Focus
- ชีวประวัติและบทบาทของ ครอง จันดาวงศ์ ในขบวนการเสรีไทยสายสกลนครช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อสันติภาพและความยุติธรรมในภายหลัง จนกระทั่งเขาถูกประหารชีวิตโดยคำสั่งรัฐบาลเผด็จการ

นายครอง จันดาวงศ์
ในโอกาสวันครบรอบ 64 ปี ที่นายครอง จันดาวงศ์ อดีตเสรีไทยสกลนคร ผู้แทนราษฎร นักสู้เพื่อประชาธิปไตยและความเป็นธรรม ได้ถึงแก่กรรมจากการประหารชีวิตด้วยคำสั่งจากผู้นำรัฐบาลเผด็จการ และเนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีวันสันติภาพไทย จึงขอนำเสนอเรื่องราวบทบาทนายครอง จันดาวงศ์ เมื่อร่วมรับใช้ชาติในขบวนการเสรีไทยด้านสกลนคร คราวที่ประเทศไทยเผชิญสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2484 - 2488 / ค.ศ. 1941 - 1945)
จากลูกชาวนา สู่ครูผู้มีอันจะกิน
นายครอง จันดาวงศ์ เกิดในครอบครัวชาวนาชาติพันธุ์ญ้อ เมื่อปี พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1909) ที่อำเภอธาตุเชิงชุม (ปัจจุบันคืออำเภอเมือง) จังหวัดสกลนคร แต่เดิมครอบครัวมีฐานะยากจน แต่อาศัยความขยันหมั่นเพียรจึงมีฐานะดีขึ้น ถึงกับสามารถส่งนายครองเรียนจนสำเร็จระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล โรงเรียนประจำจังหวัดสกลนคร ร่วมรุ่นกับนายเตียง ศิริขันธ์ แล้วจึงเป็นครูประชาบาลโรงเรียนต่าง ๆ ที่แรกคือโรงเรียนวัดบ้านตาลโกน ต่อมารับทุนศึกษาต่อโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมมณฑลอุดร หลังจากนั้นได้เป็นครูใหญ่โรงเรียนต่าง ๆ โดยเฉพาะในอำเภอสว่างแดนดิน เช่น โรงเรียนบ้านบงเหนือ โรงเรียนสว่างวิทยา และโรงเรียนวัดวัดทรายมูล เป็นต้น
พร้อมกับการทำงานครู นายครองยังได้ขยันขันแข็งทำนาไร่ ต่อมาได้แต่งงานกับ น.ส.แตงอ่อน แซ่เต็ง ลูกสาวคหบดีเชื้อสายจีน ครอบครัวนายครองจึงเป็นทั้งชาวนาและพ่อค้าผู้มีฐานะในอำเภอสว่างแดนดิน ใคร ๆ ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากครูครอง จนเป็นที่นับหน้าถือตาในอำเภอสว่างแดนดิน และอีกหลายอำเภอใกล้เคียง
หัวคะแนนธรรมชาติของผู้แทนเตียง ศิริขันธ์
จากชีวิตครูชนบท ครูครอง จันดาวงศ์ จึงได้เรียนรู้และเข้าใจชีวิตของลูกศิษย์และผู้ปกครอง ซึ่งมีทั้งชาวนาชาวไร่ไทอีสาน คนเวียดซึ่งถูกฝรั่งเศสรังแก คนจีนที่ต่อสู้ญี่ปุ่นผู้รุกราน จนทำให้เห็นภาพความทุกข์ยากและการดิ้นรนต่อสู้ในสังคม จนในช่วงหลังปฏิวัติ พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) มีโอกาสได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองร่วมกับบรรดาเพื่อนครู โดยเฉพาะกับนายเตียง ศิริขันธ์ เพื่อนเก่าแก่ตั้งแต่ร่วมชั้นประถม โลกทัศน์ด้านสังคมบ้านเมืองของครูครองจึงขยายกว้างมากขึ้น จุดประกายความสนใจทางการเมือง ถึงกับเกิดความเคารพในตัวเพื่อนเก่าเตียง ศิริขันธ์ และมีความโน้มเอียงในอุดมการณ์ของนายปรีดี พนมยงค์
นายเตียง ศิริขันธ์และนายครอง จันดาวงศ์มีความเห็นตรงกัน ที่จะขยายโอกาสการศึกษาแก่เยาวชนชาวสกลนคร ทั้งสองช่วยตั้งโรงเรียนเพื่อเพิ่มที่เรียนให้แก่ลูกหลานชาวสกลนคร ได้แก่โรงเรียนศิริขันธ์ 1 และโรงเรียนศิริขันธ์ 2 นายครองได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จัดการโรงเรียนศิริขันธ์ 2
เมื่อนายเตียง ศิริขันธ์ตกลงใจลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) นายครองจึงเคลื่อนไหวช่วยนายเตียงหาเสียงในท้องที่อำเภอสว่างแดนดิน และอำเภอวานรนิวาส จนนายเตียงสามารถชนะการเลือกตั้งได้เป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร ทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรระดับชาติอย่างเข้มแข็ง ต่อสู้เพื่อการพัฒนาชนบทและเศรษฐกิจ และเป็นฝ่ายค้านต่อรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามอย่างเด่นชัด
ดงพระเจ้า บ้านหนองหลวง เสรีไทยค่าย A

ส่วนหนึ่งของค่ายเสรีไทยดงพระเจ้า หรือเสรีไทยค่าย A อำเภอสว่างแดนดิน ปัจจุบันได้สร้างเป็นอนุเสรณ์สถานเสรีไทยภูพาน ค่าย A
เมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) หลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นรุกรานประเทศไทย ได้เกิดขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นทั้งในและนอกประเทศ เช่น ขบวนการเสรีไทย ซึ่งนายเตียง ศิริขันธ์ได้มีส่วนร่วมริเริ่มก่อการ ในช่วงต้นของสงคราม หากปรากฏหลักฐานจากเอกสารที่เชื่อว่าเป็นบันทึกของนายเตียง ศิริขันธ์ ปรากฏบทบาทของนายครอง จันดาวงศ์ครั้งแรก ที่ช่วยงานเสรีไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) ในครั้งนั้นนายเตียงขอให้นายครองหุงหาอาหารทำข้าวต้มเลี้ยงขบวนส่งนายจำกัด พลางกูรเดินทางข้ามแม่น้ำโขง (เพื่อไปแสวงหาช่องทางติดต่อสัมพันธมิตรจากประเทศจีน) เมื่อขบวนแวะพักค้างคืนที่อำเภอสว่างแดนดิน โดยในครั้งนั้นนายครองไม่ได้รับรู้ว่า นี่คือการปฏิบัติภารกิจรับใช้ชาติ เข้าใจว่าเป็นเพียงการเดินทางธรรมดา

นายอำนวย พูนพิพัฒน์ เสรีไทยสายอเมริกา ประจำค่ายดงพระเจ้า อำเภอสว่างแดนดิน
ที่มา: หนังสือตำนานเสรีไทย โดย ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร
หลังจากนั้นนายครอง จันดาวงศ์ได้เข้าร่วมเสรีไทยด้านสกลนครอย่างเต็มตัว ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2487 - 2488 (ค.ศ. 1944 - 1945) สองปีสุดท้ายของสงคราม โดยรับภารกิจจากนายเตียง ศิริขันธ์ ในการรวบรวมสมาชิก ตั้งค่ายพลพรรคและสนามบินลับที่ต่าง ๆ การสืบข่าว และการส่งกำลังบำรุง โดยเฉพาะค่ายพลพรรคเสรีไทยดงพระเจ้า บ้านหนองหลวง อำเภอสว่างแดนดิน ถิ่นฐานของนายครองหรือเรียกลำลองว่า “ค่าย A” เนื่องจากเป็นค่ายเสรีไทยสกลนคร ภายใต้การฝึกของเสรีไทยสายอเมริกา ยังมีชาวบ้านหนองหลวงบางคนเรียกว่า “ค่ายโคกกลม” ตั้งห่างจากตัวที่ว่าการอำเภอประมาณ 10 กิโลเมตร ห่างออกจากตัวหมู่่บ้านประมาณ 1 กิโลเมตร สถานที่่ฝึกอาวุธใช้ในวัดบ้านหนองหลวง (วัดสโมสรประชาสามัคคีในปัจจุบัน) และฝึกในค่าย

วัดบ้านหนองหลวง อำเภอสว่างแดนดิน (วัดสโมสรประชาสามัคคีในปัจจุบัน) ค่ายฝึกเสรีไทยในอดีตอีกแห่งหนึ่ง

อนุเสาวรีย์กำนันทะนง (หมา) เกสรมาลา อดีตกำนันตำบลหนองหลวง ผู้นำเสรีไทยค่ายดงพระเจ้าท่านหนึ่ง สร้างบริเวณหน้าตลาดตำบลหนองหลวง อำเภอสว่างแดนดิน
โดยผู้นำสำคัญค่ายพลพรรคเสรีไทยดงพระเจ้าได้แก่ นายครอง จันดาวงศ์ กำนันทนง (หมา) เกษรมาลา กำนันตำบลหนองหลวง และนายสวัสดิ์ ตราชู อำนวยการฝึกโดยพันตรี บาทหลวงฮอลาเดย์ (Holaday) นายทหารสหรัฐจากปฏิบัติการสลีฟ (Operation Sleeve) และร้อยตรี อำนวย พูนพิพัฒน์ (รหัส กัลป์) เสรีไทยสายอเมริกา จากปฏิบัติการมิชชัน (Operation Mission) ภายใต้กำกับของศูนย์ปฏิบัติการ 404 (Detachment 404) แห่งโอเอสเอส (OSS. - Office of Strategic Service) ประมาณว่าค่ายแห่งนี้ตั้งขึ้นประมาณเดือนมีนาคม พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) หลังจากที่ ร.ต. อำนวย พูนพิพัฒน์กระโดดร่มมาในดินแดนไทย ก่อนที่ พ.ต.ฮอลาเดย์จะตามสมทบในอีก 2 เดือนต่อมา โดยนายครองได้ร่วมคุ้มกันด้วย

นายเตียง ศิริขันธ์ (ยืนกลาง) กับนายทหารอังกฤษ
ที่มา: Imperial War Museum
นอกจากนี้นายเตียง ศิริขันธ์ยังได้มอบหมายให้นายครอง จันดาวงศ์ร่วมสร้างสนามบินลับ ในพื้นที่อำเภอสว่างแดนดิน สำหรับการรับอาวุธ ยุทธภัณฑ์ และสัมภาระที่ฝ่ายอเมริกันจะได้จัดเที่ยวบินส่งมาให้ เป็นที่น่าเศร้าว่า สนามบินแห่งนี้เองจะได้เป็นเรือนตายของนายครอง ในเวลาอีก 16 ปีต่อมา

ขอนไม้เก่าแก่บริเวณค่ายดงพระเจ้า เล่าสืบกันว่า นายเตียง ศิริขันธ์กับนายครอง จันดาวงศ์ เคยนั่งปรึกษางานบนขอนไม้นี้

บริเวณกองบังคับการค่ายเสรีไทย ดงพระเจ้า ในสภาพปัจจุบัน
สภาพพื้นที่ฐานที่มั่นค่ายดงพระเจ้าโดยทั่วไปเป็นที่ราบ ปกคลุมด้วยป่าไม้ มีโรงเรือนไม้มุงหญ้าแฝกประมาณ 10 หลัง เป็นกองบังคับการ ซึ่งติดตั้งวิทยุลับสื่อสาร โรงนอน โรงครัว และคลังอาวุธ เฉพาะโรงครัวมีขนาด 10 x 30 เมตร ตั้งโต๊ะและม้านั่งไม้ฝังดินเป็นโรงกินข้าวไปในตัว สามารถจุคนได้ 100 คนเศษ
กำลังพลพรรคในค่ายดงพระเจ้านี้ ส่วนมากเป็นชายฉกรรจ์ จัดกำลังจากครู ชาวนาชาวไร่ ผู้หญิงบางคน และนักเรียนมัธยมที่เคยผ่านการฝึกยุวชนทหารมาก่อน จำนวนประมาณ 300 นาย มีบางส่วนเป็นสตรี และคนวัยกลางคนที่ถูกจัดให้ทำงานช่วยรบ เช่น พลาธิการ (อาหาร เสื้อผ้า) และงานพยาบาล เป็นต้น
ในด้านการฝึกพลพรรค เนื่องจากยุทธวิธีของพลพรรคเสรีไทยสกลนคร จะปฏิบัติการรบแบบกองโจร คือการรบก่อกวนแนวหลังสร้างความระส่ำระสายแก่กองทหารญี่ปุ่น โจมตีแบบโฉบฉวยซ่อนพรางแล้วสลายตัวเป็นชาวบ้าน พร้อมกับการรุกของกองทัพสัมพันธมิตรเข้าปลดปล่อยดินแดนไทย โดยพลพรรคจะไม่ทำการรบแบบประจัญบานตรงหน้าข้าศึก ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของกองทัพประจำการ ดังนั้นการฝึกจึงเน้นไปที่ยุทธวิธีกองโจร และการใช้อาวุธให้ชำนาญ ภายใต้กำกับของ พ.ต. ฮอลาเดย์ และ ร.ต.อำนวย โดยจัดตารางเวลาฝึกดังนี้
05.00 - 06.00 น. ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ทั้งการวิ่ง ดัดตน กายบริหารอื่น ๆ
06.00 - 07.00 น. การฝึกยุทธวิธีเช่น การคลานจิ้งจก และการลอบโจมตี เพื่อให้ข้าศึกไม่รู้ตัว
08.00 - 09.30 น. อาหารเช้าและพักผ่อน
09.30 - 11.30 น. ฝึกการใช้อาวุธและวัตถุระเบิดอเมริกัน เช่น ปืนเล็กสั้น (คาร์บิน) ปืนกลมือ ระเบิดขว้าง อาวุธยิงรถถัง ทั้งการใช้งานจริง การถอดประกอบ และการบำรุงรักษาให้เกิดความชำนาญ
11.30 - 13.00 น. อาหารกลางวัน
13.00 - 17.00 น. ฝึกการซุ่มโจมตี ลอบโจมตี เดินป่า และยิงกระสุนจริง โดยฝึกในพื้นที่ป่าของค่าย มุ่งไปป่าดงดิบที่มีขอนไม้และพุ่มไม้หนาทึบ ทั้งการเดิน การซ่อนและกลบร่องรอย การเลือกชัยภูมิสำหรับซุ่มโจมตี
17.00 - 19.00 น. อาหารเย็นและพักผ่อน
19.00 - 21.00 น. ศึกษาวิชาการเมือง และยุทธวิธี (สลับวันเว้นวัน)
ส่วนอาวุธที่่ได้้รับจากอเมริกา ซึ่งใช้ในค่ายดงพระเจ้า และค่ายตาดภูวง มีดังนี้
1. อาวุธเบา เช่น ปืนกลมือเอมทรี (M3 submachine gun - Grease Gun) ปืนกลมือทอมสัน (Thompson submachine gun) ปืนคาร์บิน (M1 carbine) ปืนไรเฟิล (M1 Garand)
2. อาวุธหนัก เช่น เครื่องยิงลูกระเบิด หรือปืนครก (M2 Mortar) ปืนต่อสู้รถถัง (Bazooka)
3. อาวุธระเบิด เช่น ระเบิดขว้าง (Mk 2 grenade) ทุ่นระเบิด (Land mines) ดินระเบิด (TNT)
เกือบเอาชีวิตทิ้ง เมื่อญี่ปุ่นไล่ล่า

บทความข่าวประหารชีวิตนายครอง จันดาวงศ์ ในหนังสือพิมพ์
นอกจากปฏิบัติการในดินแดนไทยแล้ว ครอง จันดาวงศ์เคยได้รับมอบหมายให้ลักลอบนำนายทหารสัมพันธมิตร ไปส่งให้หน่วยเสรีจีน ที่ตั้งอยู่ในดินแดนลาวตอนเหนือ โดยนายครองและพลพรรคไทยอีสานได้ติดอาวุธปืนกลมือ M3 พร้อมระเบิดขว้าง พร้อมกับพลพรรคลาวส่วนหนึ่งคุ้มกัน ซึ่งขาไปสามารถปฏิบัติภารกิจลุล่วง แต่ขากลับเมื่อถึงตอนกลางดินแดนลาว ปรากฏว่าถูกทหารญี่ปุ่นซุ่มโจมตีจนถูกจับล่ามโซ่ควบคุมตัว เดินไปทางทิศใต้เตรียมส่งส่งตัวเข้าประเทศไทย ซึ่งหากถูกส่งตัวไปให้รัฐบาลไทยแล้ว นายครองเห็นว่าตนจะต้องถูกประหารชีวิต ความลับงานเสรีไทยอาจถูกเปิดเผยด้วยรายงานข่าวญี่ปุ่น (นายครองอาจจะยังไม่ทราบในเวลานั้น ว่ารัฐบาลชุดนายควง อภัยวงศ์ปลายสงครามได้ลักลอบร่วมมือเสรีไทย ด้วยเหตุการปกปิดรักษาความลับ) ดังนั้นนายครองจึงต้องหาทางหลบหนี ระหว่างที่ชุดทหารญี่ปุ่นพักริมลำห้วย นายครองจะจุดมวนยาฉุนสูบ ปรากฏว่ายาฉุนเก่าจนมวนหักคามือ เป็นที่ตลกขบขันแก่ทหารญี่ปุ่น
ทันใดนั้นครองได้ขยำยาสูบทั้งหมดในมือ สาดใส่ตาทหารญี่ปุ่นจนปวดแสบ แล้วเข้าชกต่อยชุดทหารญี่ปุ่น นายหนึ่งถูกครองชกร่วงลงลำห้วย ในขณะที่เพื่อนพลพรรคกำลังจะถูกนายทหารญี่ปุ่นใช้วิชายูโดจับทุ่ม ครองจึงแย่งฉวยปืนพกที่เอวทหารญี่ปุ่นนายนั้น ใช้ด้ามปืนพกฟาดท้ายทอยทหารญี่ปุ่นจนทรุดฮวบ เพื่อนพลพรรคไทยจึงเข้าซ้ำต่อจนตาย และไม่ทันคาดคิด ทหารญี่ปุ่นนายที่ถูกครองต่อยตกน้ำลำห้วย กลับฟื้นมาคว้าโซ่ที่ล่ามคอนายครอง จึงใช้ปืนพกยิงแสกหน้ากลับไปจนตายสนิท ทั้งนายครองและเพื่อนเก็บอาวุธและวิทยุ แล้วเตะคางศพทหารญี่ปุ่นจนปากเปิดและเจอกุญแจ จึงหยิบกุญแจมาแก้โซ่ตรวน แล้วเดินต่อไปมุ่งทางแม่น้ำโขงข้ามไปฝั่งไทย ก่อนจะข้ามฝั่งทั้งครองและเพื่อนจึงกราดกระสุนปืนกลมือใช่ชุดทหารญี่ปุ่นยามน้ำโขงแย่งข้าวญี่ปุ่นกิน แล้วยึดเรือพายข้ามแม่น้ำโขง เมื่อถึงกลางน้ำทหารญี่ปุ่นจากฝั่งลาวระดมยิงใส่เรือนายครอง จนต้องสละเรือแล้วว่ายน้ำไปลอยคอไป จนเหลืออีก 1 ใน 5 ของน้ำโขงที่จะถึงฝั่งไทย มีเรือพายมาเทียบข้างขานรหัสถามนายครอง จึงตอบไปถูกต้อง ปรากฏว่าเป็นพลพรรคเสรีไทยที่เพื่อนนายครองซึ่งถึงฝั่งโขงก่อน รายงานหน่วยให้มาช่วยนายครอง
ครอบครัวเกือบพัง เมื่อทำงานเสรีไทย
เมื่อนายครอง จันดาวงศ์เข้าร่วมงานเสรีไทยอย่างเต็มตัว จึงได้ลาออกจากงานครู รายได้ในบ้านจึงลดลงไปอย่างมาก ทว่าในทางกลับกันนายครองต้องอาศัยทุนทรัพย์ส่วนตัวเพื่อปฏิบัติงานเสรีไทย ทั้งการจัดหาพาหนะ (เกวียน วัว ม้า รถยนต์บรรทุก) การจัดเสบียงอาหารเลี้ยงผู้คนนับพันนับร้อย จึงต้องกู้หนี้ยืมสิน ส่วนนางแตงอ่อน จันดาวงศ์ภรรยาได้ทำการค้า เช่น รับจ้างทอผ้า ทำร้านอาหารในอำเภอ บางครั้งต้องผจญภัยทางอากาศ ต้องเลี้ยงลูกเล็กและแม่ที่ป่วยตามลำพัง จนนางแตงอ่อนต้องทำงานหนักจนถึงกับแท้งลูก

แตงอ่อน จันดาวงศ์
ที่มา:อนุสรณ์งานฌาปนกิจศพ นางแตงอ่อน จันดาวงศ์
ซึ่งในระยะนี้นายครองหายจากบ้านเป็นเวลาหลายวัน เพื่อปฏิบัติงานเสรีไทย โดยที่นางแตงอ่อนไม่ทราบ (เพราะครูครองไม่แจ้งความลับนี้) นางแตงอ่อนจึงเข้าใจว่านายครองไม่รับผิดชอบครอบครัว ไม่ช่วยดูแลลูกและแม่ยาย ไม่ช่วยกันทำมาหากิน และไม่อยู่ด้วยกันเมื่อนางแตงอ่อนแท้งลูก ต้องให้คนมาตามตัว แล้วหายออกไปอีก จนเข้าใจไปได้ว่า นายครองกำลังจะนอกใจมีผู้หญิงคนอื่น นายครองจึงต้องยืนยันว่าตนไม่ได้นอกใจมีคนรักใหม่ และต้องยอมเปิดเผยงานเสรีไทยให้นางแตงอ่อนทราบจนเชื่อเพราะเห็นว่าจริง หลังจากนั้นนางแตงอ่อนจึงได้ช่วยเหลือเลี้ยงดูพลพรรคและพลร่มฝรั่ง ที่แวะเดินทางผ่านบ้าน เพื่อปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ รวมทั้งเปิดบ้านเป็นคลังอาวุธเสรีไทยอีกแห่งหนึ่ง จนสิ้นสงคราม
นายครองได้เปิดเผยว่า เป็นความผิดที่นายครองไม่วางใจมวลชน โดยเฉพาะมวลชนที่บ้าน จนครอบครัวเกือบจะต้องแตกแยก
เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ปรากฏว่านายครองมีหนี้สินรัดตัว จากการทำงานเสรีไทย จึงต้องขายบ้านที่อาศัยพร้อมที่ดินผืนใหญ่ ขายม้าและเกวียน จากครอบครัวจันดาวงศ์ ผู้มีฐานะติดอันดับต้นของอำเภอสว่างแดนดิน กลายเป็นคนยากจนโดยฉับพลัน
สู่สันติภาพ สามัคคีธรรม และมรณกรรม
จากปฏิบัติเสรีไทยภายใต้นายเตียง ศิริขันธ์ ได้สร้างประสบการณ์ทางการเมืองอันทรงคุณค่าแก่นายครอง จันดาวงศ์ ประการแรก ภารกิจขยายสมาชิกเสรีไทยทำให้ครองได้เรียนรู้การจัดตั้งมวลชน จนเป็นเครือข่ายมวลชนที่จะเป็นฐานเสียงและกำลังสำคัญทางการเมืองของนายครอง ประการที่สอง นายครองได้เรียนรู้การทำงานในลักษณะองค์กร ซึ่งเขาไม่เคยดำเนินงานเช่นนี้มาก่อน แม้เคยเป็นครูในโรงเรียนก็ตาม
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยกลับสู่สถานะชาติเอกราชอีกครั้ง ครอง จันดาวงศ์ได้ปฏิเสธความช่วยเหลือจากรัฐบาลนายปรีดี พนมยงค์ที่จะให้รับราชการครูอีกครั้งหนึ่ง เขาเลือกที่จะทำอาชีพเกษตรและค้าขาย เพื่อหวังฟื้นฟูฐานะทางเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง และเตรียมการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ช่วงรัฐบาลพลเรือนปรีดี - ธำรงนาวาสวัสดิ์ ช่วงปี พ.ศ. 2489 - 2490 (ค.ศ. 1946 - 1947) ครองได้สนองนโยบายรัฐมนตรีเตียง ศิริขันธ์ ในการจัดสรรที่ทำกินของชาวเวียดนามอพยพนับหมื่น ครองจึงได้เรียนรู้แนวคิดสังคมนิยมจากสหายชาวเวียด ภายหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) ครองได้ช่วยเหลือเตียงหลบหนีและร่วมมอบตัวสู้คดีกบฏแบ่งแยกดินแดน พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) ทว่าในระยะนี้ครอง จันดาวงศ์กลับแยกทางเดินและแยกแนวคิดกับเตียง ศิริขันธ์ ด้วยครองมีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความคิดกับนักคิดสายคอมมิวนิสต์ ทั้งในเรือนจำและพื้นที่ชนบท หลังจากนั้น พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) ครองได้เข้าสู่สนามเลือกตั้ง โดยรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดสกลนคร พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) สมัครเป็นผู้แทนราษฎรแต่แพ้การเลือกตั้ง ในระหว่างนี้ครองได้เคลื่อนไหวร่วมขบวนการสันติภาพ คัดค้านการที่ไทยเข้าร่วมสงครามใกล้ชิดกับฝ่ายโลกเสรี จนถูกรัฐบาลจับกุมด้วยข้อหาคอมมิวนิสต์ พร้อมกับปัญญาชนและนักเคลื่อนไหวหลากแวดวงอาชีพ และอุดมการณ์ เช่น นายแพทย์เจริญ สืบแสง นายกุหลาบ สายประดิษฐ์ นายอุทธรณ์ พลกุล นายเปลื้อง วรรณศรี น.ต. มนัส จารุภา รน. ร.ท. สุภัทร สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง นายปาล พนมยงค์ เป็นต้น จนครอง จันดาวงศ์ได้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้และโลกทัศน์ที่กว้างขวางยิ่งขึ้นในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ในช่วงเวลาที่นายครอง จันดาวงศ์เคลื่อนไหวทางการเมือง และต้องถูกจองจำ ช่วงปี พ.ศ. 2489 - 2500 (ค.ศ. 1946 - 1957) นางแตงอ่อน จันดาวงศ์ต้องรับภาระหนักในการทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว ทั้งทำนา เลี้ยงควาย ตัดแก่นคูณแลกข้าว ทำกับข้าว หรือดองผัก ทำข้าวต้มมัดขายในตลาดสว่างแดนดิน ฯลฯ รวมทั้งเลี้ยงลูกเล็กและพ่อแม่ในวัยชรา ซึ่งนับเป็นภาระหนักสำหรับหญิงคนเดียว
เมื่อนักโทษขบวนการสันติภาพและนักโทษการเมืองอื่น รับพระราชทานอภัยโทษในคราวฉลอง 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1957) ครอง จันดาวงศ์ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนครอีกครั้งในระยะสั้น จนเกิดรัฐประหาร 2501 (ค.ศ. 1958) โดยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงพ้นตำแหน่ง แล้วในช่วงปี พ.ศ. 2502 - 2503 (ค.ศ. 1959 - 1960) จึงเคลื่อนไหวรวมกลุ่มชุมชนสว่างแดนดินและพื้นที่ใกล้เคียงในรูปขององค์กร “สามัคคีธรรม” เพื่อร่วมกันทำมาหากิน เอาแรงทำนาทำไร่ พัฒนาชลประทานท้องถิ่น ขายสินค้าเกษตร เจรจาราคาพืชผล และช่วยเหลือชาวบ้านติดต่อหน่วยงานราชการ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของครูครอง จันดาวงศ์ ซึ่งได้สร้างความเป็นอิสระแก่ประชาชน โดยลดการพึ่งพาและเพิ่มพลังต่อรองภาครัฐ ได้กลายเป็นที่ไม่พอใจของเจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่น และถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลกลางภายใต้จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ว่าเป็นขบวนการคอมมิวนิสต์ ที่อาจร่วมมือกับเวียดนามและลาวแบ่งแยกดินแดนอีสาน ด้วยสถานการณ์ที่ชาติคอมมิวนิสต์เอเชียดำเนินยุทธศาสตร์เชิงรุก
สุดท้ายจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี จึงออกคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญปกครองอาณาจักร ให้จับกุมและประหารชีวิตนายครอง จันดาวงศ์ พร้อมด้วยนายทองพันธ์ สุทธิมาศ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) ด้วยข้อกล่าวหาว่าทั้งสองมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ลักลอบสั่งสมอาวุธตั้งกองกำลังเพื่อล้มล้างรัฐบาล ร่วมมือกับคอมมิวนิสต์เวียดนามและลาว ปลุกระดมให้ประชาชนเกลียดชังพระสงฆ์และสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยประหารชีวิตที่บริเวณสนามบินเสรีไทย ด้านสว่างแดนดิน ซึ่งครองได้สร้างมากับมือ (ซึ่งข้อหาดังกล่าว ไม่ปรากฏในชีวิตจริงของนายครองเลย)
หมายเหตุ :
- คงอักขรและการสะกดตามหลักฐานชั้นต้น และต้นฉบับของนักเขียน
บรรณานุกรม :
- เกียรติ ก้องไพร. พัฒนาการทางความคิดและชีวิตทางการเมือง. ในครูครอง จันดาวงศ์ : ชะตากรรมที่เลือกไม่ได้ อนุสรณ์เนื่องในงานฌาปนกิจศพนายครอง จันดาวงศ์ และนายทองพันธ์ สุทธิมาศ. พิมพ์ครั้งที่ 3. 2561
- แตงอ่อน จันดาวงศ์. ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้. ในอนุสรณ์งานฌาปนกิจศพ นางแตงอ่อน จันดาวงศ์ ณ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ นนทบุรี วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2546
- ปรีชา ธรรมวินทร. เตียง ศิริขันธ์ : ขบวนการเสรีไทยสกลนคร. กรุงเทพฯ : แม่คำผาง, 2553.
- ปรีชา ธรรมวินทร (2565). 77 ปี วันสันติภาพไทย: เตียง ศิริขันธ์ ขบวนการเสรีไทยสกลนคร. โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
- วิทิต จันดาวงศ์. แตงอ่อน จันดาวงศ์ วิบากกรรมอำมหิต ทั้งชีวิตต้องผิดหวัง. ในอนุสรณ์งานฌาปนกิจศพ นางแตงอ่อน จันดาวงศ์ ณ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ นนทบุรี วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2546
- วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร, ตำนานเสรีไทย.กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แสงดาว, 2547.
- สมชัย ภัทรธนานันท์. ครอง จันดาวงศ์กับการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธของชาวนาอีสาน. เว็บไซต์สถาบันปรีดี พนมยงค์ สืบค้นจาก https://pridi.or.th/th/content/2024/05/1982
- สวัสดิ์ ตราชู. เตียง ศิริขันธ์ ลับสุดยอด เมื่อข้าพเจ้าเป็นเสรีไทย. พิมพ์ครั้งที่ 3, กรุงเทพฯ : แม่คำผาง, 2553.
- “รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ทำหน้าที่นิติบัญญัติ) ครั้งที่ 97 วันที่ 1 มิถุนายน พุทธศักราช 2504 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม,” น. 349-351.
- นายสีดอกกาว (นามปากกา). บันทึกลับเสรีไทยภูพาน. (พิมพ์ครั้งที่ 2), สกลนคร, สถาบันราชภัฏสกลนคร. 2543.