ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
แนวคิด-ปรัชญา

ยุติสงครามด้วยสันติธรรมประชาธิปไตย

26
สิงหาคม
2568

 

 

ท่านผู้รักในสันติธรรมประชาธิปไตย ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ทายาทเสรีไทย สื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย วันนี้ถือว่าเป็นวันสําคัญของประเทศไทย เพราะว่าเป็นวาระครบรอบ 80 ปี วันสันติภาพไทย ในช่วงเช้าเราก็มีกิจกรรมเสวนาทางวิชาการที่มหาลัยธรรมศาสตร์ รวมถึงการทําพิธีในการคารวะอนุสรณ์สถานที่ได้แสดงความยกย่องบทบาทของขบวนการเสรีไทย บ่ายวันนี้ก็มีกิจกรรมที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งนี้ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทางกรุงเทพมหานครเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาร่วมกับสถาบันปรีดี พนมยงค์

ท่านทั้งหลายทราบดีอยู่แล้วว่า โลกของเราเวลานี้เผชิญกับสภาวะที่มีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ มีสงครามในหลาย ๆ จุดของโลก ทั้งที่ตะวันออกกลาง ดังเช่นกรณีอิสราเอลกับปาเลสไตน์ หรืออิสราเอลกับอิหร่าน และยังมีความขัดแย้งในยุโรป ดังเช่นกรณีสงครามยูเครน-รัสเซีย ก็ยังไม่จบสิ้น ในขณะที่บ้านเราเองก็มีเหตุปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งในขณะนี้ แม้ว่าจะหยุดยิงแล้ว แต่ว่าความขัดแย้งก็ยังดํารงอยู่

การที่จะทําให้เกิดสันติภาพอย่างถาวรนั้น จําเป็นที่จะต้องทําให้เกิดความเป็นธรรม จะต้องให้ประชาชนมีอํานาจอย่างแท้จริง ก็คือมีประชาธิปไตย ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยนั้น โอกาสในการเกิดสงครามระหว่างประเทศและสงครามภายในประเทศก็จะลดลง เพราะว่าประชาชนส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ต้องการสงคราม

ในกรณีของไทยนั้น การดําเนินวิเทโศบายชูเรื่องสันติธรรม ประชาธิปไตย และความเป็นกลางอย่างมียุทธศาสตร์นั้น มีความสําคัญต่อความสงบสุขของประชาชนในประเทศและภูมิภาคแถบนี้ เพราะอาเซียนและประเทศไทยน่าจะเป็นภูมิภาคและเป็นพื้นที่ที่จะเกิดการแข่งขันในเชิงอํานาจของชาติมหาอํานาจ ฉะนั้น การวางตัวอย่างเป็นกลางอย่างมียุทธศาสตร์การชูเรื่องสันติธรรมประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่จะทําให้เราเกิดสันสันติภาพและเกิดสันติสุข

 

 

เมื่อ 80 ปีที่แล้ว วันที่ 16 สิงหาคม 2488 ท่านรัฐบุรุษอาวุโสปรีดี พนมยงค์ ในขณะนั้นเป็นผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 8 ได้ออกประกาศสันติภาพ อันมีใจความสําคัญว่า

“การประกาศสงครามต่อบริเตนใหญ่และสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2485 นั้นเป็นโมฆะ ไม่ผูกพันกับประชาชนชาวไทย เนื่องจากเป็นการกระทําอันผิดจากเจตจํานงของประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ และขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ”

คําประกาศสันติภาพของท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ได้รับการขานรับจากทั้งสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ จากความสามารถในการดําเนินวิเทโศบายของฝ่ายไทยที่ชาญฉลาดยิ่ง เพียงแต่อังกฤษเกี่ยงว่าจะต้องให้มีการเลิกสถานะสงครามระหว่างอังกฤษกับไทยเสียก่อน จึงจะกลับมีความสัมพันธ์ตามเดิมได้ นอกจากนี้ ชาติสัมพันธมิตรบางประเทศ ดังเช่นออสเตรเลีย เห็นว่าไม่ควรปล่อยให้แนวคิดฟาสซิสต์คงอยู่ในวงการรัฐบาล หรือการปกครองของไทย และเสนอให้บรรดาผู้นํากลุ่มนิยมญี่ปุ่น และคนไทยที่เคยช่วยญี่ปุ่นอย่างเข้มแข็งจะต้องถูกจับกุม คนไทยที่ทารุณกับเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรจะต้องถูกจับกุมและลงโทษ และจัดให้มีนิรโทษกรรมแก่คนไทยที่ช่วยสหประชาชาติในด้านการโฆษณาและการกระทําผิดทางการเมืองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ขบวนการเสรีไทยได้ใช้ความพยายามทําให้อังกฤษและสหรัฐอเมริการับรองการประกาศสงครามที่รัฐบาลไทยทําต่อสองประเทศนั้นเป็นโมฆะ ส่วนจีน ฝรั่งเศส และสหภาพโซเวียตที่เป็นสัมพันธมิตรในขณะนั้นก็ไม่ยอมเลิกสถานะสงครามหรือกลับคืนสู่ปกติได้ง่ายๆ ขบวนการเสรีไทย และรัฐบาลบางชุดภายหลังสงครามได้ใช้ความพยายามให้ประเทศเหล่านี้ยอมยกเลิกสถานะสงคราม ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ประเทศไทยได้รับการรับรองให้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ 

ขบวนการเสรีไทยนั้นเกี่ยวพันกับการต่อสู้เพื่อเอกราชและอธิปไตย และในขณะเดียวกัน ก็มีจุดยืนในเรื่องการไม่รุกรานและจุดยืนเรื่องสันติภาพ เพราะว่าหัวหน้าขบวนการเสรีไทย (นายปรีดี พนมยงค์) นั้น ในขณะที่ดํารงตําแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังท่านเห็นสัญญาณของสงครามใหญ่ในโลก จึงเป็นผู้อํานวยการในการสร้างภาพยนตร์พระเจ้าช้างเผือก ซึ่งขณะนั้นก็มีกระแสที่หลายประเทศเริ่มถูกปกครองโดยลัทธิเผด็จการฟาสซิสต์ ท่านอาจารย์ปรีดีก็ได้สร้างภาพยนตร์และเขียนนวนิยายเรื่อง “พระเจ้าช้างเผือก” ซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนสันติภาพให้กับชาวโลกได้รับรู้

 

 

ท่านอาจารย์ปรีดียังได้เขียนในหนังสือ “โมฆสงคราม” ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีความสําคัญเพราะว่าเป็นการรวบรวมเอกสารชั้นต้นทางประวัติศาสตร์มาเผยแพร่ และได้เขียนถึงเบื้องลึกเบื้องหลังในการเจรจาทางการเมืองและการทูตที่ทําให้ประเทศไทยไม่ตกอยู่ในสถานะผู้แพ้สงคราม หากเราแพ้สงคราม ประเทศไทยก็อาจจะไม่มีรูปร่างลักษณะอย่างปัจจุบัน อาจจะถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศเหมือนเยอรมนีตะวันออกและเยอรมนีตะวันตก หรือเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ แต่ที่เรารักษาความเป็นเอกราชอธิปไตยไว้ได้ และในขณะเดียวกัน ก็ได้ยืนหยัดในจุดยืนสันติภาพ ไม่รุกรานใคร ก็เป็นสิ่งที่บรรพชนของไทย โดยเฉพาะสมาชิกเสรีไทยที่ได้สละชีวิต รวมถึงเสียสละจนทําให้เราเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ ซึ่งเราก็ต้องช่วยกันรักษากันต่อไป 

การที่จะรักษาให้ประเทศไทย รวมทั้งภูมิภาคแถบนี้เป็นภูมิภาคที่มีสันติภาพนั้น เราก็จําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเราเอง หรือแม้กระทั่งภูมิภาคนี้เป็นภูมิภาคที่ยึดถือเสียงของประชาชนเป็นใหญ่ การยึดถือเสียงของประชาชนเป็นใหญ่ก็คือการยึดมั่นและต่อสู้เพื่อให้มีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย เพราะว่าประชาชนส่วนใหญ่นั้นไม่ต้องการสงคราม สงครามมักจะเกิดจากชนชั้นนำในการต่อสู้เพื่อรักษา ปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ฉะนั้น สันติธรรมประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้ ก็คือต้องมีความเป็นธรรม และต้องมีประชาธิปไตย

 

 

หมายเหตุ :

  • ถอดความและเรียบเรียงใหม่โดยกองบรรณาธิการ

รับชมถ่ายทอดสดฉบับเต็มได้ที่ : https://youtube.com/live/w3V0ffe6CAI

 

ที่มา :

  • PRIDI x BMA : 80 ปี วันสันติภาพไทย วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 13.00-19.00 น. ณ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1