ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
แนวคิด-ปรัชญา

มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ : เสรีภาพ (ตอนที่ 5)

2
มิถุนายน
2567

ต้นฉบับลายมือเรื่องเสรีภาพของกุหลาบ สายประดิษฐ์

 

ภายหลังที่เสรีภาพได้ถูกล่ามโซ่ไว้นานปี และได้มีผู้มาเปลื้องพันธนาการออก ประชาชนก็ได้อ้าแขนโอบกอดเชยชมเสรีภาพอีกครั้งหนึ่ง

แต่ว่าเสรีภาพนี้คืออะไรกันแน่? เราได้มาอย่างไร เราจะพึงใช้อย่างไรและเราจะรักสาไว้ได้อย่างไร?

ในบัดนี้ หนังสือพิมพ์พากันเรียกร้องรำพรรนถึงเสรีภาพซึ่งพลัดพรากจากไปนานหนังสือพิมพ์จำเปนจะต้องเรียกร้องและหวงแหนเสรีภาพของตนเปนธัมดา หนังสือพิมพ์จำเปนจะต้องต่อสู้เพื่อได้มา ซึ่งเสรีภาพเปนธัมดา เพราะว่าถ้าปราสจากเสรีภาพอันเปรียบเหมือนดวงใจของหนังสือพิมพ์แล้ว หนังสือพิมพ์ก็ไม่เปนหนังสือพิมพ์ตามความหมายอันแท้จริงอีกต่อไป หรืออย่างน้อยก็ไม่อาจทำหน้าที่ของหนังสือพิมพ์ได้เสรีภาพที่ไม่มีหนังสือพิมพ์นั้นยังดีเสียกว่าหนังสือพิมพ์ที่ไม่มีเสรีภาพเปนไหนๆ และถ้าหนังสือพิมพ์ต้องสูนย์เสียเสรีภาพไปแล้ว เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนก็จะพลอยสั่นสะเทือนไปด้วยกัน เสรีภาพของหนังสือพิมพ์จึงเปนหลักประกันเสรีภาพของประชาชนไปในตัว ฉะนั้นเมื่อหนังสือพิมพ์หรือนักหนังสือพิมพ์เรียกร้องรำพรรนถึงเสรีภาพนั้น เขามิได้เรียกร้องเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเขาเอง หากเปนการเรียกร้องเพื่อเขาจักได้มีโอกาสบำเพ็ญกรนียกิจต่อประชาชน การเรียกร้องเสรีภาพของเขาเปนไปเพื่อสาธารนะประโยชน์

ในขณะเดียวกัน มีผู้กล่าวอ้างเสรีภาพอย่างพร่ำเพรื่อ เปนทางก่อความชอกช้ำให้แก่วิญญานของพระแม่เจ้าเสรีภาพ เช่นว่าเมื่อมีคนแต่งกายไม่เรียบร้อย ปรากดตัวขึ้นในชุมนุมชน เขาว่าคนนั้นใช้เสรีภาพในทางที่ผิด เมื่อมีคนยืนถ่ายปัสสาวะริมถนน เขาก็ว่าคนนั้นใช้เสรีภาพในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเปนการกะทำมิชอบอันใด ซึ่งไม่อาจปรับเข้าเปนความผิดตามกดหมายได้แล้ว เขามักจะปรับเอาว่า เปนการใช้เสรีภาพในทางที่ผิดไปเสียทั้งนั้น เมื่อเปนเช่นนี้ นามธัมเสรีภาพอันสักดิสิทธินี้ จึงดูเปนของมีตำหนิไม่น้อยในสายตาของเขาผู้นั้น

แต่มันเปนความจริงหรือ ที่คนผู้นุ่งสโร่งหรือนุ่งกางเกงในออกไปเดินป๋ออยู่กลางถนนหลวง ด้วยมีความคิดอยู่ในสมองของเขาว่า เขายืนยันว่า เขามีเสรีภาพที่จะทำเช่นนั้นได้? คนผู้ถ่ายปัสสาวะริมถนน กระทำเช่นนั้นด้วยประสงค์จะเน้นว่า นั่นเปนเสรีภาพที่มนุสย์คนหนึ่ง จะพึงมีและพืงใช้ในกรนีเช่นนั้นได้ ข้าพเจ้าไม่คิดเลยว่าในเวลาประพรืตสิ่งที่ไม่สมควรจะประพรืดเหล่านั้น คนจำพวกนั้นกำลังคิดคำนึงถึงความสักดิสิทธิของเสรีภาพ ดังที่ปรากดในคำประกาสอิสสรภาพของชาวอเมริกัน ค.ส. ๑๗๗๖ หรือดังที่ปรากดในคำปดิญานสิทธิของมนุสยและพลเมืองของชนฝรั่งเสสในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ค.ส. ๑๗๘๙ หรือดังที่ Patric Henry ได้ปลุกใจชาวเมืองของเขาว่า “Give me liberty or give me death” ไม่มีใครจะคิดไปว่าบุคคลเหล่านั้นเมื่อประพรึตเช่นนั้น เขากำลังคิดถึงหลักการอันสักดิสิทธิของเสรีภาพ หรือบางทีเขาก็อาจจะไม่ซาบเสียเลยว่ามีหลักการอันสักดิสิทธิเช่นนี้อยู่ในโลก เราซาบกันอยู่ดีแล้วว่า การประพรึดดังกล่าวข้างต้นนั้นพึ่งได้รับการตำหนิติเตียน และเราจะใช้คำติเตียนอย่างใดๆ พอให้สมควรแก่เหตุก็ได้ แต่ไม่เปนการสมควรอย่างยิ่งที่ผู้ซึ่งมีความปรารถนาจะเชิดชูความสักดิสิทธิของเสรีภาพอย่างจริงใจ จะนำเอาคำอันขลังนี้ไปใช้เป็นข้อกล่าวหาความประพรึตของบุคคล ซึ่งมิได้ตั้งใจจะอ้างหลักเสรีภาพขึ้นเปนข้อต่อสู้การกระทำของเขาเลย การอ้างคำนี้ออกใช้อย่างพล่อยๆ คำหนึ่งก็เสรีภาพ คำสองก็เสรีภาพ ฉะนี้นามธัมเสรีภาพก็จะดูเปนของซั่วไป ผลก็จะเท่ากับเปนการลบหลู่ความสักดิสิทธิของเสรีภาพไปในตัว แถะการลบหลู่เสรีภาพนั้นเท่ากับเปนการลบหลู่ความเปนมนุสยของผู้นั้นเอง

ในขนะเดียวกัน ผู้ที่เชิดชูเสรีภาพบางท่านได้กล่าวเตือนคนทั้งหลายให้ระมัดระวังการใช้เสรีภาพ เขาว่าการใช้เสรีภาพต้องมีขอบเขตต์การใช้เสรีภาพต้องอยู่ในความสมควร คำเตือนนี้ไม่เลว เปนคำที่รับฟังได้ และจะเปนประโยชน์ต่อคนผู้หลงงมงาย แต่ว่าขอบเขตต์ของการใช้เสรีภาพนั้นจะสิ้นสุดลงเพียงไหน? ปันหาข้อนี้ควรที่จะมีคำตอบ อย่างน้อยพอเปนหลักให้คนทั้งหลายได้ใช้ประกอบความคิดวินิจฉัยของเขา คำว่าขอบเขตต์และความสมควนนั้น ยังเปนคำที่หลวมนัก เบื้องหลังคำทั้งสองนั้นยังเต็มไปด้วยปันหา ขอบเขตต์ของการใช้อยู่เพียงไหน? อะไร อย่างไร จึงจะเรียกว่าเปนความสมควร? ใครเปนผู้กำหนดขอบเขตต์ของการใช้เสรีภาพ? ใครเปนผู้กำหนดว่าการเช่นนั้น เช่นนี้เปนความสมควร และการเช่นนั้น เช่นนี้ ไม่เปนความสมควร? รัถบาลหรือประชาชนเปนผู้กำหนดขอบเขตต์ และความสมควร? ปันหาเหล่านี้ เราผู้รักเสรีภาพ เชิดชูเสรีภาพ และสำนึกตระหนักในหลักการอันสักดิสิทธิของเสรีภาพ ควรที่จะร่วมมือกันในการค้นคว้าหาคำตอบ

ตามคำปติญานสิทธิของมนุสยและพลเมืองของคนะปติวัติฝรั่งเสส ค.ส. ๑๗๘๙ เสรีภาพเปนสิทธิติดตัวของมนุสยมาแต่กำเนิด และสิทธิเสรีภาพนี้จะคงเปนของมนุสยทุกคนตราบกะทั่งตาย และไม่อาจที่จะถูกลบล้างได้ ตามคำปติญานข้อ ๔ เสรีภาพได้แก่สิทธิที่มนุสยทุกคนจะกะทำการใดๆ ก็ได้ถ้าการกระทำนั้นๆ ไม่เปนภัยแก่ผู้อื่น และตามคำปติญานข้อ ๕ กดหมายจะระบุห้ามการกะทำของบุคคลก็แต่เพียงเปนการป้องกันการกระทำที่เปนภัยต่อสังคม

ตามคำปติญานฉบับนั้น ได้เน้นระบุถึงเสรีภาพดังต่อไปนี้

๑. เสรีภาพในร่างกาย
๒. เสรีภาพในการเชื่อถือลัทธิหรือสาสนา
๓. เสรีภาพในการพูด
๔. เสรีภาพในการเขียน
๕. เสรีภาพในการพิมพ์หรือการโคสนา
๖. เสรีภาพในทรัพย์สิน

รัถธัมนูญของเรามาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ ได้ระบุจำแนกเสรีภาพพิสดารไปกว่าที่ปรากดในคำปติญานของคนะปติวัติฝรั่งเสส ได้แก่

๑. เสรีภาพในการถือสาสนา
๒. เสรีภาพในร่างกาย
๓. เสรีภาพในทรัพย์สิน
๔. เสรีภาพในการพูด
๕. เสรีภาพในการเขียน
๖. เสรีภาพในการสึกสาอบรม
๗. เสรีภาพในการประชุมโดยเปิดเผย
๘. เสรีภาพในการตั้งสมาคม
๙. เสรีภาพในการอาชีพ

เสรีภาพดังที่ระบุไว้ในรัถธัมนูญนี้ ย่อมถือได้ว่า เปนเสรีภาพข้อสาระสำคันและอาจถือได้ว่า เปนสิทธิติดตัวมนุสยมาแต่กำเนิด และไม่อาจที่จะลบล้างได้ ก่อนหน้าที่ประเทสไทยจะประกาสใช้ประมวลกดหมาย อาจกล่าวได้ว่ากดหมายไทยมิได้ใส่ใจในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนพลเมืองแต่อย่างได ต่อเมื่อได้ประกาสใช้ประมวลกดหมายแล้ว เสรีภาพของประชาชน ในบางประการจึงได้รับความกวดขันคุ้มครองโดยกดหมายอย่างเปนที่พอใจ ดังกรนีเสรีภาพในร่างกายนั้น ก็มีประมวลกดหมายอาญา และกดหมายวิธีพิจารนาอาญาคุ้มครองอยู่เปนอย่างดี อย่างไรก็ดีในส่วนที่เกี่ยวกับเสรีภาพในร่างกายนั้น เมื่อว่าถึงผลในทางปติบัติแล้ว ใช่ว่า ประมวลกดหมายเหล่านี้จะไม่เปิดข้อบกพร่องไว้เลย ว่าตามจริงผลในทางปติบัติเกี่ยวกับการจับกุมคุมขังผู้ต้องหา ฉะเพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับคดีการเมืองแล้วย่อมเปนที่ซาบกันดี ในวงการของผู้ที่สนใจว่า ประมวลกดหมายอันมีหลักการที่ดูประเสิดเหล่านี้ได้สิ้นสง่าราสรีไปหมด เมื่อถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่ได้นำออกปติบัติจริงๆ เราจำเปนจะต้องค้นหาความบกพร่องนานาประการเกี่ยวกับการบริหารประมวลกดหมายเหล่านี้ และความบกพร่องบางประการอันอาดมีอยู่ในตัวบทกดหมายนั้นเองเพื่อเสรีภาพในร่างกายของประชาชนจะได้รับความคุ้มครองสมกับเจตนารมน์ของกดหมายรัถธัมนูญ และแม้เสรีภาพในประการอื่นๆ ก็ดี เราก็จะค้นหาความบกพร่องของกดหมาย และการบริหารกดหมายเช่นเดียวกัน แต่ว่าขนะนี้ยังมิใช่เวลาที่เราจะเข้าสู่รายละเอียดของการวิพากส์เสรีภาพแต่ละชนิด ในเวลานี้กิจของเรามีอยู่ว่าจะอภิปรายถึงเสรีภาพในทางที่จะกำหนดมูลถานของเสรีภาพ และพิจารนาถึงขอบเขตต์ที่จะมาหยุดยั้งการใช้เสรีภาพของประชาชนในกรนีทั่วไป

รัถธัมนูญมาตรา ๑๔ ได้กำหนดไว้ว่า การใช้เสรีภาพในประการต่างๆ นั้นบุคคลพึงใช้ภายในบังคับแห่งกดหมาย มาถึงตรงนี้เราก็อาจจะชี้ได้ชั้นหนึ่งว่า ที่กล่าวกันว่าการใช้เสรีภาพ จะต้องมีขอบเขตต์นั้น หมายถึงว่าขอบเขตต์ตามที่กดหมายบัญญัติไว้ มิใช่ขอบเขตต์ตามอำเภอใจที่ผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองคนใดคนหนึ่งจะกำหนดลงมา เปนต้นว่า ถ้าเราชอบกินข้าวราดแกงในเวลาหยุดพักกลางวันและมีผู้มาสั่งให้เรากินก๋วยเตี๋ยวแทน หรือถ้าเราไม่ชอบสวมหมวกในเวลาเดินทาง เพราะเหตุว่าเรามีผมอันงาม ซึ่งเราต้องการจะอวดและมีผู้มาสั่งบังคับให้เราสวมหมวก คำสั่งคำบังคับเช่นนี้ เปนการรุกรานเสรีภาพของเราอย่างชัดแจ้ง และถ้าเรามิฟังคำสั่งคำบังคับเช่นนั้น ก็มิได้หมายความว่าเราใช้เสรีภาพเกินขอบเขตต์แต่ประการใด

เมื่อเรากล่าวว่า การใช้เสรีภาพ มีกดหมายเปนเครื่องกำหนดขอบเขตต์นั้น เราก็ยังมิได้รับคำตอบอันเปนที่พอใจเท่าใด กดหมายซึ่งตราขึ้นโดยคนะนิติบัญญัติ หรือ

คนะรัถบาลนั้น ไม่จำเปนเลยว่าจะต้องเปนกดหมายที่ชอบด้วยทำนองคลองธัมแถะนิติประเพนีทุกเรื่องไป คนะรัถบาลหรือคนะผู้ปกครองประกอบด้วยบุคคลเพียงไม่กี่คน และบุคคลเหล่านั้นกี่ล้วนแต่เปนปุถุชนคนเดินดินเช่นคนทั้งหลายนี้เอง มิใช่เปนผู้เหาะเหินเดินฟ้ามาแต่ไหน คนะรัถบาลหรือคนะผู้ปกครองจึงมีโอกาสจะทำความผิดพลาดบกพร่อง มีโอกาสจะเปนคนปลิ้นปล้อนตลบแตลง คดโกง เช่นที่มนุสยเดินดินบางคนได้ประพรึติอยู่เหมือนกัน จริงอยู่ประชาชนมีหน้าที่ต้องเคารพกดหมาย แต่การที่ประชาชนมีหน้าที่เช่นนั้นไม่จำต้องหมายความว่า กดหมายทุกเรื่องจำเปนจะต้องเปนกดหมายที่ดีเสมอไป ดังที่เราจะเห็นอยู่แล้วว่า การแก้ไขเปลี่ยนแปลงกดหมายต่างๆ ได้กระทำกันอยู่เปนเนื่องนิจมา ทั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องนานาประการที่มีอยู่ในกดหมายเหล่านั้น กดหมายบางเรื่อง ประกาสใช้ได้ไม่กี่เวลาก็มีการประกาสใหม่ให้เลิกล้มไป ในบางขนะก็มีกดหมายบางเรื่องซึ่งได้ตราออกมาโดยยากที่จะเข้าใจในหลักเกนฑ์ได้ ทั้งเปนกดหมายที่คุกคามเสรีภาพของประชาชนอย่างแรง ดังเช่นข้อบังคับที่ออกตามความใน พ.ร.บ.กดอัยยการสึกซึ่งประกาสใช้โดยผู้บันชาการทหานสูงสุด เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๔๙๕ เปนต้น ข้อบังคับนั้นได้บัญญัติไว้ว่า

ข้อ ๑ การระงับปราบปรามหรือรักสาความสงบเรียบร้อย ตามความในกดอัยยการสึกนั้น นอกจากการดำเนินการเพื่อพิจารนาพิพากสาผู้เปนปรปักส์ต่อความสงบเรียบร้อยยังสาลตามบทกดหมายในกรนีความผิดนั้นๆ แล้ว เมื่อกองบันชาการทหานสูงสุดเห็นเปนการสมควรที่จะระงับปราบปรามบุคคลผู้เปนปรปักส์ต่อความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยของประเทสในกรนีใด โดยการควบคุมตัวผู้นั้นไว้ เพื่อรักสาความสงบเรียบร้อย และเพื่ออบรมทางจิตใจให้เปนคนดี ก็ให้มีอำนาดออกประกาสกำหนดกรนีนั้นๆ ได้

ข้อ ๒ เมื่อมีประกาสตามความในข้อก่อน ให้เจ้าหน้าที่ตำหรวดมีอำนาจจับกุมและควบคุมบุคคลผู้มีเหตุสงสัยว่า จะเปนผู้ก่อความไม่สงบแล้วดำเนินการสอบสวนตามคำสั่งของอธิบดีกรมตำหรวดต่อไป

ข้อ ๓ ให้อธิบดีกรมตำหรวดมีอำนาดวินิจฉัยตามการสอบสวนว่าจะสมควรควบคุมตัวบุคคลนั้นๆ เพื่อรักสาความสงบเรียบร้อยและเพื่ออบรมทางจิตใจให้เปนคนดีได้ตามที่เห็นสมควร และจะกำหนดระยะเวลาการควบคุมหรือไม่กำหนดก็ที่ได้ แต่การควบคุมเช่นนี้มิให้เกินกว่าเวลาที่ประเทสไทยทำสงคราม เมื่ออธิบดีกรมตำหรวดวินิจฉัย เห็นควนควบคุมก็ให้ส่งตัวบุคคลนั้นให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาน ดำเนินการควบคุมและอบรมต่อไป

ข้อบังคับฉบับนี้ เปนข้อบังคับที่คุกคามเสรีภาพของประชาชนอย่างแรงก็เพราะว่าอำนาจวินิจฉัยความผิดและดำเนินการลงโทสผู้ผิด ซึ่งควรที่จะเปนอำนาจของสาลโดยสิ้นเชิงนั้น อำนาดวินิจฉัยความผิดบางชนิดซึ่งตามข้อบังคับนี้ได้เปิดช่องไว้อย่างกว้างนั้นได้ย้ายมาอยู่ในมือของอธิบดีกรมตำหรวด อันเปนเจ้าพนักงานฝ่ายบริหารนั่นเอง

อนึ่ง ตามที่กล่าวไว้ในข้อบังคับว่า ข้อบังคับนี้ได้ประกาสใช้ โดยอาสัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗ แห่งกดอัยยการสึกนั้นในวงการของนักกดหมาย ก็เห็นกันว่าเปนการกล่าวอ้างที่ปราสจากมูลถานมาตรา ๑๗ ของ พ.ร.บ.กดอัยยการสึกไม่อาจตีความไปได้ไกลถึงว่าผู้บันชาการทหานสูงสุดจะมีอำนาจประกาสข้อบังคับทำนองตั้งสาลเตี้ยขึ้นเช่นนี้ได้ จึงเปนอันว่า ผู้ประกาสข้อบังคับฉบับนี้ ได้ตราข้อบังคับอันนี้ขึ้นโดยปราสจากอำนาจอันชอบที่จะทำได้ (ดูความเห็นของ “อิสสระชน” ว่าด้วยเรื่องอำนาจของผู้บังคับบันชาการทหานสูงสุดตามกดอัยยการสึกใน “ประชามิตร-สุภาพบุรุส” ประจำวันที่ ๒๖ สิงหาคม ประกอบ) เมื่อเปนเช่นนี้เราจะวางใจว่าผู้มีอำนาจตรากดหมาย จะตรากดหมายแต่ที่ดี ที่ชอบด้วยทำนองคลองธัม ออกใช้บังคับประชาชนพลเมืองเสมอไปหาได้ไม่ และด้วยเหตุเช่นนี้ ก็เปนการจำเปนอยู่ ที่บรรดาพวกเราเหล่า “ไพร่ฟ้า” จะต้องสึกสาหลักเกนฑ์ในเรื่องนี้ไว้ตามสมควร เพื่อว่าเมื่อพวก “ชาวฟ้า” ท่านออกประกาสหรือข้อบังคับหรือกดหมายใด พวกเราเหล่า “ไพร่ฟ้า” จะมิได้หลับตาพากันจุดธูปเทียนขึ้นบูชาด้วยหลงงมงายไปว่า “โองการ” หรือการกระทำของท่านพวกนั้นเปนของดีงามทุกเรื่อง เพราะว่าในบางขนะเราจะเห็นว่า ท่านพวกนั้นได้ออก “โองการ” หรือประกอบกิจซึ่งแม้แต่ลามันก็ไม่กระทำ!

บัดนี้เมื่อเราจะกลับไปกล่าวถึงเรื่อง เสรีภาพภายในขอบเขตต์ของกดหมายหรือเสรีภาพภายในบังคับของกดหมาย เราก็จะได้เข้าใจกันไว้ว่า การตรากดหมายโดยคนะรัถบาล หรือคนะผู้ปกครอง เพื่อกำหนดขอบเขตต์การใช้เสรีภาพของประชาราสดรนั้น อาจจะเปนได้ทั้งการตรากดหมายที่ดีและการตรากดหมายที่เลว ซึ่งได้แก่กดหมายที่คุกคามเสรีภาพของประชาชนโดยปราสจากหลักเกนฑ์ ดังเรื่องข้อบังคับกดอัยยการสึกที่ยกมาเปนตัวอย่างนั้นเปนต้น แต่ถึงกระนั้นก็ดีในบัดนี้เราก็ยังไม่ซาบว่า แดนแห่งการใช้เสรีภาพของประชาชนไปสุดสิ้นลงเพียงไหน หลักเกนฑ์ในการตรากดหมายกำหนดขอบเขตต์การใช้เสรีภาพ ซึ่งจะถือว่าเปนหลักเกนฑ์ที่ดีเปนที่ยอมรับนับถือกันโดยมากนั้นมีอยู่อย่างไร

การตอบปันหาข้อนี้ เปนการตอบปันหาที่ใหย่หลวงอยู่ แต่ก็เปนความมุ่งหมายของเรา ที่จะค้นคว้าหาคำตอบตามสติปัญญาที่จะทำได้เพื่อจะได้รักสาไว้เปนเครื่องมือตรวจสอบการกระทำของคนะผู้ปกครองในการบัญญัติกดหมายต่างๆ ว่าจะเปนการบุกรุกย่ำยีล่วงแดนเสรีภาพของเราหรือไม่ เปนของแน่นอนว่าการที่จะลากเส้นพรมแดนแห่งเสรีภาพของประชาชนให้เปนการเด็ดขาดตายตัวนั้น เปนกิจที่ไม่อาจกระทำได้แต่ก็ไม่เปนการเหลือบ่ากว่าแรงเกินไป ที่เราจะค้นหาหลักเกนฑ์ใหย่ๆ เพื่อจะกำหนดลงไว้ว่า การกระทำเช่นใดอาจถือได้ว่า เปนการละเมิดเจตนารมน์ของกดหมายรัถธัมนูญ ในส่วนที่บัญญัติรับรู้เสรีภาพของปวงชนหรือไม่ เราจะอภิปรายปันหาข้อนี้ในบทต่อไป

๔ กันย์. ๘๗

ที่มา : ไม่ทราบแหล่งพิมพ์ครั้งแรก
เวลา : กันยายน พ.ศ.2487

 

หมายเหตุ:

  • กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับจากคุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการหนังสือมนุษย์ไม่ได้กินแกลบฯ และคุณปรีดา ข้าวบ่อ แห่งสำนักพิมพ์ชนนิยมแล้ว
  • อักขรและวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
  • โปรดดูเพิ่มเติม หมายเหตุบรรณาธิการได้ที่ สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ, “เสรีภาพ” ใน มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548), น. 78-97.
  • ตัวเน้นโดยผู้เขียน

บรรณานุกรม :

  • สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548)

 

บทความที่เกี่ยวข้อง