ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ดิฉันชื่อไอรีน นามสกุล นิตยวรรธนะ นามสกุลเก่าเป็น เนลสัน เป็นนามสกุลของสามีที่แต่งงานด้วย ตอนนี้อายุ 99 ปี (เกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2467 ปัจจุบันอายุ 100 ปี) เรียนที่โรงเรียน SPT (เซนต์แมรี่) ที่อยู่ที่เขตสาทร พอจบ 6 แล้วไปเข้าเตรียมปริญญามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (ต.ม.ธ.ก.) คุณพ่อเอาไปเข้าเตรียมนะ ไปเล่นหนังคุณพ่อเป็นคนเอาไปเข้าเป็นผู้ปกครอง แล้วก็ได้เข้าไปเล่นพระเจ้าช้างเผือกเพราะพี่ชาย
คำถาม :
คนคัดเลือกคืออาจารย์ปรีดีเองหรือว่าทีมสร้าง
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
เขามีทีมค่ะ
คำถาม :
แสดงว่าตอนแรกก็มีหลายๆ คนถูกเล็งว่าจะให้มาเป็นนางเอก แต่ว่าติดปัญหาสำคัญคือเรื่องภาษาอังกฤษ
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ใช่ค่ะๆ ติดภาษา เพราะว่าเขาใช้ภาษาอังกฤษ
คำถาม :
แล้วตอนนั้นถือว่าคุณยายยังเด็กกว่าคนอื่นๆ ไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ยังรุ่นๆ อยู่
คำถาม :
ก็หมายความว่าไม่ได้คาดฝันมาก่อนว่าจะเป็นนางเอก
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ไม่นึกเลยค่ะ นึกไม่ถึงเลย
คำถาม :
พอได้ทราบแล้วว่าเราจะต้องเป็นนางเอก เราต้องเตรียมตัวอะไรยังไงบ้างครับ
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ก็ไม่เห็นต้องเตรียมอะไร ก็เฉยๆ เขาจะมารับก็แต่งหน้าแต่งตัวไปเท่านั้นเอง กลับก็กลับ ไม่มีไม่ยุ่งยากอะไรเลย
คำถาม :
มีต้องไปเรียน หัดแสดง มีคนมาสอนให้แสดงบ้างไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
เรียนตอนที่รำ ไปหัดที่ศิลปากร เราไปเรียนที่วิทยาลัยเขาเองนะ ไม่ได้มาสอนฝึกให้ คือหมายความว่าไม่ได้คลุกคลีนะคะ คือไปถึงถ่ายก็ถ่ายเลย กลับก็กลับเลย เพราะคุณพ่อเป็นคนที่เข้มงวดมาก เรื่องนี้เข้มงวดมาก ไม่มีไปข้องแวะกับใคร
คำถาม :
ตอนที่ไปถ่ายทำภาพยนตร์ มีอะไรที่ประทับใจเป็นพิเศษไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ส่วนมากประทับใจการดูแล… คุณพ่อคุณแม่เอาใจใส่ดีมากค่ะ คอยดูกินข้าวยังลูก เมื่อยไหม เหนื่อยไหม อะไรไหม ตลอดเวลา ท่านเป็นห่วงมากเลย เป็นสิ่งที่ไม่รู้จะเอาอะไรมาตอบแทน
คำถาม :
พอหลังจากที่แสดงหนังพระเจ้าช้างเผือกจบแล้ว หลังจากนั้นคุณยายได้เกี่ยวข้อง ได้ไปแสดงเรื่องอื่นอีกไหม หรือว่าไปทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับวงการหนัง
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ไม่มีเลย เพราะว่าไม่ชอบจุกจิก ยายไม่ชอบจุกจิกไม่ชอบการแสดงอะไรที่ไม่มีประโยชน์ไม่อยากทำค่ะ
คำถาม :
คุณยายตอนถ่ายทำ คุณยายได้ถ่ายทำรูปกับช้างด้วยไหม ได้เจอช้างไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ไม่ค่ะ ตอนนั้นไปถ่ายทำที่อุตรดิตถ์ คุณพ่อไม่ให้ไป บอกอย่าไปเดี๋ยวลูกเหนื่อยเปล่าๆ เพราะว่าหนูก็ไม่ได้เล่นอะไร ก็โอเค เราก็ไม่ว่าอะไรเพราะเราก็ไม่ชอบอยู่แล้ว
คำถาม :
แสดงว่าคุณยายถ่ายเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่กรุงเทพฯ ใช่ไหม ที่ธรรมศาสตร์
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ใช่ๆ ถ่ายที่ในโรง คุณประสาท (ประสาท สุขุม) เป็นคนจัดแจง
คำถาม :
ทราบว่าคุณยายเป็นลูกครึ่งด้วยใช่ไหมครับ
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ใช่ค่ะ แม่เป็นมอญ พ่อเป็นเดนมาร์กค่ะ
คำถาม :
ทีนี้ก่อนหน้าที่ว่าจะมาเรียนธรรมศาสตร์ หรือว่าแม้กระทั่งในตอนเรียน คุณยายเองชอบดูหนังฝรั่งหรือว่าชอบฟังเพลง ก่อนหน้าที่ว่าเราจะได้มาเป็นนางเอก
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ชอบที่สุดค่ะ แต่ไปไหนไม่รอดเพราะว่าตัวผู้หญิงพี่ชายหวงเหลือเกิน ไปไหนไม่ได้เขาไม่พาไป จะไม่ได้ไปออกจากบ้านเลย ต้องพี่พาไปถ้าพี่ไม่พาไป อด
คำถาม :
อาจารย์ปรีดีในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ ได้สอนไหมครับว่าต้องแสดงอย่างนี้ ต้องทำแบบนี้มีไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ไม่มีเลย คุณพ่อไม่เคยยุ่งอะไรเลย นอกจากไปรับแล้วก็ไปส่งเท่านั้นนะ เวลาไปรับก็ไปรับทั้งคู่ไปทั้งท่านผู้หญิงด้วย แล้วให้ท่านนั่งอย่างนี้ เรานั่งกลางแล้วก็คุณแม่อีกข้างหนึ่ง ขนาบไปเลย ทั้งไปทั้งกลับ ดูแลตลอดเลย พูดกับใครก็ไม่ได้ เขาตาขวาง
คำถาม :
หมายถึงว่าอาจารย์ปรีดีตาขวางเลยใช่ไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ใช่ค่ะ
คำถาม :
คุณยายเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ดิฉันเคารพรักท่านอาจารย์ปรีดีมาก จนเรียกท่านว่าพ่อและเรียกท่านผู้หญิงพูนศุขว่าแม่ตลอดชีวิต” อยากทราบว่าทำไมคุณยายถึงได้กล่าวประโยคนี้ออกมาเพราะอะไร
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ก็ท่านดีจริงๆ ไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบ คิดอยู่ตลอดเวลาว่าเรามีพ่อที่ดีแสนดี มาได้พ่อคนนี้ยิ่งดีขึ้นไปใหญ่อีก คิดว่าแบบนี้อะ เราก็พยายามทำตัวให้ดีที่สุด ให้เป็นที่รักของพ่อและแม่
คำถาม :
ปี 2487 ใช่ไหมครับ คุณยายแต่งงานใช่ไหม กับคุณตาเสาวรัจ (เสาวรัจ นิตยวรรธนะ)
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
คือคุณตานี่เขาเป็นหลานของพี่เขย แล้วก็อยู่บ้านใกล้ๆ กัน อะไรอย่างนี้ สนิทสนม
เจอกันแล้วก็รักกัน แล้วก็แต่งงานกัน แล้วก็ตายจากกัน
คำถาม :
แล้วก็ไปบอกอาจารย์ปรีดี บอกคุณพ่อปรีดี แล้วก็คุณพ่อบอกไปจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้อง แล้วก็เดี๋ยวจะจัดการให้
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ใช่ค่ะ ชี้หน้าเลยบอกเธอไปจดทะเบียนมาก่อน ไม่งั้นฉันไม่จัดงานให้
คำถาม :
แล้วงานแต่งงานจัดที่ธรรมศาสตร์ด้วยไหมครับ
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ไม่ได้จัดอะไรเลยค่ะ สงคราม แต่งตัวไปถึงรดน้ำเสร็จแล้วก็จบ
คำถาม :
อาจารย์ปรีดีก็ไปในงานด้วยใช่ไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
เป็นหลักเลยนั่งอยู่
คำถาม :
แล้วท่านผู้หญิงพูนศุขก็ไปด้วยไหมครับ
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ค่ะ ไป
คำถาม :
แล้วจำเรื่องอะไรในกองถ่ายได้อีกไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ถ่ายในโรงถ่ายเท่านั้นเอง ไปที่วังแท้ๆ เลย ที่วัดพระแก้ว ค่ะๆ ก็ซ้อม ก็ต้องซ้อมไม่ซ้อมก็ไม่มีอะไรถ่าย แต่ความจริงเราก็ไม่เดือดร้อน เพราะเราเป็นนักเรียนเรารำทุกปี เป็นนักเรียนประจำ อยู่นักเรียนประจำถึงปีมีงานปี ต้องได้อะไรซักอย่างทุกครั้ง ทุกปี คนถ่ายลงหลุม ขุดหลุมแล้วเอากล้องหงายขึ้น ให้ช้างผ่าน ทำดีมาก
คำถาม :
พี่ชายคุณยาย แต่พอแสดงในหนังเล่นเป็นคุณพ่อใช่ไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ใช่ค่ะ เป็นพ่อนางเอก
คำถาม :
งั้นแสดงว่าจริงๆ ผู้ชักนำที่เข้าวงการก็คือพี่ชายใช่ไหม ผมขออนุญาตถามนะครับ ก่อนหน้านั้นก่อนที่จะมาเล่นหนัง คุณยายเคยรู้จักคุณพ่อปรีดีมาก่อนไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ก็นับถือท่านมาตลอด โดยที่ยังไม่เห็นหน้าเห็นตาเลยด้วยซ้ำ
คำถาม :
มีภาพที่คุณยายตอนถ่าย คุณยายเอียงคอ เป็นนางเอก สวย
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ก็ยังเด็ก ยังรุ่นอยู่หนิ มันก็สวย มาดูตอนนี้ ก็ไม่ไหว คนถ่ายเก่งมาก
คำถาม :
ทราบว่าคุณยายเคยเป็นนักเรียน ต.ม.ธ.ก. ใช่ไหม อยากให้คุณยายช่วยเล่าชีวิตตอนเป็นนักเรียนว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็ได้เจออาจารย์ปรีดี พนมยงค์ไหม ชีวิตแบบว่ากับเพื่อนๆ ชีวิตในโรงเรียนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ก็ตอนเข้าไปเช้าก็ไปเรียน ก็เข้าห้องเรียนเลย ส่วนมากไม่ค่อยจะได้เจอคุณพ่อหรอก
คุณพ่อปรีดีไม่ค่อยได้เจอ ไปเรียนก็กลับมีรถรับส่งคือเลขาของคุณพ่อ เป็นคนรับไปแล้วขากลับจึงกลับมาส่ง จนอยู่ปี 2 ถึงนั่งรถรางไปเอง ไปเป็นส่วนตัวแล้ว
คำถาม :
ตอนนั้นคุณยายพักอยู่แถวไหน
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
วัดพระยาไกร
คำถาม :
แล้วตอนเรียนอาจารย์ปรีดีได้มาพูดคุยกับนักเรียนบ้างไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ไม่เลย ไม่ยุ่งเลย พอเล่นหนังเสร็จแล้ว จะเรียนอะไรต่อ ก็บอกว่ายังไม่รู้ ก็ไปเข้าธรรมศาสตร์ แกก็เป็นผู้ปกครองให้ ทุกอย่างฟรีหมดเสื้อผ้าอะไรต่ออะไร ที่ผ่านทางพี่ชายแทนที่จะให้เงินเรา แต่ไม่ให้อะไรเลย แต่ให้โดยผ่านเสื้อผ้า หนังสือเรียน ค่าเล่าเรียน ท่านเป็นคนชำระหมดเลย
คำถาม :
แล้วคุณยายเรียนอยู่กี่ปีถึงจะจบโรงเรียนนี้
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
2 ปี ค่ะ จบโตโจ (นายพลโตโจ ฮิเดกิ) ไม่ต้องสอบ สบาย
คำถาม :
ไม่ต้องเหนื่อยสอบก็คือคล้ายว่าเขาให้เลื่อนยกชั้นเลย คือทุกคนจบปีนั้น
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ไม่โก้เลย พอถามว่าจบที่ไหนมาก็บอกว่าธรรมศาสตร์ แต่พอถามว่าจบโตโจอายเขาตายเลย
คำถาม :
เพราะว่าตอนนั้น นายพลโตโจมายึด แสดงว่าเด็กก็มีความสุขทุกคน เพราะว่า ไม่ต้องเหนื่อยสอบ
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ไชโยเลย แล้วบอกว่าเป็นรุ่นนายพลโตโจก็อายเขาตาย
คำถาม :
หลังจากที่เป็นนางเอกหนังแสดงภาพยนตร์เรียบร้อย หลังจากนั้นคุณยายไปทำอะไรบ้าง
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
หลังจากนั้นก็ไปเป็นครูบ้าง เป็นนักเรียนบ้าง คือไม่ชอบอยู่เฉย สอนชั้นมัธยม 2 ที่โรงเรียนสุกิจวิทยาลัย อยู่ที่บางกะปิ เป็นโรงเรียนของอาจารย์สุกิจ นิมมานเหมินท์ เป็นครูอยู่ 2 ปี ก็กลับมาก็มาเป็นแม่บ้าน เขาไม่ให้เป็นอะไร ตอนพ่อเขาไปเรียนต่อไปทำปริญญา ท่านก็สอนหนังสือ อาจารย์สุกิจเป็นคนเอาไปเอง
คำถาม :
เล่าเรื่องตอนเป็นนางงามบุปผชาติให้ฟังหน่อย ใครเป็นคนส่งเข้าประกวด
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
กรมตำรวจ เป็นคนส่ง
คำถาม :
ก่อนพระเจ้าช้างเผือกใช่ไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ก่อนค่ะ
คำถาม :
ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นอะไร
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ม.6 ค่ะ ลานพระบรมรูปทรงม้า เขาจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญตรงนั้น เหมือนเป็นพระแม่ธรณี พอบีบมวยผมน้ำมันออกจริงๆ นะ
คำถาม :
กรมตำรวจเขาให้เราแต่งแบบนี้ใช่ไหม
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ใช่ค่ะ
สุดท้ายอยากให้คุณยายมีอะไรจะฝากถึงท่านผู้ชมไหมครับ แฟนหนัง
ไอรีน นิตยวรรธนะ :
ท่านสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อให้รู้ว่าคนไทยรักสงบรักสันติภาพ ก็ถึงกับทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ด้วยกำลังของท่านเอง เขาก็พยายามถ่ายให้ดีที่สุด มีทั้งช้างชนกับช้าง เรื่องอะไรต่ออะไร มันเป็นความรู้ด้วย เพราะฉะนั้นคิงนี่ไม่ใช่คนเจ้าชู้ ใช่ไหม คิงไม่ใช่คนเจ้าชู้
ผู้สัมภาษณ์ : อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2566