
พิธีกร :
ขอเชิญ รองศาสตราจารย์ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กล่าวนำเข้าเสวนาในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ Landbridge ภายใต้ดุลยภาพแห่งอำนาจของจีนและสหรัฐอเมริกา”
รองศาสตราจารย์ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ :
วันนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความมุ่งหมาย และความตั้งใจในการเผยแพร่อุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตย เพื่อความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ และอุดมการณ์เพื่อราษฎรของอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ได้จัดงานเสวนาทางวิชาการซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ วันนี้ขอขอบคุณทางวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ซึ่งท่านอดีตคณบดีอาจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ ก็กรุณามาเป็นผู้นำรายการด้วย
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากของประเทศ และเป็นเรื่องที่มีแนวความคิดมายาวนาน และบางเอกสารทางประวัติศาสตร์ก็ระบุว่าย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่คงต้องมาพิสูจน์ในเชิงข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง และมีการพูดถึงว่า โครงการที่จะขุดคลองไทย หรือว่าคอคอดกระ ก็มีการศึกษาถึงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมาหลังการอภิวัฒน์ประชาธิปไตย ปี 2475 ช่วงที่อาจารย์ปรีดีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปี 2478 ท่านก็มีดำริที่จะให้มีการศึกษาที่จะขุดคลอง และมีการศึกษาหาแหล่งเงินทุนที่จะมาดำเนินการโครงการนี้ แต่ช่วงนั้นเรายังมีสนธิสัญญากับมหาอำนาจที่ยังมีความไม่เป็นธรรมอยู่ ก็ต้องแก้ไขสนธิสัญญานี้ก่อน แล้วถึงจะดำเนินการโครงการใหญ่ขนาดนี้ซึ่งจะมีผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

ถ้าเราดูความตั้งใจของอาจารย์ปรีดีก็เป็นความตั้งใจที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม และยกสถานะของประเทศไทยให้มีความสำคัญในระดับภูมิภาคและระดับโลกมากขึ้น โดยที่ก็ระมัดระวังอย่างยิ่งในเรื่องการมีเอกราชและอธิปไตย ฉะนั้นอาจารย์ปรีดีก็เสนอให้มีการใช้เงินทุนของประเทศไทยเองในการลงทุน ประเด็นเรื่องการขุดคอคอดกระ คลองไทย และ Landbridge ก็ตาม กลับมาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอีกครั้งหนึ่งภายใต้การผลักดันของรัฐบาลต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร แต่ตอนนี้แนวคิดเรื่องการขุดคลองอาจไม่ใช่ทางเลือกของผู้มีอำนาจทางการเมือง และอาจเป็นไปได้ว่าจะทำเป็น Landbridge มากกว่า ซึ่ง Landbridge เองก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในขณะเดียวกัน ผลการศึกษาก็มีความย้อนแย้งกันอยู่โดยเฉพาะหน่วยงานที่รัฐบาลจ้างให้ศึกษา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ บอกว่า ไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในขณะที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) บอกว่า “มีความคุ้มค่า” ตรงนี้เราก็ต้องการแสวงหาข้อมูลภูมิปัญญาไทยในการที่จะวิเคราะห์ ต่อการที่จะมาประเมินว่าเราควรจะดำเนินการอย่างไร
นอกจากนี้ โครงการไม่ว่าจะเป็นคอคอดกระก็ดี หรือ Landbridge ก็ดี ส่งผลในทางสิ่งแวดล้อมมากทีเดียว แล้วจะป้องกันผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร สถานการณ์ ณ ปัจจุบันก็มีการแข่งขันกันในเชิงอำนาจระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาค่อนข้างมาก รวมทั้งกลุ่มประเทศ BRICS ด้วย การรักษาสมดุลในเชิงอำนาจกับมหาอำนาจต่าง ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับโครงการที่จะเป็นโครงการโลจิสติกส์ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างสูง
ท่านผู้ฟังคงจะทราบดีว่า คลองสุเอซ ได้นำมาสู่การทำให้เกิดสงครามหลายครั้ง โดยเฉพาะสงครามระหว่างอิสราเอลกับอาหรับ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานก็เกิดเหตุขึ้นมาเพราะ อียิปต์ก็ถือว่าตัวเองเป็นเจ้าของพื้นที่ ในขณะที่คนที่ลงทุนขุดคือมหาอำนาจยุโรปถูกไหม ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาแล้วกลายเป็น Proxy War (สงครามตัวแทน) ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเราเรียกว่าเป็นสงครามอิสราเอล-อาหรับครั้งที่ 2

นอกจากนี้ หลังจากที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ชนะการเลือกตั้ง ก็เริ่มมีประเด็นเรื่องคลองปานามา และล่าสุดท่านทั้งหลายคงได้ติดตามข่าวก็คือ ลีกาชิง (Li Ka-shing) ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวจีนและเป็นคนที่ทำธุรกิจทางด้านท่าเรือได้ขายกิจการบริษัทที่ดูแลคลองปานามาให้กับบริษัทของสหรัฐอเมริกา อันนี้เป็นสัญญาณที่ผมคิดว่าในฐานะประเทศไทยจะทำโครงการใหญ่ขนาดนี้ก็จะต้องมียุทธศาสตร์ในการวางกลยุทธ์เหมือนที่ท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโสของไทยได้ให้แนวทางไว้ว่าจะรักษาสมดุลของมหาอำนาจได้อย่างไร
กรณีคลองปานามา ขอพูดสักนิดหนึ่งเพราะเป็นอุทาหรณ์ให้กับประเทศไทยด้วย คือ เดิมปานามาไม่ได้เป็นประเทศและอยู่ภายใต้ประเทศโคลัมเบีย แล้วก็ได้มีการขุดคลองขึ้นมา ในที่สุดได้มีขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อแยกประเทศ กระทั่งแยกออกมาเป็นประเทศปานามา เดิมคลองปานามาไม่ได้ขุดโดยสหรัฐอเมริกา แต่ขุดโดยมหาอำนาจยุโรปแล้วทำต่อไม่ได้เพราะ เกิดอุปสรรคเยอะ สหรัฐฯ ก็เข้ามาเข้ามา Take Over (รับช่วงต่อ) ดำเนินการต่อ และในที่สุดก็นำมาสู่การที่พื้นที่บริเวณรอบคลองเป็นพื้นที่ของสหรัฐฯ ทั้งหมด เป็นเขตเช่าของสหรัฐฯ ทั้งหมด จนเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่งสมัยรัฐบาลจิมมี่ คาร์เตอร์ (Jimmy Carter) เพราะว่ามีประชาชน มีคนชุมนุมประท้วงที่ต้องการให้คืนสิทธิบริเวณพื้นที่คลองให้กับประเทศปานามาซึ่งเป็นประเทศเอกราชที่แยกตัวออกจากโคลัมเบีย ฉะนั้น ประเด็นทางด้านภูมิศาสตร์เป็นประเด็นสำคัญ ถ้าเราจะทำอะไรในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการโลจิสติกส์ขนาดใหญ่
ส่วนประเด็นอื่น ๆ เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องผลกระทบต่อชุมชนก็เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจแน่นอนว่า ตรงนี้ก็ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีศักยภาพของเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่ว่าในเชิงประเมินในแง่เศรษฐศาสตร์ที่ดูครบถ้วนทุกด้าน ก็ยังมีสิ่งที่ย้อนแย้งกันอยู่พอสมควรหากเป็น Landbridge แต่ถ้าเป็นคลองผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจจะชัดมาก หากเป็น Landbridge อาจจะมีคำถาม เพราะว่าเนื่องจากไม่ได้แน่ใจว่าจะมีคนมาใช้บริการมากเท่าใด อย่างไร เพราะว่าต้องขึ้นลง 2 ครั้ง ผมก็คงจะเริ่มต้นเปิดประเด็นเพื่อให้ท่านวิทยากรซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ ได้ขยายข้อมูล วิเคราะห์เจาะลึก เพื่อจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน


รับชมถ่ายทอดสดฉบับเต็มได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=L3kCzDMBeOg
ที่มา : งานเสวนา PRIDI x PBIC : “อนาคตเส้นทางเศรษฐกิจ คลองไทย - คลองกระ - Landbridge “จากวิสัยทัศน์ปรีดี พนมยงค์ สู่ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจโลกแห่งศตวรรษที่ 21” วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2568 เวลา 10.00-12.00 น. ณ ห้อง PBIC 211 ชั้น 2 ตึก 60 ปี วิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์