Focus
- เหตุการณ์ในช่วง 1 ปี หลังจากที่นายปรีดี พนมยงค์ เสนอเค้าโครงการเศรษฐกิจหรือสมุดปกเหลืองต่อรัฐบาล ณ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2475 (นับตามปฏิทินเก่า) และแต่กลับถูกเกมการเมืองของฝ่ายพระยามโนปกรณ์นิติธาดา กล่าวหาว่าเป็นนโยบายเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์จนต้องเดินทางออกจากสยามโดยการสนับสนุนของสมาชิกคณะราษฎรเพื่อลดความขัดแย้ง
- ในระหว่าง พ.ศ. 2475-2476 ได้มีราษฎรทั่วประเทศเขียนจดหมายส่งมายังรัฐบาลใหม่สมัยพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเนื้อหาเรียกร้องให้นายปรีดีกลับมารับราชการเช่นเดิม ในบทความตอนที่ 1 ประกอบด้วยจดหมายของราษฎรและคณะจำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ จดหมายของนายมังกร สามเสน จดหมายจากนายมูล องอาจ จดหมายจากนายฮั้บ ศรีอรุณ กับคณะ และจดหมายของนายประหลาด สุจริต กับพวก
“(คำชี้แจงเค้าโครงการเศรษฐกิจ) ตามหลักของข้าพเจ้านั้นเป็นลัทธิหลายอย่างที่ได้เลือกคัดเอาที่ดีมาปรับปรุงให้สมกับฐานะของประเทศสยาม แต่เหตุสำคัญอาศัยหลักโซเชียลลิสม์ไม่ใช่คอมมิวนิสม์”
นายปรีดี พนมยงค์,
รายงานการประชุมกรรมานุการพิจารณาเค้าโครงการเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1,
12 มีนาคม พุทธศักราช 2475 (นับตามปฏิทินเก่า)

คำชี้แจงเค้าโครงการณ์เศรษฐกิจฉบับที่นายปรีดี พนมยงค์ นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2475 จำนวน 200 ฉบับ

นายปรีดี พนมยงค์ ตอนออกเดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศสภายหลังการเสนอเค้าโครงการเศรษฐกิจ และกรณีรัฐประหารโดยการปิดสภาฯ ของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา
จดหมายของราษฎรเรียกร้องให้ปรีดี พนมยงค์ กลับสยาม พ.ศ. 2476
จดหมายของนายมังกร สามเสน


จดหมายของนายมังกร สามเสน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
กรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ที่ ๑๗/๑๗
เรื่อง
หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
สำเนา ที่ ห.๖๕๖ รับวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๖
ถนนนครไชยศรี เลขที่ ๑๕ พระนคร
วันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๖
กราบเรียน เจ้าคุณนายกรัฐมนตรี ทราบ
ด้วยหลวงประดิษฐมนูธรรม ซึ่งรัฐบาลได้ส่งให้อยู่ที่ปารีสเนื่องจากเรื่องเค้าโครงการณ์เศรษฐกิจซึ่งรัฐบาลขอให้เขาร่างขึ้นและคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเค้าโครงการณ์นั้นน้อมไปในทางคอมมูนิตส์ จึงหยิบยกขึ้นเปนเหตุส่งหลวงประดิษฐ ฯ ไปเสียต่างประเทศ โดยรัฐบาลต้องออกเงินค่าใช้จ่ายหรือเบี้ยเลี้ยงเดือนละ ๑๑๐๐ บาทนั้น.
เรื่องนี้คุณหยิบยกขึ้นถกกันทุกวัน จนปรากฏขึ้นในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับแล้ว เห็นว่าอาจจะเป็นเรื่องก่อความไม่สงบอีกก็ได้.

เพื่อรักษาผลแห่งความสามัคคีของประชาชนให้กลมเกลียวกันและเพื่อความสงบ ข้าพเจ้าเสนอความเห็นดังนี้ หลวงประดิษฐ ฯ นั้น ในวันหนึ่งวันใดรัฐบาลจำต้องเรียกมาเครื่องซักฟอกหรือไต่สวนว่า เปนคอมมูนิตส์หรือมิใช่ และท่านก็ทราบอยู่ว่าเรื่องมันเกิดจากเค้าโครงการณ์เศรษฐกิจและเกิดความเห็นแตกต่างกันในคณะกรรมาธิการและคณะรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗ ให้มีเอกสิทธิเด็ดขาด ผู้ใดจะนำไปเปนเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวมิได้ นอกจากนี้ก็ไม่ปรากฏว่าหลวงประดิษฐฯ ได้เผยแพร่ลัทธิคอมมูนิตส์แก่ใครที่ไหน ด้วยเหตุนี้ท่านตั้งใจว่าจะให้ผู้แทนราษฎรเปนผู้ซักฟอกให้ขาวเสียก่อนนั้น จะฟอกอย่างไร ๆ ก็คงไม่หนีไปจากตรวจพิจารณาเค้าโครงการณ์นั้นเอง และพวกผู้แทนหัวเมืองพอเห็นบทตั้งธนาคารแห่งชาติใช้หมุนเงินกันด้วยเช๊ก ให้เงินเดือนราษฎรตั้งแต่ผลุดจากครรภ์มารดาจนเฒ่าจนแก่ตาย และยังจะรับซื้อที่ดินจากราษฎรอีกด้วยดังนี้ พวกผู้แทนเหล่านั้นจะออกความเห็นทันทีทีเดียวว่า วิธีการของหลวงประดิษฐฯ วิเศษดี ไม่ใช่คอมมูนิตส์ เพราะมีร่างพระราชบัญญัติซึ่งต้องมีพระบรมนามาภิธัยและทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ด้วยจะเปนคอมมูนิสต์อย่างไร ท่านตั้งใจฟอกให้ขาว ขาวแล้วมันจะกลับกลายเปนแดงไปทั้งบ้านทั้งเมืองอย่างแน่ ๆ.
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าแสดงความเห็นว่าการเรียกหลวงประดิษฐฯ กลับนั้นควรจะแนะนำให้เปนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เรียกกลับ เพื่อให้หลวงประดิษฐฯ พระราษฎรทั้งประเทศเห็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อหลวงประดิษฐฯ กลับมาแล้ว ให้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับสนองพระบรมราโชวาท ดังนี้จะงามมาก ประชาชนจะซ้องสาธุการ จะบังเกิดความสามัคคีทั่ว ๆ ไป หลวงประดิษฐฯ จะรู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเปนล้นเกล้าฯ เปนแน่ ถ้าท่านเห็นชอบด้วย ขอให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว /.
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
(ลงนาม) นายมังกร สามเสน
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จดหมายของนายมูล องอาจ

จดหมายของนายมูล องอาจ
เขียนที่บ้านเมืองเก่า
วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๖
เกล้ากระผมนายมูลองอาจอายุ ๔๓ ปี ตั้งบ้านเรือนอยู่บ้านเมืองเก่า ตำบลเมืองเก่า อำเภอพระลับ จังหวัดขอนแก่น เปนไทยโดยกำเนิด มีอาชีพในทางทำสวน ขอประทานกราบเรียนสักการะท่านเจ้าคุณพระยาพหลฯ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรี
ด้วยเกล้ากระผมได้ยินเสียงของมะหาชนคนหมู่มากเขาพูดกันในที่สมาคมต่างๆ ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระมะหากรุณาโปรดเกล้าพระราชทานเงินเดือนให้แก่พระเดชพระคุณ ๑๗๐๐ บาท แต่พระเดชพระคุณคงรับพระราชทานเพียง ๘๐๐ บาท รวมทั้งเงินเดือนเดิมที่มีอยู่แล้วโดยมองเห็นงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดินทางอื่นและพฤติการอันดีงามอื่นของพระเดชพระคุณอีกเปนอะเนกประการเกล้ากระผมเปนราษฎรและทั้งอยู่หัวเมืองซึ่งเปนป่าดอน ห่างจากสมาคมชั้นสูงและขนบธรรมเนียมที่ดี จริยะวัตอันดีงามทั้งหลายซึ่งพระเดชพระคุณได้กระทำนี้ เกล้ากระผมขอสักการะบูชาโดยเลื่อมใสอันบริสุทธิใจอย่างยิ่ง ที่พระเดชพระคุณไม่เอาเงินเดือนก็ดี พฤติการทั้งหลายที่พระเดชพระคุณได้ประกอบขึ้นก็ดีความจริงเห็นได้ว่าไม่เห็นประโยชน์แก่ตนถ่ายเดียวมองเห็นประโยชน์ทางอื่นหรือคนอื่นเขาบ้าง เสียงว่าจำนวนของคนไทยมีถึง ๑๒ หรือ ๑๓ ล้านคน แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่ใช่อื่นก็คือคนนั้นเอง ผู้มีเงินเดือนน้อยก็มากผู้ไม่มีเงินเดือนเสียเลยก็ยิ่งมาก คำว่าคนตามศัพท์นิติสมมุตินี้ ยอมรู้กันอยู่แล้วว่าแม้จะเลวสักปานใดก็ตามก็ย่อมรู้ดี รู้ชั่ว รู้สุข รู้ทุกข์อยู่นั้นเอง ต่างตั้งแต่ว่าคุณสมบัติอย่างอื่น ความเลื่อมใสอันบริสุทธิใจของเกล้ากระผมนี้ เมื่อเกล้าครับผมจะมาทำทักขิณะวัตด้วยตนเองก็มีเหตุขัดข้องหลายประการ จึงขออภัยโทษต่อพระเดชพระคุณส่งมากราบเรียนทางหนังสือ ความผิดไม่พ้นเกล้าฯ อีกประการหนึ่งเกล้ากับผมขอกราบเรียนปฏิบัติต่อพระเดชพระคุณว่า คือขอให้รัฐบาลเรียกเอาท่านคุณหลวงประดิษฐ์มนูธรรมกลับคืนมาในประเทศสยามเพื่อช่วยบำรุงการงานของบ้านเมืองให้เจริญทันสมัยต่อไป เมื่อตำหนิโทษคนผู้มีความสามารถและกล้าหาญในทางที่ชอบแล้วราวกับผมเห็นว่าเปนการยากแห่งความเจริญโดยแท้ ที่สุดนี้ขอคุณความดีทั้งหลายที่พระเดชพระคุณได้กระทำไว้แก่ชาตและบ้านเมือง และคุณพระศรีรัตนะไตรย แก้วทั้ง ๓ ประการจงอำนวยผลและบันดาลให้พระเดชพระคุณได้บรรลุแด่สีงที่พึ๋งปรารถนาชั่วกาลนานเทอญ ./.
โดยความสักการะท่านบริสุทธิ์ใจของ
นายมูล องอาจ
จดหมายของนายฮั้บ ศรีอรุณ กับคณะ

จดหมายของนายฮั้บ ศรีอรุณ กับคณะ
วันที่ ๒๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๗๖
ขอประทานกราบเรียน ท่าน นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี
ข้าพเจ้าทั้งหลายมีนามข้างท้ายนี้มารู้สึกว่าการที่ใต้เท้าได้เข้าทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ศกนี้ ก็ด้วยเจตนาที่จะให้ชาติบ้านเมืองไทยได้มีระบอบการปกครองที่ชอบด้วยเหตุผล และเพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญสืบไป ไม่ใช่เศษกระดาษ นอกจากนั้นแล้วใต้เท้ายังมุ่งที่จะผดุงความยุติธรรม สิทธิ เสรีภาพ ของประชาชนชาวสยามให้ยืนยงคงอยู่สมกับที่ได้ชื่อว่าเมืองไทย ไม่ใช่เมืองทาส พวกข้าพเจ้าทั้งหลายขออนุโมทนาการกระทำของใต้เท้าด้วยความรู้สึกอันเต็มตื้นไปด้วยความกตัญญูกตเวที
บัดนี้ยังมีอีกคู่หนึ่ง ซึ่งมีพระคุณแก่ชาติบ้านเมืองอย่างมหันต์ โดยได้เป็นผู้นำแสงสว่างแห่งรัฐธรรมนูญ และระบอบการปกครองประชาธิปไตยมาสู่ประเทศสยาม และซึ่งเวลานี้ต้องถูกขับไล่ไสส่งไปอยู่ต่างประเทศโดยอำนาจอธรรมบุคคลผู้นี้คือ หลวงประดิษฐมนูธรรม
เป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วไปว่า รัฐบาลอันมีพระยามโนฯ เป็นนายก ได้กล่าวหาหลวงประดิษฐมนูธรรม เป็นคอมมิวนิสต์จึ่งได้คิดกำจัดเสียโดยทางเนรเทศไปอยู่ต่างประเทศ ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นว่า ทั้งนี้เป็นการกล่าวข้างเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้เพื่อความชอบธรรมเลย ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่มีความเชื่อเลยว่าหลวงประดิษฐมนูธรรมเป็นคอมมิวนิสต์ เพราะการกระทำทั้งหลายของหลวงประดิษฐมนูธรรม เท่าที่ได้ประจักษ์แจ้งแก่ประชาชนแล้ว ล้วนแต่เป็นการเสียสละอย่างยิ่งยวด และจงรักภักดีต่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น
ฉะนั้นในนามของประชาชนชาวสยาม ข้าพเจ้าทั้งหลายขอร้องต่อใต้เท้าได้โปรดให้ความยุติธรรมแก่หลวงประดิษฐมนูธรรม โดยเรียกตัวเข้ามาทำประโยชน์ให้แก่ชาติประเทศสืบไปทันที ไม่บังควรจะรีรอต่อไปอีก หากจะมีการพิจารณากันเป็นสถานใด ข้าพเจ้าทั้งหลายก็ยินดีที่จะฟังต่อไป เพราะจะได้ทราบกันเสียทีว่าใครเป็นผู้ผิดผู้ถูก แต่ที่จะทรมานหลวงประดิษฐมนูธรรมให้อยู่ต่างประเทศต่อไปนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นเป็นการไม่ยุติธรรมอย่างเอก และเป็นการเสียหายแก่พวกข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเหตุที่ต้องเสียภาษีให้หลวงประดิษฐมนูธรรมไปอยู่ต่างประเทศเปล่า ๆ เขามักกล่าวกันว่า ความยุติธรรมในโลกนี้หาไม่ได้ พวกข้าพเจ้าทั้งหลายหวังว่าใต้เท้าจะเป็นผู้แสดงให้โลกเห็นในครั้งนี้ว่า คำกล่าวนั้นยังไม่จริงนัก ความจริงความยุติธรรมในเมืองไทยยังคงมีอยู่ครบบริบูรณ์.
ควรมิควรแล้วแต่จะกรุณา
[ท้ายจดหมายปรากฏลายเซ็นของนายฮั้บ ศรีอรุณ กับคณะ-กองบรรณาธิการ]
จดหมายของนายประหลาด สุจริต กับพวก

จดหมายของนายประหลาด สุจริต กับพวก เรื่องขอให้เรียกหลวงประดิษฐ์มนูธรรม กลับมารับราชการตามเดิม
วันที่ ๓๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๗๖
ขอประทานกราบเรียน ท่านนายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี
ข้าพเจ้าทั้งหลายผู้มีนามข้างท้ายนี้มารู้สึกว่า การที่ใต้เท้าได้เข้าทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ศกนี้ ก็ด้วยเจตนาที่จะให้ชาติบ้านเมืองไทยได้มีระบอบการปกครองที่ชอบด้วยเหตุผล และเพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญสืบไป ไม่ใช่เศษกระดาษ นอกจากนั้นใต้เท้ายังมุ่งที่จะผะดุงความยุติธรรม สิทธิ เสรีภาพ ของประชาชนชาวสยามให้ยืนยงคงอยู่สมกับที่ได้ชื่อเมืองไทย ไม่ใช่เมืองทาส พวกข้าพเจ้าทั้งหลายขออนุโมทนาการกระทำของใต้เท้าด้วยความรู้สึกอันเต็มตื้นไปด้วยความกตัญญูกตเวที
บัดนี้ยังมีอีกผู้หนึ่ง ซึ่งมีพระคุณแก่ชาติบ้านเมืองอย่างมหันต์ โดยใต้เป็นผู้นำแสงสว่างแห่งรัฐธรรมนูญ และระบอบการปกครองประชาธิปไตยมาสู่ประเทศสยาม และซึ่งเวลานี้ต้องถูกขับไล่ไสส่งไปอยู่ต่างประเทศโดยอำนาจอธรรม บุคคลนี้คือ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
เป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วไปว่า รัฐบาลอันมีพระยามโน ฯ เป็นนายก ได้กล่าวหาหลวงประดิษฐ์มนูธรรม เป็นคอมมิวนิสต์ จึ่งได้คิดกำจัดโดยทางเนรเทศไปอยู่ต่างประเทศ ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นว่า ทั้งนี้เป็นการกล่าวหาข้างเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้เพื่อความชอบธรรมเลย ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่มีความเชื่อเลยว่าหลวงประดิษฐ์มนูธรรมเป็นคอมมิวนิสต์ เพราะการกระทำทั้งหลายของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม เท่าที่ได้ประจักษ์แจ้งแก่ประชาชน ล้วนแต่เป็นการเสียสละอย่างยิ่งยวด และจงรักภักดีต่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น
ฉะนั้นในนามของประชาชนชาวสยาม ข้าพเจ้าทั้งหลายขอร้องต่อใต้เท้าได้โปรดให้ความยุติธรรมแก่หลวงประดิษฐ์มนูธรรมโดยเรียกตัวเข้ามาทำประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไปทันที ไม่บังควรจะรีรอต่อไปอีก หากจะมีการพิจารณากันในสถานใด ข้าพเจ้าทั้งหลายก็ยินดีที่จะฟังต่อไป เพราะจะได้ทราบกันเสียทีว่าใครเป็นผู้ผิดผู้ถูก แต่ที่จะทรมานหลวงประดิษฐ์มนูธรรมให้อยู่ต่างประเทศต่อไปนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นเป็นการไม่ยุติธรรมอย่างเอก และเป็นการเสียหายแก่พวกข้าพเจ้าทั้งหลายโดยเหตุที่ต้องเสียภาษีให้หลวงประดิษฐ์มนูธรรมไปอยู่ต่างประเทศเปล่า ๆ เขามักกล่าวกันว่า ความยุติธรรมในโลกนี้หาไม่ได้ พวกข้าพเจ้าทั้งหลายหวังว่าใต้เท้าจะเป็นผู้แสดงให้โลกเห็นในครั้งนี้ว่า คำกล่าวนั้นยังไม่จริงนัก ความจริงความยุติธรรมในเมืองไทยคงมีอยู่ครบบริบูรณ์.
ควรมิควรแล้วแต่จะกรุณา
[ท้ายจดหมายปรากฏลายเซ็นของนายประหลาด สุจริต กับพวก-กองบรรณาธิการ]
โปรดติดตามต่อได้ที่: 1 ปี หลังกรณีสมุดปกเหลือง : ข้อมูลใหม่ 'จดหมายของราษฎรเรียกร้องให้ปรีดี พนมยงค์ กลับสยาม' ตอนที่ 2
หมายเหตุ:
- อักขรและวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
- ภาพประกอบจากหลักฐานชั้นต้นเรื่อง หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
หลักฐานชั้นต้น :
- สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. (2)สร0201.73/1. เรื่อง หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (5 ส.ค. 2476-13 ก.ค. 2496)