ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
บทบาท-ผลงาน

รัฐบาลปรีดี พนมยงค์ กับผ้าบางสำหรับชาวนาจากประเทศอังกฤษ

4
พฤศจิกายน
2568

ปรีดี พนมยงค์ (พ.ศ. 2443-2526) อดีตนายกรัฐมนตรีไทยผู้มีบทบาทในการจัดหาเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มมาช่วยเหลือประชาชนในภาวะขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

 

ความขาดแคลนเป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องเผชิญในช่วงระหว่างที่ประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2484-2488) โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนอย่างมาก เนื่องจากในสภาวะสงครามนั้นจะแสวงหาวัตถุดิบต่าง ๆ ได้ยากยิ่งและไม่สะดวกนักในการขนส่ง ดังที่การขนส่งทางเรือมีอุปสรรคสำคัญคือในท้องทะเลอ่าวไทยเต็มไปด้วยทุ่นระเบิด ทำให้เดินเรือมิได้ ความขาดแคลนในช่วงระหว่างสงครามยังส่งผลกระทบต่อมาอีกยาวนาน แม้กระทั่งสงครามสิ้นสุดลงแล้ว แต่ปัญหานี้ก็ยังไม่สามารถแก้ไขให้ลุล่วง

เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มย่อมมิแคล้วสิ่งสำคัญที่ขาดแคลนในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงแม้สงครามจะปิดฉากไปแล้วเป็นแรมปี แต่ประชาชนชาวไทยก็ยังไม่มีเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มไว้ใช้สอยอย่างเพียงพอ ครั้นล่วงมาถึงสมัยรัฐบาลที่มี นายปรีดี พนมยงค์  ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีความกระตือรือร้นในการจัดหาเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มมาช่วยเหลือประชาชน

ในคราวนี้ ผมจะพาคุณผู้อ่านทุกท่านย้อนเวลาไปเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2489 โดยมุ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ นายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล ซึ่งได้ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาว่าด้วยกรณีผ้าบางสำหรับชาวนาจากประเทศอังกฤษที่นำเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มของประชาชน

อย่างไรก็ดี บรรยากาศของเมืองไทยห้วงยามนั้นกำลังอยู่ในความเศร้าสลด เพราะเพิ่งจะเกิดเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 สวรรคตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489

ก่อนหน้าช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองไทยยังผลิตสินค้าเกษตรกรรมเป็นหลัก และมิได้มุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ ส่งผลให้สินค้าอุตสาหกรรมหลายอย่างต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม น้ำมันเชื้อเพลิง หรือกระดาษ เป็นต้น ครั้นสงครามอุบัติขึ้นแล้ว สินค้าที่เคยนำเข้าจากต่างประเทศไม่สามารถลำเลียงมาได้ เพราะท้องทะเลเต็มไปด้วยทุ่นระเบิดซึ่งเป็นอันตรายต่อการเดินเรือขนส่ง อีกทั้งเมื่อไทยประกาศสงครามกับฝ่ายสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ พร้อมเข้าร่วมฝ่ายเดียวกันกับญี่ปุ่น จึงทำให้ต้องตัดขาดความสัมพันธ์และยุติการค้าขายกับชาติตะวันตก โดยเฉพาะกับประเทศอังกฤษ ซึ่งเคยเป็นคู่ค้าสำคัญกันมาอย่างยาวนาน นั่นทำให้ไทยเริ่มขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามพยายามแก้ปัญหาด้วยการสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยให้คนไทยผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคขึ้นใช้เอง อุตสาหกรรมใดไม่มีเครื่องจักรก็ใช้มือทำ และบังคับใช้กฎหมายป้องกันการกักตุนสินค้า กระนั้น ความขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคก็หาได้หมดสิ้นไป

ในส่วนของเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มนั้น  ตอนปีแรก ๆ ของสงครามยังพอที่จะหาซื้อเสื้อผ้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศได้บ้าง แต่ก็ราคาสูงขึ้นมาก ลาวัลย์ โชตามระ นักเขียนสตรีผู้มีประสบการณ์ด้านนี้บอกเล่าว่าบริเวณที่พอจะหาซื้อเสื้อผ้าได้คือแถวตรอกขี้เถ้าตรงถนนดำรงรักษ์ต่อกับถนนกรุงเกษม แต่สภาพของเสื้อผ้าทั้งเก่าและมีรอยขาดรอยปะชุน หากพอปีหลัง ๆ ที่สงครามทวีความรุนแรงขึ้น เสื้อผ้าจึงขาดแคลนอย่างหนัก ชาวบ้านและชาวนาไม่มีผ้าจะใช้สอยเลย บางแห่งพวกเขาถึงกับต้องเปลือยกาย

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้สนับสนุนให้ประชาชนปลูกฝ้ายและใช้ผ้าฝ้ายทอมือแทน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็พยายามเจรจากับผู้แทนของญี่ปุ่นเพื่อที่จะขอให้ทางญี่ปุ่นช่วยเหลือเรื่องเครื่องจักรสำหรับทอผ้า เพราะเสื้อผ้าที่ชาวบ้านผลิตออกมาเองไม่เพียงพอ กล่าวได้ว่า สมัยนั้นเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มกลายเป็นของล้ำค่า ถึงขั้นที่ไม่สามารถตากผ้าไว้ตอนกลางคืนได้ เพราะจะมีคนมาลักขโมย

ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงกลางปี พ.ศ. 2488   รัฐบาลชุดใหม่ได้จัดตั้งหน่วยงานของรัฐขึ้นเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค นั่นคือองค์การซึ่งทำหน้าที่จัดหาสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคจากต่างประเทศเข้ามาขายในเมืองไทย มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร และกระจายสินค้าไปยังหน่วยงานที่เป็นตัวแทนของแต่ละจังหวัด แล้วจึงกระจายต่อไปยังประชาชน อย่างไรก็ดี องค์การของรัฐบาลก็ยังมิอาจทำให้ปัญหาความขาดแคลนทุเลาลง

หลังสงคราม ยังมีการนำเข้าเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มมาจากต่างประเทศอย่างทุลักทุเล อีกทั้งต้องใช้เวลาอีกหลายปีเลยทีเดียวกว่าที่เมืองไทยจะพัฒนาอุตสาหกรรมผ้าทอภายในประเทศได้อย่างสัมฤทธิ์ผล คือผลิตได้ปริมาณมากกว่าการนำเข้า ซึ่งก็เป็นช่วงราวปี พ.ศ. 2493 แล้ว

ช่วงที่ นายปรีดี พนมยงค์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือเดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2489 เขาต้องแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนเสื่อผ้าและเครื่องนุ่งห่มของประชาชนเช่นกัน โดยในคราวหนึ่งรัฐบาลปรีดีได้ขอผ้ามาจากอังกฤษเพื่อนำมาแจกชาวนา ซึ่งเป็นผ้าบางสีขาวและบรรทุกลำเลียงมาโดยเรือพงัน

ครั้นผ้าดังกล่าวเดินทางมาถึงเมืองไทยแล้ว รัฐบาลปรีดีจึงแถลงต่อที่ประชุมสภาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 4/2489 (สามัญ) เมื่อวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2489

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้จัดขึ้น ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม หรือที่นักข่าวนักหนังสือพิมพ์รวมถึงคนทั้งหลายพากันเรียกขานว่า “สภาหินอ่อน” ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าภายหลังจากที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เพิ่งเสด็จสวรรคตยังไม่ถึงสิบวันเลย เริ่มประชุมเวลา 16.05 น. ดำเนินการประชุมโดยประธานรัฐสภาขณะนั้นคือ พันตรีวิลาศ โอสถานนท์ ซึ่งรั้งตำแหน่งประธานพฤฒสภาด้วย มีสมาชิกเข้าประชุมทั้งสิ้น 127 คน เป็นสมาชิกพฤฒสภา 60 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  67 คน ทั้งยังมีการเชิญคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 อันได้แก่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร (พระยศขณะนั้น) และ พระยามานวราชเสวี (ปลอด วิเชียร ณ สงขลา)

ครั้นการประชุมเริ่มต้นขึ้น ผู้รักษาการเลขาธิการพฤฒสภาคือ นายไพโรจน์ ชัยนาม และเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคือ นายเจริญ ปัณฑโร ได้เชิญ กรมขุนชัยนาทนเรนทร และ พระยามานวราชเสวี เข้ามาในที่ประชุมเพื่อกล่าวปฏิญาณ

 

กรมขุนชัยนาทนเรนทร กล่าวว่า

ข้าพเจ้ากรมขุนชัยนาทฯ ขอปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ

 

ส่วน พระยามานวราชเสวี ก็กล่าวว่า

ข้าพเจ้าพระยามานวราชเสวี ขอปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ

 

จากนั้น ประธานรัฐสกาก็ดำเนินการต่อไป โดยให้รัฐบาลเป็นผู้กล่าวแถลงต่อที่ประชุมสภา

นายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงเริ่มแถลงว่า

ข้าพเจ้าขอแจ้งให้ท่านสมาชิกทราบว่า ผ้าสำหรับชาวนาได้มาถึงแล้วโดยเรือพงัน และตัวอย่างผ้าก็ได้นำมาให้ท่านสมาชิกสภาผู้แทนและพฤฒสภาดูแล้ว ได้ถามทางฝ่ายอังกฤษ ต้นทุนไม่ถึง ๕ บาท แต่เราต้องคิดถึงต้นทุนและอินชัวรัน ความจริงผ้านี้ส่งไปสำหรับประเทศอื่น ๆ แต่ด้วยความเอื้อเฟื้อของรัฐบาลอังกฤษจึงให้เรามาก่อน หวังว่าคราวนี้คงจะเป็นที่พอใจของชาวนา และราคาผ้าก็จะได้ลดลงมา เพราะผ้าที่กักตุนไว้ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผ้าที่เรือพงันและที่อังกฤษบอกว่าอีกราว ๖ ล้านหลาได้พร้อมแล้วที่จะลงเรือจากบอมเบย์ และที่จะมาถึงอีกก็ไม่น้อยนัก และจะมีผ้าที่มาจากอเมริกาอีก ๒๐ ล้านหลา และผ้าญี่ปุ่นซึ่งอเมริกาได้สำรองไว้อีก ๒๐ ล้านหลากำลังจะเจรจากับผู้แทนรัฐบาลไทย ณ กรุงวอชิงตัน ทางรัฐบาลอินเดียกำลังเจรจาซื้อผ้าร่มราว ๕ แสนร่ม  กำลังส่งผู้แทนไปเจรจาขอกู้เงินจากอินเดีย และผ้ากำลังหลั่งไหล เช่นนี้ก็หวังว่าพ่อค้าผู้มีผ้าอยู่จะได้นำออกมาขายเสีย ต้นทุนสำหรับผ้าชาวนาคราวนี้คงไม่เกิน ๕ บาทและเพียงจะบวกค่าขนส่ง และค่าอินชัวรันและค่าอื่น ๆ  อีกนิดหน่อย จะเป็นเท่าไรนั้นก็จะได้แจ้งให้ทรายในภายหลัง

 

ครั้นนายกรัฐมนตรีแถลงแล้ว หลวงอรรถพรพิศาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตราด ได้ลุกขึ้นถามว่า

ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้แจ้งแก่สภาเช่นนี้ ข้าพเจ้าในนามของราษฎรจังหวัดตราดรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง แต่ยังสงสัยอยู่ว่าผ้ารายนี้นั้นจะไปถึงชาวนาภายในกี่วัน เพราะเหตุว่าเวลานี้ชาวนาเดือดร้อนเรื่องข้าวที่กำลังไถและหว่านเป็นส่วนมาก เกรงว่าจะมาถึงพระนครแล้วจะถึงชาวมาเมื่อไร เพราะฉะนั้นขอได้โปรดให้ถึงชาวนาโดยเร็วที่สุดจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง สำหรับผ้านี้จะแจกถึงกรรมกรและส่วนอื่น ๆ  อีกบ้างหรือไม่

 

นายปรีดี ก็ให้คำตอบคือ

ผ้าที่มาจากอังกฤษก็สำหรับชาวนา  ส่วนสำหรับกรรมกรก็คงจากอเมริกาส่วนหนึ่ง และผ้าจากญี่ปุ่น ตลอดจนผ้าที่มีอยู่ในโกดังของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะถึงชาวนาวันใด ข้าพเจ้าอยากจะให้ถึงโดยไว ท้องที่ไหนใกล้ก็ถึงก่อน เพราะเกี่ยวกับการขนส่ง แต่จะพยายามที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

 

นายเลื่อน พงษ์โสภณ สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดนครราชสีมา ยังมิคลายสงสัย จึงซักถามต่อ

ข้าพเจ้าสงสัยว่าผ้าที่มา ผ้าสีหรือผ้าขาว เรารู้แล้วว่าประชาชนต้องการผ้าดำเป็นส่วนมาก  อยากจะทราบว่าเป็นผ้าชนิดใด และจะเหมาะสำหรับใช้ใน ๑ ปีหรือไม่นั่นประการหนึ่ง ประการที่สองใคร่จะเรียนเพิ่มเติมว่าเวลานี้ข้าพเจ้ามีหนังสือยืนยัน คือได้รับหนังสือจากหลายแห่ง ว่าผ้าที่ส่งใปใช้นั้นโดยมากเป็นอย่างนี้ จึงใคร่ขอตั้งข้อสังเกตให้รัฐบาลได้พิจารณาด้วยว่าให้ถึงมือชาวนา เราส่งผ้าดี ๆ  เเมื่อถึงมือกรมการอำเภอแจกแล้ว ผ้าดีไม่ได้แจกไป แจกผ้าชนิดอื่น นี่เป็นเรื่องติดใจที่ข้าพเจ้าเข้าได้รับมาเป็นหนังสือ  ถ้าต้องการดูก็ได้ วันหลังจะส่งมาให้ ช่างทหารว่าผ้าซึ่งตัดเป็นผ้าฟอร์มสำเร็จรูปแล้วส่งไปให้ทหารหน่วยกลางเรียกว่ายกบัตรหรืออะไรนั้น ผ้าไปจ่ายนั้นหาเป็นผ้าของทางการไม่ เป็นผ้าสีอื่นชนิดเดียวกัน มีหนังสือจากทหารส่งมาให้ข้าพเข้า เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าขอเรียนถามว่า วิธีการอย่างนี้ทางรัฐบาลทราบหรือไม่ และหากว่าไม่ทราบจะหาวิธีป้องกันแก้ไขประการใดบ้างหรือไม่

 

นายกรัฐมนตรีตอบว่า

ผ้าที่มานี้เป็นผ้าสีขาว เพราะเราส่งก่อนสวรรคตแล้ว ผ้าที่มานี้เป็นผ้าสำหรับตัดเสื้อ และผ้าตัดกางเกงจะได้มาพร้อมทั้งผ้าห่มผ้ามุ้ง ส่วนวิธีแจกต่อชาวนาทางรัฐบาลวางหลักเกณฑ์ไว้ ถือหลักธรรมะเป็นการแจก เราคิดไว้ว่าจะเอาส่งไปทุกจังหวัด แต่ไม่ใช่แจกคน  ๆ  เดียว ตำบลไหนทำเสร็จก็แจกเป็นตำบลไป ทั้งนี้เพื่อความบริสุทธิ์ทุกอย่างได้ไปดูในท้องที่จริง  ๆ เพื่อป้องกันการรั่วไหลก็พยายามทำด้วยวิธีนี้  ซึ่งเป็นวิธีที่เห็นว่าจะถือวางอะไรไว้ไปบ้าง ไม่ใช่วิธีส่งไปแล้วไปแจกอาจสับเปลี่ยนผ้ากัน

 

คำถามของ นายเลื่อน สะท้อนให้เห็นบรรยากาศเมืองไทยช่วงหลังเหตุการณ์สวรรคตหมาดใหม่ ซึ่งประชาชนต้องการที่จะสวมเสื้อผ้าสีดำเป็นการถวายความอาลัย อย่างไรก็ดี ดังที่ นายปรีดี ชี้แจงว่าเนื่องจากผ้าบางดังกล่าวได้สั่งไปตั้งแต่ก่อนที่จะมีเหตุการณ์สวรรคตแล้ว จึงเป็นผ้าสีขาว ไม่ได้สั่งเป็นผ้าสีดำ

ถัดมา นายประสิทธิ์ ชูพินิจ สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดกําแพงเพชร ก็ถามถึงวิธีการแจกจ่ายผ้า

ข้าพเจ้าขอขอบคุณรัฐบาลอีกคราวหนึ่งเป็นคราวสอง คือเรื่องผ้า สำหรับจังหวัดกระผมเป็นจังหวัดขาดแคลนมาก ราษฎรส่วนมากกำลังจะนุ่งใบไม้อยู่แล้ว และกำลังรอคอยทุกวันทุกคืนว่าผ้าจะมาเมื่อไร ที่ผมกริ่งเกรงใจในการกำหนด คือรัฐบาลจะกำหนดผ้าเป็นภาค ๆ  จังหวัดไหนมีใจการทำนามากก็จะส่งก่อน สำหรับผ้า ๕ ล้านหลานี้ผมใคร่เรียนถามว่า นายกรัฐมนตรีจะแจกทุกจังหวัดหรือไม่ ส่วนกฎเกณฑ์ที่ได้เรียนนั้น จังหวัดกำแพงเพชรนั้นเป็นจังหวัดของข้าพเจ้ายังไม่ได้เริ่มทำ กระบือหายหมด  ราษฎรยังหากระบือไม่ได้ หากว่ารัฐบาลยังคงถือเกณฑ์นี้ ข้าพเจ้าคิดว่าพลเมืองในจังหวัดของข้าพเจ้าคงไม่ได้รับแน่ ถ้ารัฐบาลจะกรุณาจ่ายผ้าให้ชาวบ้านมีนุ่งห่มบ้างจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าขอเรียนถามท่านนายกรัฐมนตรีว่า จะกรุณาได้อย่างไรบ้างในเรื่องนี้

 

นายปรีดี พนมยงค์ อธิบายว่า

ผ้ารุ่นนี้เป็นผ้าสำหรับชาวนา ส่วนกระบือไม่ใช่ตายหมดคงมีตายบ้าง แต่จังหวัดไหนตายก็ได้เชิญข้าหลวงประจำจังหวัดไปปรึกษาหารือแล้วจะให้เงินไปซื้อกระบือ และได้ส่งสัตวแพทย์ไปสำรวจ หมายความว่าผ้านี้คงไปทุกจังหวัดในส่วนที่มีการทำนา ส่วนผู้ที่ไม่ได้ทำนาก็อาจจะมีผ้าอีกส่วนหนึ่งที่เราจะสั่งจากอเมริกาเข้ามาพร้อมทั้งที่จะขายให้ ผ้ารุ่นนี้สำหรับชาวนา ส่วนจะช่วยราษฎรทั่วไปรอรุ่นที่มาจากอเมริกา และรุ่นนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ก็จะได้จัดส่งไปให้แก่ราษฎรของเราต่อไป

 

สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดขอนแก่นอย่าง  นายทิม ภูริพัฒน์ เป็นอีกรายที่ลุกขึ้นตั้งคำถาม โดยให้ความสนใจต่อด้ายหลอดที่จะใช้ในการตัดเย็บผ้า ซึ่งเป็นของที่ขาดแคลนและมีราคาแพงเช่นกัน

ตามที่รัฐบาลได้กรุณาวิ่งเต้นให้ได้ผ้ามาสำหรับแจกชาวนา และกรรมกรนั้นเป็นที่น่ายินดีเป็นอันมาก แต่ว่าเมื่อได้ผ้ามาแล้วการจะตัดเป็นรูปสำหรับค่าจ้างแพงกว่าค่าผ้าอีก เวลานี้ตัวหนึ่ง ๑๕-๑๖ บาทเช่นนี้ ทั้งนี้เพราะนายจ้างอ้างว่าด้ายหลอดแพง ข้าพเจ้าอยากจะเรียนถามรัฐบาลว่า ทางกระทรวงพาณิชย์จะหาซื้อด้ายหลอดมาเย็บผ้านี้บ้างหรือไม่

 

นายปรีดี ก็ตอบรับด้วยยินดี

ในเรื่องนี้เราได้คิดถึงด้วยเหมือนกัน ความจริง ที่เราได้ส่งมาสำหรับชาวนานี้มีด้ายหลอดด้วย แต่ด้ายหลอดขณะนี้ยังไม่มี เราได้สั่งไปยังอเมริกา ตัวอย่างผ้า รัฐมนตรีพาณิชย์ได้นำเอามา เมื่อเสร็จประชุมแล้วผู้ใดจะไปดูก็ได้

 

นายสมบูรณ์ บัณฑิต สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดน่านยังมิวายกังขาในเรื่องขอบเขตของคำว่า “ชาวนา” ที่รัฐบาลกล่าวอ้าง

ข้าพเจ้ายังสงสัยอยู่บ้าง คือท่านนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ผ้าจะแจกแก่ชาวนาที่ทำนาทุกจังหวัด ภาคเหนือภาคอีสานก็ทำนาเช่นกัน ข้าพเจ้าหวังว่าภาคเหนือ ภาคอีสานคงได้รับแจกเช่นเดียวกัน เพราะทำนาเหมือนกัน ข้าพเจ้าขอให้ท่านนายกฯ ช่วยยืนยันด้วย

 

ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่า

ถูกแล้ว เราไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ทุกจังหวัดที่ทำนา ใครทำนา หลักการก็ได้เสนอเช่นเดียวกัน

 

ดูเหมือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขอนแก่นจะให้ความสนใจต่อกรณีผ้าบางจากอังกฤษนี้ นายกระจ่าง ตุลารักษ์ ส.ส. อีกคนหนึ่งของจังหวัดจึงขอถามด้วย ทั้งยังชวนให้รัฐบาลคำนึงถึงกรรมกรสวนยาง

เรื่องผ้านี้ ข้าพเจ้าเคยได้เรียนถามรัฐบาลครั้งหนึ่งแล้วถึงเรื่องผ้าที่จะได้มา บัดนี้ ได้มาแล้ว เรื่องที่ข้าพเจ้ายังสงสัยต่อไป ความสงสัยพวกเราไม่มีเจ้าของสวนยางอยู่แล้ว สวนยางมีกรรมกรมากทางภาคใต้ ภาคอีสานมีปั่นฝ้าย  ขอให้รัฐบาลช่วยจัดสำหรับกรรมกรสวนยาง เพราะข้าพเจ้าเห็นมารู้สึกว่าขาดแคลนเหมือนกัน ที่พูดนั้นสำหรับชาวนาไม่ได้พูดถึงสวนยางด้วยเลย พวกชาวสวนยางจะได้ดีใจว่ารัฐบาลเอาใจใส่เหมือนกัน

 

นายปรีดี ยังคงเน้นย้ำว่า

สำหรับประเภทอื่นเราบอกแล้วเมื่อกี้ ผ้าเราสั่งนี้อ้างเหตุชาวนาและความจริงผ้านี้ได้เตรียมเอาไปท่าเรืออื่นด้วยซ้ำไป แต่เขาก็ปล่อยมา ที่ถามมาไม่ต้องวิตก พวกกรรมกรสวนยาง เหมืองแร่ ป่าไม้ ทางเหนือ และพวกกรุงเทพฯ ก็ย่อมได้เหมือนกัน

 

ขณะที่ ขุนชำนิอนุสาสน์ สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดพระนครยังแสดงความเป็นห่วงชาวนาเกลือ

ชาวนาที่ท่านรัฐบาลได้ชี้แจงนั้นเฉพาะชาวนา ชาวนาเกลือที่กำลังทำนาเกลืออยู่ก็จำเป็นต้องใช้ไม่ผิดกับชาวนาเหมือนกัน ข้าพเจ้าเคยเรียนท่านหนหนึ่งแล้วจะมีส่วนได้ในคราวนี้บ้างด้วยหรือไม่

 

นั่นทำให้ นายปรีดี กล่าวไปถึงชาวเหมืองและชาวประมงสมทบเข้าด้วยเลย

คราวนี้ชาวนาเขาก่อน แล้วทีนี้ส่วนพวกชาวนาเกลือจากอเมริกา จากโกดังกระทรวงพาณิชย์ ส่วนชาวประมง สั่งแหและเบ็ดมาให้ จะมาถึงเมื่อไรไม่ทราบ พวกชาวสวนยางได้เตรียมสั่งอะไรที่สำหรับเขาจะทำก็ยุ่ง เครื่องมือสวนยาง แล้วสั่งน้ำกรดดี พยายามจะให้เป็นน้ำอย่างที่ดี ส่วนเหมืองหรือฝายผู้แทนไปอเมริกาสำหรับสั่งซื้อ ส่วนพวกเหมืองฉีดเหมืองสูบพวกขุดแร่ก็สั่งเครื่องมือพวกขุด มีจอบ เครื่องสูบน้ำ มีตะแกรงอะไรอีก ส่วนพวกเหมืองเล็กน้อยต้องการแยะ ได้ส่งบัญชีสั่งไปแล้วไม่ต้องวิตก เข้ารัฐบาลคิดว่าถ้ายิ่งทำยิ่งได้คุณภาพมากเท่าไรเราก็ได้เป็นดอลลาร์มากเท่านั้น  ได้คิดถึงพวกประมง พวกนาเกลือก็คิดถึง พวกประมงสั่งแห สั่งเบ็ดไป

 

กระนั้น นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังคงข้องใจเรื่องหลักเกณฑ์ในการแจกจ่ายผ้า ด้วยเกรงจะไม่เป็นธรรม

การที่ท่านนายกได้แถลงว่าการแจกจ่ายผ้าจะถือหลักเกณฑ์ในการที่ว่าผู้ใดไถหว่านได้มากให้มาก ไถหว่านได้น้อยให้น้อย ข้าพเจ้ายังสงสัยคิดว่าเกรงจะไม่เป็นการยุติธรรมเพียงพอ ตามธรรมดาผู้ที่ไถหว่านได้มากย่อมเป็นผู้ที่ร่ำรวยอยู่แล้ว  คือว่ามีเสื้อผ้านุ่งห่มอยู่แล้ว ผู้ที่ไม่มีเสื้อผ้าและขาดแคลนจริง ๆ คือยากจนจริง ๆ ความจริงที่ปรากฏขณะนี้ผู้ที่ยากจนไม่มีภาพพอนุ่งไปไถหว่านทีเดียว คือไปไถหว่านไม่ได้ ไม่มีผ้านุ่ง ถ้าถือหลักเกณฑ์อย่างนี้ยุ่งเด็ดขาด ข้าพเจ้ายังข้องใจอยู่ พอได้โปรดแถลงให้ทราบด้วย

 

หาก นายปรีดี ก็พยายามอธิบาย

 

เรื่องนี้เกี่ยวแก่การที่จะอินดกิ้สหรือส่งเสริมกำลังใจ ให้รีบทำการไถหว่านได้ ส่วนที่ว่าผู้ใดถึงกับจะเปลือยกาย ความจริงก็ยังไม่ถึงขีดนั้นก็ยังไปไถกันได้ ข้าพเจ้าก็ได้ผ่านไปในเขตที่ทำนาขอให้รีบไถรีบหว่านตามเกณฑ์ภาคก็ได้

 

ขณะที่ นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง ขอร้องทุกข์ให้ชาวนาว่า

ข้าพเจ้าใคร่ขอเรียนถามอีกเรื่อง คือว่าชาวนาบางแห่งไม่มีเงินพอจะซื้อข้าว หากว่ารัฐบาลจะกรุณาให้ชาวนาที่ยากจนบางรายซื้อเชื่อจะได้หรือไม่ ปีที่แล้วทำนาได้เป็นอันมากไม่มีเงินซื้อข้าวก็อดไม่ได้ทำ

 

ซึ่ง นายปรีดี รับว่ารัฐบาลก็ตระหนักในเรื่องนี้

นี่เราก็คิดถึงเหมือนกัน ราษฎรอาจยังไม่มีเงินมาให้ เมื่อทำการเช่นนี้แล้วเราก็มอบผ้าให้แล้วก็ทำพิธีว่าเมื่อใครมารับรองว่าเมื่อได้ข้าวก็หักราคากัน นี่ก็คิดถึงเหมือนกัน

 

ครั้นประธานรัฐสภาเล็งเห็นว่าสมาชิกสภาได้ซักถามรัฐบาลจนหมดแล้ว ก็จะดำเนินตามระเบียบวาระที่ 2 ต่อไป ทว่ายังมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตรคือ นายเพิ่ม วงศ์ทองเหลือ ขอลุกขึ้นอภิปรายอีกคน

ข้าพเจ้าได้ยินรัฐบาลซึ่งแถลงเรื่องเสื้อผ้า ข้าพเจ้าใคร่ขอกราบเรียนว่า เพราะเหตุว่าเสื้อผ้าสำหรับประชาชนที่ไม่มีนุ่งนั้น ข้าพเจ้าใคร่ขอเรียนว่าเป็นความบกพร่องของรัฐบาล ด้วยว่าประชาชนที่ไม่มีเสื้อผ้าที่รัฐบาลแถลงในเรื่องการทำนาไม่ได้ข้าว หลักสำคัญในการทำนาไม่มีน้ำ น้ำนี่สำคัญ เมื่อน้ำไม่มี ไม่มีข้าว มีน้ำไม่มีปลา ถ้ารัฐบาลโปรดกรุณาให้นํ้าเหมาะสมแก่ชาวนาแล้ว เรื่องข้าวไม่เป็นเรื่องสำคัญ

ผมขอเรียนเรื่องผ้าคือไปสอดคล้องต้องกัน เรื่องผ้านี้ประชาชนไม่มีเสื้อผ้าก็ไม่ต่างอะไรกัน รัฐบาลเป็นพ่อเป็นแม่กระทรวงพาณิชย์ควบคุมในเรื่องผ้า ควบคุมเรื่องไม่เป็นเรื่อง กระทรวงพาณิชย์ ผมไข้ขอเรียนว่าถ้าปล่อยไม่เป็นไร ป่าผ้ายังมี ประชาชนพลเมืองจะดีหรือชั่วอยู่ที่รัฐบาล รัฐบาลเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกจะดีหรือชั่วอยู่ที่พ่อแม่ ถ้ารัฐบาลควบคุมอย่างเหมาะสม เสื้อผ้าก็ต้องมี เสื้อผ้าที่แพงมาเพราะนายทุนแต่ละแห่งแต่ละสถานที่ เมืองไทยที่เราเคารพนบนอบอย่างไร การค้าอยู่ในมือต่างด้าว  รัฐบาลทราบดี แต่รัฐบาลไม่จัดการเพราะกลัวกระทบกระเทือน

 

ประธานรัฐสภาจึงว่า   “ขอรวบรัดหน่อย เมื่อแถลงนโยบายก็ซักถามมากมายแล้ว”

หาก นายเพิ่ม ไม่ยอมลดละ

เรื่องผ้านี้ผมใคร่ขอเรียนว่า เสื้อผ้าที่รัฐบาลแจกจ่ายไม่พอ เสื้อผ้าส่งแต่ละจังหวัดไม่พอ ขอให้ท่านผู้แทนราษฎรทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้เพราะรัฐบาลไม่มีให้พอ ข้าพเจ้าใคร่เรียนว่าผ้านี้ให้ไม่พอ แล้วก็ไม่ให้ดีกว่า ขอฝากข้อสังเกตไว้ต่อรัฐบาล เราจะทำอย่างไรจะป้องกันการทุจริต ปลาใหญ่ก่อนปลาเล็ก จะทำอย่างไรขอฝากข้อสังเกตให้ท่านนายกฯ ไว้ โปรดอย่าให้มีการทุจริตอีกเลย

 

ประธานรัฐสภาจึงบอก “ผมคิดว่าพอแล้ว”

จากนั้น นายปรีดี ก็ลุกขึ้นตอบ

ท่านถามรัฐบาลนี้อยู่ไม่กี่วันนี่เอง เพิ่งได้รับความไว้วางใจมา ๒-๓ วัน กระทู้ของท่านควรถามรัฐบาลก่อน กระทรวงพาณิชย์ก็ได้จ่ายแล้ว จ่ายพวกที่มีบัตรปันส่วน ๖ แสนเมตร เข้าใจว่าพวกชาวนากรุงเทพพระนครคงพอใจ เมื่อครั้งรัฐบาลที่แล้วมาซึ่งอยู่ราวสัก ๒ เดือน ไม่ถึง ๒ เดือนดีนี่อยู่อีกล้านกว่าเมตร นี่เรากำลังรอผ้าถึงจะปล่อยได้ ทีแรกกะกันว่าผ้าจะมา เมื่อยังไม่มาก็กันเอาไว้สักหนึ่งล้าน เมื่อมาแล้วก็ปล่อยกัน

 

ถัดจากนั้น ประธานรัฐสภาได้ให้รัฐบาลแถลงและที่ประชุมสภาพิจารณาเรื่องเกี่ยวกับกรณีชายแดนของไทยต่อไป

จะเห็นว่า กรณีผ้าบางสำหรับชาวนาจากประเทศอังกฤษนั้น ได้รับความสนใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยราย ซึ่งก็ได้แสดงความเห็นและข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลปรีดีกันอย่างแข็งขัน

น่าสังเกตว่า สมาชิกในที่ประชุมสภาผู้อภิปรายเรื่องนี้ มักจะเป็น ส.ส. สมัยแรกจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่  6 มกราคม พ.ศ. 2489  อย่าง หลวงอรรถพรพิศาล (อัมพร สูตะบุตร) อดีตอัยการและเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือ นายเลื่อน พงษ์โสภณ นักบินและนักประดิษฐ์ผู้หันมาก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองด้วยการสมัครโดยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ หรือ ขุนชำนิอนุสาสน์ (เส่ง เลาหะจินดา) อดีตครูใหญ่โรงเรียนวัดราชบพิธ หรือ นายประสิทธิ์ ชูพินิจ หรือ นายสมบูรณ์ บัณฑิต หรือ นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร นักคิดนักเขียน หรือ นายกระจ่าง ตุลารักษ์ สมาชิกคณะราษฎรที่ร่วมเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือ นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ เนติบัณฑิต และเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง

ขณะที่ นายทิม ภูริพัฒน์ พี่ชายของ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์  เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสยามเป็นการทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2480 และในการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ. 2489 ได้สังกัดพรรคสหชีพ

สำหรับประเด็นที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมักจะตั้งคำถามไปในแนวทางเดียวและสอดคล้องกันคือ ลักษณะของผ้า วิธีการแจกจ่ายผ้า กลุ่มคนที่ได้รับการแจกจ่าย และวิธีป้องกันการทุจริตในการแจกจ่าย ซึ่ง นายปรีดี ก็พยายามอธิบายให้เห็นว่ารัฐบาลมีความตั้งใจดีและมีความโปร่งใสในเรื่องนี้

นายเพิ่ม วงศ์ทองเหลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตร ที่ดูเหมือนจะลุกขึ้นวิจารณ์รัฐบาลปรีดีนั้น เคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตรมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งคือในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสยามเป็นการทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2480 ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งทางตรงครั้งแรกสุดของเมืองไทย โดยที่ไม่ต้องเลือกผู้แทนตำบลแล้วให้ผู้แทนตำบลมาเลือก ส.ส. แบบการเลือกตั้งเมื่อวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476

กระทั่งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสยามเป็นการทั่วไปเมื่อวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 ปรากฏว่า นายแก้ว สิงหะคเชนทร์ ได้เป็น ส.ส. แทน

ส่วน นายเพิ่ม ก็ไปเป็นสมาชิกสภาจังหวัดพิษณุโลก ก่อนที่จะได้กลับมาเป็น ส.ส. อีกครั้งจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่  6 มกราคม พ.ศ. 2489 โดยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

จึงไม่แปลกที่น้ำเสียงในการอภิปรายรัฐบาลในช่วงกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2489 จะเป็นไปในลักษณะการวิจารณ์ค่อนข้างแรง เพราะตอนนั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์กำลังพยายามเล่นงานรัฐบาลและ นายปรีดี อยู่

 

เรือหลวงพงัน

 

เรือพงันที่จะบรรทุกผ้าบางสำหรับชาวนาแล้วลำเลียงจากอังกฤษมายังเมืองไทยนั้น เป็นเรือหลวงสำหรับลำเลียงพลหนึ่งในสองลำที่ทางกองทัพเรือของไทยภายใต้การบัญชาการของ นาวาเอก พระยาวิจารณ์จักรกิจ (บุญรอด สวาทะสุข)  และ นาวาเอก หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) ได้สั่งให้ต่อขึ้นเมื่อช่วงปลายทศวรรษ 2470 ซึ่งต่อเรือที่อู่ฮาริมา เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น มีพิธีรับมอบเรือเมื่อวันที่่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2480 โดยนายทหารเรือไทยคนสำคัญหลายนายได้เดินทางไปรับมอบ และขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่  5 ตุลาคม พ.ศ. 2481

เรือหลวงพงันมีความยาวตลอดลำ 58.50 เมตร และความกว้าง 9.30 เมตร มีระวางขับน้ำ 1,374 ตัน และความเร็วสูงสุด 12.80 นอต ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรดีเซล บนเรือติดตั้งปืนใหญ่ลำกล้องสั้น 2 กระบอก และปืนต่อสู้อากาศยาน 3 กระบอก

นอกเหนือจากการเป็นเรือรบแล้ว ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังได้เป็นเรือบรรทุกลำเลียงสิ่งของอีกด้วย

บทบาทของ นายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีช่วงปี พ.ศ. 2489 นั้นมีอยู่หลายประการ กรณีผ้าบางสำหรับชาวนาจากประเทศอังกฤษก็เป็นเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มโดยพยายามคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศให้มากที่สุดและด้วยวิธีการอันส่งผลกระทบกระเทือนต่อประชาชนให้น้อยที่สุด

 

เอกสารอ้างอิง :

  • ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์. การรวมกลุ่มทางการเมืองของ ส.ส.อีสาน พ.ศ. 2476–2494. กรุงเทพฯ: มติชน, 2546.
  • ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์. รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (๒๔๗๕-๒๕๑๗). กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.ชุมนุมช่าง, 2517.
  • ภารกิจแห่งชีวิตของ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร. อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ณ เมรุวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2538 เวลา 17.00 น.. ม.ป.ท.: อรุณวิทยา, 2538.
  • รายงานการประชุมรัฐสภา สมัยที่ 4/2489 (สามัญ), 17 มิถุนายน 2489. พระนคร: สำนักงานเลขาธิการสภา, 2489.
  • ลาวัลย์ โชตามระ. ชีวิตชาวกรุงสมัยค่อนศตวรรษมาแล้วและชีวิตชาวกรุงสมัยสงคราม. กรุงเทพฯ: แพร่พิทยา, 2527.
  • สมศักดิ์ นิลนพคุณ. ปัญหาเศรษฐกิจของไทยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และการแก้ไขของรัฐบาลระหว่าง พ.ศ. 2488-2498. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2527.
  • อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ ป.ช., ป.ม. ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พุทธศักราช 2546. ม.ป.พ., 2546
  • อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงอรรถพรพิศาล ป.ม. (อัมพร สูตะบุตร) ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 23 ธันวาคม 2521. กรุงเทพฯ: สนิทพันธ์การพิมพ์, 2521.
  • อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ. “บทบาทด้านงานเขียนของประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ก่อนก้าวสู่การเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร.”รูสมิแล. ปีที่ 38 ฉบับที่ 1        (มกราคม - เมษายน 2560), หน้า 58–67 .