ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
แนวคิด-ปรัชญา

นายทุน ขุนศึก ศักดินา และประชาชน

3
กรกฎาคม
2565

 

เรียนประชาชนที่เคารพ ผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดที่แท้จริง จริงๆ ต้องเรียนว่าผมมาเวทีนี้อาจจะด้วยความอ่อนแรงสักเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะไปติดโควิดอะไรมา แต่กำลังลับมีดอยู่ เนื่องจากว่าเป็นช่วงเวลาที่ใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจ

 

 

ผมเองในฐานะที่เป็น ส.ส. ของพรรคก้าวไกล เรากำลังเตรียมความพร้อมในเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้อย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าคนที่อยู่ในห้องนี้ และพี่น้องประชาชนอีกจำนวนมาก อยากจะให้ลุงไปเลี้ยงหลานนานแล้ว ก็ลุ้นกันอยู่เมื่อไหร่ฝ่ายค้านจะเอาออกได้สักที รอบนี้เป็นรอบสุดท้ายของฝ่ายค้านที่เราจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งผมเชื่อว่ามีโอกาสที่เราอาจจะสร้างความเป็นไปได้ แต่ถ้าทำยังไม่สำเร็จจริงๆ ผมก็เชื่อว่า ดาบที่สอง คือดาบของพี่น้องประชาชนจะเป็นคนถือ “มีดประหารสุนัข” ในวันเลือกตั้ง 

ขออนุญาตตอบในสิ่งที่อาจารย์พวงทองได้นำเสนอ ในเรื่องของอยากให้ประเทศไทยลงนามในส่วนของ ICC ผมในฐานะที่เป็นโฆษกของพรรคก้าวไกล ขอให้อาจารย์ได้ทราบว่าพรรคก้าวไกลเรามีจุดยืนในการสนับสนุนข้อเสนอของอาจารย์

 

 

พี่น้องประชาชนที่รักครับ ถ้าผมถามพี่น้องในห้องนี้ ว่าวันนี้เรามีประชาธิปไตยหรือไม่ ทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเราไม่มี ตลอด 90 ปีที่ผ่านมา ในความรู้สึกผมก็คล้ายกัน มันคล้ายๆ กับหมุดคณะราษฎร มันเหมือนจะมีแต่มันก็หายไป แต่มันก็น่าจะอยู่สักที่แห่งไหนแห่งหนึ่งในโลกใบนี้ เช่นเดียวกัน เรามีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง มันเหมือนเราจะมีประชาธิปไตย แต่สุดท้ายภายใต้การรัฐประหารในแต่ละครั้ง การฆาตกรรมบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคณะราษฎรต่างๆ ไปจนถึงการลี้ภัยของคณะราษฎร ผ่านการใส่ร้ายป้ายสีอาจารย์ปรีดี ทำให้ประชาธิปไตยของพวกเราลุ่มๆ ดอนๆ วันเวลาผ่านไปเป็นเวลานาน มีการลุกขึ้นสู้ของพี่น้องประชาชนหลากหลายครั้ง เวลาผมอ่านเรื่องราวของพวกเขา ผมมีความรู้สึกว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ในทุกวันนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรจากสิ่งที่พวกเขาทำในวันนั้น การต่อสู้ครั้งนั้น สู้ไปสู้มาในท้ายที่สุดเรามีรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่ง คือ รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่หลายคนพูดกันว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เป็นความหวังว่าเราจะไม่มีรัฐประหารอีกแล้ว เป็นความหวังว่าประเทศไทยได้เปลี่ยนไปแล้ว 

แต่เรามีความสุขได้ไม่นาน เพราะในท้ายที่สุดปี 2549 และปี 2557 วัฏจักรแห่งการรัฐประหารก็ได้กลับมาอีก พวกเขายึดอำนาจที่ควรจะเป็นของประชาชนจากพวกเราไป พวกเขาทำให้คนที่ออกมาปกป้องประชาธิปไตย คนที่ออกมาปกป้องอำนาจสูงสุดที่ควรจะเป็นของประชาชนถูกดำเนินคดี นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นแทบจะทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร

 

 

หลังจากการรัฐประหารเกิดขึ้น สิ่งที่ตามมา พวกเขาได้สร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นรัฐธรรมนูญที่สืบทอดเจตจำนง ที่ไม่ใช่ของประชาชน แต่เป็นของคนไม่กี่คน รัฐธรรมนูญปี 2550 ได้ทำให้เกิดรัฐบาลที่ไม่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน และสิ่งนี้นำมาสู่เหตุการณ์เดือนเมษายนและพฤษภาคม 2553 ที่พี่น้องประชาชนในวันนั้นเขาแค่ต้องการรัฐบาลที่เป็นตัวแทนของพวกเขา เขาแค่ต้องการแค่นั้นเอง เขาเดินทางมาจากหลากหลายที่ หวังว่าการมาชุมนุมที่เมืองฟ้าอมรกรุงเทพมหานครมันจะปลอดภัย 

ถ้าเราย้อนกลับไปวันนั้นแล้วเราพูดคุยกันว่าอาจจะมีการสังหารหมู่กลางเมือง ผมเชื่อว่าหลายคนไม่เชื่อในเรื่องนี้ แต่นั่นล่ะครับพี่น้องประชาชนที่รัก การสังหารหมู่เกิดขึ้น มีพี่น้องประชาชนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงถูกฆ่าตาย กรุงเทพมหานครเปลี่ยนจากเมืองฟ้าอมรไปเป็นทุ่งสังหารสำหรับพี่น้องประชาชนที่เห็นต่างทางการเมือง พวกเขารอคอยความยุติธรรมจนถึงวันนี้ เรายังจับปลาตัวใหญ่ เอาตัวการใหญ่มาลงโทษไม่ได้เลย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมสนับสนุนข้อเสนอของอาจารย์พวงทอง 

หลังจากปี 2553 สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา 10 ปีให้หลัง แน่นอนมันอาจจะไม่นองเลือดเหมือนคราวที่แล้ว แต่การรวมตัวของคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ผู้มีอำนาจก็ทำลายความหวังของเขาอีกแล้ว ผมอยู่ในเหตุการณ์การรวมตัวของพี่น้องประชาชนเมื่อปี 2563 เวลาคนรุ่นใหม่เหล่านี้เขาเจอกับเจ้าหน้าที่ สิ่งที่เขาทำ เขาไม่มีอาวุธอะไรเลยนะ เขามีดอกกุหลาบยื่นให้ แต่มันจบลงด้วยแก๊สน้ำตา มันจบลงด้วยรถฉีดน้ำแรงดันสูง แล้วมันก็เกิดแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ 

ขณะเดียวกันแกนนำและเยาวชนอีกหลายคนถูกดำเนินคดี ถูกจับกุม ด้วยข้อหาที่ร้ายแรงราวกับว่าเขาไปฆ่าใครตาย วันเวลาผ่านไปแกนนำบางคนถูกขัง ใบปอ ผักบุ้ง เขาคือ เยาวชนที่ไม่ควรจะโดนอะไรแบบนี้ ถ้าผู้มีอำนาจยังมีหัวใจผมอยากวิงวอนให้เขาได้รับการประกันตัว คุณสมบัติ ทองย้อย เขาคือคนที่รักประชาธิปไตย เขาไม่สมควรจะโดนอะไรแบบนี้ และใครก็ตามไม่สมควรที่จะเจอแบบนี้เพียงแค่เพราะเขาออกมาปกป้องอำนาจที่เป็นของเขา 

ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีคนถูกดำเนินคดีไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,800 คน ถ้าไปไกลกว่านั้น ปี 2557 มีคนที่ถูกดำเนินคดีมากกว่า 3,000 คน เราดำเนินคดีกับคนรุ่นใหม่ เราดำเนินคดีกับคนที่เป็นเยาวชนของชาติ เราเรียกพวกเขาว่า อนาคตของประเทศนี้ แล้วถามว่าคุณเอาเขาไปขัง เขาจะเป็นอนาคตให้กับประเทศนี้ได้อย่างไร 

พี่น้องประชาชนที่รักครับ ตลอด 2 ทศวรรษให้หลังจนถึงปัจจุบัน ผมคิดว่าคำ 3 คำที่ผุดขึ้นมาในหัวของผมเวลาที่มองบรรยากาศของสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ตายก็ติดคุก ไม่ติดคุกก็ลี้ภัย หรือถ้าจะเพิ่มคำที่ 4 ก็คือ เผลอๆ ไปโดนอุ้มขณะลี้ภัยด้วย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก คำถามก็คือว่า เราเรียนรู้กันพอหรือยัง?

 

 

สำหรับผม ผมเชื่อว่าพอแล้ว ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนทุกคนรู้สึกพอแล้ว แน่นอนผู้มีอำนาจเขาอยากจะให้พี่น้องหยุด เราต่างรู้ดี แต่การหยุดหมายความว่าพี่น้องต้องอยู่กันอย่างหวาดกลัว และอยู่กันอย่างที่ประเทศนี้ไม่มีอนาคต เพราะประเทศนี้ไม่ใช่ของพวกเราแต่คือของพวกเขา นั่นคือสิ่งที่พวกเขาตั้งใจให้พวกเรารู้สึก แต่พี่น้องประชาชนไม่เคยหยุด และประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพวกเราไม่เคยหยุด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่านักการเมืองทุกคน พรรคการเมืองทุกพรรคที่ต้องการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน เราจะหยุดไม่ได้ เรามีหน้าที่ในการสานเจตจำนงของคณะราษฎร และของพี่น้องประชาชนที่ยังสู้อยู่เพื่อให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนทุกคน 

ถ้าเราดูตลอด 90 ปีที่ผ่านมา เราสามารถแบ่งผู้เล่นคนสำคัญ ในการทำให้การเมืองของพวกเราไม่มีความคืบหน้า ไม่มีความเปลี่ยนแปลง คนที่หนึ่งคือ นายทุน คนที่สองคือ ขุนศึก และคนที่สามคือ ศักดินา 

นี่คือบทเรียนสำคัญตลอด 90 ปีที่ผมถอด และ พรรคก้าวไกลถอด คือ ถ้าเราไม่จัดการกับคนเหล่านี้ ประเทศไทยไม่มีทางที่จะกลายเป็นประเทศที่เท่ากันทุกคนได้ แน่นอนเราพยายามหยุดยั้งพวกนายทุน ขุนศึก และศักดินา ผ่านการสร้างความเท่าเทียม ผ่านการแข่งขันที่เสรี ผ่านกฎหมายต่างๆ ที่เราพยายามผลักดันในสภา แน่นอนเราอาจจะผ่านไม่ได้ทั้งหมด แต่ผมคิดว่าไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มันได้เริ่มแล้ว เราพยายามหยุดยั้งพวกนายทุน ขุนศึก และศักดินา ผ่านการสร้างความโปร่งใสต่างๆ ในการอภิปราย 

ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายเกี่ยวข้องกับงบของสถาบันพระมหากษัตริย์ การเสนอแก้ไขมาตรา 112 อาจจะยังไม่สำเร็จ แต่วันนี้ได้เริ่มแล้ว เราพยายามหยุดยั้งพวกนายทุน ขุนศึก และศักดินาที่ต้องการนำประเทศไทยถอยกลับไปยังระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ผ่านการเสนอ พ.ร.ก. โอนอัตรากำลังพล ซึ่งถึงแม้พวกกระผมจะคัดค้านกฎหมายนี้ไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยๆ ในประวัติศาสตร์ได้เห็นแล้วว่านักการเมืองจำนวนไม่น้อย ได้พยายามคัดค้านกฎหมายฉบับนี้ แล้วผมเชื่อว่าถ้าประเทศก้าวไกลก้าวหน้ากว่านี้ เราจะคัดค้านสำเร็จ 

พี่น้องประชาชนที่รักครับ มีผู้อาวุโสทางการเมืองจำนวนมากได้มาคุยกับผม พวกเขาบอกว่าการที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ มีสาเหตุสำคัญมาจากการที่เราคัดค้าน พ.ร.ก. โอนอัตรากำลังพล เมื่อผมได้ทราบเรื่องนี้ สิ่งที่ผมคุยกับคนที่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง และโดนดำเนินคดีในภายหลังก็คือ อาจารย์รู้สึกเสียใจมั้ย ทุกคนที่ได้รับผมกระทบจากการตัดสิทธิ์ทางการเมืองบอกกับผมว่าไม่มีใครเสียใจเลย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะตัดสินใจเหมือนเดิม 

ผมนำบทสนทนานี้มาคุยกันต่อในพรรคก้าวไกล ว่าพวกเราจะทำอย่างไร ทางเลือกที่หนึ่งทางเราอยู่กันแบบสยบยอม เอาล่ะต่อไปนี้ “อยู่เป็น” ไม่ต้องมีกระดูกสันหลังมันแล้ว เราจะกลายเป็นนักการเมืองที่ทรยศต่อประชาชน ทางเลือกที่สองคือทางเลือกที่มีกระดูกสันหลัง เราจะยังทำหน้าที่ต่อไปอย่างตรงไปตรงมา อะไรผิดว่าผิด อะไรถูกว่าถูก เราจะกลายเป็นนักการเมืองที่มีกระดูกสันหลัง แต่ในขณะเดียวกัน เราก็อาจจะมีความเสี่ยงที่จะโดนแบบเดียวกันกับที่พรรคอนาคตใหม่โดน ในท้ายที่สุดเราตัดสินใจเลือกข้อที่สอง และการตัดสินใจเลือกข้อที่สองนำพาพวกเราไปสู่การยื่นเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 วันนี้เราอาจจะยังผลักดันไม่ได้ แต่อย่างน้อยนี่คือบทสรุปบางอย่างของสังคมว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยน 

สำหรับการมองอนาคตเพื่อที่เราจะหยุดยั้งนายทุน ขุนศึก ศักดินา ที่พวกเขาใช้เครือข่ายความเป็นพวกพ้องในการกินรวบประเทศ ผมคิดว่าเรามีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้เกิด 6 ข้อ ถ้าเราไม่ต้องการเห็นประเทศกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ไม่ว่าผลการเลือกตั้งในครั้งหน้าจะเป็นยังไง 6 ข้อนี้จะต้องบรรลุเป้าหมายให้ได้ ถ้าบรรลุเป้าหมายไม่ได้ แสดงว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปเราล้มเหลว

 

 

ข้อที่ 1 ถ้าเราไม่อยากจะกลับไปสู่ระบอบการรัฐประหาร ถ้าเรารู้สึกว่าพอได้แล้วกับการเหนี่ยวรั้งด้วยกองทัพ เราจำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพ

ข้อที่ 2 ถ้าเราเห็นปัญหาว่ารัฐราชการรวมศูนย์ที่ใช้อำนาจโดยการไม่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน หลังเลือกตั้งครั้งหน้าถึงเวลาที่เราต้องยุติรัฐราชการรวมศูนย์ 

ข้อที่ 3 เราเห็นประจักษ์อย่างชัดเจน ว่ากลุ่มทุนผูกขาดไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ ที่เป็นเสือ สิงห์ กระทิง แรดต่างๆ กินรวบประเทศ มีความสัมพันธ์กับคนในเครื่องแบบ ใช้กลไกความสัมพันธ์นี้ในการทำให้เกิดการรัฐประหาร แหล่งเงินมาจากนายทุนเหล่านี้ ถ้าเราต้องการหยุดยั้งระบบแบบนี้ เราต้องช่วยกันให้เกิดการทลายทุนผูกขาดให้ได้ 

ข้อที่ 4 ผมคิดว่าตั้งแต่ช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนที่ถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 มากกว่า 200 คดี ผมคิดว่าเราเรียนรู้พอแล้ว เราเรียนรู้พอแล้วที่จะต้องหยุดยั้งการดำเนินคดีด้วยมาตราแบบนี้ ข้อเสนอของผมคือการเสนอว่าเราจะต้องแก้ไขมาตรา 112 เพื่อไม่ให้มาตรา 112 ไปรังแกใครได้อีกแล้ว 

ข้อที่ 5 ถ้าเราอยากจะมองไปอนาคต เราอยากจะเห็นคนรุ่นใหม่กลับเข้ามารวมพลังกันเพื่อทำให้ประเทศนี้ดีขึ้น เราปล่อยให้พวกเขาอยู่ในเรือนจำแบบนี้ไม่ได้ เราปล่อยให้น้องมายด์มีคดี 13 คดีแบบนี้ไม่ได้ เราปล่อยให้เพนกวินมีคดีเป็น 40 คดีไม่ได้ เราต้องนิรโทษกรรมให้กับพวกเขา

และข้อสุดท้าย ประเทศนี้จะกลับไปที่เดิม ถ้าเราไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นของประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นของประชาชนจะทำให้ทุกองค์กรยึดโยงกับประชาชน ทำหน้าที่เพื่อประชาชน และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง 

สุดท้ายนี้ครับพี่น้องประชาชนที่รัก ผมอยากจะหยิบยกเอาคำพูดของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าของพรรคก้าวไกล คุณพิธาได้เคยกล่าวประโยคนี้และผมคิดว่ามันจริงมากๆ สำหรับตัวผม ซึ่งเคยกล่าวเอาไว้ในสภาครับ เป็นวันรำลึกครบรอบการอภิวัฒน์ก็คือวันนี้แต่เมื่อปีที่แล้ว คุณพิธาได้พูดอย่างนี้ครับ 

“ท้ายที่สุดผมอยากฝากไปยังผู้มีอำนาจทุกท่านที่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถเหนี่ยวรั้งเข็มนาฬิกาไว้ได้ ผมขออวยพรให้ท่านมีอายุยืนเพียงพอที่จะเห็นความพยายามของท่านล่มสลายไม่มีชิ้นดี ได้เห็นความต้องการของท่านถูกบดขยี้ด้วยกงล้อของเวลา ที่เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และได้มีโอกาสรับรู้กับตาของท่านเองว่าผู้คนและยุคสมัยจะตราหน้าของพวกท่านเอาไว้อย่างไรในประวัติศาสตร์ของชาติเรา” 

ในนามของประชาชน “อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎรทั้งหลาย” ขอบคุณครับ           

 

 

 

ที่มา : PRIDI Talks #16: 90 ปี แห่งการอภิวัฒน์สยาม “อุดมการณ์เพื่อชาติและราษฎรไทย” วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2565 เวลา 14.00 - 17.00 น. ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

รับชมคลิปเต็มได้ที่ : https://www.facebook.com/418729291509368/videos/596090475158070