ครูเตียง ศิริขันธ์ เกิด พ.ศ.๒๔๕๒ ในครอบครัวเชื้อสายขุนนางท้องถิ่น ตระกูล “ศิริขันธ์” หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จากโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูลและเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จากโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล มณฑลอุดร แล้วครูเตียงได้รับทุนของมณฑลอุดร เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนฝึกหัดครูวัดบวรนิเวศสอบไล่ได้วุฒิ ครู ป.ป. (ประกาศนียบัตรครูประถม) ใน พ.ศ.๒๔๗๐ และศึกษาต่อแผนกอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สอบไล่ได้วุฒิ ครูป.ม. (ประกาศนียบัตรครูมัธยม) ในพ.ศ.๒๔๗๓ (ประวัติครู, ๒๕๐๒ : ๒๔๐, ๒๖๗)
ครูเตียงเริ่มรับราชการครั้งแรกที่โรงเรียนฝึกหัดครูวัดบวรนิเวศ พอถึงปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ทางมณฑลอุดร ต้นสังกัดขอให้ส่งตัวกลับ จึงย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล จังหวัดอุดรธานี
ต่อมาประมาณเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ครูเตียงพร้อมเพื่อนครูอีก ๓ คน มี นายญวง เอี่ยมศิลา, นายปั่น แก้วมาตย์ และ นายสุทัศน์ สุวรรณทัต ถูกเจ้าหน้าตำรวจจับกุมดำเนินคดีในข้อหากบฏ มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ แต่คณะกรรมการตาม พ.ร.บ. จัดการป้องกันรักษารัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๔๗๖ ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยว่า “ยังไม่พอฟังได้ว่าคดีมีมูลดั่งหา” ครูเตียงกับเพื่อนอีกสองคนจึงได้รับการปล่อยตัว
มีเพียง นายญวง เอี่ยมศิลา ที่ศาลฎีกาพิพากษาตัดสินให้จำคุก ๑๐ ปี (หอจดหมายเหตุแห่งชาติ (๒) สร๐๒๐๑/๔๓๗ เรื่องผู้มีชื่อต้องหาว่าเผยแพร่หรือนิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ (๑๓ ก.พ. ๒๔๗๕-๓๐ มี.ค. ๒๔๙๔) และ ม.ท.๔.๔.๑/๕๐ เรื่องส่งตัวนายยวง เอี่ยงศิลา ไปคุมขังที่กองลหุโทษเพื่อแถลงคดีที่ศาลฎีกา)
หลังจากได้รับการปล่อยตัว ครูเตียงย้ายมาพำนักที่กรุงเทพฯ ทำงานที่โรงเรียนฝึกหัดครูเพ็ชรบุรีวิทยาลงกรณ์ ทำงานหนังสือพิมพ์ แปลและเรียบเรียงหนังสือไปด้วย ใช้ทั้งชื่อจริง, นามสกุล “ศิริขันธ์” และนามปากกาว่า “ขันติธรรม” (หอสมุดแห่งชาติ, ๒๕๒๙ : ๗) มีผลงานการประพันธ์ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ หนังสือชุดเพื่อนครู (มี ๕ เล่ม : ๒๔๗๓-๒๔๘๐), แปลและเรียบเรียงงานของ ยัง ยาคส์รุสโซ (Jean Jacques Rousseau) ใช้ชื่อว่า “เอมีลหรือการศึกษา” (พิมพ์ครั้งแรก ๒๔๗๙ พิมพ์ ครั้งที่ ๒ : ๒๕๕๔), ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์เสรีราษฎร์ (๒๔๗๙)

หนังสือ “เพื่อนครู” หนึ่งในห้าเล่ม โดย เตียง ศิริขันธ์ สำหรับใช้ในการเตรียมสอบวิชาชุดประโยคครูประถมและครูมัธยม
ที่มา : สำนักพิมพ์อ่าน
และร่วมกับนายจำรัส สุขุมวัฒนะ แปลและเรียบเรียงหนังสือเรื่อง “หัวใจปฏิวัตรในฝรั่งเศส” (ม.ป.ป.) ซึ่งเล่มสุดท้ายนี้ถึงแม้จะไม่ปรากฏในตัวเล่มว่าตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อใด แต่จากคำนำกล่าวไว้ชัดเจนว่าเขียนเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๐ งานเขียนทั้งหมดที่กล่าวมาจึงสะท้อนถึงแนวคิด ความตื่นตัวทางการเมืองที่ครูเตียงมีต่อการปฏิวัติเปลี่ยนระบอบการปกครองเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๕
เมื่อรัฐบาลจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ครูเตียงเป็นปัญญาชนอีกคนหนึ่ง ที่ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง ครูได้รับเลือกตั้งเข้าปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ของจังหวัดสกลนคร นับตั้งแต่การเลือกตั้งใน พ.ศ.๒๔๘๐ มาจนถึงปี พ.ศ.๒๔๙๕ เรียกได้ว่าเป็น ส.ส.จังหวัดสกลนคร รวม ๕ สมัยอย่างต่อเนื่อง
เคยได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรี” ร่วมในรัฐบาลรวม ๓ คณะคือ รัฐบาลนายทวี บุณยเกตุ (๓๑ สิงหาคม-๑๗ กันยายน ๒๔๘๘), รัฐบาล ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช (๑๗ กันยายน ๒๔๘๘ ๓๑ มกราคม ๒๔๘๙) และรัฐบาลพลเรือตรี หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ (๒๓ สิงหาคม ๒๔๘๙-๓๐ พฤษภาคม ๒๔๙๐) (นิพัทธ์ สระฉันทพงษ์, ๒๕๔๔: ๔๕-๕๐, ๕๘-๖๐)
ภายหลังรัฐประหาร ๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๐ ครูเตียงถูกเพ่งเล็งว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุน นายปรีดี พนมยงค์ จึงเป็นนักการเมืองอีกคนหนึ่งที่ต้องจบชีวิตจากการถูกวิสามัญฆาตกรรมในคืนวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๕
ภาพลักษณ์ ของครูเตียง ศิริขันธ์ ที่ปรากฎมาโดยลำดับนั้น เปรียบเสมือนเหรียญที่มี ๒ ด้าน ด้านหนึ่งครูเตียงเคยถูกจับ ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็น “ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์” เป็น “กบฏแบ่งแยกดินแดน” ถูกสื่อมวลชนตั้งสมญานามว่าเป็น “ขุนพลภูพาน” ผู้มีอิทธิพลอยู่เหนืออำนาจรัฐที่ยากต่อการจับกุมดำเนินคดี
แต่ในอีกด้านหนึ่งครูเตียงกลับได้รับการกล่าวถึงในฐานะเป็น ส.ส. “ดาวสภา” ผู้แสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการใช้อำนาจเผด็จการอย่างแข็งขัน ทั้งยังพยายามปกป้อง รักษาและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาประเทศและการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้เจริญก้าวหน้า เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมทางสังคม เมื่อครูมีประสบการณ์ทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น ครูยังเข้าไปมีส่วนร่วมในการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อสร้างสันติภาพถาวรให้เกิดขึ้นแก่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย

ส.ส.เตียง ศิริขันธ์ ผู้แทนราษฎรของชาวสกลนคร เจ้าของฉายา “ดาวสภา”
ที่มาของภาพลักษณ์ข้างต้น ผู้เขียนเคย “เล่า” ไว้บ้างแล้วในเล่ม “รำลึก เตียง ศิริขันธ์ ๖๗” (๒๕๖๗) ว่าจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ครูเตียงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางชีวิตจาก “ครู” ไปสู่การเป็น “นักการเมือง” นอกจากจะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ตรงของชีวิตที่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อกล่าวหากบฎ มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ใน พ.ศ.๒๔๗๘ แล้ว
ยังเกิดจากความตื่นตัวทางการเมืองของท่านเองด้วย ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากข่าวสารการปฏิวัติเปลี่ยนระบอบการปกครองเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๕ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลคณะราษฎรมุ่งหมายจะใช้การศึกษาภาคบังคับ ผ่านการปรับปรุงแผนการศึกษาชาติ การสนับสนุนให้ครูช่วยกันสร้างแบบเรียน และให้ครูทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง ในการประชาสัมพันธ์ระบอบการปกครองใหม่สู่สาธารณชน (ปวีณา วังมี, ๒๕๔๓)
อันมีผลทำให้ครูทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ในพระนคร หัวเมืองและตามชนบทเกิดความตื่นตัวทางการเมือง งานเขียน งานแปลและงานเรียบเรียงของครูเตียงทุกชุดดังที่กล่าวมาข้างต้น จึงเปรียบเสมือนประจักษ์พยานที่สะท้อนถึงความตื่นตัวทางการเมือง แนวคิดและเป้าหมายของการเข้ามาทำหน้าที่ทางการเมืองของท่านได้ อย่างชัดเจน
หมายเหตุ
- คงอักขระตัวสะกดตามต้นฉบับ
- คงเลขไทยตามต้นฉบับ
- วรรคย่อหน้าตามความเหมาะสมโดยกองบรรณาธิการ