ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
แนวคิด-ปรัชญา

ประกันสังคม ขยายฐานสู่สวัสดิการถ้วนหน้า

28
พฤศจิกายน
2567

Focus

  • รศ. ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ เสนอประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการประกันสังคมเพื่อขยายฐานสู่สวัสดิการถ้วนหน้า ในบทความนี้ไว้ 4 ประการ ได้แก่ รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2567  การปฏิรูประบบสวัสดิการแรงงาน ปฏิรูประบบประกันสังคม และการรับรองอนุสัญญาสำคัญขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ เช่น ILO 87/98 สิทธิในการสมาคมและเจรจาต่อรอง และ ILO 102 อนุสัญญาว่าด้วยหลักประกันสังคม (มาตรฐานขั้นต่ำ)  ที่จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาระบบประกันสังคมโดยมีลักษณะเฉพาะทั้งในแง่ของการกำหนดแนวคิดประกันสังคมและแนวทางที่ให้ไว้สำหรับการจัดตั้งระบบประกันสังคม อนุสัญญาฯ นี้ได้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับสาขาประกันสังคมทั้ง 9 สาขา ได้แก่ การรักษาพยาบาล สวัสดิการเมื่อเจ็บป่วย สวัสดิการว่างงาน สวัสดิการชราภาพ สวัสดิการบาดเจ็บจากการทำงาน สวัสดิการครอบครัว สวัสดิการคลอดบุตร สวัสดิการทุพพลภาพ และสวัสดิการผู้รอดชีวิต
  • บทความนี้ยังวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันเรื่อง ‘สวัสดิการ’ ว่าในสังคมไทยได้ให้ความสำคัญกับ ‘สวัสดิการ’ มากขึ้นและพรรคการเมืองต่าง ๆ ต่างนำเสนอนโยบายเพิ่มสวัสดิการให้กับประชาชน กองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทนเป็นกลไกและพื้นฐานสำคัญในการคุ้มครองทางสังคมและดูแลสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้แรงงานและสร้างความมั่นคงในการประกอบกิจการของนายจ้างและเจ้าของกิจการ

 


รศ. ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ

 

รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์สะท้อนความมีมนุษยธรรมและรับผิดชอบต่อแรงงาน

รศ. ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ เสนอว่าจากรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2567 ไทยยังคงอยู่ Tier 2 แต่มีแนวโน้มขึ้นมาอยู่ Tier 1 ได้ หากไทยขึ้นมาอยู่ Tier 1 ได้จะเกิดผลบวกต่อเศรษฐกิจและการค้าอย่างมาก การเจรจาข้อตกลงการค้าต่าง ๆ ก็จะง่ายขึ้น นอกจากนี้ ไทยจะมีชื่อเสียงในประชาคมโลกว่าเป็นประเทศที่ยึดถือสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง ในทางปฏิบัติยังเป็นการแสดงถึงความมีมนุษยธรรมและรับผิดชอบต่อแรงงานทุกเชื้อชาติตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล

หากประเทศไทยเดินหน้ายกระดับมาตรฐานแรงงาน ปฏิรูประบบสวัสดิการ ปฏิรูประบบประกันสังคม และจัดการกับปัญหาค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ไทยจะก้าวสู่ระบบเศรษฐกิจที่หลอมรวมให้ทุกคนได้ผลประโยชน์จากการพัฒนาและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ

การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติของไทยอยู่แล้ว โดยหน่วยงานในทุกภาคส่วนโดยเฉพาะกระทรวงแรงงานมุ่งมั่นดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจังมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องและคุ้มครองประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยตามหลักสิทธิมนุษยชนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและพัฒนาการทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานไทย และเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชน ภาคประชาสังคม

 

ก้าวต่อไปของการปฏิรูประบบสวัสดิการแรงงาน และปฏิรูประบบประกันสังคม

ก้าวต่อไปคือ การปฏิรูประบบสวัสดิการแรงงาน ปฏิรูประบบประกันสังคมและรับรองอนุสัญญาสำคัญขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ เช่น ILO 87/98 สิทธิในการสมาคมและเจรจาต่อรอง, ILO 102 อนุสัญญาว่าด้วยหลักประกันสังคม (มาตรฐานขั้นต่ำ) ILO 102 กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาระบบประกันสังคม อนุสัญญาฉบับที่ 102 มีลักษณะเฉพาะทั้งในแง่ของการกำหนดแนวคิดประกันสังคมและแนวทางที่ให้ไว้สำหรับการจัดตั้งระบบประกันสังคม อนุสัญญาดังกล่าวได้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับสาขาประกันสังคมทั้ง 9 สาขา (การรักษาพยาบาล สวัสดิการเมื่อเจ็บป่วย สวัสดิการว่างงาน สวัสดิการชราภาพ สวัสดิการบาดเจ็บจากการทำงาน สวัสดิการครอบครัว สวัสดิการคลอดบุตร สวัสดิการทุพพลภาพ สวัสดิการผู้รอดชีวิต) ไว้ในเครื่องมือเดียวที่ครอบคลุมและมีผลผูกพันทางกฎหมาย และวางไว้ภายใต้หลักการของการปกครองที่ดีและยั่งยืน

ขณะที่สังคมไทยได้ให้ความสำคัญกับ “สวัสดิการ” มากขึ้นและพรรคการเมืองต่าง ๆ ต่างนำเสนอนโยบายเพิ่มสวัสดิการให้กับประชาชน กองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทนเป็นกลไกและพื้นฐานสำคัญในการคุ้มครองทางสังคมและดูแลสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้แรงงานและสร้างความมั่นคงในการประกอบกิจการของนายจ้างและเจ้าของกิจการ กองทุนประกันสังคมนั้นคุ้มครองและให้สิทธิประโยชน์ 7 กรณี (ไม่เนื่องจากการทำงาน) เป็นการให้สวัสดิการและคุ้มครองทางสังคมแก่ผู้ประกันตน ได้แก่ 1. กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย (ไม่เนื่องจากการทำงาน) 2. กรณีทุพพลภาพ 3. กรณีเสียชีวิต 4. กรณีคลอดบุตร 5. กรณีสงเคราะห์บุตร 6. กรณีชราภาพ 7. กรณีว่างงาน ส่วนกองทุนเงินทดแทนนั้น คุ้มครองและให้สิทธิประโยชน์ (เนื่องจากการทำงาน) 4 กรณี ได้แก่ 1. กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย 2. กรณีสูญเสียอวัยวะ 3. กรณีทุพพลภาพ และ 4. กรณีตายหรือสูญหาย ระบบการคุ้มครองแรงงานของไทยนั้นได้มาตรฐานสากล

แต่สามารถพัฒนาสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นได้อีกตามมาตรฐานต้นแบบของประเทศยุโรปเหนือ การกินดีอยู่ดี การได้รับความคุ้มครองในเรื่องพื้นฐานของคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นก้าวสำคัญในการนำ “สังคมไทย” สู่ ประเทศพัฒนาแล้วที่มีประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต่างๆเพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่อคำนึงความยั่งยืนของกองทุนและฐานะการเงินการคลังของประเทศด้วย

แม้ว่าประเทศซึ่งมีระบบประกันสังคมที่ดีที่สุดก็ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนและปฏิรูปตลอดเวลา ไทยก็เช่นเดียวกันจำเป็นต้องเดินหน้าปฏิรูประบบประกันสังคมเพื่อความยั่งยืน พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน และใน “กฎหมายประกันสังคม” จะกำหนดให้ปฏิบัติต่อลูกจ้างเท่าเทียมกันโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ แบ่งแยกหรือกีดกัน หรือ กระทำการลำเอียงใด ๆ ที่กระทำบนพื้นฐานของเชื้อชาติ สีผิว เพศ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง สัญชาติหรือสถานภาพทางสังคม แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อคุ้มครองและจัดสวัสดิการให้ “คนทำงาน” อย่างทั่วถึง

การขยายฐานสมาชิกผู้ประกันตนยังช่วยให้กองทุนประกันสังคมเข้มแข็งขึ้นอีกด้วย คณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงเงินสมทบและพัฒนาสิทธิประโยชน์ ได้เห็นชอบในหลักการในการขยายความคุ้มครองให้แก่ลูกจ้างของกิจการเพาะปลูก ประมง ป่าไม้ เลี้ยงสัตว์ ซึ่งมิได้ใช้ลูกจ้างตลอดปี ขยายความคุ้มครองไปยังลูกจ้างภาคเกษตร ขยายความคุ้มครองให้แก่ลูกจ้างของนายจ้างซึ่งประกอบการค้าแผงลอย ขยายความลูกจ้างของนายจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งงานที่ลูกจ้างทำนั้นมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย ขยายความคุ้มครองลูกจ้างที่ทำงานบ้านในครัวเรือน

 

ประกันสังคม ขยายฐานสู่สวัสดิการถ้วนหน้า

หากมีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกากำหนดกิจการหรือลูกจ้างอื่นที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม จะทำให้ “ประเทศไทย” ก้าวสู่สังคมสวัสดิการถ้วนหน้าและครอบคลุมกำลังแรงงานเกือบทั้งหมด ทำให้ “ผู้ใช้แรงงาน” มีหลักประกันในคุณภาพชีวิตที่มั่นคง นอกจากนี้เป็นแรงงานคนไทยหรือแรงงานต่างด้าวจักได้สามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคมได้อย่างเสมอภาคกันอันเป็นสิทธิแรงงานที่เป็นมาตรฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ขณะนี้ แรงงานข้ามชาติมากกว่า 80%-90% ขาดเครือข่ายความคุ้มครองทางสังคม

ในด้านความพยายามของกระทรวงแรงงานร่วมกับภาควิชาการ องค์กรลูกจ้างและองค์กรนายจ้างในขณะนี้เพื่อผลักดันให้ “ประเทศไทย” รับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ILO 87 และ 98 ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญของระบบแรงงานไทย เนื่องจากข้อเรียกร้องให้มีการรับรอง ILO 87 และ 98 นั้นเป็นสิ่งที่ “ภาควิชาการ” และ “ขบวนการแรงงานไทย” รณรงค์ให้มีการรับรองมาหลายทศวรรษแล้ว การรับรองอนุสัญญาสองมาตรานี้เกิดประโยชน์ต่อข้อตกลงการค้าเสรี เกิดผลบวกต่อเศรษฐกิจมหภาคในระยะยาว สร้างความเข้มแข็งขบวนการแรงงาน เกิดประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจในสถานประกอบการ

การปฏิรูปกฎหมายแรงงานและปรับปรุงสวัสดิการแรงงานพื้นฐานของกระทรวงแรงงานจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในภาคการผลิตและเศรษฐกิจโดยรวม และเป็นไปตามมาตรฐานของอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) อีกเรื่องหนึ่ง คือ การให้สัตยาบันอนุสัญญา ILO 102 เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบประกันสังคมเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อรับประกันความครอบคลุมทั่วถึงของระบบประกันสังคม เสริมสร้างโครงสร้างทางกฎหมายและการสนับสนุนทางการเมือง อันเป็นบ่อเกิดของระบบประกันสังคมที่ประสิทธิภาพ ยั่งยืนและตอบสนองต่อพลวัตทางเศรษฐกิจและสังคม

การดำเนินการรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว ฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง อนุสัญญาสองฉบับนี้จะทำให้คุณภาพชีวิตและสวัสดิภาพของแรงงานดีขึ้นโดยรัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณมาดูแล จะทำให้เกิดกลไกและกระบวนการในการแบ่งปันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรมมากขึ้นในระดับสถานประกอบการแต่ละแห่ง แต่ต้องทำให้เกิดระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดีในภาคการผลิตภาคบริการต่าง ๆ ด้วย

ขบวนการแรงงานและนักวิชาการแรงงานได้เคลื่อนไหวเรียกร้องต่อเนื่องมามากกว่า 20 ปีแล้ว การยอมรับอนุสัญญา ILO 87/98 สิทธิในการรวมตัวและสิทธิในการเจรจาต่อรองของผู้ใช้แรงงาน การให้แรงงานข้ามชาติสามารถจัดตั้งสหภาพแรงงานได้อาจเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน อาจต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่คาดหวังว่า เมื่อมีองค์กรของแรงงานข้ามชาติหรือสหภาพแรงงานจะทำให้ปัญหาการค้าแรงงานทาสและค้ามนุษย์ (ส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติ) ในไทยดีขึ้นหรือไม่ อย่างไร

 

สหภาพแรงงานและหลักภราดรภาพนิยม

การเปิดโอกาสให้แรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติสามารถตั้งสหภาพแรงงานร่วมกันได้ หรือสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานเดียวกันได้ (อาศัยหลักสามัคคีทุกเชื้อชาติและแรงงานเป็นพี่น้องกันทั่วโลกตามหลักภราดรภาพนิยมและนำมาสู่สันติสุขและความเป็นธรรมในสถานประกอบการ) หรือเปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งสหภาพฯ แบบทั่วไปที่สมาชิกไม่สังกัดบริษัท อาชีพ อุตสาหกรรม จะดำเนินการด้วยแนวทางไหน ก็คงต้องพิจารณาให้ครบถ้วนในทุกมิติ ทั้งมิติสิทธิมนุษยชน สิทธิแรงงาน ทั้งมิติความเป็นสากลและความเป็นชาติ ทั้งมิติเศรษฐกิจ ทั้งมิติความมั่นคงและการเมืองภายในประเทศ

หากไทยสามารถยกระดับมาตรฐานแรงงานดังกล่าวได้ทั้งหมด ย่อมมีโอกาสที่ไทยขึ้นมาอยู่ Tier 1 เกิดผลดีการค้าการลงทุนระยะยาว สร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมที่แบ่งปันกันมากขึ้นหากรัฐบาลชุดนี้รับรองอนุสัญญาจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง

จากการวิเคราะห์รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจําปี 2567 (Trafficking in Persons Report: 2024 TIP Report) ข้างต้น พบว่ารายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ใน 188 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ ในปีนี้นั้นประเทศไทยได้รับการจัดระดับให้อยู่ใน Tier 2 ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม และรายงานฯ นี้สะท้อนพัฒนาการสําคัญที่รัฐบาลไทยและภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมกันดําเนินการเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และปรับปรุงระบบสวัสดิการแรงงานในปีที่ผ่านมา