ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
แนวคิด-ปรัชญา

เมื่อไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองกัมพูชา : แนวทางสู่สันติภาพในอินโดจีน

31
ตุลาคม
2568

ปัญหากัมพูชาและหนทางแก้ไข

ข้อมูลความจริงที่เราได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องปัญหากัมพูชา คือ ภายหลังจากกำลังประชาชนปฏิวัติได้รับชัยชนะในการขับไล่กองกำลังทหารอเมริกาออกจากอินโดจีน เมื่อ พ.ศ. 2518 ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ร่วมกันทำสงคราม เพื่อขับไล่สหรัฐอเมริกาออกจากอินโดจีน หรือที่เรียกว่าสหายร่วมสงคราม ได้ส่อเค้าขึ้นทันที อันเนื่องมาจากผลประโยชน์ของแต่ละชาติ ความขัดแย้งเคยเป็นศัตรูกันมาในอดีต และความรู้สึกในเรื่องชาตินิยม ประเทศสาธารณประชาชนจีน ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือแก่เวียดนามในการทำสงครามขับไล่สหรัฐอเมริกา เริ่มมีปัญหากับเวียดนาม เริ่มจากกรณีพิพาทเรื่องหมู่เกาะสะแปรตลี่และปาราเซล ต่อจากนั้นต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงในนโยบายและอุดมการณ์ของอีกฝ่ายหนึ่ง เวียดนามหวาดระแวงและเชื่อว่าภายหลังอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาและมหาประเทศตะวันตกในอินโดจีนได้สลายไป สาธารณประชาชนจีนจะดำเนินนโยบายเข้ามามีอิทธิพลและเป็นใหญ่ในอินโดจีนแทน ตลอดเวลาในประวัติศาสตร์จีนได้พยายามและเคยครอบครองเวียดนามตลอดมา ในส่วนที่เกี่ยวกับกัมพูชา สาธารณประชาชนจีนได้ให้การสนับสนุนอุ้มซูทั้งทางทหาร โดยให้อาวุธอุปกรณ์สงคราม และที่ปรึกษาจำนวนมาก (ที่ปรึกษาทางทหาร) และทางการเมืองแก่กลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์ ซึ่งได้ดำเนินการเป็นปฏิปักษ์ต่อเวียดนามและปราบปรามคนเวียดนามและกัมพูชาที่ได้ร่วมมือกับเวียดนามในการทำสงครามกับสหรัฐอเมริกา ประชาชนเวียดนามและกัมพูชาได้หลบหนีการกวาดล้างเช่นฆ่าเอาชีวิตจากหน่วยกำลังของพลพต-เขียวสัมพันธ์เข้าไปอยู่ตามชายแดนกัมพูชา-เวียดนามเป็นจำนวนมาก ซึ่งฝ่ายเวียดนามได้เข้ามาอุ้มชูและช่วยเหลือจัดตั้งกองกำลังต่อต้านรัฐบาลพลพต-เขียวสัมพันธ์ โดยมีเฮงซัมริน-ฮุนเซนและผู้นำหน่วยกำลังประชาชนปฏิวัติอื่นๆ ที่เคยร่วมกับเวียดนาม ทำสงครามกับสหรัฐอเมริกา วัตถุประสงค์ของหน่วยกำลังที่จัดตั้งขึ้นในเวียดนาม ก็คือเมื่อเตรียมการพร้อมแล้วจะยกกองกำลังซึ่งเวียดนามสนับสนุนและช่วยเหลืออยู่นั้น เข้าไปโค่นล้มรัฐบาลพลพตเขียวสัมพันธ์ที่เป็นรัฐบาลพนมเปญอยู่ในขณะนั้น การเตรียมการเพื่อบุกเข้าไปขับไล่รัฐบาลพลพต-เขียวสัมพันธ์ โดยการร่วมมือกันระหว่างผู้นำและประชาชนกัมพูชาที่หนีภัยการเข่นฆ่าโหดร้ายจากกลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์ และกองกำลังทหารเวียดนามนี้ ได้กระทำไปโดยเปิดเผยตามชายแดนระหว่างกัมพูชา-เวียดนาม มีค่ายผู้อพยพคนกัมพูชาและคนเวียดนาม ซึ่งพร้อมที่จะกลับไปกัมพูชาพร้อมอาวุธบังเอิญในระยะนั้นราวปลายเดือนกรกฎาคม 2521 คือก่อนที่เวียดนามได้ยกกำลังทหารเข้ากัมพูชาเพื่อโค่นล้มรัฐบาลพลพต-เขียวสัมพันธ์ ประมาณ 4-5 เดือน ผมได้มีโอกาสนำคณะไปเวียดนามเพื่อแสวงหาทางปรับปรุงความสัมพันธ์และแก้ปัญหาระหว่างไทยกับเวียดนาม ทางกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้จัดให้คณะของเราไปเยี่ยมนครโฮจิมินท์และได้จัดให้ไปเยี่ยมค่ายอพยพชาวกัมพูชาดังกล่าว ที่อยู่ตามชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม คณะของเราได้ดูค่ายอพยพดังกล่าวแล้วรู้สึกว่าเป็นค่ายที่พักของกำลังทหารมากกว่าค่ายคนอพยพธรรมดาที่เคยเห็นมาในประเทศเรา นอกจากนั้นยังได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่เวียดนามด้วยว่า ในเร็วๆ นี้ คนอพยพชาวกัมพูชาในค่ายพร้อมที่จะยกกำลังคืนกัมพูชา เพื่อขับไล่รัฐบาลพลพต-เขียวสัมพันธ์ซึ่งได้เช่นฆ่าชาวกัมพูชา โดยความโหดร้ายทารุณไปแล้วมากมาย ความขัดแย้งระหว่างฮานอยและพนมเปญในขณะนั้น ได้ขยายกว้างขวางยิ่งขึ้น กัมพูชาปิดพรมแดนด้านเวียดนาม มีการต่อสู้กันทางกำลังอาวุธรุนแรงขึ้นบางจุด สาธารณประชาชนจีนได้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และที่ปรึกษาทางทหารมากัมพูชามากขึ้น เมื่อวันปีใหม่ พ.ศ. 2521 วิทยุพนมเปญได้ประกาศต่อชาวโลกว่ากัมพูชากำลังถูกเวียดนามรุกราน ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณประชาชนจีน เวียดนามก็ได้เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว รัฐบาลเวียดนามมีความรู้สึกไม่เป็นมิตรกับประชาชนเชื้อชาติจีนในเวียดนามมากขึ้น คนจีนในเวียดนาม ถูกกดดันและควบคุมจนเกิดความหวาดกลัวในความปลอดภัยต่อ ชีวิตและทรัพย์สิน คนเชื้อสายจีนในเวียดนามได้หลั่งไหลออกนอกประเทศ ส่วนมากเดินทางออกไปโดยผ่านทางเหนือของเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายได้เสริมกำลังทางทหารเวียดนามได้ส่งกำลังทหารประมาณ 5-6 หมื่นคน เข้ามาประจำในประเทศลาวตอนเหนือที่ติดต่อกับดินแดนจีน มีการเริ่มปะทะกันทางกำลังชายแดนประปรายบางจุด จนในที่สุด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 สาธารณประชาชนจีนได้เริ่มปฏิบัติการทางทหาร โดยใช้กำลังทหารประมาณ 8 หมื่น 5 พันคน พร้อมด้วยกำลังปืนใหญ่ รถถัง เข้ายิงถล่มทลายที่ตั้งกองกำลังของเวียดนามตามชายแดน และตีบุกยึดหัวเมืองตามชายแดนของเวียดนาม 5-6 เมืองไว้ได้ และยึดอยู่เพียง 2-3 อาทิตย์ก็ถอยกลับ ซึ่งฝ่ายสาธารณประชาชนจีนเรียกการปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ว่า เป็นสงครามเพื่อให้บทเรียนแก่เวียดนาม แต่จากรายงานของผู้สื่อข่าวที่เข้าไปพื้นที่บางคนได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความเสียหาย กำลังทหารและยุทธวิธีของทั้งสองฝ่ายว่าจีนก็ได้รับบทเรียนจากการปฏิบัติทางการทหารครั้งนี้มากเหมือนกัน

จากที่พูดมาแล้วข้างต้นจะเห็นว่าปัญหากัมพูชานั้น นอกจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับความแตกแยกขัดแย้งกัน ระหว่างคนกัมพูชาด้วยกันแล้ว ยังมีประเทศอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีก 2 ประเทศ คือ เวียดนาม และสาธารณประชาชนจีน เวียดนามสนับสนุนอุ้มชูกลุ่มเฮงซัมริน-ฮุนเซน สาธารณประชาชนจีนสนับสนุนอุ้มชูกลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์ ทั้งเวียดนามและสาธารณประชาชนจีนต่างปรารถนาที่จะให้คนที่ตนสนับสนุนอุ้มชู เป็นรัฐบาลปกครองกัมพูชา เพื่อผลประโยชน์ของตน เวียดนามเกรงว่าถ้ากัมพูชาตกอยู่ภายใต้การปกครองของพลพต-เขียวสัมพันธ์ กัมพูชาก็จะตกอยู่ใต้อิทธิพลของสาธารณประชาชนจีน และในที่สุดสาธารณประชาชนจีน ก็จะสร้างอิทธิพลเข้าครอบครองอินโดจีนทั้งหมด รวมทั้งเวียดนาม ซึ่งเวียดนามก็ได้ต่อสู้มาโดยตลอด ทางด้านสาธารณประชาชนจีนก็เกรงว่าถ้ากัมพูชาตกอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มเฮงซัมริน-ฮุนเซน ซึ่งเป็นรัฐบาลพนมเปญอยู่ในขณะนี้

กัมพูชาก็จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเวียดนาม ในที่สุดทั้งอินโดจีนก็จะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเวียดนามไม่เฉพาะเวียดนามเท่านั้นจะโยงไปถึงอิทธิพลของสหภาพโซเวียต และเวียดนามได้มีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นตลอดมาจนปัจจุบัน สหภาพโซเวียตได้ให้ความช่วยเหลือแก่เวียดนามมาแต่ต้นในการต่อสู้เพื่อเอกราชอิสรภาพ และทำสงครามเพื่อขับไล่สหรัฐอเมริกาในสงครามเวียดนาม แม้ปัจจุบันสหภาพโซเวียตก็ยังคงให้ความช่วยเหลือแก่เวียดนามอยู่ สหรัฐอเมริกาและสาธารณประชาชนจีนไม่มีความปรารถนาที่จะเห็นสหภาพโซเวียตมีอิทธิพลในประเทศอินโดจีนและประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ สหรัฐอเมริกาจึงไม่ยอมรับรองรัฐบาลเฮงซัมริน-ฮุนเซน ที่พนมเปญขณะนี้ และคัดค้านที่จะให้ที่นั่งในสหประชาชาติแก่ผู้แทนของรัฐบาลเฮงซัมริน-ฮุนเซน ที่พนมเปญ แม้ว่าจะได้เป็นรัฐบาลเข้าบริหารปกครองกัมพูชามากว่า 10 ปีแล้ว นอกจากนั้นสาธารณประชาชนจีน ยังคงให้ความช่วยเหลือทางอาวุธยุทโธปกรณ์แก่กลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์ หรือเขมรแดงเพิ่มขึ้น ซึ่งภายหลังจากถูกโค่นล้มตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2521 ได้มาอาศัยตามชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นฐานปฏิบัติการต่อต้านรัฐบาลเฮงชัมริน-ฮุนเซนจนถึงขณะนี้ ส่วนสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นบางประเทศ ที่ประณามความทารุณโหดร้ายโดยได้เช่นฆ่าประชาชนเช่มรเป็นล้าน ๆ คน ในระหว่างที่กลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์ เป็นรัฐบาลบริหารประเทศได้สนับสนุนให้ความช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเขมรเสรีอีก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเจ้านโรดม สีหนุ และกลุ่มซอนซาน อันมีฐานปฏิบัติการอยู่ตามชายแดนไทย-กัมพูชาเช่นเดียวกันเพื่อต่อต้านรัฐบาลที่กรุงพนมเปญ สรุปก็คือ กัมพูชาได้กลายเป็นสนามฟุตบอลของมหาประเทศ คือ สาธารณประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และเวียดนามได้เข้ามาแข่งขันและแย่งชิงอิทธิพลกันเพื่อผลประโยชน์และนโยบายของตน คนเขมรเองเป็นเพียงจิ้งหรีดที่ถูกปั่นหัวให้กัดกันตามที่ท่านปรีดี พนมยงค์ ชี้ให้เห็นเมื่อท่านอธิบายถึงสงครามโดยตัวแทนที่กล่าวมาแล้วในตอนต้นเท่านั้นเอง

ทีนี้มาพิจารณาถึงปัญหากัมพูชากับประเทศไทยอย่างละเอียดต่อไปอีก อันที่จริงกัมพูชาและไทยมีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกันมานาน บางยุคบางสมัยไทยรู้สึกไม่สบายใจในความสัมพันธ์กับกัมพูชา อย่างไรก็ดี การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในอดีตที่ผ่านมามิใช่เพื่อก่อให้เกิดความเคียดแค้นชิงชัง แต่ตรงกันข้ามเพื่อสร้างความเข้าใจ ความปรองดองกันและก่อให้เกิดสันติภาพในปัจจุบันและอนาคต คนไทยกับคนเขมรไม่มีอะไรแตกต่างกันมากนัก คนไทยตามชายแดนบางท้องที่พูดภาษาเขมร และขณะเดียวกันในบางท้องที่ในกัมพูชาคนเขมรก็พูดภาษาไทย คนไทย คนเขมรตามแนวชายแดนติดต่อค้าขายไปมาหาสู่กันตลอดมา กัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านมีอาณาเขตติดต่อกัน มีปัญหาหลายปัญหาที่จำต้องร่วมกันแก้ไขเพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ ฉะนั้นเมื่อสงครามอินโดจีนยุติลง รัฐบาลไทยจึงได้แสวงหาหนทางปรับปรุงความสัมพันธ์กับกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านประเทศหนึ่งในอินโดจีน แต่ยังไม่ทันได้ทำความตกลงในหลักการและแนวทางเกี่ยวกับการปรับปรุงความสัมพันธ์ ความร่วมมือ และการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม ดังเช่นกรณีประเทศลาว และเวียดนาม ก็ได้เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองขึ้นในกัมพูชา คือ รัฐบาลพลพต-เขียวสัมพันธ์ ได้ถูกโค่นล้มลงโดยเขมรกลุ่มเฮงซัมริน-ฮุนเซน ซึ่งยกมาจากค่ายอพยพในดินแดนเวียดนามตามบริเวณชายแดนเวียดนาม-กัมพูชา โดยการสนับสนุนทางกำลังทหารของเวียดนาม ความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับกัมพูชาได้ชะงักลงกระทบกระเทือนต่อความพยายามในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับกัมพูชาและประเทศในอินโดจีนและได้กลายมาเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอยู่ในขณะนี้มีข้อเท็จจริงอันหนึ่ง เกี่ยวกับเวียดนามส่งกำลังทหารเข้ากัมพูชาเพื่อโค่นล้มพลพต-เขียวสัมพันธ์นี้ ควรจะได้ทราบไว้ คือ ทันทีที่ได้รับทราบการปฏิบัติการทางทหารของเวียดนาม ซึ่งตามความจริงทางรัฐบาลไทยได้คาดคะเนไว้ล่วงหน้าแล้ว  รัฐบาลไทยในขณะนั้นได้แจ้งให้รัฐบาลเวียดนามโดยผ่านทางเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำกรุงเทพฯ ทราบทันทีเกี่ยวกับความห่วงใยของรัฐบาลไทยเกรงว่าหากกองกำลังทหารของเวียดนาม ได้เคลื่อนย้ายเข้ามาประชิดติดเขตชายแดนไทยก็จะเกิดการเผชิญหน้ากันกับกองกำลังทหารไทยที่อยู่ตามแนวชายแดน จึงขอให้กองกำลังทหารเวียดนามอยู่ห่างจากเส้นเขตแดน ซึ่งก็ได้รับตอบยืนยันมาทันทีว่าฝ่ายเวียดนามเข้าใจถึงความห่วงใยของไทย และในทางปฏิบัติเมื่อกองกำลังทหารเวียดนามติดตามขับไล่กองกำลังของกลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์ เข้ามาทางแดนไทยก็มิได้เข้ามาใกล้เขตแดนไทย คงตั้งกองกำลังของตนอยู่ในระยะ 30-50 ก.ม. จนต่อมาภายหลังเมื่อกองกำลังของเขมร 3 ฝ่าย ซึ่งเข้ามาตั้งฐานหลบซ่อนอยู่ตามพื้นที่ชายแดนได้ใช้ช่องว่างของพื้นที่ชายแดน เป็นประโยชน์ในการโจมตีกองกำลังทหารของเฮงซัมริน-ฮุนเซน และเวียดนามจึงได้เคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งใกล้ชิดกับเส้นเขตแดนไทย และในบางโอกาสก็ได้ไล่ยิงติดตามกองกำลังของเขมร 3 ฝ่ายซึ่งหลบหนีเข้าดินแดนไทยอันเป็นเหตุให้หมู่บ้านและคนไทยตามชายแดนได้รับความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากระทั่งปัจจุบัน

ภายหลังจากรัฐบาลพลพต-เขียวสัมพันธ์ ถูกโค่นลง กำลังทหารของกลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์ และที่ปรึกษาทางทหารสาธารณประชาชนจีน ซึ่งผู้สื่อข่าวต่างประเทศบางฉบับรายงานว่ามีที่ปรึกษาจีนจำนวนทั้งสิ้นประมาณหนึ่งหมื่นคน (ตัวเลขนี้คงจะมากไป) รวมทั้งครอบครัวและคนอพยพเขมรได้แตกร่นถอยเข้าชายแดนไทยจำนวนมาก ในฐานที่ประเทศไทยกำลังฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสาธารณประชาชนจีน และในทางเป็นจริงก็ไม่สามารถผลักดันหรือขับไล่กองกำลังทหารของกลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์ ซึ่งมีจำนวนเป็นเรือนหมื่น พร้อมอาวุธครบมือออกจากดินแดนได้ ประเทศไทยจึงอนุญาตให้บรรดาที่ปรึกษาของจีนเดินทางผ่านไทยกลับไปสาธารณประชาชนจีนได้ สำหรับกองกำลังทหารของพลพต-เขียวสัมพันธ์ ครอบครัวและคนเขมรอพยพเพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคงและการควบคุมช่วยเหลือทางฝ่ายไทยได้กำหนดให้อยู่ตามพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งให้การช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายในเบื้องต้น เชื่อว่าที่ไทยให้ความช่วยเหลือรับเอากองกำลังของกลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์ และคนอพยพเขมรเข้ามาในดินแดนไทยในตอนแรกก็คงเป็นเรื่องมนุษยธรรม และความมีไมตรีกับสาธารณประชาชนจีนเป็นสำคัญ นอกจากนั้น ทางฝ่ายความมั่นคงยังหวาดระแวง เกรงว่าเวียดนามอาจจะรุกรานไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการตกอยู่ภายใต้สภาวะสงครามจิตวิทยา สงครามโฆษณาชวนเชื่อ และสงครามโดยตัวแทนของมหาประเทศมานาน หากมีกองกำลังของฝ่ายพลพต-เขียวสัมพันธ์อยู่ตามชายแดนก็จะช่วยในการต่อด้านกำลังของฝ่ายเวียดนามที่อยู่ในกัมพูชาด้วย เนื่องจากความขัดแย้งในกัมพูชาเป็นส่วนหนึ่งของการขัดแย้งและแข่งอิทธิพลกันระหว่างมหาประเทศ และประเทศอื่นมิใช่เป็นการขัดแย้งระหว่างเขมรที่เป็นรัฐบาล ณ กรุงพนมเปญกับกลุ่มต่อต้านเท่านั้น คือ กลุ่มเฮงซัมริน-ฮุนเซน ที่ได้รับชัยชนะและเข้ามาปกครองซึ่งกลุ่มนี้มี เวียดนาม สหภาพโซเวียต และประเทศสังคมนิยมอื่น ๆ บางประเทศสนับสนุนอุ้มชู และกลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์ และกลุ่มเขมรเสรีซึ่งมาตั้งฐานอยู่ตามชายแดนไทย-กัมพูชา กลุ่มหลังนี้ได้รับการสนับสนุนอุ้มชูจากสาธารณประชาชนจีน ซึ่งสนับสนุนกลุ่มพลพต-เขียวสัมพันธ์หรือกลุ่มเขมรแดง ส่วนกลุ่มเขมรเสรีของเจ้านโรดมสีหนุ และชอนซานได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นบางประเทศ การให้ความช่วยเหลือนั้นรวมทั้งการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ และการสนับสนุนทางการเมืองระหว่างประเทศและสหประชาชาติ ซึ่งในที่สุดมีผลทำให้ประเทศไทยถูกพัดพาและชักนำให้เข้าไปเกี่ยวข้องในปัญหากัมพูชานี้มากขึ้นทุกที เพราะกลุ่มเขมรแดงก็มี กลุ่มเขมรเสรีก็มี ได้อาศัยชายแดนไทยเป็นฐานปฏิบัติการและหลบลี้ในการปฏิบัติการต่อต้านรัฐบาลพนมเปญ อาศัยดินแดนไทยเป็นทางผ่านเพื่อรับความ ช่วยเหลืออาวุธ ยุทโธปกรณ์จากสาธารณประชาชนจีน สหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ และอาศัยดินแดนไทยเป็นที่หลบภัยของครอบครัวคนเขมรอพยพ และใช้ดินแดนไทยเป็นฐานสนับสนุนเสบียงอาหารของฝ่ายต่อต้าน คือประเทศไทยกลายเป็นผู้สนับสนุนอุ้มซูฝ่ายเขมรต่อต้านรวมทั้งเขมรแดงโดยปริยาย หากขาดประเทศไทยเสียฝ่ายเขมรต่อต้าน ก็ไม่สามารถปฏิบัติการเป็นเวลายาวนานได้จนมาถึงขณะนี้ ซึ่งความจริงข้อนี้ก็ได้รับการเปิดเผยจากผู้สื่อข่าวต่างประเทศและในประเทศรวมทั้งองค์การระหว่างประเทศที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาวเขมร สรุปแล้วก็คือไทยร่วมกับสาธารณประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นบางประเทศได้ยึดแนวทางในการใช้กำลังโดยการ สนับสนุนอุ้มชูฝ่ายเขมรต่อด้านรัฐบาลพนมเปญเพื่อจะโค่นล้มรัฐบาลเองซัมริน-ฮุนเซน หรือเป็นเครื่องมือในการต่อรอง เพื่อให้เขมรกลุ่มที่ตนสนับสนุนอุ้มชู กลับเข้าไปมีอำนาจในการปกครองกัมพูชา นอกเหนือจากการดำเนินการทางการเมืองระหว่างประเทศภายในกรอบของสหประชาชาติ ซึ่งประณามการรุกราน และโค่นล้มรัฐบาลกัมพูชาของเวียดนาม และเรียกร้องให้เวียดนามถอนทหารออกจากกัมพูชาดังที่ทราบกันอยู่แล้ว

ผลดีผลเสียที่ไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทางกำลังในกัมพูชา

ที่กล่าวมาแล้วคือ ข้อมูลความจริงเกี่ยวกับสถานะของประเทศไทยเกี่ยวกับปัญหากัมพูชา ต่อไปมาพิจารณาแสวงหาหนทางแก้ไขหรือทางออกอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับความปรารถนาและผลประโยชน์ของประชาชนคนไทยมากที่สุด

ประการแรกน่าจะได้พิจารณากันว่าการที่ประเทศไทยจะโดยตั้งใจหรือโดยเหตุการณ์พัดพาให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหากัมพูชา ซึ่งเป็นการขัดแย้งผลประโยชน์ อิทธิพลและนโยบายของมหาประเทศ และประเทศอื่นดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เป็นผลดีและผลเสียแก่ประเทศไทยอย่างไร

ในด้านดี หรือให้ประโยชน์ต่อประเทศไทย หลายคนที่สนับสนุนให้เหตุผลว่าจะทำให้ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจความแน่นแฟ้นในสัมพันธภาพและการร่วมมือดีขึ้น เห็นได้ชัดในกรณี สาธารณประชาชนจีน ชั่วระยะเวลาไม่นานภายหลังจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์กัน ปรากฏว่าประเทศไทยและสาธารณประชาชนจีนได้มีความสัมพันธ์ และร่วมมือกันทางเศรษฐกิจการค้า รวมทั้งด้านการทหารแน่นแฟ้นขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะจนถึงขณะนี้ประเทศอาเซียนบางประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ก็ยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณประชาชนจีนเป็นการทำให้ประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนและมีบทบาทในการดำเนินการด้านการเมืองระหว่างประเทศ และองค์การสหประชาชาติมากขึ้น เพราะมีสาธารณประชาชนจีน สหรัฐอเมริกาและมหาประเทศ รวมทั้งประเทศอื่น ๆ สนับสนุน เช่น กรณีการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหากัมพูชาในสหประชาชาติ ทำให้โลกภายนอกมองเห็นภาพพจน์ของประเทศไทยในด้านมนุษยธรรมจากการช่วยเหลือผู้อพยพจากกัมพูชา นอกจากเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นส่วนรวมแล้ว ยังเกี่ยวกับผลประโยชน์ของเอกชนรวมทั้งพ่อค้า นักธุรกิจ ผู้ปกครองบ้านเมือง นักการเมือง พวกพ้องบริวาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย อีกทั้งเป็นการคำนึงถึงเรื่องความ มั่นคงของประเทศ ตามความเห็นของฝ่ายทหาร และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ไม่เห็นด้วยก็มีเหตุผลดังนี้

1. การสนับสนุนอุ้มชูแก่ เขมร 3 ฝ่าย คือ กลุ่มเขมรแดงของพลพต-เขียวสัมพันธ์  กลุ่มเจ้านโรดม สีหนุ และกลุ่มซอนซาน โดยให้เข้ามาอาศัยหลบภัยและเป็นฐานการปฏิบัติการในดินแดนไทยทางชายแดน รวมทั้งฐานรับอาวุธยุทโธปกรณ์ และความช่วยเหลือจากสาธารณประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น เป็นการเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ จะก่อให้เกิดการขัดแย้งและการเผชิญหน้ากันทางกำลังทหารขึ้น หมู่บ้านและประชาชนคนไทยตามชายแดนจะได้รับความเสียหาย จากการรบติดพันหรือไล่ล่าติดตามเข้ามาในดินแดนไทยตามชายแดน ซึ่งราษฎรไทยตามชายแดนเป็นผู้รับเคราะห์กรรมและความทุกข์ยากเดือดร้อน ดังที่ปรากฏเป็นความจริงอยู่แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา 10 กว่าปี และอาจจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน

2. แนวทางในการใช้กำลังเพื่อแก้ปัญหา คือ การที่มหาประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สาธารณประชาชนจีน ประเทศอื่นอีกบางประเทศ และรวมทั้งประเทศไทย ได้ให้การช่วยเหลือในทางอาวุธยุทโธปกรณ์อุ้มชูและให้ใช้ดินแดนตามชายแดนเป็นฐานปฏิบัติการเพื่อต่อต้านรัฐบาลที่พนมเปญ ย่อมเป็นการสวนทางกับความพยายามที่จะสร้างสรรสันติภาพ ปรับปรุงความสัมพันธ์ และการร่วมมือกันในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างประเทศไทยกับประเทศในอินโดจีน การแก้ปัญหาโดยการใช้กำลังเช่นนั้น เป็นการขัดกับหลักการของสหประชาชาติที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีสวนทางกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังพยายามสร้างความปรองดอง และสันติภาพอยู่ในขณะนี้ จริงอยู่การที่เวียดนามส่งกำลังทหารเข้าช่วยเหลือกลุ่มเฮงซัมริน-ฮุนเซน โค่นล้มรัฐบาลพลพต-เขียวสัมพันธ์ นั้น เป็นการละเมิดหลักการและกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งควรจะได้รับการคัดค้าน และประณามจากสมาชิกของสหประชาชาติ ประเทศไทยและประเทศของสมาชิกองค์การสหประชาชาติได้ดำเนินการไปแล้ว ย่อมเป็นการถูกต้อง แต่การที่มหาประเทศบางประเทศ และประเทศไทยได้ดำเนินการในแนวทางที่ใช้กำลังจากภายนอกเพื่อแก้ไขปัญหา ย่อมเป็นการไม่ถูกต้องเช่นกัน เป็นการเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชา ซึ่งคนกัมพูชาจะเป็นผู้แก้ปัญหาเอง ประเทศภายนอก มีภาระหน้าที่เพียงให้การช่วยเหลือสนับสนุนให้คนกัมพูชาสามารถแสวงหาหนทางปรองดองตกลงกัน ประเทศภายนอกไม่ว่าฝ่ายใดไม่ควรจะเข้าไปแทรกแซงช่วยเหลือถือหางข้างใดข้างหนึ่งโดยการใช้กำลัง

3. การที่ประเทศไทยนำตัวเข้าไปพัวพันกับการขัดแย้งกันระหว่างมหาประเทศ เพื่อผลประโยชน์และนโยบายของมหาประเทศแต่ละฝ่ายย่อมเป็นทางที่จะนำให้ประเทศไทยต้องตกไปอยู่ภายใต้อิทธิพล และการยึดเกาะกับมหาประเทศข้างใดข้างหนึ่ง จนทำให้ไม่สามารถจะดำเนินนโยบายต่างประเทศเป็นอิสระได้ และก่อให้เกิดปัญหาตามมาในการแก้ไขภายหลัง เพราะเป็นการยากที่จะทำให้หลุดพ้นจากอิทธิพลและการยึดเกาะกับมหาประเทศได้ เช่น กรณีปัญหากัมพูชาในขณะนี้ ทั้งที่ประเทศไทยได้มองเห็นแล้วว่า การที่มีกองกำลังเขมรฝ่ายต่อต้าน 3 ฝ่าย มาใช้ดินแดนไทยตามชายแดนเป็นฐานปฏิบัติการ และรับอาวุธยุทโธปกรณ์จากมหาประเทศ เป็นการสวนทางกับความปรารถนาและผลประโยชน์ของประชาชนคนไทย การจะยุติการปฏิบัติการเช่นนั้นก็ไม่สามารถจะทำได้เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับมหาประเทศ ที่ประเทศเราเข้าไปพัวพันและเกาะติดอยู่มีเจ้าหน้าที่ชั้นสูงผู้รับผิดชอบบางคนได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ว่า เราไม่สามารถจะแก้ไขตามความปรารถนาและผลประโยชน์ของประชาชนคนไทยได้ เพราะมีมหาประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง เราไม่สามารถจะดำเนินนโยบายตามลำพังของเราเองได้ คือ ไม่เป็นอิสระ อันที่จริงเป็นเรื่องที่เรายอมให้ตัวเราเข้าไปเกี่ยวข้องผูกพันเองมากกว่า จะต้องระลึกถึงความจริงว่าคนไทยเราเขาไม่สนใจว่าเขมรกลุ่มไหนจะเข้ามามีอำนาจปกครองกัมพูชา สิ่งที่เขาสนใจและปรารถนาคือ ไม่ต้องการให้คนไทยตามชายแดนต้องมารับเคราะห์กรรมและความเดือดร้อน ทุกข์ยากอันเนื่องมาจากการต่อสู้รบพุ่งระหว่างคนเขมรเองตามชายแดนประเทศไทย

4. การขัดแย้ง ความตึงเครียด และเผชิญหน้ากันทางกำลังกับประเทศเพื่อนบ้าน ย่อมกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงและฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในทางทหารเพื่อความมั่นคงของประเทศเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นย่อมกระทบกระเทือนกับการลงทุนจากต่างประเทศ และในประเทศ

แนวทางแก้ไขปัญหากัมพูชา

จากข้อมูลความจริงและเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ในการแก้ไขปัญหากัมพูชา ประเทศไทยควรจะได้ดำเนินการและปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้

1. ปลดปล่อยตัวเองให้หลุดพ้นจากการเข้าไปเกี่ยวข้องในแนวทางใช้กำลังเพื่อแก้ปัญหากัมพูชา โดยไม่ยอมให้กองกำลังของเขมรทั้งสองฝ่าย คือ ทั้งกลุ่มต่อต้าน และกลุ่มเฮงซัมริน-ฮุนเซน ที่รบพุ่งกันอยู่ตามชายแดนเข้ามาใช้ดินแดนไทยเป็นที่หลบซ่อนพักพิง ฐานสนับสนุนรับอาวุธยุทโธปกรณ์ และเสบียงอาหาร ถ้ามีการละเมิดและรุกล้ำดินแดนไทยเข้ามา เป็นหน้าที่ของกองกำลังทหารไทย ที่จะรักษาอธิปไตย เหนือดินแดนของตนและดำเนินการตามหลักการปฏิบัติระหว่างประเทศ คือ จะต้องปลดอาวุธ ควบคุมตัว และไม่ยอมให้ต่างประเทศใช้ดินแดนไทยเป็นทางผ่านส่งอาวุธยุทธโธปกรณ์ เสบียงอาหารสนับสนุนแก่เขมรทั้งสองฝ่าย ในส่วนที่เกี่ยวกับคนอพยพเขมรซึ่งเข้ามาอยู่ในดินแดนไทยตามชายแดนซึ่งมีจำนวนทั้งหมดกว่าสองถึงสามแสนคน ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของประเทศไทย องค์การระหว่างประเทศและองค์การเอกชนต่างประเทศควรจะได้ดำเนินการดังนี้ คือ สำหรับคนอพยพที่หนีภัยจากการรบพุ่งธรรมดาควรจะได้ส่งกลับถิ่นฐานเดิมหรือถิ่นที่รัฐบาลพนมเปญจัดหาให้โดยการร่วมมือและช่วยเหลือจากองค์การระหว่างประเทศ สำหรับคนอพยพเขมรที่เป็นครอบครัว ผู้สนับสนุนของกองกำลังเขมรที่รบพุ่งอยู่ตามชายแดนต้องควบคุม มิให้ปฏิบัติการสนับสนุนหน่วยกำลังเขมร โดยอยู่ภายในค่ายอพยพภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ไทย และองค์การระหว่างประเทศ เพื่อให้การควบคุมดูแล เป็นผลเท่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้กำลังทหารเขมรได้อาศัยค่ายอพยพเป็นฐานกำลัง และสนับสนุนควรจะย้ายค่ายอพยพคนเขมรออกห่างจากชายแดนแล้วแสวงหาแนวทางเพื่อให้คนอพยพเขมรเหล่านั้นกลับกัมพูชา

2. ร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ และสหประชาชาติ เพื่อแสวงหาลู่ทางให้การรบพุ่งระหว่างเขมรสองฝ่ายยุติโดยการเจรจากันโดยสันติวิธี และเรียกร้องให้มหาประเทศและประเทศต่าง ๆ ที่ให้สนับสนุนช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์แก่กองกำลังเขมรที่รบพุ่งกันอยู่ในขณะนี้ ยุติการให้ความช่วยเหลือ

3. สำหรับปัญหาที่นั่งของผู้แทนกัมพูชาในสหประชาชาตินั้น เราได้เห็นตัวอย่างและประสบการณ์มาแล้วในกรณีของสาธารณประชาชนจีน ในกรณีของกัมพูชาก็จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน รัฐบาลพนมเปญได้เข้ามาปกครองประเทศควบคุมพื้นที่ทั้งประเทศ เว้นแต่ในบริเวณตามชายแดนไทย-กัมพูชาเท่านั้นเป็นเวลานานถึงสิบกว่าปีแล้ว ได้รับการรับรองติดต่อจากประเทศต่าง ๆ ตามสภาพที่เป็นจริงและกฎหมายระหว่างประเทศ ย่อมเป็นรัฐบาลของกัมพูชา การที่ไม่ยอมให้ที่นั่งในสหประชาชาติ แก่ผู้แทนรัฐบาลจากพนมเปญเป็นการไม่ตรงกับความเป็นจริง เป็นการต่อสู้กันทางการเมืองระหว่างประเทศมหาอำนาจ และประเทศสมาชิก จะเป็นไปได้ก็เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น นอกจากนั้นเวียดนามก็ได้ประกาศแน่นอนแล้วว่าจะถอนกำลังทหารออกจากกัมพูชาภายในหนึ่งปีข้างหน้า ในที่สุดประเทศต่าง ๆ หรือองค์การสหประชาชาติก็จะต้องยอมรับความเป็นจริง คือ ต้องให้ที่นั่งในสหประชาชาติแก่ผู้แทนเขมรจากรัฐบาลพนมเปญ ทำนองเดียวกับกรณีของสาธารณประชาชนจีน ในขณะนี้แนวโน้มก็เริ่มเป็นไปเช่นนั้น หลายประเทศมีความเห็นว่าควรจะให้ที่นั่งในสหประชาชาติว่างไว้ก่อน ไทยก็ควรจะยึดนโยบายนี้

4. ประเทศต่าง ๆ และองค์การสหประชาชาติพยายามแก้ปัญหากัมพูชาอยู่ในขณะนี้นอกจากเพื่อจะให้กัมพูชาเป็นประเทศอิสระ เป็นกลาง และเป็นประชาธิปไตยแล้ว ยังพยายามที่จะให้กองกำลังเขมรฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพนมเปญ 3 ฝ่าย คือ กลุ่มเขมรแดง กลุ่มเจ้านโรดม สีหนุ และกลุ่มซอนชานได้เข้าไปมีส่วนในการปกครองบ้านเมืองร่วมกับรัฐบาลที่กรุงพนมเปญ คือกลุ่มเฮงซัมริน-ฮุนเซน ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ปกครองประเทศอยู่ในขณะนี้ หากผลของการตกลงกันได้ กลุ่มเฮงซัมริน-ฮุนเซน ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ปกครองประเทศอยู่ในขณะนี้ ก็คงมีส่วนสำคัญในการจัดตั้งการปกครองประเทศกัมพูชาต่อไป แม้จะให้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศก็คาดหมายว่า กลุ่มเฮงซัมริน-ฮุนเซน ซึ่งเป็นรัฐบาลมีอำนาจมาสิบกว่าปี จะมีโอกาสปกครองบ้านเมืองอยู่ต่อไป ในส่วนของประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับความปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกันกับประเทศในอินโดจีนโดยสันติและผลประโยชน์ของประชาชนคนไทย จึงจำเป็นต้องแสวงหาแนวทางที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ ความปรองดองและร่วมมือกันกับกัมพูชาในฐานะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่คำนึงถึงว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่คนกัมพูชาเองจะเป็นผู้ตัดสิน ฉะนั้น จึงจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องสร้างบรรยากาศและส่งเสริมให้มีความสัมพันธ์ร่วมมือและติดต่อกัน เช่นเดียวกับประเทศลาว และเวียดนาม ซึ่งในทางที่เป็นจริงประชาชนคนไทยและเขมรตามชายแดนก็ได้ทำการค้าขายติดต่อกันอยู่แล้ว แม้ว่าทางราชการจะได้ประกาศปิดชายแดนห้ามค้าขายติดต่อกัน ขณะนี้ก็มีคนไทยเป็นเรือนหมื่นเข้าไปทำการขุดพลอยในดินแดนกัมพูชาตามชายแดน สรุปแล้วคือไทยจะต้องมีบทบาทบาทสำคัญในการแสวงหาหนทางแก้ปัญหากัมพูชา เพราะเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทยโดยตรง ถ้าเขมรเขายุติการสู้รบกันได้คนไทยตามชายแดนก็จะได้ทำมาหากินด้วยความสงบ ไม่ต้องคอยวิ่งหลบลูกปืนและลงหลุมหลบภัยดังเป็นอยู่ในขณะนี้


หมายเหตุ :

  • อักขรวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
  • ตัดทอนบางส่วนของบทความ แก้ไขคำผิดเล็กน้อย และตั้งชื่อบทความใหม่โดยกองบรรณาธิการ

บรรณานุกรม :

  • วงศ์ พลนิกร, ปัญหากัมพูชาและหนทางแก้ไข ผลดีผลเสียที่ไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทางกำลังในกัมพูชา แนวทางแก้ไขปัญหากัมพูชา, ใน, นโยบายต่างประเทศที่พึงปรารถนา และแนวความคิดของท่านปรีดี พนมยงค์ (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน, 2538), น. 32-49.