
กฤต ไกรจิตติ :
อาจารย์สรรเสริญ ไกรจิตติ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นบุตรของพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ (สุดใจ ไกรจิตติ) และคุณหญิงเชย กุญชร บุตรีพระยาอาทรธุระศิลป์ (ม.ล. ช่วง กุญชร ณ อยุธยา) อดีตอธิบดีกรมศิลปากรซึ่งเป็นบุตรเจ้าพระยาเทเวศวงศ์วิวัฒน์(ม.ร.ว. หลาน กุญชร) กับคุณหญิงชม หุตะสิงห์บุตรีนายฮวดและนางแพ้ว หุตะสิงห์ และเป็นพี่สาวของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) ซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณตา

พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ (สุดใจ ไกรจิตติ) และคุณหญิงเชย กุญชร

พระยาอาทรธุระศิลป์ (ม.ล. ช่วง กุญชร ณ อยุธยา) และภริยา

ครอบครัวหุตะสิงห์
วันนี้คุณพ่อจึงจะพูดถึงพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษและผู้พิพากษาตุลาการผู้ใหญ่ซึ่งมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองและศาลยุติธรรมซึ่งเป็นอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เหมือนคุณปู่พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์และคุณพ่อซึ่งเป็นอธิบดีศาลอุทธรณ์ด้วย

พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อนหุตะสิงห์)
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
พระยามโนปกรณ์ฯเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่ท่านปรีดี พนมยงค์ จะมาเชิญไปเป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงทีรับราชการกระทรวงยุติธรรมพระยามโนปกรณ์เคยทำงานร่วมกับพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) และผู้พิพากษาตุลาการผู้ใหญ่หลายท่านที่เห็นในภาพที่ถ่ายร่วมกันที่ศาลสถิตย์ยุติธรรมเมื่อ พ.ศ.2474

ภาพถ่าย ผู้พิพากษาตุลาการผู้ใหญ่ ณ ศาลสถิตย์ยุติธรรม พ.ศ.2474
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ท่านที่นั่งกลางคือเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมเพื่อนรักของบิดาผมท่านที่นั่งทางซ้ายคือพระยาเทพวิทุรฯอธิบดีศาลฎีกา ทางขวาคือพระยามโนปกรณ์นิติธาอธิบดีศาลอุทธรณ์แล้วก็พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ บิดาผม
กฤต ไกรจิตติ :
ท่านที่นั่งทางซ้ายของพระยาเทพวิทุรฯ
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
พระยามโหสถศรีพิพัฒน์ (เชิญ ปริชญานนท์) ท่านเป็นปลัดทูลฉลอง ตอนนั้น
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ท่านนี้พระยาอัชราชทรงสิริ (แม้น อรุณลักษณ์)
กฤต ไกรจิตติ :
ท่านที่นั่งแถวหลังผมไม่ทราบว่าเป็นใครบ้างน่าจะมีพระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์ (วงศ์ ลัดพลี)
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ที่สำคัญก็คือ ขณะนั้นเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ เป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมพระยามโนปกรณ์ฯ เป็นอธิบดีศาลอุทธรณ์และท่านนี้คือพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์บิดาผม

เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา)
กฤต ไกรจิตติ :
หลังจากท่านปรีดีมาเชิญพระยามโนปกรณ์ฯ ไปเป็นนายกรัฐมนตรีคุณปู่พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ซึ่งเป็นอธิบดีศาลคดีต่างประเทศก็มาเป็นอธิบดีศาลอุทธรณ์แทน
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
หลังจากนั้นก็ไปเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม
กฤต ไกรจิตติ :
เรื่องนี้จึงเป็นประวัติศาสต์การสืบทอดงานของบรรพตุลาการซึ่งดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ตั้งแต่พระยามโนปกรณ์ฯ มาพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์และคุณพ่อซึ่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งทุกท่านเป็นบรรพตุลาการที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของศาลยุติธรรม
คำถาม :
ขอให้กล่าวถึงท่านอาจารย์ปรีดีในช่วงที่เป็นนักเรียนเตรียมปริญญาธรรมศาสตร์และการเมือง (ต.ม.ธ.ก.)
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ผมเป็นนักเรียนต.ม.ธ.ก. รุ่น4 ช่วงนั้นผมยังเป็นเด็กนักเรียนได้เห็นท่านอาจารย์ปรีดีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หลายครั้งเช่นเดียวกับเพื่อนนักเรียนตมธกรุ่น4ท่านอาจารย์ปรีดีเป็นผู้ใหญ่มากส่วนเราเป็นเด็กนักเรียน ผมมีเพื่อนนักเรียนตมธกรุ่น4หลายคนเช่นคุณสุขุม นวพันธ์ อรุณ ภานุพงษซึ่งได้ร่วมเรียนกันมาในช่วงที่ท่านอาจารย์ปรีดีเป็นผู้ประศาสตรการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมีประสบการณ์ในเรื่องนี้แต่ส่วนใหญ่ได้จากไปแล้วนอกจากคุณสุภาพ สุคนธทรัพย์ซึ่งอายุ100ปี และยังแข็งแรงอยู่
กฤต ไกรจิตติ :
สถาบัน ปรีดีพนมยงค์ได้มาสัมภาษณ์คุณพ่อเรื่องนักเรียนต.ม.ธ.ก. กับท่านอาจารย์ปรีดีเมื่อปีที่แล้วซึ่งคุณพ่อได้เล่าประสบการณ์ของท่านในช่วงที่เป็นนักเรียนและเรื่องการร่วมแสดงภาพยนต์เรื่องพระเจ้าช้างเผือกซึ่งสามารถเปิดดูในรายการ Pridi Interview ของทางสถาบัน
คำถาม
ขอให้เล่าเรื่องท่านอาจารย์ปรีดีกับศาลยุติธรรม
กฤต ไกรจิตติ:
หลังจากเรียนจบวิชากฎหมายจากปารีสท่านปรีดีกลับมารับราชการกระทรวงยุติธรรมเป็นอาจารย์สอนกฎหมายเและได้ทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านผู้พิพากษาผู้ใหญ่ที่เห็นในรูปตั้งแต่เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ พระยามโนปกรณ์พระยาเทพวิทุรฯ อธิบดีศาลฎีกา จนกระทั่งเป็นเลขาธิการเนติบัณฑิตสภาและได้ร่วมงานกับท่านผู้ใหญ่ของศาลยุติธรรมที่กล่าวถึงจนหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง

ภาพจากงานวันรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2482
ซึ่งมีเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมและท่านผู้พิพากษาผู้ใหญ่รอรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ท่านนี้คือพระยามโหสถศรีพิพัฒน์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมและหลวงธรรมนูญวุฒิกร(ประวัติ ปัตตพงษ์) พี่เขยผมเป็นสามีคุณหญิงแฉล้มปัตตพงษ์ลูกสาวพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ ถัดมาเป็นท่านปรีดีแล้วก็พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์บิดาผม ท่านนี้คือพระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์
กฤต ไกรจิตติ :
ภาพนี้เป็นภาพอาจารย์ปรีดี ซึ่งได้ร่วมงานกับเจ้าพระยาศรีธรรมธิเบศ พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์และบรรดาผู้พิพากษาผู้ใหญ่หลังเปลียนแปลงการปกครอง
คำถาม :
ในช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองทางบ้านและครอบครัวได้พูดถึงอาจารย์ปรีดีอย่างไรบ้าง
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่ทราบ เรื่องแต่หลังจากเปลียนแปลงการปกครองมาแล้วนาน ผมเคยไปเยี่ยมท่านอาจารย์ปรีดีที่ปารีส 2 ครั้ง ครั้งแรกไปที่บ้านที่อองโตนีและได้พบท่านผู้หญิงพูนศุขด้วย ครั้งที่ 2 ท่านพาไปทานอาหารนอกบ้านมีลูกชายท่านชื่อปาล พนมยงค์ ไปด้วยไปทานอาหารกันที่ร้านอาหาร จำไม่ได้แล้วว่าร้านอะไร
กฤต ไกรจิตติ :
ท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ช่วงที่รับราชการที่กระทรวงยุติธรรม เป็นอาจารย์สอนกฎหมายได้ทำงานร่วมกับบรรดาท่านผู้พิพากษาผู้ใหญ่ ทัั้งพระยามโนปกรณ์ฯพระยากฤตราชและหลวงธรรมนูญวุฒิกรหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ยังคงร่วมงานกับท่านผู้ใหญ่ของศาลดังกล่าว

ภาพพิธีมอบครุยเนติบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้แก่คณะรัฐมนตรีในช่วงที่พระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรี
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ท่านนี้คือจอมพล ป. พิบูลสงคราม และพระยาพหลพลพยุหเสนา ท่านนี้คือพระยามโหสถศรีพิพัฒน์ หลวงธรรมนูญวุฒิกร หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ และพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ บิดาผมยืนข้างหลังแถวที่ 2 ท่านนี้พระยามานวราชเสวี พระยานิติศาสตร์ไพศาลย์ พระมนูเวทย์วิมลนาท และท่านปรีดี
กฤต ไกรจิตติ :
ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าท่านปรีดีได้ทำงานกับบรรพตุลาการผู้ใหญ่ มาตั้งแต่ท่านกลับจากปารีสจนกระทั่งหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองวันก่อนได้ค้นพบข้อมูลในหนังสือบทบัณฑิตย์ว่าท่านปรีดีเป็นกรรมการออกข้อสอบกฎหมายของเนติบัณฑิตสภาอยู่กองเดียวกับพระยามโนปกรณ์ฯ ตั้งแต่ยังเป็นนายปรีดีพนมยงค์ซึ่งเป็นหลักฐานว่าท่านอาจารย์ปรีดีได้ทำงานไกล้ชิดกับพระยามโนฯมาเป็นเวลานาน
คำถาม :
ผมสนใจว่าพระยามโนปกรณ์ฯ มีบทบาทสำคัญในศาลยุติธรรมอย่างไรบ้างก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
เรื่องนี้ผมไม่ทราบเพราะเหตุที่ว่าผมอายุยังน้อยทราบแต่ว่าพระยามโนปกรณ์ฯ ท่านรับราชการเป็นผู้พิพากษาจนเป็นอธิบดีศาลอุทธรณ์ แล้วท่านก็ออกไปเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ปีเศษ และด้วยเหตุผลทางการเมืองท่านก็อพยพ ลงไปอยู่ปีนังจนกระทั่งเสียชีวิตที่ปีนัง
คำถาม :
ที่บ้านเคยพูดถึงเหตุการณ์ที่พระยามโนปกรณ์ฯ เข้าไปเป็นนายกไหมครับว่าไม่น่าไปเลยไปก็ทำอะไรไม่ได้หรืออะไรอย่างนี้
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ไม่เคยพูด พระยามโนปกรณ์ฯ พูดกันน้อยมาก รู้แต่ว่าพระยามโนปกรณ์ฯ เป็นน้องของพระยาสรรพกิจเกษตรการ (เกียรติ หุตะสิงห์) พระยาสรรพกิจเกษตรการซึ่งเป็นบิดาของ ดร.ประกอบ หุตะสิงห์
กฤต ไกรจิตติ :
ผมขอให้พ่อพูดถึงดรประกอบ หุตะสิงห์ เพราะถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของศาลยุติธรรมเช่นกัน
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ดร.ประกอบเป็นบุตรของพระยาสรรพกิจเกษตรการ แล้วได้ไปเรียนที่เยอรมัน สำเร็จวิชากฎหมายจากเยอรมัน กลับมารับราชการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้พิพากษาและตำแหน่งสุดท้ายเป็นประธานศาลฎีกา ผมเคยทำงานกับท่านช่วงที่เป็นประธานศาลฎีกา เป็นเลขานุการศาลฎีกา ซึ่งตอนนั้นมีผู้พิพากษาอยู่ 7 คณะ คณะละ 3 คน ตอนนั้นมี 21 คน แต่เดี๋ยวนี้มีตั้งร้อยกว่าคน
กฤต ไกรจิตติ :
พ่อได้ทำงานกับคุณหลวงธรรมนูญวุฒิกรด้วยใช่ไหมตอนที่ท่านเป็นประธานศาลฎีกา
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
หลวงธรรมนูญวุฒิกร เป็นพี่เขยของผมช่วงที่ท่านเป็นประธานศาลฎีกา ผมเป็นเลขานุการศาลฎีกา ตอนนั้นมีผู้พิพากษาอยู่ 7 คณะ คณะละ 3 คน ทั้งหมด 21 คน รวมประธานศาลเป็น 22 คน ตอนนั้นห้องประชุมไม่มีเครื่องขยายเสียงท่านบอกว่าเสียงรถราข้างนอกมันดังเหลือเกินไม่ได้ยิน ผมเลยทำการติดแอร์ในห้องประชุมสองอาทิตย์ก็ติดแอร์เสร็จและก็ประชุมกันต่อไปได้ด้วยความสงบเรียบร้อย

กฤต ไกรจิตติ :
หลวงธรรมนูญวุฒิกร ประวัติ ปัตตพงศ์ เป็นสามีของคุณหญิงแฉล้ม ปัตตพงศ์ บุตรีของพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ ซึ่งผมเรียกคุณป้าแฉล้มและคุณลุงหลวงธรรมนูญ ซึ่งผมขอกล่าวเสริมว่าภาพท่านอาจารย์ปรีดีที่ถ่ายร่วมกับพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์และหลวงธรรมนูญวุฒิกรแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ไกล้ชิดเพราะได้ร่วมงานกันตั้งแต่ท่านอาจารย์ปรีดีเข้ารับราชการกระทรวงยุติธรรม และเป็นอาจารย์สอนกฎหมายด้วยกันและแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์และเชื่อมโยงระหว่างท่านอาจารยปรีดีกับบรรพบุรุษและญาติผู้ใหญ่ของคุณพ่อตั้งแต่พระยามโนปกรณ์ฯ
พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ ดร.ประกอบ หุตะสิงห์ หลวงธรรมนูญวุฒิกร
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
พระยามโนฯท่านไปเรียนกฎหมายที่อังกฤษและอยู่ Inns of Court แห่งหนึ่ง และสำเร็จเป็น Barister at Law ของอังกฤษ เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางด้านกฎหมายและกลับมารับราชการการกระทรวงยุติธรรมจนเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วไปเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย
คำถาม :
ในฐานะที่อาจารย์ปรีดีเคยทำงานกับพระยามโนปกรณ์ฯ ท่านทราบไหมว่า อาจารย์ปรีดีจะทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ท่านเห็นอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
เรื่องนี้ผมตอบไม่ได้
กฤต ไกรจิตติ :
ผมคิดว่าการที่ท่านปรีดีวางแผนจะเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ต้องทำเป็นความลับสำหรับเรืองที่ท่านอาจารย์ปรีดีเคยทำงานกับพระยามโนผมดีใจที่ได้พบหลักฐานที่แสดงว่าอาจารย์ปรีดีได้ร่วมงานกับพระยามโนปกรณ์ฯตั้งแต่กลับมาจากปารีสมาราชการกระทรวงยุติธรรมจากหนังสือบทบัณฑิตย์ ปี 2471 ซึ่งท่านได้รับเลื่อนบรรดาศักดิ์จากนายปรีดีเป็นหลวงประดิษฐ์มนูธรรมและ ในปีพศ 2470 ท่านเป็นกรรมการสอบกฎหมายซึ่งมีเจ้าพระยาพิชัยญาติ (ดั่น บุนนาค) เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้บังคับการสูงสุด มีพระยาจินดาภิรมย์ราชสภาบดีเป็นแม่กองและมีนายปรีดี พนมยงค์ เป็นกรรมการออกข้อสอบกฎหมายคณะเดียวกับพระยามโนปกรณ์ฯ


หลักฐานจากบทบัณฑิตย์ แสดงว่านายปรีดี พนมยงค์ เป็นกรรมการออกข้อสอบกฎหมายคณะเดียวกับพระยามโนปกรณ์ฯ
ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ท่านปรีดีได้มาเชิญพระยามโนปกรณ์ฯ ไปเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา และทำงานกับท่านมาตลอด จนกระทั่งเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ยังทำงานกับบรรดาผู้พิพากษาผู้ใหญ่ที่กล่าวถึงข้างต้นต่อไป
คำถาม :
หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองทราบว่าพระยามโนปกรณ์ฯ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจารย์ปรีดีก็เป็นหนึ่งในนั้นและเป็นคณะราษฎรเพียงคนเดียว ในตอนนั้นท่านพระยามโนปกรณ์ฯ มีบทบาทอย่างไรบ้าง
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
พระยามโนปกรณ์ฯ เป็นผู้ร่วมร่างรัฐธรรมนูญคนหนึ่ง และเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ทำงานได้ปีกว่าท่านก็ยุบสภา หลังจากยุบสภาท่านก็ไปอยู่ปีนัง จนกระทั่งเสียชีวิตที่นั่น
คำถาม :
อยากทราบรายละเอียดและบทบาทของพระยามโนในการร่างรัฐธรรมนูญท่านพอทราบไหม
กฤต ไกรจิตติ :
หลังเปลียนแปลงการปกครองท่านปรีดีทูลเกล้าฯ ถวายรัฐธรรมนูญฉบับที่ท่านร่างให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยซึ่งท่านได้เติมคำว่าชั่วคราวลงไปและมีการตัังอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรซึ่ง พระยามโนปกรณ์ฯได้เป็นประธานอนุกรรมการ และมีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ7- 8 ท่าน หนึ่งในนั้นก็คือท่านอาจารย์ปรีดี ซึ่งเป็นผู้แทนจากคณะราษฎรท่านเดียว และต่อมาก็เชิญพระยาศรีวิสารวาจา เข้ามาร่วมยกร่างรัฐธรรมนูญซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475

อาจกล่าวได้ว่า นอกจากเป็นอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ และนายกรัฐมนตรีพระยามโนปกรณ์เป็นประธานร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรท่านแรก ซึ่งต่อมาได้มีการแก้ไข โดยท่านปรีดีเป็นผู้ยกร่างและทูลเกล้าให้พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่8ทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้ในปี พ.ศ.2489

แต่ใช้ได้เพียงปีกว่าก็เกิดการรัฐประหารและมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรขึ้นมาใหม่ โดยมีเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศเป็นประธานและมีการประกาศใช้ในปีพ.ศ. 2492 ซึ่งผมเห็นว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่มีหลักการที่น่าจะใช้ได้มาจนปัจจุบัน เพราะว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญในขณะนั้นมีทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และนักกฎหมายผู้ใหญ่เป็นสมาชิกหลายท่าน รวมทั้งพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในขณะนั้นและมีส่วนร่วมในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2492 ด้วยเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญผมขอกล่าวถึงดร.ประกอบ หุตะสิงห์ซึ่งหลังจากเหตุการณ์14 ตุลาคม2516พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9ได้โปรดเกล้าฯให้อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายก รัฐมนตรีและได้มีการแต่งตัังดร.ประกอบ หุตะสิงห์ ให้เป็นประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2517 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยที่สุดฉบับหนึ่งซึ่งอาจารย์สรรเสริญได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญด้วย
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
กรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับพ.ศ. 2517 มีประมาณ10 กว่าท่านจำได้ว่าเวลาประชุมนั่งติดกับหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งท่านคอยขัดคอบ้างเห็นด้วยบ้างตั้งแต่เริ่มร่างไปจนจบ
คำถาม :
ทำไมท่านถึงคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับพ.ศ. 2517เป็นประชาธิปไตยที่สุด
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ก็เราเป็นผู้ร่างเราก็คิดว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุด
กฤต ไกรจิตติ :
พระยามโนปกรณ์ฯ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรก และตามมาด้วยพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ซึ่งทำงานร่วมกับเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2492 และมารัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2517 ซึ่งมี ดร.ประกอบ หุตะสิงห์ หลานพระยามโนปกรณ์ฯ เป็นประธานและอาจารย์สรรเสริญได้ร่วมเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญด้วยซึ่งเป็นการสืบทอดบทบาทภารกิจทางด้านศาลยุติธรรมและการร่างรัฐธรรมนูญ
กฤต ไกรจิตติ :
สำหรับผม รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2492 ซึ่งมีทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรและเป็นไปตามหลักการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยทั้งสาม บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการซึ่งเท่าเทียมกัน ตรวจสอบถ่วงดุลย์ซึ่งกันและกันและจากคำปรารภของเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศที่รายงานต่อรัฐสภาว่าเป็นรัฐธรรมนูญ ฉบับแรกที่มีบทบัญญัติเรื่องสิทธิเสรีภาพซึ่งเป็นไปตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและ สิทธิการเมืองซึ่งน่าจะเป็นหลักการสำคัญสำหรับการร่างรัฐธรรมนูญใหม่แทนฉบับปัจจุบันซึ่งไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเลยนอกจากนี้เรื่องของศาลยุติธรรมซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย ได้ทรงปฎิรูประบบศาลและกระบวนการยุติธรรม ให้ทัดเทียมกับชาติตะวันตกเพื่อความเป็นเอกราชทางการศาลแต่วันนี้อาจต้องพิจารณาการทำงานของศาลและกระบวนการศาลยุติธรรมให้เป็นไปตามหลักการและเจตนารมณ์ที่รัชกาลที่ 5 และกรมหลวงราชบุรีได้ทรงวางรากฐานไว้
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ศาลยุติธรรมสมัยผมเป็นเลขานุการศาลฎีกามีผู้พิพากษาอยู่เพียง 7 คณะ คณะละ3คนรวมประธานศาลฎีกาเป็น22คนแต่ปัจจุบันได้ทราบว่ามีผู้พิพากษาศาลฎีการวมกันกว่าร้อยคน
คำถาม :
ท่านได้เข้าร่วมเป็นเสรีไทยไหม
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
เสรีไทยไม่ได้เข้าร่วม แต่ได้เป็นตัวประกอบในภาพยนตร์เรื่องพระเจ้าช้างเผือกซึ่งท่านปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้สร้างและให้อาจารย์ธรรมศาสตร์ไปเป็นพระเอกพระรอง มีครูไวท์ และเอ็ดเวิร์ด ขึ้นช้างไปชนช้าง เท่าที่จำได้ตอนนั้นผมก็ยังเด็กมากเป็นนักเรียนเตรียมปริญญาธรรมศาสตร์ ไปวิ่งรบกับเขาเขาให้ล้มเราก็ล้ม เขาให้เรายืนเราก็ยืน ในตอนหลังเขาให้บางคนล้มบ้างบางคนยืนบ้าง
กฤต ไกรจิตติ:
มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับท่านปรีดี ช่วงที่ไปเรียนกฎหมายที่ปารีสช่วงที่พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากรเป็นอัครราชทูตและพระยาภาษาปริวัตร(เต๋อ สิทธิสาริบุตร)ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของคุณแม่ (พัชรี อิศรเสนา)บุตรีหลวงพิสูจน์พาณิชยลักษณ์ ม.ล.เพิ่มยศ อิศรเสนา บุตรเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒนและคุณทวี สิทธิสาริบุตร บุตรีพระยาภาษาปริวัตร(เต๋อ)กับคุณหญิงเหรียญ สิทธิสาริบุตรเป็นที่ปรึกษาสถานทูตและเป็นผู้ดูแลนักเรียนไทยซึ่งท่านปรีดีมีความสัมพันธ์ที่ไกล้ชิดและเคารพนับถือและติดต่อกันตลอดมาจนท่านกลับมาประเทศไทยด้วย

บรรพบุรุษของคุณพัชรี อิศรเสนา

ภาพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกับข้าราชการสถานทูตและนักเรียนไทยในฝรั่งเศส
คำถาม :
ผมสนใจว่าพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์เคยพูดถึงอาจารย์ปรีดี อย่างไรบ้าง
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์เป็นบิดาของผมแต่ไม่ทราบว่าท่านพูดถึงอาจารย์ปรีดีว่าอย่างไรบ้างแต่ทราบว่าเคยทำงานร่วมกัน เคยทำงานร่วมกับอาจารย์ปรีดี
คำถาม :
ท่านผู้พิพากษาศาลฎีกาและผู้ใหญ่ในกระบวนการยุติธรรมพูดถึงอาจารย์ปรีดีตอนที่ท่านลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศบ้างไหม
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
พูดถึงท่านแต่ในทางที่ดีชมเชยท่านปรีดี ไม่มีใครตำหนิติเตียนเลย
ผมเองเคยไปหาท่านที่ปารีส 2 ครั้ง อย่างที่เล่าให้ฟังไปแล้วว่าครั้งแรกไปหาที่บ้าน ครั้งที่ 2 ท่านพาไปทานอาหารที่ร้านอาหารกับลูกชายท่านคุณปาล พนมยงค์
คำถาม :
ทำไมคุณสรรเสริญถึงอยากไปหาท่านปรีดี
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ไปเยี่ยมท่านในฐานะที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่และนักกฎหมายชั้นยอดคนหนึ่งของเมืองไทยแต่ท่านถูกเหตุการณ์บ้านเมืองทำให้ต้องอพยพไปอยู่ที่บ้านชานเมืองปารีสที่เรียกว่าเมือง Antony ซึ่งผมก็ได้ไปเยี่ยมท่านที่บ้าน Antony สองครั้ง
คำถาม :
ทางครอบครัวได้รู้จักไปมาหาสู่ก่อนที่นายปรีดีจะลี้ภัยไปได้ติดต่อกันก่อนหน้านี้ไหม
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ทางครอบครัวไม่เคยติดต่อไปเลย เคยพบกันที่ฝรั่งเศสสองครั้งเท่านั้นเอง
กฤต ไกรจิตติ :
สำหรับญาติทางหุตะสิงห์ ตอนผมยังเด็ก เวลาไปร่วมงานทำบุญที่บ้านคุณย่า คุณหญิงเชย ก็ได้พบคุณปู่ดรประกอบหุตะสิงห์ และลูกหลานซึ่งมาร่วมงานกันหมดเพราะคุณชวดชมมารดาของคุณย่าเชยเป็นพี่สาวของพระยาสรรพกิจเกษตรการและพระยามโนฯ ซึ่งถือว่าเป็นญาติสนิทของคุณย่า
คำถาม :
ขอให้กล่าวถึงท่านปรีดี พนมยงค์ ว่ามีความสำคัญกับคนรุ่นหลังอย่างไรบ้าง
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ท่านเป็นที่เคารพนับถือของคนรุ่นหลังรวมทั้งผมซึ่งเคารพนับถือท่านปรีดี พนมยงค์ ด้วยเหมือนกัน และผมก็ได้ไปหาท่านที่เมืองอองโตนีถึง 2 ครั้ง อย่างที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้ว
กฤต ไกรจิตติ :
สำหรับผมซึ่งเป็นอดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และอดีตเอกอัครราชทูตประจำเวียตนาม อินเดีย ฮังการี และมาเลเซีย มีความชื่นชมและเคารพท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ในฐานะผู้วางพื้นฐานการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่มีบทบาทสำคัญ ในการแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมเพื่อความเป็นเอกราชทางการศาล โดยเฉพาะการยกเลิกศาลกงศุล ซึ่งช่วงที่คุณปู่พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์เป็นพระทิพยศาสตรราชสภาบดีอธิบดีศาลมณฑลภูเก็ตยังมีศาลคดีต่างประเทศหรือศาลกงสุลอยู่ซึ่งคุณปู่เล่าให้พ่อฟังว่าวันหนึ่งได้ขึ้นบัลลังค์เพื่อพิจารณาคดีร่วมกับผู้พิพากษาชาวอังกฤษจากสิงคโปร์สืบพยานตอนบ่าย อากาศร้อนอบอ้าวผู้พิพากษาชาวอังกฤษก็หลับไปบนบัลลังค์คุณปู่ปล่อยให้หลับไปจนสืบพยานเสร็จและออกจากห้องไปโดยไม่ปลุกวันรุ่งขึ้นท่านผู้พิพากษาก็มาต่อว่าทำไมไม่ปลุกปล่อยให้เขาหลับบนบัลลังก์ คุณปู่ตอบบอกว่า I daren't enter your juridictionไม่ตัองการก้าวล่วงเขตอำนาจของท่านและต่อมาเมื่อกลับจากภูเก็ตพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ได้ดำรงตำแหน่งอธิบดีศาลคดี ต่างประเทศและมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขกฎหมาย ในเรื่องการยกเลิกศาลกงสุลด้วย
คำถาม :
คราวที่แล้วที่เราสัมภาษณ์เรื่องโรงเรียนเตรียมปริญญามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง(ต.ม.ธ.ก. ) คราวนี้เราพูดถึงเรื่องการศาลและกฎหมายก็เลยอยากทราบหลักการที่อาจารย์สรรเสริญใช้ในการตัดสินคดี ในฐานะรองประธานศาลฎีกาหรือว่าจะเล่าเรื่องที่อาจารย์เคยเขียนถึงฎีกาประวัติศาตร์คดีหมอจันทน์กับพระยารัษฎา ว่ามีหลักในการพิพากษาอย่างไรบ้าง
สรรเสริญ ไกรจิตติ
พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์บิดาของผมเป็นผู้ตัดสินคดีหมอจันทน์ทำร้ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ในช่วงที่ท่านเป็นอธิบดีศาลมณฑลภูเก็ตกฤต ไกรจิตติ
คุณปู่เป็นอธิบดีศาลมณฑลภูเก็ตในช่วงที่พระยารัษฎานุประดิษฐ์เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ตและได้เคยร่วมงานกันอยู่ประมาณ 4 ปี
ประเด็นสำคัญของคดีนี้คือหมอจันทร์ซึ่งเป็นคนสนิทของพระยารัษฎาฯ เกิดมีเรื่องเข้าใจผิดขัดข้องหมองใจกัน หมอจันทร์ก็เลยไปยิงพระยารัษฎาฯ และพระสถลสถานพิทักษ์เจ้าเมืองตรังซึ่งเป็นหลานชายถึงแก่ความตาย ขณะนั้นคุณปู่เป็นพระทิพยศาสตร์ราชสภาบดีอธิบดีศาลมณฑลภูเก็ตซึ่งดูแลศาลเจ็ดจังหวัดรวมถึงตรังด้วย เหตุเกิดขึ้นที่ตรังเพราะฉะนั้นคุณปู่ก็ต้องเป็นผู้พิจารณาคดีนี้และมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตซึ่งต่อมาหมอจันทรได้ถวายฎีกาต่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่6 ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนให้ประหารชีวิตซึ่งคุณพ่อได้เขียนบทวิเคราะห์ไว้ในหนังสือดุลยพาหะเมื่อพ.ศ. 2535 (ตอนที่ 1 และตอนที่ 2)
เกียวกับคดีนี้ คุณหญิงแฉล้มลูกสาวพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ซึ่งอยูู่ที่ภูเก็ตตอนนั้นอายุประมาณ 12 ขวบ จำคำให้การของหมอจันที่รับสารภาพว่ายิงพระยารัษฎาซึ่งมีผู้เขียนไว้เป็นคำกลอนได้และท่องให้ฟังซึ่งผมได้จดบันทึกไว้ด้วย
กฤต ไกรจิตติ :
พระยารัษฎานุประดิษฐ์ เป็นบุคคลสำคัญในด้านการเมืองการปกครองที่มีความยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยแต่ในมาเลเซียด้วย ช่วงที่ผมเป็นทูตที่มาเลเซียสถานทูตสถานกงสุลใหญ่ เมืองปีนัง และ Pinang Heritage Trust ได้ร่วมกันจัดการสัมมนาประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทยมาเลเซียในโอกาสครบ 100 ปี อสัญกรรมของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ซึ่งมีทายาทและผู้สืบเชื้อสายตระกูล ณ ระนอง ได้มาร่วมเป็นจำนวนมากในการสัมมนาได้มีการกล่าวถึงประวัติของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอ ซิมบี๊)และบรรพบุรุษของตระกูล ณ ระนอง

พระยารัษฎานุประดิษฐ์
ซึ่งมีบทบาทและผลงานสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองเศรษฐกิจสังคมและการพัฒนาและความสัมพันธ์ระหว่างไทยมาเลเซียตั้งแต่สมัยรัชกาลที่5และได้มีการกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงษานุวงษ์ของไทยกับสุลตาลของรัฐเคดาห์ ปะลิศ กลันตัน ตรังกานูในสมัยที่มลายายังอยู่ใต้การปกครองของสยามโดยเฉพาะอย่างยิ่งSultan Abdul Hamid Halim Shah หรือเจ้าพระยาไทรบุรีกับกับหม่อมเนื่อง นนทนาคร ชาวไทยเชื้อสายมอญซึ่งเป็นบิดามารดาของตนกู อับดุล เราะห์มานนายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซียซึ่งเคยเป็นนักเรียนโรงเรียนเทพสิรินทร์และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทยมาเลเซียด้วย
นอกจากนี้ในการสัมนาได้มีการกล่าวถึงเหตการณ์หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 ซึ่งมีเจ้านายหลายพระองค์เสด็จไปประทับลี้ภัยที่เมืองปีนังเช่นสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพสมเด็จกรมพระสวัสดิ์วัตนวิศิษฐ์และพระยามโนปกรณ์นิติธาซึ่งได้ลี้ภัยการเมืองไปอยู่ที่ปีนังจนถึงแก่อนิจกรรมโดยมีพระยาปดิพัทธภูบาลและพระยารัษฏาธิราชบรรพบุรุษของตระกูล ณ ระนองและสุลตานของรัฐเคดาห์ให้การรับรองและดูเป็นอย่างดีซึ่งท่านสามารถชมสารคดีในเรื่องดังกล่าวได้ในYoutube (ย้อนเวลาหาอนาคต ไทยมาเลเซีย และประวัติศาสตร์นอกตำราสยามและปีนัง ตอนที่ 53 ตอนที่ 54 และตอนที่ 55)
สรรเสริญ ไกรจิตติ :
ขอบคุณมากที่มาสัมภาษณ์ หวังว่าคงจะได้เรื่องได้ราวได้ความไปพอสมควร
กฤต ไกรจิตติ :
วันนี้ผมมีความยินดีที่สถาบันปรีดีพนมยงค์ได้มาสัมภาษณ์คุณพ่อและได้พูดถึงพระยามโนฯพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศหลวงธรรมนูญวุฒิกรและบรรพตุลาการอีกหลายท่านซึ่งมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของศาลยุติธรรมและการเมืองการปกครองของไทย
ซึ่งท่านอาจารย์ปรีดีเคยร่วมงานด้วยตั้งแต่ก่อนและหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองซึ่งเป็นโอกาสดีที่ได้มีการบันทึกและศึกษาเพิ่มเติมเรื่องประวัติพระยามโนปกรณ์ฯ และบทบาทของท่านที่เกี่ยวข้องกับท่านอาจารย์ปรีดี


เอกสารอ้างอิง :
- เกล็ดพระพุทธศาสนา พงษาวดารมอญ สุภาษิตกฎหมาย พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ (สุดใจ ไกรจิตติ) ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 ,(กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์ประเสริฐอักษร,2496 ).
- นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า กรมพระยา, 2406-2490 และ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ใน สาส์นสมเด็จ ภาคหนึ่ง, (กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์พระจันทร์,2492 ).
- ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 37 เรื่องจดหมายเหตุของคณะบาดหลวงฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินพระเจ้าเสือและพระเจ้าท้ายสระ พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ มหาเสวกตรี พระยาอาทรธุรศิลป์ (ม.ล.ช่วง กุญชร) ท.จ., ท.ม., ต.ช., รัตน ว.ป.ร. 3, ร.จ.พ. ฯลฯ เมื่อปีมะมเย พ.ศ. 2473 ,(กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร,2473 ).
- อนุสรณ์ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพ หลวงพิสูจน์พาณิชยลักษณ์ (หม่อมหลวงเพิ่มยศ อิศรเสนา) ม.ว.ม., ป.ช., ท.จ.ว. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2528 ,(กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์อักษรไทย, 2528).