เอารูปถ่ายมาให้เป็นรูปนุ่งผ้ากระโจมอก แต่งชุดสีดำ เป็นรูปขาวดำเสร็จแล้วก็บอกอยากเขียนรูป เขาก็บอก เขาก็ให้รูปมา เสร็จแล้วเราจะไปเขียนอย่างนั้นก็ใช้ที่ใช่ไหม เขามาดี เขามาอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ตอนนี้คือเป็นที่ยอมรับของสังคมทั่วไป แล้วก็ใส่เสื้อเป็นผ้าลูกไม้ คนชั้นสูงยอมรับแล้ว แล้วเวลาเขาเขียนหนังสือ เขาจะใช้นามปากกาว่า “ใบไม้ที่หายไป” Background ก็ทําเป็นใบไม้แล้วก็ค่อย ๆ หายไป

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เหมือนสะท้อนที่มาของชื่อเขาจริง ๆ ต้องบอกว่าอาจารย์ลาวัณยผลงานวาดภาพเยอะมาก อย่างเล่มนี้ ที่เราดูกันอยู่ก็จะเป็นเรื่อง “ชีวิตและผลงานลาวัณย์ อุปอินทร์” คือมีรูปของทั้งคนสนิทอาจารย์ลาวัณย์ แล้วก็บุคคลทางประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วย อยากให้อาจารย์ลาวัณย์เล่าถึงชีวิตที่ผ่านมาได้ไปวาดภาพที่ไหนบ้าง หลัก ๆ เห็นว่ามีไปในราชสํานักด้วย

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ไปทํางานอยู่กับในหลวง สาเหตุก็คือว่า มีรูปงานแสดงแห่งชาติ อาจารย์ศิลป์ พีระศรี เปิดจัดงานแล้วก็เชิญในหลวงเปิดงาน แล้วก็มากับพระราชินี เสร็จแล้วอาจารย์ศิลป์ก็พาในหลวงไปดูรูป ส่วนพระราชินีก็เลยดูอยู่คนเดียว เสร็จแล้วก็ไปหยุดตรงรูปคุณแม่ที่ดิฉันเขียน ตอนนั้นก็เป็นอาจารย์อยู่ก็เอารูปไปแสดงด้วย ส่วนมากก็จะเป็นรูปสมัยใหม่ มีรูปเป็นรูปคน มีเฉพาะของครูเท่านั้นที่ไปแสดง

สมเด็จพระราชินีก็ยืนดูรูปแล้วก็บอกว่า “ตั้งแต่ดูมาเพิ่งชอบใจรูปนี้รูปเดียว เพิ่งดูรู้เรื่องว่าเป็นรูป แต่ดูท่าทางเป็นคุณหญิงคุณนายดี” หม่อมเจ้าการวิก จักรพันธ์ ยืนอยู่ตรงนั้นบอกว่า “คุณหญิงเขายืนเชื้อพระวงศ์” ก็เลยไม่เดินต่อ ยืนดูอยู่นานมากเลย หม่อมเจ้าการวิกก็เลยถาม “ชอบมากเลยเหรอ” พระราชินีบอก “ชอบมากเลยท่าทางเป็นคุณหญิงคุณนาย” หม่อมเจ้าการวิกท่านก็บอกว่า “บอกแล้วไงว่าท่านเป็นคุณหญิง เพราะว่าท่านเป็นหม่อมราชวงศ์” เสร็จแล้วก็เดินดู ท่านการวิกก็บอกว่า “ถ้าชอบรูปวาดมากอย่างนี้ อยากรู้จักคนเขียนไหม” พระราชินีบอกว่า “อยาก อยากรู้จักสิ”

ท่านการวิกก็มาเรียกดิฉันไปพอไปถึงก็เห็นสมเด็จพระราชินียืนอยู่ ดิฉันก็ถอนสายบัว แล้วก็ยืนทำไม่รู้ไม่ชี้ ท่านก็ยืนทำหน้าเหลอ ยืนอยู่สักครู่หนึ่ง ท่านการวิกก็บอกว่า “คนนี้เขียนรูป” พระราชินีท่านก็บอกว่า “ก็คิดว่าผู้ชายเขียนไม่คิดว่าเป็นผู้หญิง ก็เป็นอาจารย์ลาวัณย์ด้วย อาจารย์รู้ไหมว่าฉันเป็นแฟนอาจารย์ด้วย” เพราะสมัยก่อนโทรทัศน์มีช่อง 4 บางขุนพรหมช่องเดียว มี 3 รายการคือ สอนวาดเขียน เขียนภาพประกอบละคร และข่าวในแวดวงศิลปะ เราก็แอบดีใจ คนระดับนี้เป็นแฟนคลับเรา

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วหลังจากนั้นก็ได้มีการทาบทามเข้าไปวาดภาพให้ในราชสำนัก

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เสร็จแล้ว พระราชินีท่านก็ไปเล่าให้ในหลวงให้ฟังว่า ชอบใจเห็นรูปของรูปคนที่อาจารย์ลาวัณย์เขียนชอบมากเลยเขียนได้ดีมากเลย ในหลวงบอกอยากเห็น ท่านก็เลยให้เข้าไปทํางานในวัง เสร็จแล้วในหลวงก็ให้รูปมา 4 รูป ให้เขียนเป็นรูปสีซีเปีย รูปขนาดโปสการ์ด บอกจะให้เขียนให้ขยาย บอกขนาดให้เสร็จ เสร็จแล้วถามว่าไหวไหม ก็บอกไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันแต่ว่าก็น่าจะเขียนได้ ขยายรูป Drawing ให้เสร็จแล้วก็เอาไปให้ท่านดู ในหลวงท่านบอก “ดีใจนะไม่นึกถึงเลยว่าอาจารย์จะทำได้ ใช้ได้เลย”

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

เห็นอาจารย์เล่าให้ฟังว่า เมื่อสักครู่เห็นอาจารย์พูดเรียนวาด Anatomy ตอนปีสองใช่ไหม ที่มีโอกาสได้เล่นกับอาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ แล้วก็อาจารย์ศิลป์อยากให้เล่าบรรยากาศให้ฟังในวิชานั้นเป็นอย่างไรบ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

เขียนจากรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ที่กล้ามเนื้อ หรือแต่ส่วนกระดูกก็เขียนจากกระดูกจริง เขียนแล้วก็มีการบ้านให้ทำ ให้เขียนหาคนมาเป็นแบบ แล้วก็ให้เราใส่กระดูก

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วก็มีวิชาหนึ่งที่อาจารย์ลาวัณย์เล่าว่า เขาให้วาดเหมือนเน้นที่กล้ามเนื้อร่างกาย แต่ว่าไม่ต้องเน้นที่ใบหน้ามาก และมีอาจารย์ศิลป์มาเห็นผลงานของอาจารย์

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ใช่

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ลองเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังได้ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ตอนนั้นอยู่ปี 2  เสร็จแล้วก็เขียน ก็อาจารย์ให้แบบมาให้เขียนเหมือนศึกษา Anatomy ไม่ต้องเขียนหน้าให้เหมือนให้เขียนเป็นผู้หญิงก็ใช้ได้ เสร็จแล้วพอครูเขียนเสร็จแล้ว ปรากฏว่าออกมาแล้วหน้าเหมือน อาจารย์ศิลป์ก็เรียกอาจารย์เฟื้อ “เฟื้อ ๆ มาดูอะไรนี่” อาจารย์เฟื้อบอก “ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องเขียนให้หน้าเหมือน” ก็ไม่ได้ตั้งใจให้เหมือน ทำไมมันเหมือนก็ไม่รู้ อาจารย์ก็บอก “หนูมีนิสัยในการเขียนรูปเหมือน” ก็รู้สึกฝังใจอยู่ตลอดเวลาก็เลยพยายามเขียนรูปเหมือน พอเรียนจบมาก็เขียนรูปเหมือนมาตลอด

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

กลายเป็นว่าผลงานของอาจารย์ลาวัณย์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพวาดคน

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ส่วนใหญ่เขียนคน

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

อยากให้เล่าถึงตอนนี้ จากตอนนั้นที่อาจารย์ลาวัณย์เรียนศิลปะโดยตรง แล้วก็ไปทํางานราชสํานักมาบ้าง เป็นอาจารย์บ้างใช่ไหม จนทุกวันนี้เหมือนจะมีการจัดแสดงผลงานด้วย อยากให้ฝากถึงการจัดแสดงผลงานตอนนี้หน่อย ว่าอาจารย์เปิดการจัดแสดงผลงาน หรือ

เล่าถึงว่าตอนนี้อาจารย์ทำอะไรอยู่บ้าง

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ตอนนี้ก็กำลังเขียนรูปอยู่ก็เขียนรูปค้างไว้อยู่

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ปกติก็วาดภาพอยู่ ว่าง ๆ ก็จะนั่งวาดภาพ ทุกวันใช่ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ใช่ ถ้าไม่มีอะไรก็เขียนรูป คือตอนเช้าทุกครั้งทานอาหารเสร็จก็จะอ่านหนังสือ แล้วก็ทานอาหารกลางวันเสร็จ ตั้งแต่บ่ายถึงเย็นก็จะเขียนรูป ทำอะไรอย่างนี้ตลอดเวลา

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วอย่างหนังสืออาจารย์อ่านแนวไหนบ้าง

 

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

อ่านทุกแนวเลย แต่ก็จะเน้นหนังสือทางด้านศิลปะ

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ปกติกิจกรรมที่ทำบ่อย ๆ ที่ทำด้วยตัวเอง ก็มีวาดรูปกับอ่านหนังสือใช่ไหม

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ใช่

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

แล้วคนที่อยากติดตามผลงานอาจารย์ลาวัณย์สามารถมาที่ไหนได้บ้าง

 

 

อาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ :

ก็มาที่ House of Upa-In ได้ตลอดเวลา

 

ชญานิษฐ์ แสงสอาด :

ก็จบไปแล้ว สําหรับบทสนทนาในวันนี้ ก็ต้องขอขอบคุณอาจารย์ลาวัณย์ อุปอินทร์ ขอบคุณอาจารย์มาก ๆ ที่มาร่วมพูดคุยกัน ทั้งเรื่องของคลิปของคุณพ่ออาจารย์พลเรือโท ศรี ดาวราย แล้วก็รวมถึงชีวิตการทํางานด้านศิลปะของอาจารย์ด้วย

สําหรับใครที่อยากติดตามผลงานอาจารย์หรือว่าร่วมพูดคุยกันก็มาหาอาจารย์ได้ที่ House of Upa-In เป็นการจัดแสดงผลงานของอาจารย์อยู่แถววัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ช่วงนี้จะมีการจัดนิทรรศการภาพวาดของอาจารย์ด้วย เนื่องในวันครบรอบ 90 ปี  จะจัดตั้งแต่วันนี้จนถึง12 มกราคม จะเป็นวันที่ครบรอบอาจารย์ 90 ปีพอดี ถ้าอยากมาชมผลงานแวะเวียนกันมาได้

 

 

ผู้สัมภาษณ์ : ชญานิษฐ์ แสงสอาด
ณ วันที่ 11 กันยายน 2567