ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
แนวคิด-ปรัชญา

การรวมตัวกันของคนธรรมดาในทุกปริมณฑลของชีวิต คือ กุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม

6
มิถุนายน
2566

Focus

  • ผลของการเลือกตั้งที่ผ่านมาปรากฏว่าพรรคการเมืองที่มีจุดยืนด้านประชาธิปไตยประสบชัยชนะ ประชาชนจึงรอคอยการเปลี่ยนแปลงตามที่คาดหวังแต่กุญแจสำคัญที่ทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงไปในทางก้าวหน้าได้ก็อยู่ที่การรวมตัวของประชาชน
  • การรวมตัวของประชาชนที่สำคัญคือ การรวมตัวเป็นสหภาพแรงงานและควรเป็นการรวมตัวกันของผู้คนในทุกปริมณฑลของคนทำงานหรือแรงงาน โดยการรวมตัวเป็นสหภาพแรงงานมีประโยชน์ที่สำคัญในเรื่อง (1) การสร้างความยุติธรรมในสังคม (2) การเสริมสร้างอำนาจของคนทำงาน (3) การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ และ (4) การสร้างความเชื่อมั่นและความไว้ใจกันในสังคม
  • สิ่งที่ภาคประชาชน ขบวนการแรงงาน รวมถึงนักเรียน หรือนิสิตนักศึกษาต้องเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า คือการพยายามสร้างเงื่อนไขการรวมตัวกันเพื่อกำหนดให้เกิดการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องทำคู่ขนานไปกับการผลักดันให้รัฐบาลประชาธิปไตยเข้มแข็ง

 

การเลือกตั้งผ่านไปแล้วเกือบหนึ่งเดือน ผลของการเลือกตั้งได้ส่งสัญญาณที่ทำให้เราตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เมื่อพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยที่มีจุดยืนด้านประชาธิปไตยอย่างชัดเจนสามารถกำชัยชนะได้ในพื้นที่เขตและจำนวนผู้ลงคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อ ขณะที่ฝ่ายอนุรักษนิยมได้รับที่นั่งและคะแนนนิยมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้การสืบทอดอำนาจยาวนานมาเกือบทศวรรษของฝั่งอำนาจนิยมดูจะมาถึงการสิ้นสุด

แต่ในขณะเดียวกันเมื่อเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง เราจะเห็นได้ว่า ประชาชนจะเริ่มเข้าสู่โหมด “จำศีล” หรือ “รอคอย” การเปลี่ยนแปลง โดยปรารถนาว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในระดับประเทศ จะเป็นหนทางที่นำสู่การเปลี่ยนแปลงตามอย่างที่เราคาดหวัง แต่เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ไทยและประวัติศาสตร์สากล แม้ว่าการเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตยจะเป็นหัวใจสำคัญซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่กุญแจสำคัญที่ทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงในทางก้าวหน้าได้ มีจุดเริ่มต้นและจุดท้ายสุดอยู่ที่การรวมตัวของประชาชน

บทความนี้จะกล่าวถึงความสำคัญของการรวมตัวในรูปแบบสหภาพแรงงาน ซึ่งมีจุดเริ่มได้ทั้งในที่ทำงาน ในชุมชน ในโรงเรียน หรือในมหาวิทยาลัย อันถือเป็นหัวใจสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และป้องกันไม่ให้ฝั่งอนุรักษนิยมชักนำให้ประเทศย้อนหลังกลับไปยังจุดเดิม

การรวมตัวของประชาชนในหน่วยที่เล็กที่สุดซึ่งจำเป็นต้องพูดถึง คือ สหภาพแรงงาน และเป็นอีกครั้งที่เราจำเป็นต้องย้ำถึงความหมายของสหภาพแรงงานในความหมายที่กว้างไปกว่าข้อกำหนดทางกฎหมายในแบบที่เคยมีมาในอดีต แต่จะต้องพูดถึงการรวมตัวกันของผู้คนในทุกปริมณฑลของคนทำงานหรือแรงงานในชีวิตประจำวัน

การรวมตัวเป็นสหภาพแรงงานเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำคัญในการสร้างและส่งเสริมประชาธิปไตยได้อย่างมีนัยสำคัญซึ่งสามารถลงรายละเอียดเพิ่มเติมได้ดังนี้

1. สร้างความยุติธรรมในสังคม การรวมตัวเป็นสหภาพแรงงานช่วยให้แรงงานสามารถรวมตัวกันเพื่อแสวงหาสิทธิ และเพิ่มความยุติธรรมในสถานการณ์เมื่อในที่ทำงานมีความขัดแย้งหรือขัดกัน โดยการรวมตัวกันทำให้แรงงานสามารถกำหนดเงื่อนไขการทำงานที่ดีขึ้น และสามารถต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เช่น การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของค่าจ้าง การปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงาน และสิทธิของแรงงานอื่นๆ

เมื่อมีการรวมตัวกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าแรง วันลา ลาคลอด ลาป่วย วันหยุดประจำปี หรือเงินสวัสดิการต่างๆ บ่อยครั้งที่การเรียกร้องไม่ได้หยุดเฉพาะเพียงเรื่องเฉพาะกลุ่ม แต่สร้างความยุติธรรมทางสังคมในภาพรวม การเห็นอกเห็นใจต่อผู้คนที่เราไม่ได้รู้จัก แต่เผชิญปัญหาร่วมกัน ถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระดับชาติ จากสำนึกความเจ็บปวดร่วมกันในสังคม ความเป็นภราดรภาพเป็นเงื่อนไขการสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็งต่อไป

2. เสริมสร้างอำนาจของคนทำงาน การรวมตัวเป็นสหภาพแรงงานช่วยเสริมสร้างอำนาจของคนทำงาน ในการต่อต้านการคุกคามและเอาประโยชน์ในการทำงาน โดยการรวมตัวกันทำให้แรงงานมีอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าในการต่อสู้กับนายจ้างหรือองค์กรของนายจ้าง และสามารถพูดคุยในเรื่องข้อตกลงหรือเงื่อนไขการทำงานที่ได้ประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย

การเปลี่ยนผ่านให้ระบอบประชาธิปไตยกลับสู่ระบอบอำนาจนิยม มาจากปัจจัยสำคัญคือการที่ประชาชนรู้สึกว่าตนไร้อำนาจ ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ จึงมีสภาวะจำยอม หรือเมินเฉยต่อการกระทำของฝั่งอำนาจนิยม แต่ในทางกลับกันเมื่อประชาชนมีการรวมตัวในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง สามารถต่อรอง สามารถสะสมชัยชนะ พวกเขาจะตระหนักถึงอำนาจของตน ซึ่งนอกจากป้องกันไม่ให้อภิสิทธิ์ชนชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มอำนาจต่อรองในการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เมื่อพวกเขาตระหนักว่าตนมีอำนาจมากพอที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง ก็จะทำให้ข้อเสนอ อาทิ ข้อเสนอของพรรคก้าวไกลที่ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการนำทหารออกจากการเมือง การสร้างรัฐสวัสดิการ การเก็บภาษีทรัพย์สินในกลุ่มคนที่มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงการผลักดันความเสมอภาคทางสังคม อย่างเช่นการสมรสเท่าเทียม สิทธิด้านสิ่งแวดล้อม หรือสิทธิทางสังคมอื่นๆ ก็จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงเมื่อประชาชนตระหนักถึงอำนาจของตนเอง

3. ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ การรวมตัวเป็นสหภาพแรงงานมีภาวะที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มผลิตภาพและความมั่งคั่งในสังคม โดยการสร้างข้อตกลงหรือเงื่อนไขการทำงานที่เหมาะสมระหว่างคนทำงานและนายจ้าง สามารถสร้างสภาวะที่เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจ และเพิ่มรายได้ของแรงงานในท้องถิ่น การรวมตัวกันไม่ได้เป็นสิ่งกีดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจเสมอไป หากการรวมตัวยังสามารถลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มรายได้ขั้นต่ำ ซึ่งส่งผลให้มูลค่าส่วนเกินถูกส่งตรงกลับสู่คนทำงานมากขึ้น ทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตต่างๆ ดีขึ้นอย่างเป็นระบบไปพร้อมกันในอีกทาง

4. สร้างความเชื่อมั่นและความไว้ใจกันในสังคม การรวมตัวกันเป็นสหภาพแรงงานช่วยสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมั่นระหว่างแรงงานที่ทำงานร่วมกัน โดยการร่วมกันสร้างเครือข่ายแรงงานที่แข็งแกร่ง ทำให้มีการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งส่งผลให้มีการพัฒนาและเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น นอกจากนี้การสร้างสังคมที่มีความเสมอภาคและมีความยุติธรรมยังสามารถสร้างความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกลุ่มคน เพราะทำให้เราตระหนักได้ว่าทุกคนต่างมีสหภาพที่ดูแลผลประโยชน์ของตนเอง มั่นใจว่าตนจะไม่ถูกเอาเปรียบในสิ่งที่ไม่เป็นธรรม หรือในขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ว่าผู้ที่มีอำนาจมากกว่าจะไม่อยู่เหนือหลักการทางกฎหมายและหลักการว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เมื่อการรวมตัวเป็นระบบ ความไว้ใจทางสังคมมากขึ้น ย่อมเกิดการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในระดับใหญ่ได้อย่างเป็นเอกภาพ

เมื่อพิจารณาในห้วงเวลาที่ยาวนานในความรู้สึกของประชาชนหลังการเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่คลี่คลาย ผู้เขียนขอเสนอว่าสิ่งที่ภาคประชาชน ขบวนการแรงงาน รวมถึงนักเรียน หรือนิสิตนักศึกษา ต้องเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า คือการพยายามสร้างเงื่อนไขการรวมตัวกันเพื่อกำหนดให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องทำคู่ขนานไปกับการผลักดันให้รัฐบาลประชาธิปไตยเข้มแข็งเช่นกัน