ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
วันนี้ในอดีต

วิชา กันตามระ: ศิษย์อาจารย์ นักกฎหมายผู้ซื่อสัตย์ต่อความยุติธรรม

18
พฤษภาคม
2568

วิชา กันตามระ

 

วันที่ 18 พฤษภาคมของทุกปี ควรเป็นวันสำคัญที่ถูกจารึกไว้ในความทรงจำของผู้รักความเป็นธรรมและผู้ยึดมั่นในหลักนิติธรรมของบ้านเมือง เพราะเป็นวันคล้ายวันเกิดของ นายวิชา กันตามระ อดีตทนายความและลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดของ นายปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโสของไทย ผู้ซึ่งอุทิศชีวิตแห่งวิชาชีพเพื่อปกป้องชื่อเสียงและเกียรติคุณของอาจารย์ของเขาด้วยความมั่นคงและไม่หวั่นไหว

แม้ชื่อของนายวิชาอาจไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในสังคมปัจจุบัน และค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่บทบาทของเขาในประวัติศาสตร์การเมืองไทยนั้นลึกซึ้งและแยกไม่ออกจากยุคสมัย ผ่านการทำงานด้านกฎหมาย โดยเฉพาะในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากนายปรีดีในการดำเนินคดีสำคัญหลายคดี ภารกิจซึ่งถือว่าท้าทายอย่างยิ่งภายใต้บริบทการเมืองอันแหลมคมในห้วงเวลานั้น

นายวิชา กันตามระ เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 ณ อำเภอหัวรอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของ หลวงประสาทนรกิจ (ติ๋ว กันตามระ) และ นางอรุณ กันตามระ มีพี่น้องรวม 9 คน เขาเป็นนักเรียนเตรียมปริญญา รุ่นที่ 3 ของมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (ต.ม.ธ.ก. 3) ซึ่งในขณะนั้น นายปรีดี พนมยงค์ ดำรงตำแหน่งผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยฯ ได้ให้การอุปถัมภ์นายวิชาโดยตรง และให้พักอาศัยที่บ้านถนนสีลมและทำเนียบท่าข้าง ในช่วงก่อนรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490

หลังจากสำเร็จการศึกษาในระดับ ธรรมศาสตร์บัณฑิต (ธ.บ.) และ เนติบัณฑิตไทย (น.บ.ท.) นายวิชาเข้ารับราชการที่กรมชลประทาน แต่ในเวลาต่อมาก็ต้องลาออกจากราชการ เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองด้วยข้อหาว่า “สนับสนุนนายปรีดี” ในยุคที่การกล่าวถึงปรีดีในเชิงบวกถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ

จากนั้น นายวิชาได้ประกอบอาชีพทนายความในนามสำนักงานพิมลธรรม และทำหน้าที่สำคัญในหลายคดีที่นายปรีดีมอบหมาย อาทิ:

1. คดีหมิ่นประมาทกรณีบทความ “เก้าปีในปักกิ่ง” (พ.ศ. 2513)

นายวิชาเป็นผู้รับมอบอำนาจโดยตรงจากนายปรีดีในการยื่นฟ้อง หนังสือพิมพ์สยามรัฐ และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กับพวก ในข้อหาใส่ความว่านายปรีดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ 8 ซึ่งถือเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรงและอ่อนไหวยิ่ง ในคดีนี้ นายวิชาได้อ้างอิงถึง “ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน” อย่างชัดเจนในคำฟ้อง นับเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของการอ้างหลักสิทธิมนุษยชนสากลในกระบวนการยุติธรรมของไทย

2. คดีเรียกร้องสิทธิเงินบำนาญ (พ.ศ. 2513)

ในช่วงที่นายปรีดีพำนักอยู่ ณ ประเทศฝรั่งเศส โดยไม่ได้รับเงินบำนาญในฐานะอดีตผู้สำเร็จราชการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 นายวิชาได้รับมอบอำนาจจาก ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ให้ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรม เพื่อให้ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ดำเนินการออกหนังสือรับรองสถานะการมีชีวิตอยู่ และอำนวยความสะดวกในการขอรับสิทธิบำนาญ ซึ่งในเวลาต่อมาได้เป็นผลให้รัฐไทยคืนสิทธิดังกล่าวแก่นายปรีดี

ไม่เพียงเพราะเขาทำหน้าที่ในคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่เพราะเขาเป็นผู้ยื่นคำฟ้องในนามของนายปรีดีโดยอ้างถึงหลักการที่ยังถือว่าแปลกแยกในบริบทไทยในเวลานั้น

ในยุคที่อำนาจเผด็จการปิดปากผู้เรียกร้องความยุติธรรม นายวิชาไม่เคยถอยห่างจากหลักการ เขาว่าความอย่างสงบ สุภาพ แต่มั่นคงในเจตนาเพื่อปกป้องอาจารย์ของเขาจากการใส่ร้าย เขาคือผู้ที่ช่วยกู้เกียรติยศของนายปรีดีทั้งในทางกฎหมายและทางสังคม โดยไม่เคยเรียกร้องลาภยศหรือเกียรติยศใดตอบแทน

 


นายปรีดี พนมยงค์ กับ นายวิชา กันตามระ ที่บ้านอองโตนี ชานกรุงปารีส

 

ความไว้วางใจที่นายปรีดี มีต่อนายวิชา ปรากฏชัดเจนในจดหมายส่วนตัวถึงน้องสาวและหลานชาย ลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2513 ซึ่งได้กล่าวถึง “คุณวิชา” ในฐานะผู้แทนสำคัญในการนำจดหมายถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ความตอนหนึ่งระบุว่า:

“…ขอให้คุณหลวงศิริราชไมตรีเป็นหัวหน้าตัวแทนพี่ โดยนำคณะตัวแทนพี่อีกบางคน ประกอบด้วยคุณวิชา หนึ่ง… แล้วให้นำจดหมายของพี่ไปถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ และกราบทูลขอพระกรุณาท่านตามความในจดหมายนั้น… แล้วให้บันทึกข้อรับสั่งไว้ประกอบในสำนวนที่เก็บไว้ทางคุณวิชา…”

นายวิชา กันตามระ เป็นผู้ใหญ่ที่สงบ เสียสละ ซื่อตรง รักความถูกต้อง และยึดมั่นในคุณธรรม ไม่เคยลืมบุญคุณของผู้ที่เคยเกื้อหนุน แม้ในบั้นปลายชีวิต เขายังพยายามไปเยี่ยมเยียน ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์, หม่อมรำไพ ดิศกุล, และ คุณครูฉลบชลัยย์ พลางกูร อย่างสม่ำเสมอ

ในด้านชีวิตครอบครัว นายวิชาสมรสกับ นางอุไร กันตามระ (เฉยสวัสดิ์) มีบุตรธิดารวม 5 คน หนึ่งในนั้นคือ นางอมรถนอม นะมาตร์ มารดาของ นายอรรคพันธ์ นะมาตร์ (อ๋อม) นายแบบและนักแสดงผู้ล่วงลับ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานตาแท้ๆ ของนายวิชา

บุตรหลานของท่านต่างกล่าวย้ำว่า “คุณพ่อพร่ำสอนเราทุกคนให้กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และพวกเราทุกคนได้ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจนถึงวันนี้”

นายวิชา กันตามระ ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2547 เวลา 17.00 น. สิริอายุ 81 ปี

คำรำลึกจากท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์

ระลึกถึง วิชา กันตามระ

การจากไปของ วิชา กันตามระ เป็นการสูญเสียของผู้รักความเป็นธรรม และผู้กล้าเผชิญอำนาจรัฐยุคมืดในอดีต

ข้าพเจ้ารู้จัก วิชา กันตามระ มาตั้งแต่ วิชา เป็นนักเรียนเตรียมอุดมศึกษาและต่อมาได้ย้ายมาเป็นนักเรียนเตรียมปริญญามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง รุ่น 3 ซึ่งขณะนั้น นายปรีดี พนมยงค์ อุปการะให้ วิชา พักอยู่ที่บ้านถนนสีลมและทำเนียบท่าช้าง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ นายปรีดี ต้องลี้ภัยการเมืองไปต่างประเทศ

หลังจากเรียนจบเป็นธรรมศาสตร์บัณฑิต วิชา กันตามระ รับราชการที่กรมชลประทาน

วิชา มิได้ลืม นายปรีดี พนมยงค์ ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ซึ่งรับใช้ชาติบ้านเมืองมาด้วยความชื่อสัตย์สุจริต แต่ในยุคมืด ผู้ใดกล่าวยกย่องนายปรีดี พนมยงค์ จะถือว่าเป็นผู้คิดฝักใฝ่กับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล วิชา กันตามระ เป็นผู้หนึ่งที่ถูกอำนาจรัฐกลั่นแกล้งจนต้องออกจากราชการ จึงมาดำเนินอาชีพอิสระ เป็นทนายความ โดยเปิดสำนักงานทนายความพิมลธรรม

วิชา ได้รับความไว้วางใจจากนายปรีดี พนมยงค์ ให้เป็นทนายความในคดีฟ้อง บริษัทสยามรัฐ จำกัด ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กับพวก ที่ร่วมกันใส่ความว่า สมคบการปลงพระชนม์ในหลวงรับกาลที่ ๘ ซึ่งในที่สุด นายปรีดี ผู้บริสุทธิ์ ได้ขนะในคดีนี้ นอกจากนั้น ยังเป็นทนายร่วมกับทนายอื่นๆ ว่าความให้นายปรีดีในคดีหมิ่นประมาทอีกหลายคดี

เรื่องราวของ วิชา กันตามระ ยังมีอีกมากมายที่จารึกในใจของผู้รักความเป็นธรรม เป็นแบบอย่างของความกล้าหาญ และความกตัญญู

วิชา กันตามระ ได้จากไปตามกฎอนิจจังของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยความอาลัยของญาติมิตร ข้าพเจ้าขอให้บุญกุศลของ วิชา กันตามระนำ วิชา ไปสู่สุคติในสัมปรายภพเทอญ

 

ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์

บ้านพูนศุข

๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๗

 

นายวิชา กันตามระ คือบุคคลตัวอย่างของนักกฎหมายผู้ถือคุณธรรมเหนือผลประโยชน์ ผู้ยืนหยัดเคียงข้างความจริงในยามที่ความกลัวเข้าครอบงำสังคม ความเงียบของท่านอาจไม่ปรากฏในแบบเรียน แต่ความกล้าหาญของท่านจะคงอยู่ในความทรงจำของผู้รักความยุติธรรมตลอดไป

ขอให้เกียรติภูมิของท่าน เป็นแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นหลัง ในการใช้กฎหมายเพื่อยืนเคียงข้างความถูกต้อง และให้ชื่อของ “วิชา กันตามระ” ดำรงอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ไทย ในฐานะนักกฎหมายผู้มีคุณูปการต่อประชาธิปไตย และผู้ภักดีต่อความยุติธรรมจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต.

 

 

ภาคผนวก ก: จดหมายนายปรีดี พนมยงค์ ถึงนางชวนชื่น และนายอิสสระ นิติทัณฑ์ประภาส

ลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2513

ภาพต้นฉบับ:

 

 

ถอดความตอนสำคัญ:

“…พี่ได้แนบจดหมายถึงสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีหนึ่งฉบับ และสำเนาเพื่อคุณวิชาเก็บไว้หนึ่งฉบับ ขอให้คณะเจ้าภาพและทนายที่มาร่วมประชุมอ่านให้ทราบความตามกฎหมาย…

…ขอให้คุณหลวงศิริราชไมตรีเป็นหัวหน้าตัวแทนพี่ โดยนำคณะตัวแทนพี่อีกบางคน ประกอบด้วยคุณวิชา หนึ่ง, คุณภุชงค์ มิ่งเมือง หนึ่ง, คุณสำเภา ศรคุปต์ หนึ่ง, และถ้าคุณชิตไปด้วยได้ก็จะขอบคุณมาก…

ขอให้คุณหลวงศิริฯ พร้อมด้วยบุคคลดังกล่าวแล้ว นำจดหมายของพี่ไปถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ และกราบทูลขอพระกรุณาท่านตามความในจดหมายนั้น แล้วให้บันทึกข้อรับสั่งไว้ประกอบในสำนวนที่เก็บไว้ทางคุณวิชา…”

 

ภาคผนวก ข: สำเนาคำฟ้องกรณีหมิ่นประมาท (พ.ศ. 2513)

ผู้ฟ้อง: นายปรีดี พนมยงค์ โดย นายวิชา กันตามระ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์

จำเลย: บริษัทสยามรัฐ จำกัด และพวกรวม 5 ราย

ข้อหา: หมิ่นประมาทโดยใส่ความว่ากระทำการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์และกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

เอกสารแนบ:

 

 

อ่านสำเนาคำฟ้องทั้งหมดได้ที่นี่: https://pridi.or.th/sites/default/files/pdf/2513-56.pdf

หมายเหตุ: คำฟ้องฉบับนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการใช้หลักสิทธิมนุษยชนในศาลไทย โดยนายวิชาได้อ้าง “ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน” เป็นส่วนหนึ่งของถ้อยคำในคำฟ้อง เพื่อยืนยันสิทธิในการปกป้องชื่อเสียงและเกียรติคุณของนายปรีดี

 

ภาคผนวก ค: จดหมายนายปรีดี พนมยงค์ถึงนายปาล พนมยงค์

ลงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2523

ภาพต้นฉบับ:

 

 

ถอดความตอนสำคัญ:

“…ถ้าลูกมีเวลาขอให้ถามทนายว่า ในการฟ้องกระทรวงศึกษาธิการเปนจำเลยนั้น จำเปนต้องระบุชื่อ ร.ม.ต. หรือไม่ เพราะเหตุใด ถ้าต้องระบุแล้วจะระบุ ร.ม.ต. คนใด เพื่อพ่อจะได้เตรียมทำหนังสือมอบอำนาจ ขอให้ลูกแจ้งวิชา หรือเพื่อนทนายความคนใดทำบันทึกส่งมาให้พ่อด้วย…”

 

ภาคผนวก ง: ประกาศความบริสุทธิ์ของนายปรีดี พนมยงค์

คำประกาศโดยนายปรีดี พนมยงค์ และคำพิพากษาศาลไทยในคดีหมิ่นประมาท พ.ศ. 2510–2526

ภาพต้นฉบับ:

 

อ่านประกาศความบริสุทธิ์ของรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ ทั้งหมดได้ที่นี่: https://pridi.or.th/th/content/2025/05/2472

 

สาระสำคัญ:

ประกาศฉบับนี้รวบรวมคำพิพากษาของศาลไทยในคดีหมิ่นประมาทที่นายปรีดี พนมยงค์ มอบหมายให้ นายวิชา กันตามระ เป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องในฐานะทนายความ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 เป็นต้นมา คำพิพากษาเหล่านี้ยืนยันว่า

  • ข้อกล่าวหาว่านายปรีดีเกี่ยวข้องกับการลอบปลงพระชนม์ หรือเป็นคอมมิวนิสต์ ล้วนไม่มีมูลความจริง
  • จำเลยทุกคดีไม่สามารถแสดงหลักฐานใดมาหักล้างข้อเท็จจริงได้ ศาลมีคำพิพากษาว่าเป็นการใส่ร้ายหมิ่นประมาทโดยไม่สุจริต
  • ศาลและกระบวนการยุติธรรมไทย รวมถึงสำนักพระราชวัง ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่านายปรีดีไม่เคยมีมลทินหรือความผิดใด

คำประกาศตอนหนึ่งระบุว่า:

“ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า นายปรีดี พนมยงค์ ไม่เคยเกี่ยวข้องกับคดีสวรรคต และไม่เคยถูกกล่าวหาหรือดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ทั้งยังมิได้เกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ และไม่เคยกระทำการเป็นภัยต่อประเทศชาติ”

ภาคผนวกนี้ไม่เพียงยืนยันความบริสุทธิ์ของนายปรีดี พนมยงค์ในทางกฎหมายเท่านั้น หากยังเป็นหลักฐานสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ นายวิชา กันตามระ ในฐานะทนายความผู้ทำหน้าที่อย่างสัตย์ซื่อ เพื่อปกป้องชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของบุคคลผู้มีคุณูปการต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งท้ายที่สุด ความจริงและความยุติธรรมก็ได้ปรากฏอย่างเป็นทางการ