ภายในพระตำหนัก พระเจ้าหงสาบรรทมอยู่บนพระที่เตี้ย ๆ ซึ่งคลุมด้วยขนสัตว์ที่ล่ามา ทรงเป็นนักล่าสัตว์และนักดื่มที่ยิ่งใหญ่ ทรงโปรดปรานหญิงงามทั้งหลายที่ธรรมชาติสร้างไว้ประดับโลก
ในขณะนั้นเป็นช่วงที่ความร้อนระอุของกลางวันเพิ่งผ่านพ้นไป
พระเจ้าหงสาทรงตื่นบรรทม พลางชำเลืองพระเนตรชมหมู่หญิงงาม ซึ่งถวายงานอยู่อย่างพอพระทัย บรรดาเสนาบดีต่างก็นั่งอยู่รอบ ๆ แท่นบรรทมเพื่อรอฟังข่าวสำคัญ อันเป็นเหตุให้เหล่าเสนาอำมาตย์ทั้งหลายมาชุมนุมกันอยู่ ณ ที่นี้
พระเจ้าหงสาทรงสั่นพระเศียร ทรงครุ่นคิดชั่วขณะ และแล้วก็ตัดสินพระทัยที่จะมีพระดำรัส
“ข้าฯ เพิ่งได้รับคำตอบจากกษัตริย์โมกุล ท่านเห็นชอบเช่นเดียวกับข้าฯ ว่า เพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งบ้านเมืองของเรา กรุงอโยธยาจักต้องถูกทำลาย…”
สมุหราชมณเฑียรหงสา กราบบังคมทูลแทรกขึ้นมา
“ขอเดชะฯ สมควรจะมีสาเหตุจำเป็นพอที่จะทรงประกาศสงคราม อันว่ากรุงอโยธยานั้น หาได้มีเรื่องขัดใจกับฝ่ายเราไม่ และพระเจ้าจักราก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อเรา ข้าพระพุทธเจ้ามิเข้าใจว่าทำไมเราจะต้องไปทำสงครามกับเขา พ่ะย่ะค่ะ”
แต่อัครมหาเสนาบดีหลีกเลี่ยงความยุ่งยากด้วยการชิงกล่าวว่า
“พระบัญชาของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ก็ย่อมเพียงพอแล้ว พ่ะย่ะค่ะ”
สมุหราชมณเฑียรทูลต่อ
“ขอเดชะฯ หากรุกรานกรุงอโยธยาแล้ว ทั่วทั้งโลกจะเป็นปัจจามิตรกับพระองค์” คำพูดนี้ทำความประหลาดพระทัยให้แก่พระเจ้าหงสา ทรงพระสรวลขึ้นดัง ๆ
“ทั้งโลก เจ้าคิดหรือว่าทั้งโลกเขาจะจัดตั้งเป็นสันนิบาตขึ้นมาต่อต้านข้าฯ”
“ขอเดชะฯ” สมุหราชมณเฑียรทูลต่ออย่างวิตก “พระองค์เพิ่งจะทรงลงพระนามในสนธิสัญญาว่าด้วยการยุติกรณีพิพาทโดยมีผู้ไกล่เกลี่ยอย่างสันติกับกรุงอโยธยา เมื่อเดือนที่แล้วนี่เองนะ พ่ะย่ะค่ะ”
พระเจ้าหงสาทรงพระสรวลขึ้นดัง ๆ อีกครั้งหนึ่ง ทรงหันมาทางอัครมหาเสนาบดี
“ฟังเจ้าสมุหราชมณเฑียรว่าซิ ใช่ สนธิสัญญา แล้วข้าฯ จะแสดงให้ดูเองว่า จะทำอย่างไรกับสนธิสัญญา”
พระเจ้าหงสาทรงชี้ไปที่ตู้ใบหนึ่งพลางสั่งนางผู้หนึ่ง
“ไปเอาสนธิสัญญากับกรุงอโยธยามาซิ”
เมื่อนางผู้นั้นนำเอกสารฉบับนั้นมาถวาย ทรงเปิดอ่านอย่างรวดเร็วและทรงบ่นพึมพำว่า
“สนธิสัญญาว่าด้วยการยุติความขัดแย้งโดยมีผู้ไกล่เกลี่ยอย่างสันติระหว่างหงสาและอโยธยา…”
จากนั้นด้วยพระลักษณาการอันแข็งกร้าวรุนแรง
“สนธิสัญญา…ทุด…” พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงลุแก่โทสะก็ทรงฉีกเอกสารข้อตกลงออกเป็นชิ้น ๆ ปลิวว่อนไปปะทะใบหน้าของสมุหราชมณเฑียรผู้น่าสงสารซึ่งถอยร่นไปอยู่ด้านหลัง
อัครมหาเสนาบดี เห็นเป็นโอกาสดีที่ทูลเพิ่มเติม
“เรามีทางเลือก ๒ ทาง พ่ะย่ะค่ะ คือทำสงครามเดี๋ยวนี้ หรือไม่คิดจะทำเลย ข้าพระพุทธเจ้าได้ทราบข่าวมาว่ากรุงอโยธยาเพิ่งทำการจับช้างได้หลายเชือก พ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายบุเรงกล่าวขึ้นบ้าง
“ไม่เพียงแต่เท่านั้น พระเจ้าจักรายังได้ช้างเผือกไว้ด้วยหนึ่งเชือก ซึ่งนับว่าเป็นลางดีของฝ่ายเขา”
“ช้างเผือก เออ ดีล่ะ เจ้าจงไปเตรียมการสงครามเดี๋ยวนี้ ในขณะที่ข้าฯ จะส่งคณะทูตไปเรียกร้องให้พระเจ้ากรุงอโยธยา ยกช้างเผือกให้ข้าฯ ซึ่งพระเจ้าจักราคงจะไม่ยินยอมอย่างแน่นอน จากนั้นข้าฯ ก็จะถือว่าการไม่ยอมให้ช้างเผือกเป็นการยั่วยุให้เกิดสงคราม เจ้าจงรีบไปกรุงอโยธยาทันที โดยบอกพวกเขาว่า หากยังต้องการอยู่ต่อไปอย่างสันติ ก็ต้องมอบช้างเผือกมาให้ข้า หาไม่แล้ว ข้าฯ จะทำลายกรุงอโยธยาให้พินาศ”
หมายเหตุ :
- อักขรวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
บรรณานุกรม :
- ปรีดี พนมยงค์, พระเจ้าหงสาขอช้างเผือก, พระเจ้าช้างเผือก (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก, ๒๕๔๒), น. ๓๖-๓๘.
อ่านนวนิยาย "พระเจ้าช้างเผือก" ในรูปแบบ E-Book ได้ที่นี่
สั่งซื้อนวนิยาย "พระเจ้าช้างเผือก The King Of The White Elephant" ได้ที่นี่