ด้วยคณะกรรมการจัดงานสังสรรค์ชาวธรรมศาสตร์ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ประจําปี 2516 ปรารถนาได้บทความหรือคําขวัญของข้าพเจ้าไปลงพิมพ์ในหนังสือที่ระลึกซึ่งจะจัดทําขึ้น ข้าพเจ้ายินดีสนองศรัทธาโดยให้คําขวัญว่า
“จงพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาคม”
ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงบทความเป็นอรรถาธิบายพอสังเขป ประกอบคําขวัญนั้น ดังต่อไปนี้
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 เป็นวันสําคัญวันหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์ของชาติไทย คือ เป็นวันชัยชนะก้าวแรกของเยาวชนหญิงชายไทย ภายใต้การนําของนิสิตนักศึกษานักเรียนแห่งสถานศึกษามากหลาย ซึ่งได้รับการสนับสนุนและร่วมมือจากราษฎรไทยทุกชนชาติ และทุกชนชั้นวรรณะที่รักชาติจํานวนหลายล้านคน ผนึกกันเป็นขบวนการเรียกร้องรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยสมบูรณ์ให้แก่ปวงชนชาวไทย
ฝ่ายครองอํานาจรัฐสั่งทหารและตํารวจเฉพาะส่วนที่ยอมเป็นเครื่องมือของพวกเขา ใช้อาวุธทันสมัยเข้าปราบปรามขบวนการนั้น ซึ่งมีแต่มือเปล่า หรือ บางคนมีเพียงแต่ไม้พลองเพื่อป้องกันตัว แต่ขบวนการนั้นมิได้หวาดหวั่นโดยยืนหยัดมั่นคง ยอมพลีชีพกับสละความสุขสําราญส่วนตัวเพื่อชาติและมวลราษฎรซึ่งเป็นที่เคารพรักยอดยิ่งที่สุด วีรชนเป็นจํานวนมากต้องถูกฆ่าตาย และได้รับบาดเจ็บและสาบสูญไป ส่วนผู้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่โดยมิได้รับบาดเจ็บทางกายก็ได้รับความเหน็ดเหนื่อยทางกายและทางสมองอย่างหนัก
ผลแห่งความเสียสละแห่งวีรชนทั้งหลายในการต่อสู้โดยชอบธรรมได้บรรลุชัยชนะก้าวแรก คือ รัฐบาลซึ่งมี 'จอมพล ถนอม กิตติขจร' เป็นนายกรัฐมนตรี และ 'จอมพล ประภาส จารุเสถียร' เป็นรองนายกรัฐมนตรี ต้องลาออกพร้อมทั้งตําแหน่งผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ครั้นแล้วได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง 'นายสัญญา ธรรมศักดิ์' เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้แถลงยืนยันจะจัดการให้มีรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย และมีการเลือกตั้งภายในเวลา 6 เดือน
ข้าพเจ้าขอร่วมกับมวลราษฎรไทยที่รักชาติแสดงความเคารพสักการะและสดุดีวีรชนทั้งปวงนั้น พระพุทธองค์ทรงเทศนาสั่งสอนไว้มีใจความสําคัญตอนหนึ่งว่า "สาธุชนพึงบําเพ็ญตนด้วยกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่มีอุปการคุณ ชาวไทยที่เป็นคริสต์ศาสนิกชนและอิสลามิกชนก็บําเพ็ญตนปฏิบัติตามทํานองคลองธรรมเช่นเดียวกับของพระศาสดา ดังนั้น จึงเป็นการสมควรแล้วที่เราชาวไทยที่รักชาติจํานวนมากหลายแสดงกตัญูรู้อุปการคุณของวีรชนโดยทางกาย วาจา ใจ และการบําเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ตลอดทั้งร่วมมือกันในการสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่วีรชนทั้งหลายนั้น"
พระพุทธองค์ตรัสไว้อีกว่า กตัญญจะต้องคู่กันไปกับกตเวที ฉะนั้น การพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาคม ให้มั่นคงไว้และพัฒนายิ่งขึ้นนั้น จึงเป็นกตเวทีสําคัญยิ่งที่สาธุชนผู้รักชาติพึงปฏิบัติ
สาธุชนที่รักชาติโดยยกชาติเหนือประโยชน์ส่วนตัวก็ย่อมใช้ทัศนะจากจุดยืนหยัดในมวลราษฎรวินิจฉัยเจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาคมได้ เพราะวีรชนทั้งหลายนั้น มิใช่มีแต่บุคคลที่มีเหล่ากําเนิด หรือมีฐานะแห่งชนชั้นวรรณะหนึ่งใด โดยเฉพาะหากวีรชนเหล่านั้นมีเหล่ากําเนิดและมีฐานะทางเศรษฐกิจ และทางการเมืองชนิดต่างๆ ซึ่งมีทั้งคนจน กรรมกร ลูกจ้าง ชาวนา ข้าราชการชั้นผู้น้อย คนพอทําพอกิน ผู้มีทุนน้อย และนายทุนรักชาติที่ยกชาติเหนือประโยชน์ส่วนตัวและทุกชนชาติไทย (National minorities) ที่มีสัญชาติไทย ดังนั้น เจตนารมณ์ของวีรชนทั้งหลายนี้จึงต้องการรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยสมบูรณ์ ทั้งในทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ ทางทรรศนะอันเป็นคติธรรม ใช้เป็นหลักนําในการปฏิบัติเพื่อความไพบูลย์ของทุกชนชั้นวรรณะและทุกชนชาติที่รักชาติ
ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ตั้งแต่ยุคปฐมกาลเป็นต้นมา แสดงให้เห็นตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ในหลายบทความ และหลายปาฐกถาแล้วว่า เศรษฐกิจเป็นรากฐานสําคัญแห่งมนุษยสังคม ส่วนระบบการเมืองเป็นแต่เพียงโครงร่างเบื้องบนที่จะต้องสมานกับความต้องการทางเศรษฐกิจของมวลมนุษย์ในสังคม ถ้าหากรัฐธรรมนูญอันเป็นแม่บทแห่งกฎหมายสอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจนั้น วิกฤตการณ์ทางสังคมก็ไม่เกิดขึ้น และประเทศชาติก็ดําเนินก้าวหน้าไปตามวิถีทางวิวัฒน์ (Evolution) อย่างสันติ ถ้าหากรัฐธรรมนูญไม่สอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจของสังคม วิกฤตการณ์ก็ต้องเกิดขึ้นตามกฎธรรมชาติแห่งข้อขัดแย้งระหว่างสองสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์กัน
ถ้าสาธุชนที่รักชาติพิจารณาให้ถ่องแท้แล้ว ก็จะเห็นได้ว่า มูลเหตุที่วีรชนได้พลีชีพ และสละความสุขสําราญส่วนตัวเรียกร้องรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยสมบูรณ์นั้น ก็สืบมาจากมวลราษฎรไทยได้รับความอัตคัดขัดสนอย่างแสนสาหัส แต่ระบบการเมืองที่ไม่มีรัฐธรรมนูญ หรือมีเพียงแต่ชื่อว่ารัฐธรรมนูญนั้น ขัดแย้งความต้องการทางเศรษฐกิจของมวลราษฎร วีรชนจึงได้พลีชีพและสละความสําราญส่วนตนเพื่อปรารถนาให้ชาติไทยมีระบบการเมืองโดยระบอบรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยสมบูรณ์ที่สมานกับความต้องการทางเศรษฐกิจของมวลราษฎรและเพื่อให้ทุกชนชาติร่วมกันเป็นเอกภาพแห่งประเทศไทย
สาธุชนที่รักชาติย่อมมีความสลดใจที่เห็นว่า กลิ่นคาวโลหิตของวีรชนยังไม่ทันหมดไป ก็มีบุคคลแห่งบางพรรคพยายามช่วงชิงชัยชนะก้าวแรกของวีรชนไป เพื่อประโยชน์ของพรรคพวกเขาโดยเฉพาะ อาทิ การถือเอารัฐธรรมนูญที่พวกเขาทําขึ้นเป็นแบบฉบับในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แทนวิธีร่างที่จะตั้งต้นจากเจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชนทุกชนชั้นวรรณะ และทุกชนชาติที่มีสัญชาติไทยเป็นแม่บท สภาพการณ์เช่นนี้ย่อมอํานวยให้ฝ่ายที่ต้องการพิทักษ์เจตนารมณ์นั้นของวีรชนต้องหาทางต่อสู้ขนาดเบาหรือขนาดรุนแรง สุดแท้แต่วิธีการของแต่ละองค์การที่เป็นฝ่ายนําของแต่ละชนชั้น วรรณะ และแต่ละชนชาติ ฝ่ายที่ใช้วิธีรุนแรงอยู่แล้วก็จะสามารถระดมมวลราษฎรโดยอ้างสภาพการณ์เช่นว่านั้นเป็นสิ่งชี้ให้เห็นว่า วิธีร่างรัฐธรรมนูญแบบนั้นนําไปสู่ประโยชน์ของอภิสิทธิ์ชนเท่านั้น ซึ่งมวลราษฎรไม่อาจอาศัยระบบรัฐธรรมนูญที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยสมบูรณ์ แก้ความทุกข์ยากของมวลราษฎรถ้วนหน้าได้
ฉะนั้น เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ข้าพเจ้าจึงขอร้องให้รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ ละเว้นวิธีร่างที่ตั้งอคติเอารัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของอภิสิทธิ์ชนเป็นแบบฉบับนั้น แล้วตั้งทรรศนะตามเจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาคม
ที่มา: คัดจากตอนต้นบทความเรื่อง “จงพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาคม” ของนายปรีดี พนมยงค์ ตีพิมพ์ครั้งแรกในวารสาร อ.ม.ธ. ฉบับ 10 ธันวาคม 2516
บทความที่เกี่ยวข้อง :