“ชาติจะเจริญโดยไม่มีวิทยาศาสตร์เป็นหลักไม่ได้”
- ดร.ตั้ว ลพานุกรม
ดร.ตั้ว ลพานุกรม (พ.ศ. 2441 - 2484) ถ่ายในเครื่องแบบของสมาชิกผู้แทนราษฎร
ในประวัติศาสตร์ไทยชื่อของ ดร.ตั้ว ลพานุกรม ปรากฏอยู่ตรงรอยต่อระหว่าง “คณะราษฎร” กับ “นักวิทยาศาสตร์” ท่านเป็นหนึ่งในเจ็ดผู้ร่วมริเริ่มการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ณ กรุงปารีส และเป็นหนึ่งในสามดุษฎีบัณฑิตของคณะราษฎรจากต่างประเทศ ร่วมกับ ปรีดี พนมยงค์ และ ประจวบ บุนนาค หากปรีดีวางรากฐานทางรัฐธรรมนูญ ดร.ตั้วก็เป็นผู้วางรากฐานทางวิทยาศาสตร์ให้แก่สังคมไทย
ดร.ตั้วเกิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2441 ในครอบครัวคหบดีชาวตลาดน้อย สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์และราชวิทยาลัย ก่อนจะได้รับทุนของ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ ไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนีตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี ระหว่างนั้นสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้นและสยามประกาศสงครามกับเยอรมนี ท่านจึงถูกจับเป็นเชลยศึก แต่ภายหลังเมื่อได้รับอิสรภาพกลับสมัครเป็นทหารอาสา ทำหน้าที่ล่ามภาษาเยอรมันและฝรั่งเศส ได้ยศจ่านายสิบ และเมื่อกลับถึงสยามในปี พ.ศ. 2462 ก็ได้รับพระราชทานเหรียญรามาธิบดีและเหรียญพระราชสงครามยุโรป อันเป็นเกียรติยศของผู้ร่วมรบในกองทหารอาสา
หลังสงคราม ท่านกลับไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิตเกียรตินิยม ด้วยวิทยานิพนธ์เรื่อง The Influence of Chemical Composition on the Structure of Crystals ซึ่งนับเป็นงานวิจัยบุกเบิกของวงการวิทยาศาสตร์สยาม นอกจากนี้ยังศึกษาด้านเภสัชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมิวนิก และพฤกษศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยปารีส ทำให้มีพื้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ครบวงจร ตั้งแต่เคมี อุตสาหกรรม ไปจนถึงชีววิทยาและการแพทย์ เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ท่านได้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิในปี พ.ศ. 2473 พร้อมทั้งแวะศึกษาดูงานด้านวิทยาศาสตร์ การวิจัย และอุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นก่อนกลับถึงสยาม
ขณะศึกษาต่อในยุโรป ช่วงต้นปี พ.ศ. 2470 นักศึกษาตั้ว ลพานุกรม ได้เข้าร่วมประชุมก่อตั้ง “คณะราษฎร” กับเพื่อนนักเรียนไทยอีกหกคน ณ Rue de Sommerard กรุงปารีส เพื่อวางแผนเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบประชาธิปไตย การก่อการดังกล่าวบรรลุผลในอีกห้าปีต่อมา เมื่อรุ่งอรุณวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
ก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปรากฏเรื่องเล่าจากบันทึกของ ประยูร ภมรมนตรี ว่าชื่อของ “ดร.ตั้ว ลพานุกรม” เคยอยู่ในบัญชีผู้ถูกจับตามองของ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ว่า “กำลังคิดการใหญ่และจะลงมือยึดอำนาจ” จึงทรงเรียก พระยามานวราชเสวี อธิบดีกรมอัยการ ซึ่งเป็นน้องเขยของดร.ตั้ว ไปสอบถาม โดยประยูรเล่าว่า พระยามานฯ ได้กราบทูลว่า “เจ้าตั้วคนนี้ไม่เอาเรื่องการบ้านการเมืองหรอก เพิ่งกลับจากเมืองนอกใหม่ ๆ เห็นวุ่นวายเที่ยวหามรุ่งหามค่ำ” สมเด็จฯ จึงทรงยับยั้งการออกหมายจับและโปรดให้ตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ นายปรีดี พนมยงค์ ได้ท้วงติงภายหลังว่าข้อความในบันทึกของประยูรอาจไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางราชการ เนื่องจากการออกหมายจับในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวน มิใช่เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ปรีดีจึงตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องเล่าดังกล่าวอาจทำให้ชนรุ่นหลังเข้าใจผิดว่าเป็นเหตุการณ์จริงทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นเพียงบันทึกอัตชีวประวัติที่คลาดเคลื่อนในรายละเอียด
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ดร.ตั้วได้รับการยกย่องให้เป็นหัวหอกของคณะราษฎรในการขับเคลื่อนแนวคิดการนำวิทยาศาสตร์มาพัฒนาชาติให้พ้นจากความล้าหลัง พ.ศ. 2478 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์คนแรกของประเทศ และต่อมาเป็นรัฐมนตรีสั่งราชการกระทรวงการเศรษฐกิจ ด้วยวิสัยทัศน์ก้าวหน้า ท่านจัดระเบียบกรมวิทยาศาสตร์ให้เป็นหน่วยงานหลักด้านการวิจัยและอุตสาหกรรม แบ่งออกเป็นกองเคมี กองอุตสาหกรรมเคมี กองเกษตรศาสตร์ และกองเภสัชกรรม เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสาธารณสุขของชาติ หนึ่งในผลงานสำคัญคือโครงการ “ส่งเสริมอาหารของชาติ” ที่มุ่งยกระดับโภชนาการของประชาชน และเชื่อมโยงวิทยาศาสตร์เข้ากับชีวิตประจำวันของคนไทยอย่างเป็นรูปธรรม
ครั้งหนึ่งระหว่างการเดินทางไปราชการในภาคเหนือ ดร.ตั้วได้ปรารภกับนายแพทย์ยงค์ ชุติมา ว่า หากแพทย์สามารถช่วยให้ประชาชนกินดีอยู่ดีได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและเป็นกุศลอย่างยิ่ง ถ้อยคำเรียบง่ายแต่ทรงพลังนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิด “กองส่งเสริมอาหาร” ในกรมสาธารณสุข ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นต้นแบบของงานโภชนาการไทย สำหรับดร.ตั้ว วิทยาศาสตร์คือเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของราษฎร ท่านเชื่อมั่นว่าความก้าวหน้าของชาติย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยการสร้างคนให้แข็งแรงและมีความรู้ควบคู่กันไป
ดร.ตั้ว ลพานุกรม ถึงแก่อนิจกรรมอย่างกะทันหันด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2484 สิริอายุเพียง 43 ปี การจากไปของท่านในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ ถือเป็นการสูญเสียบุคคลผู้เปี่ยมอุดมการณ์และคุณูปการต่อประเทศ งานฌาปนกิจจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ปีเดียวกัน เพียงห้าวันก่อนกองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่อ่าวไทย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามมหาเอเชียบูรพา ในงานศพมีการจัดพิมพ์หนังสืออนุสรณ์เล่มสำคัญ รวมคำไว้อาลัยจากผู้ก่อการคณะราษฎรจำนวนมาก ทั้งในรูปแบบต้นฉบับลายมือและตัวพิมพ์ดีด หนังสือเล่มนี้จึงเปรียบเสมือนเอกสารเชิงประจักษ์ชิ้นสุดท้ายที่สะท้อนความสมัครสมานของคณะราษฎร ก่อนที่ความแตกแยกระหว่างกลุ่มของปรีดี พนมยงค์ และ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จะปรากฏชัดในช่วงสงครามใหญ่ที่ตามมา
อนุสรณ์งานศพแห่งความสมัครสมานของ “คณะราษฎร”
หนังสือที่ระลึกในงานรัฐพิธีพระราชทานเพลิงศพ พณฯ ดร.ตั้ว ลพานุกรม
ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส
วันที่ 4 ธันวาคม 2484
หนังสืออนุสรณ์งานศพของ ดร.ตั้ว ลพานุกรม จัดพิมพ์ขึ้นทั้งหมดสามเล่ม แต่ละเล่มสะท้อนภาพชีวิตและยุคสมัยของผู้วายชนม์ในต่างแง่มุม เล่มแรกถือเป็นฉบับหลักและทรงคุณค่าที่สุด พิมพ์จากต้นฉบับลายมือและตัวพิมพ์ดีดของผู้เขียนคำไว้อาลัย โดยไม่ผ่านการเรียงพิมพ์ใหม่ ทำให้คงไว้ซึ่งอารมณ์ ความรู้สึก และความจริงใจของผู้ร่วมรำลึกอย่างแท้จริง ภายในเล่มรวบรวมถ้อยคำไว้อาลัยจากบุคคลสำคัญร่วมสมัย ตั้งแต่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ไปจนถึงสมาชิกคณะราษฎรระดับหัวแถวในขณะนั้น อาทิ พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้าคณะผู้ก่อการ จอมพลหลวงพิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ) นายกรัฐมนตรี หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หลวงอดุลเดชจรัส (บัตร พึ่งพระคุณ) หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ (ธวัลย์ ธารีสวัสดิ์) หลวงโกวิทอภัยวงศ์ (ควง อภัยวงศ์) และหลวงกาจสงคราม (เทียน เก่งระดมยิง)
แม้ในขณะนั้น คณะราษฎรสายพระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) จะถูกขจัดออกจากวงการไปแล้วตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2482 แต่เมื่อพิจารณารายชื่อผู้เขียนคำไว้อาลัยในเล่มนี้ จะเห็นร่องรอยของความสัมพันธ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในเวลาต่อมา นายควง (หลวงโกวิทอภัยวงศ์) ซึ่งร่วมเขียนคำไว้อาลัย ได้แตกหักกับหลวงประดิษฐ์มนูธรรมภายหลังสงครามยุติไม่นาน ระหว่างที่หลวงประดิษฐ์ฯ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2489 และต่อมาเข้าร่วมกับสองพี่น้องตระกูลปราโมชก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ในวันจักรีปีเดียวกัน ส่วนหลวงกาจสงคราม ผู้เขียนคำไว้อาลัยยืดยาวที่สุดในเล่ม ได้เป็นผู้นำคณะทหารทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 โค่นรัฐบาลของอาจารย์ปรีดี และนำจอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับคืนสู่อำนาจอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
คำไว้อาลัยฉบับเต็มจากสามผู้ก่อการหัวแถว “เชษฐบุรุษ” “กัปตัน” และ “อาจารย์”
ต่อไปนี้คือภาพต้นฉบับคำไว้อาลัยจากสามผู้นำสำคัญของคณะราษฎร ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสืออนุสรณ์งานศพ ดร.ตั้ว ลพานุกรม เล่มหลัก เอกสารเหล่านี้เป็นหลักฐานร่วมสมัยที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ ความเคารพ และอุดมการณ์ร่วมกันของผู้ก่อการในการรำลึกถึงสหายผู้ล่วงลับ อันเป็นช่วงเวลาที่คณะราษฎรยังคงดำรงความสามัคคีอยู่โดยสมบูรณ์
“เชษฐบุรุษ” พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน พ.ศ. 2430 - 2490)
คำไว้อาลัย ดร.ตั้ว ลพานุกรม โดย พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน)
นายตั้ว ลพานุกรม รัฐมนตรี ข้าพเจ้าเคยรู้จักชอบพอกันมาตั้งแต่เดิม ครั้งยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ในประเทศเยอรมันนี ข้าพเจ้ายังจำภาพเมื่อครั้งกระนั้นได้อย่างติดตาว่าแต่งตัวอย่างเด็กฝรั่ง ผูกผ้าผูกฅอโบสรวมกางเกงขาสั้นรัดน่อง พูดจาคล่องหัวเราะร่วน เป็นคนร่าเริงเสมอ ซึ่งเป็นที่ชอบอัทธยาศรัยของบรรดานักเรียนไทยทั้งหลายที่ได้รู้จักมักคุ้น ขณะที่ข้าพเจ้าเริ่มสมาคมกับท่านผู้นี้นั้น ข้าพเจ้ายังเป็นนักเรียนทำการนายร้อยประจำกรมทหารปืนใหญ่สนามรบที่ 4 ในจังหวัดบัครบอร์กแห่งประเทศเยร์มันนี ในการรู้จักกันนั้นตามธรรมดาเวลาตรุษฝรั่ง นักเรียนไทยที่ศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสำนักต่างๆ แห่งประเทศเยร์มันนี มักเดินทางมารวมกันยังสถานอัคราชทูตไทยในกรุงเบอร์ลิน หรือมิฉนั้นก็ในเวลามีพิธีต่างๆ เช่น เฉลิมพระชนมพรรษาของพระเจ้าแผ่นดินไทยเป็นต้น เนื่องจากเหตุที่กล่าวนี้ นายตั้ว ลพานุกรม กับข้าพเจ้าจึงได้รู้จักกันตั้งแต่บัดนั้น ครั้นต่อมาภายหลัง ข้าพเจ้าได้กลับมารับราชการในประเทศไทยแล้ว แต่ท่านผู้นี้ยังศึกษาอยู่ในทวีปยุโรปจนสำเร็จการศึกษาเล่าเรียน ข้าพเจ้าพึ่งมาพบท่านผู้นี้ที่กรุงเทพฯ เมื่อคราวมหาสงครามเลิกไปหลายปีแล้ว แต่การู้จักมักคุ้นก็คงเป็นไปดังเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใด ท่านก็คงนับถือข้าพเจ้าอย่างเพื่อนฝูงชั้นผู้ใหญ่ ต่อมาครั้งประมาณใน 2 ปีก่อนที่จะลงมือทำการสำคัญของชาติ คือ เปลี่ยนแปลงการปกครองฯ เราจึ่งรู้จักกันสนิทสนมยิ่งขึ้น จนถึงท่านผู้นี้ได้ยอมให้ข้าพเจ้าทำหน้าที่เป็นผู้นำคณะราษฎร์ ซึ่งมีหน่วยที่ท่านเป็นหัวหน้าเข้าร่วมด้วยโดยมิได้มีความรังเกียจ เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ นั้น ท่านเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าไว้วางใจได้อย่างดีผู้หนึ่ง เพราะมีนิสสัยมั่นคง ไม่หลอกแหลกตลอดมา ตั้งแต่เริ่มการเตรียมการจนถึงลงมือกระทำการ และได้ทำการสำเร็จแล้ว นอกจากที่กล่าวแล้วท่านยังได้ช่วยรัฐบาลในระบอบรัฐธรรมนูญทำการงานให้แก่ประเทศชาติ เพื่อความเจริญก้าวหน้าเป็นอันมาก ความบึกบึนอดทน, ความขยันขันแข็ง, ความหนุ่มแน่นของท่านทำให้ข้าพเจ้ามีความหวังว่า ท่านผู้นี้จะเป็นคนสำคัญของชาติได้ผู้หนึ่งในภายหน้า แต่เป็นไปดังความตั้งใจไม่ เพราะเกิดมีพยาธิอันร้ายแรงเข้ามาเบียดเบียน จนมิสามารถทำให้กำลังอันแข็งแรงของท่านต่อต้านได้ จึ่งต้องเสียชีวิตไปในปัจจุบันทันด่วนเช่นนี้ ซึ่งทำให้เป็นที่เศร้าสลดแก่บรรดาญาติมิตร์และเพื่อนฝูงทั้งหลายอย่างสุดซึ้ง ข้าพเจ้าในขณะที่ทราบข่าวมรณะของท่านผู้นี้ ยังครองเพศพรหมะจรรย์อยู่ แต่กระนั้นยังรู้สึกสลดลงไปทันที แต่กลับมีสติสัมปปะชัญญะว่าตนอยู่ในเพศสมณะ จำจักต้องห้ามความเศร้าโศรกโดยอาการที่รู้จักของจริง คือ : เกิด แก่ เจ็บ ตาย และความไม่เที่ยงย่อมเปลี่ยนแปลงไป ตามวิสัยของโลก ฉะนั้นจึงต้องสะกดใจทำอารมณ์ให้เป็นอุเบกขา แล้วตั้งใจแผ่สวนกุศลที่ได้บรรพชาอุปสมบทไปให้ ขอกุศลบุญราศีจงตามไปสนองแก่ท่านผู้ล่วงลับนั้นเถิด
เมื่อข้าพเจ้าได้ลาสิกขามาถือเพศฆราวาศแล้วก็ได้รับหนังสือ ด่วนมาก จากเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นใจความว่า “จะพระราชทานเพลิงศพคุณตั้ว ลพานุกรม ในราวต้นเดือนธันวาคม ศกนี้” ขอให้ข้าพเจ้าเขียนคติพจน์หรือคำไว้อาลัยด้วยลายมือของตนเองส่งไปให้ ข้าพเจ้าจึ่งได้เขียนตามความรู้สึกนึกคิดในเวลาเร่งรีบ เพื่อเป็นการไว้อาลัยในมิตร์สหายที่ได้เคยพลีชีพเพื่อชาติร่วมกันมาครั้งหนึ่งแล้ว และอธิษฐานขอให้วิญญาณอันไม่ตายของท่านผู้นี้ ที่ได้เคยเข้าสู่ร่างนายตั้ว ลพานุกรม ทำคุณงานความดีไว้แก่ประเทศชาติแล้วนั้น จงไปสู่สุคติในสัมปรายภพนั้นเทอญ ๚
พล.ท.พหลพลพยุหเสนา
“กัปตัน” จอมพล ป. พิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ พ.ศ. 2440 - 2507)
คำไว้อาลัย ดร.ตั้ว ลพานุกรม โดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม
วังสวนกุหลาบ
24 พฤศจิกายน 2484
คุณตั้ว ลพานุกรม รัฐมนตรีเปนผู้คุ้นเคยกับข้าพเจ้า ตั้งแต่อยู่ในต่างประเทศ และได้ทำงานขอพระราชทานรัฐธรรมนูญในรถคันเดียวกัน เมื่อ 24 มิถุนายน 2475 เป็นเพื่อนร่วมชีวิตอย่างแท้จริงในเวลาเปนรัฐมนตรีและอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ ท่านผู้นี้ทำงานเข้มแข็งและเปนที่ไว้วางใจได้เปนอย่างดี พูดอย่างใด ทำอย่างนั้น งานที่ได้รับมอบ จึงสำเร็จทุกอย่างและดีที่สุด ดังนั้น แม้คุณตั้วจะล่วงลับจากไป แต่ชื่อเสียงกิตติคุณจึงยังอยู่เสมอ
ขอให้ท่านรัฐมนตรีเพื่อนร่วมชีวิตของข้าพเจ้าผู้นี้ จงไปอยู่ในที่แสนสุขตลอดไป
พิบูลสงคราม ป.
“อาจารย์” หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์ พ.ศ. 2443 - 2526)
คำไว้อาลัย ดร.ตั้ว ลพานุกรม โดย หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์)
คำไว้อาลัยแก่คุณตั้ว ลพานุกรม
ในคราวทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพื่อขอพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 นั้น คุณตั้ว ลพานุกรมได้เป็นบุคคลสำคัญร่วมมือทำการมาแต่ต้นคนหนึ่ง
คุณตั้ว ลพานุกรม เป็นบุคคลที่มีอัธยาศัยมั่นคงเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่อย่างหนึ่งอย่างใด ในระหว่างมิตรสหายบรรดาที่ได้สมาคมกันมา ทุกคนจะสังเกตเห็นได้ว่า คุณตั้ว ลพานุกรม เคยอย่างไรก็คงอย่างนั้นอยู่เสมอ อัธยาศัยมั่นคงเสมอต้นเสมอปลายเช่นนี้ ย่อมเป็นที่ยกย่องในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า “สมานัตตตา” และทรงจัดเป็นสังคหวัตถุประการหนึ่ง
ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ คุณตั้ว ลพานุกรม ได้กระทำคุณงามความดีไว้พร้อม ทั้งในทางส่วนรวมและในทางส่วนตัว เมื่อต้องมาถึงแก่กรรมลงด้วยโรคอันมิได้คาดหมายไว้ จึงเป็นที่เศร้าโศกอาลัยแก่บรรดาญาติมิตรยิ่งนัก แต่พระพุทธภาษิตมีอยู่ว่า
อิธ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทติ กตปุญฺโญ อุภยตฺถ นนฺทติ
ปุญฺญํ เม กตนฺติ นนฺทติ ภิยฺโย นนฺทติ สุคฺคตึ คโต.
ผู้กระทำความดีไว้ เมื่ออยู่ในโลกนี้ ย่อมเกิดความชื่นชมยินดี ครั้นละโลกนี้ไปแล้ว ก็ย่อมเกิดความชื่นชมยินดี คือเกิดความชื่นชมยินดีทั้งในโลกนี้ทั้งในโลกหน้า เมื่ออยู่ในโลกนี้ เกิดความชื่นชมยินดีว่า เราได้กระทำความดีไว้ ครั้นละโลกนี้ไปสู่สุคติแล้ว ก็เกิดความชื่นชมยินดียิ่งขึ้น
เพราะฉะนั้น เมื่อรำลึกถึงว่า คุณตั้ว ลพานุกรม ได้กระทำความดีไว้มาก หากจะละโลกนี้ไปสู่โลกหน้า ก็คงจะเข้าถึงสุคติและเกิดความชื่นชมยินดียิ่งขึ้น จึงทำให้รู้สึกคลายใจบันเทาความเศร้าโศกลงได้บ้าง ยังเหลืออยู่ก็แต่ความอาลัยเท่านั้น.
ประดิษฐ์มนูธรรม
24 พฤศจิกายน 2484
หนังสืองานศพเล่มรองอีกสองเล่มในงานศพ ดร.ตั้ว ลพานุกรม
อนุสรณ์งานฌาปนกิจศพ ดร.ตั้ว ลพานุกรม ภายในรวบรวมบทความและบทสนทนาชุด “นายมั่น นายคง”
ภายในงานฌาปนกิจศพของ ดร.ตั้ว ลพานุกรม มีการจัดพิมพ์หนังสือแจกเป็นของชำร่วยอีกสองเล่มควบคู่กับเล่มหลัก เล่มที่สองจัดพิมพ์โดยบริษัทไทยนิยมพาณิชย์ โดยมีวิลาศ โอสถานนท์ สมาชิกคณะราษฎรผู้ดูแลกรมโฆษณาการเป็นผู้ประสานงานจัดพิมพ์ เล่มนี้มีลักษณะเป็นเอกสารเผยแพร่แนวประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลว่าด้วยการสร้างชาติและเศรษฐกิจยุคใหม่ ภายในรวบรวมบทความและบทสนทนาชุด “นายมั่น นายคง” ซึ่งเป็นรายการวิทยุกระจายเสียงที่เริ่มออกอากาศมาตั้งแต่วันชาติครั้งแรก วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 หรือราวสองปีก่อนการถึงแก่อนิจกรรมของ ดร.ตั้ว
ก่อนหน้าการพิมพ์หนังสืออนุสรณ์งานศพเล่มนี้ วารสาร วิทยาศาสตร์ ซึ่งก่อตั้งโดย ดร.ตั้ว ได้ตีพิมพ์บทสนทนาพิเศษระหว่าง “นายมั่น ชูชาติ” กับ “นายคง รักไทย” เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2484 ถ่ายทอดทางสถานีวิทยุกระจายเสียง เพื่ออุทิศแด่คุณความดีของดร.ตั้ว ความตอนหนึ่งได้สะท้อนถึงบทบาทของท่านในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้มุ่งสร้างชาติด้วยปัญญาและการพัฒนาอย่างแท้จริงไว้ดังต่อไปนี้
วารสาร "วิทยาศาสตร์" ซึ่งก่อตั้งโดย ดร.ตั้ว ได้ตีพิมพ์บทสนทนาพิเศษระหว่าง “นายมั่น ชูชาติ” กับ “นายคง รักไทย” เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2484
"คง วันนี้ ผมได้ทราบข่าวด้วยความสลดใจเป็นอันมากว่า ท่านรัฐมนตรี ตั้ว ลพานุกรม ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคลำไส้พิการเสียแล้ว
มั่น ครับ พวกเราชาวไทยทุกคน เมื่อได้ทราบข่าวนี้แล้ว ก็เว้นที่จะเศร้าโศกสลดใจไม่ได้ เพราะท่านรัฐมนตรีผู้นี้ เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ทำคุณงามความดีไว้แก่กรมวิทยาศาสตร์ ซึ่งท่านเป็นอธิบดี ทำประโยชน์แก่กระทรวงการเศรษฐกิจ ซึ่งท่านเป็นรัฐมนตรีสั่งราชการ และได้ทำประโยชน์แก่ราชการแผ่นดินเป็นส่วนรวม ซึ่งท่านเป็นผู้หนึ่งในคณะรัฐมนตรีปัจจุบัน เมื่อท่านมาถึงแก่อนิจกรรมในขณะที่ยังสามารถทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองได้อย่างเต็มที่เช่นนี้ เราชาวไทยก็ย่อมสลดใจโดยทั่วกัน เพราะเราได้ขาดท่านผู้ทรงคุณความรู้และความสามารถอย่างดีไปผู้หนึ่ง”
สำหรับเล่มที่สาม จัดพิมพ์โดย นายแพทย์ยงค์ ชุติมา ผู้ใต้บังคับบัญชาในภารกิจดำเนินนโยบายส่งเสริมโภชนาการ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดของดร.ตั้ว เล่มนี้มีเนื้อหาว่าด้วยหลักโภชนาการสมัยใหม่ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งเป็นแนวทางที่ดร.ตั้วและคณะได้วางรากฐานไว้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น นายแพทย์ยงค์ได้เขียนรำลึกถึงช่วงเวลาที่เริ่มรู้จักและร่วมงานกับผู้วายชนม์ไว้อย่างซาบซึ้ง ความตอนหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ผู้บุกเบิกกับผู้สานต่ออุดมการณ์ในการนำวิทยาศาสตร์มาพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรทั้งหลาย ดังความว่า
“พณ ฯ ดร.ตั้ว ลพานุกรม รัฐมนตรีสั่งราชการกระทรวงการเศรษฐกิจ และอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ เป็นที่เคารพของข้าพเจ้าอย่างยิ่งผู้หนึ่ง เพราะนอกจากจะมีความเมตตากรุณาแก่ข้าพเจ้าเป็นส่วนตัวแล้ว ท่านยังได้สนับสนุนและส่งเสริมงานของข้าพเจ้า คือการส่งเสริมอาหารการบริโภคอีกด้วย นอกจากนั้นยังได้เคยร่วมราชการกันมาในคณะกรรมการพิจารณาส่งเสริมกิจการถั่วเหลือง ซึ่งท่านเป็นประธาน และได้เคยเดินทางไปราชการต่างจังหวัดด้วยกันหลายครั้งหลายคราว
ตลอดเวลาที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดและสนทนากับท่าน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าท่านเป็นรัฐบุรุษที่มีความปรารถนาดีต่อความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองโดยแท้ ด้วยความรู้สึกดั่งนี้ ประกอบกับความเคารพนับถือของข้าพเจ้าในตัวท่านดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ข้าพเจ้าจึงมีความรู้สึกในขณะที่ทราบข่าวการถึงแกอนิจกรรมของท่านโดยกะทันหัน เสมือนหนึ่งข้าพเจ้าได้เสียญาติผู้ใหญ่ที่เคารพอย่างยิ่งผู้หนึ่งไป...
ข้าพเจ้าเริ่มรู้จัก ดร.ตั้ว ลพานุกรม เมื่อท่านไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่กับเจ้าคุณและคุณหญิงมานวราชเสวี (น้องสาว ดร.ตั้ว - ผู้เขียน) ในราวปลาย พ.ศ. 2473 ชั่วเวลา 4 - 5 วันที่ท่านพักอยู่ที่บ้านคุณพระพิจิตรโอสถ ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านพักของข้าพเจ้า ตำบลดอยสุเทพนั้น ข้าพเจ้าได้มีโอกาสสนทนากับท่านหลายครั้งในเรื่องต่าง ๆ เรื่องที่ท่านและข้าพเจ้าสนใจและมีความเห็นร่วมกันเป็นส่วนมากนั้น คือเรื่องการอนามัยและการกินอยู่ของประชากรไทย
เมื่อท่านเดินทางต่อไปยังจังหวัดอื่นในภาคพายัพ ข้าพเจ้าก็ได้ร่วมเดินทางไปด้วย ข้าพเจ้ายังจำได้ดีถึงการเดินทางตอนจากจังหวัดแพร่ไปยังจังหวัดน่าน ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีถนนหนทางเลย จำเป็นต้องใช้รถยนต์ฟอร์ดบุกป่าลำห้วยไปด้วยความยากลำบาก
ตลอดเวลาที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันในครั้งแรกนี้ การสนทนาได้ลงเอยด้วยข้อยุตติว่า การที่คนไทยมีอนามัยซุดโซม ขาดความแข็งแรง และความเข้มแข็งในการงานนั้น เพราะร่างกายขาดอาหารที่มีคุณภาพดี ความเป็นอยู่ของคนเหล่านั้น เท่าที่ได้พบเห็นด้วยตาของเราเอง เป็นพะยานในเรื่องนี้ดีที่สุด คุณตั้วได้ให้ความเห็นแก่ข้าพเจ้าว่า ‘ถ้าหมอช่วยให้คนพวกนี้กินดีอยู่ดีได้ ก็จะเป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง และเป็นกุศลอย่างเหลือหลาย’
ข้าพเจ้าได้รับเอาความคิดเห็นของท่านนี้ใส่ใจไว้ และได้พยายามส่งเสริมในเรื่องอาหารการกินของประชากรไทยเป็นลำดับมา จนกระทั่งมีการจัดตั้งกองส่งเสริมอาหารขึ้นในกรมสาธารณสุข ซึ่งต่อมาได้โอนไปเป็นกองบริโภคสงเคราะห์ในกรมประชาสงเคราะห์ อันข้าพเจ้าได้ควบคุมงานอยู่จนถึงบัดนี้
คุณตั้วได้กรุณาสนับสนุนงานส่งเสริมอาหาร และเป็นกำลังน้ำใจให้ข้าพเจ้าได้ดำเนินงานนี้มาด้วยความพากเพียร เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงถือว่า ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ควรได้รับเกียรติ์ว่าเป็นผู้นำในการปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินในประเทศไทย...
คุณตั้วได้ศึกษาในทางวิทยาศาสตร์มามาก และมีความรู้สูงในกิจการอนามัยทั่ว ๆ ไป ท่านได้ปรารภกับข้าพเจ้าอยู่เนือง ๆ ว่า ในการสร้างชาตินั้น เราจะต้องเร่งสร้างคนเป็นเรื่องสำคัญพร้อม ๆ กันไปด้วย โดยฉะเพาะอย่างยิ่ง ต้องรีบจัดการส่งเสริมให้อาหารการกินของคนไทย ทั้งผู้ใหญ่และเด็กทุกเพศทุกวัย เข้าสู่ระดับดี...”
ส่งท้าย
หากมองในบริบททางประวัติศาสตร์ หนังสืออนุสรณ์เล่มหลักของ ดร.ตั้ว ลพานุกรม นับเป็นเอกสารแห่งความสมัครสมานของคณะราษฎรครั้งสุดท้าย เพราะจัดพิมพ์ขึ้นก่อนสงครามมหาเอเชียบูรพาเพียงไม่กี่วัน ในขณะนั้น ปรีดี พนมยงค์ ควง อภัยวงศ์ จอมพล ป. และสมาชิกคณะราษฎรคนอื่น ๆ ยังยืนอยู่บนเส้นอุดมการณ์เดียวกัน คือการธำรงประชาธิปไตยและสร้างชาติด้วยความรู้ ต่อมาเมื่อสงครามปะทุ ความเห็นทางการเมืองและการปฏิบัติเริ่มแยกออกเป็นหลายแนวทาง บางส่วนเข้าร่วมกับญี่ปุ่นภายใต้นโยบาย “สร้างชาติ” ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งจัดตั้งขบวนการเสรีไทยเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นและธำรงเอกราชของชาติไว้ในอีกทางหนึ่ง ภายหลังสงครามยุติ บุคคลเหล่านี้ผลัดกันขึ้นสู่อำนาจ โดยมีปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้นำรัฐบาลหลังสงคราม ก่อนจะถูกรัฐประหารในเวลาต่อมา ความเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์จึงค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อมกับกระแสการเมืองที่เปลี่ยนแปลง
ความเด็ดเดี่ยวของดร.ตั้วในการอุทิศตนเพื่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปรากฏชัดในคำไว้อาลัยของควง อภัยวงศ์ ซึ่งได้รำลึกไว้ว่า
“ข้าพเจ้ายังจำคำพูดซึ่งคุณตั้วได้กล่าวกับพวกเรา 4 - 5 คนที่บ้านตรอกจันทน์ ก่อนเปลี่ยนการปกครองประมาณสามเดือน เป็นภาษาอังกฤษดังนี้ Do it now or never แปลว่า ทำเดี๋ยวนี้หรือไม่ทำเลย คำพูดประโยคนี้ได้เร้าใจพวกเรา 4 - 5 คนซึ่งร่วมอยู่ ณ ที่นั้นให้เต้นแรงยิ่งนัก”
เช่นเดียวกับคำไว้อาลัยของหลวงอดุลเดชจรัส ที่ได้กล่าวถึงภาพลักษณ์ของนักวิชาการผู้สงบนิ่งแต่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นเมื่อถึงคราวลงมือปฏิบัติว่า
“ระลึกแลคงจำภาพได้ดีว่า คุณตั้ว ลพานุกรม เป็นผู้หนึ่งในจำนวนหลายคนที่ได้นั่งร่วมรถยนต์คันเดียวกับข้าพเจ้าแลจอมพลหลวงพิบูลสงครามเมื่อคืนวัน 24 มิ.ย. 75 ผ่านถนนสายต่าง ๆ ตรงไปตำบลบางซื่อ”
หนังสืออนุสรณ์งานศพของดร.ตั้ว ลพานุกรม จึงนับเป็นหนึ่งในอนุสรณ์งานศพที่ทรงคุณค่าที่สุดเล่มหนึ่งของคณะผู้ก่อการ ซึ่งพบราว 70 ท่านจากทั้งหมดกว่าร้อยท่าน โดยเฉพาะในฐานะเอกสารที่สะท้อนบริบททางการเมืองร่วมสมัยของยุคคณะราษฎร ทั้งยังมีรูปแบบการจัดพิมพ์ที่โดดเด่นจากการคงต้นฉบับ manuscripts ทั้งลายมือและตัวพิมพ์ดีดไว้ครบถ้วน จึงเป็นทั้งหลักฐานทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมแห่งอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง
บรรณานุกรม :
- อนุสรณ์พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานรัฐพิธีพระราชทานเพลิงศพ พณฯ ดร.ตั้ว ลพานุกรม ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 4 ธันวาคม 2484, (การพิมพ์ไทย).
- อนุสรณ์พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ ดร.ตั้ว ลพานุกรม รัฐมนตรีสั่งการกระทรวงเศรษฐกิจอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ ณ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 4 ธันวาคม พุทธศักราช 2484 โดย บริษัทไทยนิยมพาณิชย์ จำกัด, (โสภณพิพรรฒธนากร).
- อนุสรณ์พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานรัฐพิธีพระราชทานเพลิงศพ ดร.ตั้ว ลพานุกรม ณ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 4 ธันวาคม 2484 โดย นายแพทย์ ยงค์ ชุติมา หัวหน้ากองบริโภคสงเคราะห์ กรมประชาสงเคราะห์, (การพิมพ์ไทย).
- หนังสือพิมพ์ วิทยาศาสตร์, กรมวิทยาศาสตร์ กระทรวงการเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4 ปีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2484, (โรงพิมพ์อักษรนิติ).
- ประยูร ภมรมนตรี, ชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า, พ.ศ.2518, (บรรณกิจ).
- ปรีดี พนมยงค์, บันทึกประกอบคำท้วงของนายปรีดี พนมยงค์, (มปท., มปป.)
- นริศ จรัสจรรยาวงศ์, 2475 ราษฎรพลิกแผ่นดิน, พ.ศ.2564, (มติชน).
- วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร, ดร.ตั้ว ลพานุกรม รัฐบุรุษวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย, จัดพิมพ์เนื่องในการประชุมสมัชชาวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1, มีนาคม 2526, (ศิริยอดการพิมพ์)
- หนังสือที่ระลึกเนื่องในพิธีเปิดอนุสาวรีย์ ดร.ตั้ว ลพานุกรม ณ กรมวิทยาศาสตร์บริการ 30 มกราคม 2550 เข้าถึงได้จาก http://lib3.dss.go.th/fulltext/dss_other/book_dr-tua.pdf