Focus
- บทความนี้เสนอในวาระชาตกาล 123 ปี พลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ นายทหารเรือคนสำคัญที่มีบทบาททางการเมืองตั้งแต่การเข้าร่วมเหตุการณ์การอภิวัฒน์สยาม เป็นสมาชิกขบวนการเสรีไทย และบทบาทที่โดดเด่นกับการปกป้องนายปรีดี พนมยงค์ในเหตุการณ์รัฐประหาร 2490 และมีส่วนร่วมในขบวนการประชาธิปไตย โดยบทความนี้เล่าถึงชีวประวัติและผลงานของพลเรือตรี ทหาร ไว้อย่างรอบด้าน
“...ในทรรศนะของข้าพเจ้า กล่าวตามภาวะทางการเมืองงานของคณะราษฎรสิ้นสุดยุติลง เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 ซึ่งควรจะถือว่าคณะราษฎรต้องประสบความปราชัยทางการเมือง แต่ความรับผิดชอบในส่วนตัวบุคคลยังไม่สิ้นสุด เปรียบด้วยหนี้สินบุคคลชาวคณะราษฎรยังชำระหนี้ไม่หมด คงเป็นลูกหนี้ประชาชนอยู่จนกว่าประชาชนชาวไทยจะได้รับการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ คุณกำลาภจากไปแล้ว คนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องรับสนอง
ชาวคณะราษฎรที่ยังมีชีวิตอยู่นับว่าเป็นผู้โชคดี ที่ได้เห็นผลงานของตนซึ่งช่วยกันสร้างสรรค์เอาไว้ ทิ้งปัญหาที่เป็นบทเรียนอันควรแก่การศึกษาวิจัยวิจารณ์กันหลายบทที่นับว่าสำคัญมี ‘ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตยนานหลายสิบปีแล้ว เพราะเหตุใดจึงยังมีความเห็นกันว่า เข้าไม่ถึงระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง’ อีกบทหนึ่ง ‘เพราะเหตุใด ประเทศไทยจึงยังอยู่ในฐานะที่เป็นประเทศด้อยพัฒนา ในทางการเมืองยังล้าหลังทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคม’...”
พลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ[1]
คำโปรยข้างต้นคือคำรำลึกอุทิศโดย พลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ (นามเดิม ทองหล่อ) แด่นายเรือเอกกำลาภ (นามเดิม กุหลาบ) กาญจนสกุล หนึ่งในสหายร่วมก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง บทไว้อาลัยนี้มีความยาวขนาด 50 หน้าชื่อว่า “กุหลาบ เพื่อนตาย 24 มิถุนายน 2475” จัดพิมพ์ไว้ ภายในอนุสรณ์งานศพซึ่งนับเป็นบันทึกชิ้นประวัติศาสตร์อันฉายภาพได้อย่างละเอียดลออนับแต่ปฏิบัติการคณะราษฎรสายทหารเรือเมื่อก่อนย่ำรุ่งวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 จนถึงวันสิ้นสลายของคณะผู้ก่อการ ถือเป็นหนึ่งในบันทึกที่ “ต้องอ่าน” สำหรับนักประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยของไทย
อย่างไรก็ตามภายในเจดีย์วัดพระศรีมหาธาตุ ณ ทุ่งบางเขน สถานที่ประดิษฐานอัฐิของเหล่าสมาชิกผู้ก่อการ 2475 กลับไม่พานพบรายนามของคณะราษฎรสายทหารเรือเรืองนามผู้นี้ บทความนี้จะนำพาผู้อ่านทำความรู้จักกับชีวิตนายทหารเรือหัวใจประชาธิปไตยท่านนี้ ตลอดจนตามรอยพิกัดปลายทางของสังขารชิ้นสุดท้ายของหนึ่งในผู้ได้ชื่อว่าเป็นที่มาของ “ซอยทองหล่อ” ว่ากลบฝังอยู่ ณ แห่งหนใด
กำเนิด “ไอ้หนูหล่อ[2]” นายพลเรือร่างเล็กใจเหล็กเพชร
นายพลเรือท่านนี้เป็นคนริมคลองบางกอกน้อยโดยกำเนิด บิดามารดาคือ นายถมยา ขำหิรัญ และ นางหลุยส์ สุวรรณชีพ เด็กชายทองหล่อเติบโตขึ้นมาพร้อมกับนายทหารคณะราษฎรคนสำคัญอีกท่านคือ หลวงสังวรยุทธกิจ ( สังวร สุวรรณชีพ) ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติฝ่ายมารดา ทั้งคู่เกิดปีเดียวกันเมื่อ พ.ศ. 2444 โดยคุณหลวงเกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ด้านเด็กชายทองหล่ออ่อนเดือนกว่าชาตะเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม สองเด็กชายมักพายเรือไปตามลำคลองบางกอกน้อยเพื่อไปเรียนที่โรงเรียนวัดศรีสุดารามด้วยกันตั้งแต่ปฐมวัย กระทั่งเมื่อเติบโตเป็นหนุ่มล้วนสามารถเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายเรือ ทองหล่อ ขำหิรัญ จบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2468 และเริ่มเข้ารับราชการเป็นนายหมวดประจำกองร้อยที่ 3 กองพันพาหนะเมื่อปี พ.ศ. 2471 โดยมีความเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับ
ร่วมเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
ด้วยวัยเพียง 31 ปี นายเรือเอก ทองหล่อได้ตัดสินใจเข้าร่วมปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อย่ำรุ่งวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ท่านได้บันทึกการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ในคำไว้อาลัยแด่หลวงสังวรยุทธกิจผู้เป็นน้าชายท่านนี้ไว้ว่า
“คุณหลวงไปพบที่สนามฝึกทหารด้านหลังกรมทหารเรือ ปรารภถึงสถานการณ์ของบ้านเมืองชวนให้ร่วมมือทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยมีกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย พิจารณาคำชักชวนเห็นว่ามีเหตุผลข้าพเจ้าก็ปลงใจด้วย สรวงสวรรค์เป็นใจดลบันดาลให้การร้องขอรับพระราชทานรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 มีผลสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อย ไม่มีอุปสรรคให้เกิดความเสียหายอย่างใด” [3]
ทันทีที่ก่อการสำเร็จลุล่วงด้านการเมืองท่านได้รับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 สองวาระ คือ 28 กันยายน-8 ธันวาคม พ.ศ. 2476 และ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476-9 ธันวาคม พ.ศ. 2489 ด้านการทหารดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยที่ 2 กองพันนาวิกโยธิน กองชุมพลทหารเรือ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2475 สร้างผลงานต่อเนื่องจนก้าวถึงจุดสูงสุดในตำแหน่งรักษาราชการผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธิน (นับเป็นผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธินคนแรก)[4]และรักษาราชการนายทหารฝ่ายเสนาธิการสถานีทหารเรือสัตหีบ ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2482 (กองทัพเรือจัดตั้ง “กรมนาวิกโยธิน” ขึ้นวันนี้เป็นครั้งแรก)[5] ถึงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2485 ท่านได้วางรากฐานการพัฒนาและการศึกษาของนาวิกโยธินให้มีการจัดหน่วยคล้ายกองทัพบกจัดหายุทโธปกรณ์อันทันสมัย ขยายหน่วยเป็นกรมนาวิกโยธิน และเป็นผู้บัญชาการกองพลจันทบุรีร่วมรบโรมรันในสงครามอินโดจีนเมื่อปลายปี พ.ศ. 2483 ขณะครองยศเป็นนาวาตรี
ระยะเดียวกันนี้เองที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีหลวงพิบูลสงครามได้ประกาศนโยบายรัฐนิยมจึงได้เปลี่ยนชื่อจาก “ทองหล่อ” เป็น “ทหาร” นามสกุลเดิม “ขำหิรัญ” โดยรัฐบาลในสมัยนั้นให้เหตุผลว่า “ชื่อนั้นจะต้องตรงตามบุคลิกภาพ และเพศของบุคคลนั้น ชายจะต้องชื่อเป็นชายหญิงจะต้องชื่อเป็นหญิง เช่น ชายชื่อประหยัดศรี ต้องเปลี่ยนเป็นประหยัดศอ หรือกุหลาบเปลี่ยนเป็นกำลาภ เป็นต้น”
ระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพารับหน้าที่เป็นนายทหารติดต่อประสานงานและร่วมงานกับแม่ทัพใหญ่สมัยนายกรัฐมนตรีนายควง อภัยวงศ์ เมื่อเกิดภาวะคับขันในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2487 ระยะเดียวกันนี้ท่านยังได้รับตำแหน่งรักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ขณะเดียวกันยังควบหน้าที่รัฐมนตรีสั่งราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จนสิ้นสุดสงครามใหญ่นี้[6]รวมถึงการเข้าร่วมปฏิบัติการใต้ดินเสรีไทยที่นำมาสู่ความภาคภูมิใจจนนำมาใส่ไว้ในชีวประวัติว่า “ร่วมงานในขบวนการเสรีไทยกอบกู้เอกราชของชาติไทยระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2”[7]
ขบถ 2 ครั้ง “วังหลวง” และ “แมนฮัตตัน”
ชีวิตนายทหารร่างเล็กใจใหญ่ผู้นี้ถือว่ามีสีสันและยืนหยัดอยู่บนหลักการประชาธิปไตยเมื่อเกิดการล่วงรัฐธรรมนูญด้วยการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490[8] พลเรือตรี ทหารเป็นผู้คุ้มครองปกป้องนายปรีดี ณ ฐานทัพเรือสัตหีบ จนเมื่อนายปรีดี พนมยงค์ พยายามกลับมาช่วงชิงอำนาจคืนภายใต้ชื่อ “ขบวนการประชาธิปไตย” แต่ต้องพ่ายแพ้จนถูกตราชื่อว่า “กบฏวังหลวง”เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 ครั้งนั้นพลเรือตรีทหารได้มีส่วนร่วมยืนหยัดต่อสู้กับนายปรีดี[9]แต่ต้องประสบชะตากรรมร่วมกันเมื่อเกิดการประนีประนอมกันซึ่งเท่ากับการยอมรับความพ่ายแพ้จากฝ่ายทหารเรือโดยปริยายทั้ง ๆ ที่กำลังคุมความได้เปรียบ พลเรือตรีทหารได้จารึกถึงการปราชัยครั้งนั้นอย่างเจ็บช้ำไว้ว่า
“เหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2492 อุบัติขึ้นความเด็ดเดี่ยว จริงจังของคุณหลวง (สังวรยุทธกิจ-ผู้เขียน) ผลักดันให้แสดงตัวชัดถึงความจงรักภักดีต่อทหารเรืออย่างบริสุทธิ์ใจเป็นที่น่าเสียดายท่านกลับถูกมองดูไปเสียในทางตรงข้าม
ความไม่จริงจังลังเลของกำลังฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลพาไปสู่ความล้มเหลว ทหารเรือยอมรับคำประนีประนอมด้วยความเขลาพาให้เกิดความวิบัติทั้งทหารเรือและพวกเสรีไทยบางส่วน”[10]
ต่อมาอีก 2 ปี พลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการก่อการจลาจลเมื่อบ่ายวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2494 ในปฏิบัติการจับกุมตัวนายกรัฐมนตรีคือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นตัวประกันในเรือหลวงศรีอยุธยาเป็นระยะเวลากว่า 30 ชั่วโมง เหตุการณ์ครั้งนั้นถูกเรียกว่า “กบฏแมนฮัตตัน”[11] ซึ่งส่งผลให้นายพลเรือท่านนี้ต้องหลบหนีไปกบดานที่ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนกระทั่งถูกจับกุมตัวในปีถัดมาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2495[12] ลูกประดู่ขาลุยผู้นี้ถูกจองจำเป็นระยะเวลาครึ่งทศวรรษและได้รับนิรโทษกรรมเมื่อต้น พ.ศ. 2500 ด้วยวาระที่รัฐบาลจัดงานเฉลิมฉลอง 25 พุทธศตวรรษ
พบ “ปรีดี” ที่เมืองจีน กลับไทยเผชิญวิบากกรรมครั้งสอง
ภายหลังได้รับอิสรภาพไม่นาน จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถูกลูกน้องคนสนิทคือจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อรัฐประหารโค่นล้มเมื่อเย็นวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 เมื่อรัฐบาลจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 15 ธันวาคมปลายปีเดียวกันนั้น พลเรือตรีทหารตัดสินใจลงเลือกตั้งท้องที่จังหวัดธนบุรีในนามพรรคประชาธิปัตย์และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ทว่าในปีถัดมาขณะดำรงตำแหน่ง ส.ส. ก็ถูกจับกุมอีกครั้งในข้อหาคอมมิวนิสต์หลังเดินทางกลับจากเยี่ยมเยือนสหภาพโซเวียตและจีน ทริปนั้นพลเรือตรี ทหารได้มีโอกาสเยี่ยมเยียนนายปรีดีโดยว่า
“พลเรือตรีทหาร ขำหิรัญ ได้แวะเยี่ยมคารวะ ฯพณฯ ปรีดี พนมยงค์ ท่านต้อนรับด้วยความดีใจอย่างเห็นได้ชัดในฐานะเพื่อนร่วมกระบวนการต่อสู้ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นต้นมา ท่านยังระลึกถึงเมืองไทยด้วยจิตใจจดจ่อและห่วงใจ หลังจากนั้นได้เลยไปเยี่ยมเรือเอกวัชรชัย ชัยสิทธิเวช ซึ่งพักอยู่คนละเมือง”
ก่อนคณะของพลเรือตรีทหารจะกลับประเทศไทยไม่กี่วันจอมพลสฤษดิ์ได้ก่อการรัฐประหารตัวเองเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ดังนั้นทันทีพลเรือตรีทหารเดินทางกลับเข้าประเทศไทยก็ถูกสันติบาลควบคุมตัวดำเนินคดีด้วยข้อหาคอมมิวนิสต์ ระหว่างเผชิญความอยุติธรรมครั้งหลังนี้ สุวัฒน์ วรดิลก เขียนถึงขณะใช้ชีวิตร่วมกันในคุกลาดยาวครั้งนั้นว่า
“เมื่อเช้า พล.ร.ต.ทหาร ขำหิรัญ มาแวะหาฉันที่ห้อง ปรกติท่านมาเสมอสัปดาห์หรือ 2 สัปดาห์ครั้ง เพราะท่านชอบน้ำชาจีนที่ฉันชงให้ท่านกิน กินน้ำชาแล้ว ท่านก็ขัดสมาธิ 2 ชั้นห้อยแว่นสายตาไว้ที่ดั้งจมูก สนทนาเรื่องต่าง ๆ ให้ฉันฟัง ส่วนมากเป็นเรื่องการทำงานของท่านก่อนจะออกจากราชการงานที่ท่านดูประทับใจและภูมิใจมาก ก็คือ การสร้างฐานทัพเรือสัตหีบให้เจริญรุ่งเรืองมาได้ทุกวันนี้
นายพลทหารเป็นคนที่มีระเบียบเรียบร้อยสมกับที่ได้มารับการอบรมมาจากราชนาวี อย่างที่เคยเล่าให้แม่ฟังมาแล้ว เรือนขังที่ท่านอยู่นั้นท่านถือเสมือนเรือรบของท่าน วันเว้นวันท่านจะต้องจ้างพวกนักโทษยาเสพติดเข้ามาล้างถูทำความสะอาด ผู้ต้องขังที่อยู่เรือนขังเดียวกับท่านหลายคนต้องร่วมกันรักษาความสะอาดไปด้วยกับท่านเพราะกระดากใจ ไปไหนต่อไหนภายในคุกท่านจะสวมกางเกงขาสั้นสีกากี (น้ำตาล) เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาวเป็นประจำ ปากคาบบุหรี่ตะพานโพเอาไว้ บุหรี่ดับท่านก็ยังคาบอยู่ นึกได้จึงจุดเสียที…
นอกจากผลงานที่ท่านสร้างให้กองทัพเรือในอดีตและพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่ท่านสังกัดอยู่อีกผู้หนึ่งที่ท่านยกย่องอยู่เสมอทั้ง ๆ ที่ท่านเป็น สส. พรรคประชาธิปัตย์ ก็คือ อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ว่า ขมิ้นกับปูน กับ นายควงฯ และ หม่อมเสนีย์ฯ”[13]
“ลูกประดู่หัวใจประชาธิปไตย” ส.ส. ของประชาชน
ทองใบ ทองเปาด์ บันทึกไว้ว่าพลเรือตรีทหาร ขำหิรัญ พ้นจากการกักกันครั้งนั้นราวปี พ.ศ. 2505[14]ระหว่างนั้นรัฐบาลเผด็จการยังตั้งคณะร่างรัฐธรรมนูญอยู่ พลเรือตรีทหารได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาเทศบาลธนบุรีในปี 2511[15]ครั้นเมื่อรัฐธรรมนูญที่ได้รับการเขียนยาวนานสุดนับจากปี พ.ศ. 2501 ที่ทำให้พลเรือตรีทหารพ้นจากสถานะ ส.ส. ครั้งแรกดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อกลางปี พ.ศ. 2511 พลเรือตรีทหารได้รับการการเลือกตั้งเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งในปีถัดมาเมื่อ พ.ศ. 2512 และเมื่อหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ท่านก็ยังคงชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี พ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต
กล่าวโดยสรุปในแง่สถานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยคณะราษฎรพลเรือตรีทหาร ขำหิรัญ ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ประเภท 2 ระหว่าง พ.ศ. 2476-2489 และเมื่อพ้นยุคผู้นำคณะราษฎรแล้ว ยังสามารถชนะการเลือกตั้งทั่วไปอีก 3 วาระในนามพรรคประชาธิปัตย์ คือปี พ.ศ. 2500, พ.ศ. 2512 และ พ.ศ. 2518
ในการอาสาเป็นผู้แทนราษฎรครั้งสุดท้ายเมื่อการเลือกตั้งวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 พลเรือตรีทหารด้วยวัย 74 ปีได้แสดงมูลเหตุจูงใจต่อการสมัครลงเลือกตั้งทั่วไปไว้ว่า
“ด้วยสำนึกในภารกิจของคณะราษฎร์ที่ยังค้างอยู่รวมทั้งภาระหน้าที่ของคนไทยผู้รักชาติและมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะให้มีระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตย และเพื่อขจัดความเสื่อมทราม ความบกพร่องผิดพลาดทางการเมือง”
สาธุชน “ตัวตาย แต่ชื่อยัง”
พลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ มีรูปร่างที่คนไทยเรียกว่า “สันทัด” หน้าตาคมคาย พูดน้อย แต่ทรงภูมิปัญญา น่าเชื่อถือ มีความรู้ทางการทหาร การเมือง และพระพุทธศาสนา ไปวัด รักษาศีลห้า ฟังธรรมที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหารทุกวันธรรมสวนะ มีบ้านที่ท่านให้ชื่อว่า “ทับขุนพล” หมายถึงกระท่อมของขุนพลผู้กล้าหาญ[16]
เมื่อถึงปัจฉิมวัยพลเรือตรีทหารสมาทานตนเป็นชาวพุทธที่เคร่งครัด “...นอกจากวันธรรมสวนะ ท่านยังเจียดเวลาไปเรียนธรรมที่วัดมหาธาตุฯ อย่างสม่ำเสมอ ท่านชอบศึกษาธรรมของท่านพุทธทาส...” และท้ายสุดได้อุทิศร่างกายเป็น “อาจารย์ใหญ่” ให้กับโรงพยาบาลศิริราช พลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ นายพลทหารเรือชาว “คณะราษฎร” ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2524 จบชีวิตด้วยวัย 81 ปี อนุสรณ์งานศพถูกจัดพิมพ์ร่วมกับผู้บริจาคร่างท่านอื่น ๆ ตามธรรมเนียมของโรงพยาบาล ดังปรากฏข้อความท่อนหนึ่งว่า
“อาจารย์ใหญ่ท่านนี้คือพลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ ท่านเป็นผู้หนึ่งในคณะเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 และเป็นนักการเมืองที่มือสะอาด มีความซื่อสัตย์สุจริต...” [17]
อัฐิของนาวิกโยธินท่านแรกบุรุษร่างเล็กใจใหญ่ไม่ได้ถูกบรรจุอยู่เคียงข้างกับเหล่าสหายผู้ก่อการ 2475 ที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ แต่กลับเลือกที่จะประดิษฐานร่วมกับภริยา ณ วัดเครือวัลย์ ฝั่งธนบุรีอันเป็นวัดประจำของชาวลูกประดู่
ปริศนาชื่อ “ซอยทองหล่อ”
เล่ากันว่านามเดิมของผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธินคนแรกนี้
“...ได้กลายมาเป็นชื่อ ‘ซอยทองหล่อ’ ถนนสุขุมวิท หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบ เพราะย่านนี้ในสมัยสงครามเคยมีบาร์ญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเส้นทางสายตะวันออก เขตรับผิดชอบของทหารเรือ” [18]
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลอีกแห่งหนึ่งซึ่งกล่าวถึงที่มาของชื่อ “ซอยทองหล่อ” ไว้ภายในหนังสืออนุสรณ์งานศพคุณทองหล่อ ทองบุญรอด บันทึกไว้ว่า ชื่อซอยทองหล่อมาจากชื่อ “ทองหล่อ ทองบุญรอด” ซึ่งเกิดเมื่อ พ.ศ. 2439 เสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 2515 มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับทหาร ขำหิรัญ (ทองหล่อ ขำหิรัญ) ข้อมูลส่วนนี้ปรากฏในอนุสรณ์งานศพว่า ผู้วายชนม์มาจัดสรรที่ดิน ทำอสังหาริมทรัพย์ จนใช้ชื่อผู้จัดสรรเรียกถนนชื่อ “ซอยทองหล่อ” [19]
ป.ล. บุตรีพลเรือตรีทหารกับผู้ว่าฯ ชัชชาติ
พลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ สมรสครั้งแรกกับนางสาวแฉล้ม ดิษฐ์สำอาง ให้กำเนิดธิดา 3 คน ต่อมาได้แต่งงานใหม่มีบุตรชาย 2 คนและบุตรหญิงอีก 1 คน ทั้งนี้ หนึ่งในธิดาของนายทหารเรือคณะราษฎรผู้นี้คือพยาบาลผู้ทำคลอดนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบัน โดยในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ขณะผู้ว่าฯ ท่านนี้ลงพื้นที่ย่านบางกอกน้อย ได้เดินผ่าน ‘นันทอุทยานสโมสร’ กองทัพเรือ ระหว่างเดินเท้าในตรอกหลังวัดลครทำ ใกล้โรงพยาบาลธนบุรี มีผู้สูงวัย 2 รายเข้ามาพูดคุย รายหนึ่งอายุถึง 94 ปี โดยกล่าวว่า ตนคือลูกของ ‘พลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ’ นายชัชชาติอุทาน ‘โอ้โห!’ พร้อมกล่าวว่า เป็นบุคคลในตำนาน ได้ยินชื่อมานานแล้ว นอกจากนี้ ยังระบุว่า น้องสาวของตนเป็นผู้ ‘ทำคลอด’ นายชัชชาติมากับมือ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 [20]
อนึ่ง ทายาทพลเรือตรีทหารยังมอบหนังสือ ‘ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี: พลเรือตรี ทหาร (ทองหล่อ) ขำหิรัญ’ เขียนโดย เฉลิมวงษ์ มากนวล และเฉลิม มากนวล หน้าปกเป็นภาพของพลเรือตรีทหารในวัยหนุ่ม ซึ่งมีอนุสาวรีย์ทหารนาวิกโยธิน ที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ณ ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นภาพพื้นหลังคุณยายบอกว่า ‘อย่าเอาไปทิ้งนะ’ ผู้ว่าฯ รีบยืนยัน ไม่ทิ้งขว้างอย่างแน่นอน
หมายเหตุ
- คงอักขร การสะกด และรูปแบบการอ้างอิงตามต้นฉบับ
[1] ทหาร ขำหิรัญ, กุหลาบเพื่อนตาย 24 มิถุนายน 2475, อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ร.อ. กำลาภ กาญจนสกุล ร.น. ณ เมรุวัดธาตุทอง วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2515, (กรุงเทพการพิมพ์), น. 48-49.
[2] เฉลิมวงษ์ มากนวล และเฉลิม มากนวล, ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี พลเรือตรี ทหาร(ทองหล่อ) ขำหิรัญ, พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2559, (อมรินทร์พริ้นติ้ง), น. 2.
[3] ทหาร ขำหิรัญ, คำไว้อาลัยในอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือตรี หลวงสังวรยุทธกิจ (สังวร สุวรรณชีพ) ณ เมรุวัดธาตุทอง วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2516, (ชวนพิมพ์), น. (25).
[4] เฉลิมวงษ์ มากนวล และเฉลิม มากนวล, ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี พลเรือตรี ทหาร(ทองหล่อ) ขำหิรัญ, พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2559, (อมรินทร์พริ้นติ้ง), น. 116.
[5] เหมันต สีหศักกพงศ์ สุนทร, ประวัติหน่วยทหาร (ส่วนราชการในกองทัพเรือ), กองประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ทหาร กองบัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2564, (สามดีออล์), น. 242.
[6] ประกาสตั้งและแต่งตั้งรัถมนตรี, ราชกิจจานุเบกสา วันที่ 2 สิงหาคม 2487 เล่ม 61 ตอนที่ 46 หน้า 733-736 จุดเชื่อมต่อ https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2487/A/046/733.PDF และ ดู ลำดับความเป็นมาของคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 11 (2 สิงหาคม 2487-31 สิงหาคม 2488) จุดเชื่อมต่อ https://www.soc.go.th/?page_id=5812
[7] ดูเอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.2518 เลือกใครดี 9 เขตในกรุงเทพมหานคร วันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2518, จัดทำโดย “กลุ่มอาสาสมัคร ไอ.อาร์เอส”, (ส. พยุงพงศ์), (ไม่มีเลขหน้า).
[8] นริศ จรัสจรรยาวงศ์, หลากเรื่องเล่า เมื่อปรีดีหนีครั้งแรก ดู https://www.the101.world/pridi-banomyong-first-asylum/
[9] นริศ จรัสจรรยาวงศ์, ปรีดีหนี ครั้งหลัง พ.ศ. 2492 ดู https://www.the101.world/pridi-banomyong-last-asylum/
[10] ทหาร ขำหิรัญ, คำไว้อาลัยในอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือตรี หลวงสังวรยุทธกิจ (สังวร สุวรรณชีพ) ณ เมรุวัดธาตุทอง วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2516, (ชวนพิมพ์), น. (35).
[11] นริศ จรัสจรรยาวงศ์ บรรณาธิการ, ทหารเรือกบฏแมนฮัตตัน ฉบับปรับปรุง, พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2565, (มติชน).
[12] เฉลิมวงษ์ มากนวล และเฉลิม มากนวล, ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี พลเรือตรี ทหาร(ทองหล่อ) ขำหิรัญ, พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2559, (อมรินทร์พริ้นติ้ง), น. 74.
[13] ศิวะ รณชิต (สุวัฒน์ วรดิลก), จดหมายจากลาดยาว, พิมพ์ครั้งที่ 2 2537, (อารยะสาส์น), น. 213-215.
[14] ชีวิตและการทำงาน ทองใบ ทองเปาด์ ทนายประชาชน-ทนายแม็กไซไซ และงานเขียน คอมมิวนิสต์ลาดยาว, 2554, (เพชรประกาย), น. 262.
[15] นรนิติ เศรษฐบุตร, คนการเมือง เล่ม 4, พ.ศ. 2561, (ศูนย์การพิมพแก่นจันทร์), น. 71.
[16] เฉลิมวงษ์ มากนวล และเฉลิม มากนวล, ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี พลเรือตรี ทหาร(ทองหล่อ) ขำหิรัญ, พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2559, (อมรินทร์พริ้นติ้ง), น.120.
[17] เฉลิมวงษ์ มากนวล และเฉลิม มากนวล, ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี พลเรือตรี ทหาร(ทองหล่อ) ขำหิรัญ, พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2559, (อมรินทร์พริ้นติ้ง), น. 110.
[18] เฉลิมวงษ์ มากนวล และเฉลิม มากนวล, ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี พลเรือตรี ทหาร(ทองหล่อ) ขำหิรัญ, พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2559, (อมรินทร์พริ้นติ้ง), น. 32 และอีกท่านที่อ้างว่าเป็นที่มาชื่อซอยนี้ ดู พุทธเจดีย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง, พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นายทองหล่อ ทองบุญรอด วัดพุทธโคดม จ.ชลบุรี วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2529, (โรงพิมพมหามกุฏราชวิทยาลัย), น. ง.
[19] “ชื่อ “ซอยทองหล่อ” มาจากไหน? ฤๅจะเป็นชื่อทหารในคณะราษฎร หรือนักธุรกิจจัดสรรที่ดิน?” ดู https://www.silpa-mag.com/history/article_65512 และดู The People Story - ซอยทองหล่อ อนุสรณ์คณะราษฎร https://www.facebook.com/watch/?v=267985024506113
[20] “ชัชชาติ ไลฟ์ ‘พรานนก’ ไม่บอกล่วงหน้า ตะลึง! เจอพยาบาลทำคลอดเมื่อ 56 ปีก่อน” ดู https://www.matichon.co.th/heading-news/news_3448640 และ “‘ทหาร ขำหิรัญ’ 1 ในคณะราษฎร บุคคลในหนังสือที่ ‘ชัชชาติ’ รับจากครอบครัวพยาบาลทำคลอด 56 ปีก่อน” ดู https://www.matichon.co.th/local/news_3452540 และ “โลกกลม ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ปลื้มพบพยาบาลทำคลอด” ดู https://www.facebook.com/watch/?v=735628031014018