
กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพา
เด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่งในนครซานฟรานซีสได้เอ่ยถามแม่ของเขาขึ้นว่า “แม่จ๋า, เราจะอพยพไปอยู่ที่อื่นที่ไม่มีท้องฟ้า ไม่ได้หรือจ๊ะ, แม่?
เด็กหญิงเล็กๆ คนนั้นได้ตั้งข้อถามขึ้นภายหลังที่ได้ฟังพี่ชายของเขากล่าวถึงความสยดสยองของลูกระเบิดปรมาณู
Dr. Willard Uphaus ผู้แทนคนหนึ่งในคณะผู้แทนสันติชนของอเมริกาได้บรรยายให้ที่ประชุมสมัชชาสันติภาพสากลครั้งที่สองในกรุงวอร์ซอว์ว่า ฝ่ายที่นิยมสงครามในอเมริกาได้ใช้กำลังที่มีอยู่อย่างเต็มเหนี่ยวโดยทางหนังสือพิมพ์ ทางวิทยุกระจายเสียง และโดยทางแสดงกถาต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความคิดอันสบสน และย้อมความรู้สึกของประชาชนอเมริกันให้โชกชุ่มด้วยความหวาดกลัว การก่อให้เกิดความกลัวและการขู่ให้กลัวนั้นได้นำออกปฏิบัติทั้งแก่ ประชาชนและแก่วงการศึกษาขั้นสูง จนกระทั่งพวกครูบาอาจารย์เอง หากว่าได้กล่าวความจริงอะไรออกมา และหากว่าไม่ยอมลงนามในคำปฏิญญาซึ่งหมายถึงการยอมรับการถูกควบคุมในทางความคิดแล้วก็จะต้องถูกปลด การปฏิบัติเช่นนี้เปนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในรัฐใหญ่ๆ เช่นนิวยอร์คและแคลิฟอเนีย เด็กนักเรียนของรัฐเหล่านั้นได้รับการสั่งสอนถึงวิธีป้องกันอันตรายจากลูกระเบิด แทนที่จะได้รับการสั่งสอนให้สร้างโลกสันติที่ลูกระเบิดไม่อาจตกลงมาจากฟ้าได้ ด้วยการโฆษณาปลุกปั่นเช่นนั้นแหละ ใครๆ ก็พากันพูดถึงแต่เรื่องสงครามและความสยดสยองของสงครามแม้แต่เด็กนักเรียน Dr. Willard Uphaus บรรยายว่า เมื่อผู้แทนคนหนึ่งในคณะผู้แทนสันติชนของเขาถูกจับ เนื่องด้วยนำคำเรียกร้องสันติภาพออกแจกจ่ายนั้น ฝ่ายโจทย์ได้สรุปคำแถลงของเขาแก่คณะลูกขุนว่า “นายคนนี้แหละที่ในระหว่างที่อเมริกากำลังทำสงคราม เขาเรียกหาสันติภาพ การกระทำเช่นนี้จะไปเรียกว่าเปนการท้าทายระบบกฎหมายและความสงบเรียบร้อยของเราทั้งหมดหรือ? จะไม่เรียกว่าเปนการท้าทายระบบการปกครองของเราทั้งหมดหรือ?
การก่อให้เกิดความกลัวและการขู่ให้กลัว ดังที่ชนชั้นที่กุมอำนาจปกครองและลูกมือของเขา ได้ปฏิบัติอย่างเข้มงวดอยู่ในอเมริกานี้แหละ ที่ทำให้เด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่งอยากจะไปเสียให้พ้นโลกที่คลุมไว้ด้วยท้องฟ้า
ภัยของสงครามนั้นมิได้ตั้งต้นเอาต่อเมื่อสงครามได้ระเบิดตูมตามออกมา ภัยของสงครามได้ตั้งต้นตั้งแต่ในขั้นเตรียมการสงคราม รัฐบาลของประเทศที่เตรียมการทำสงครามนั้น ในขั้นต้นก็จะระดมเครื่องมือโฆษณา การปั่นหัวประชาชนให้หมกมุ่นอยู่แต่ในเรื่องการทำสงคราม เพื่อที่จะบรรลุความมุ่งหมายข้อนั้น รัฐบาลก็จะต้องปกปิด อำพรางความจริง และควบคุมความคิดที่จะชักจูงประชาชนให้หันเหไปจากเรื่องสงคราม เหตุฉะนั้น ในอเมริกาการสอบสวนจับกุมลงโทษบุคคลผู้ที่คัดค้านสงครามและส่งเสริมสันติจึงมีอยู่ดกดื่น และเปนเรื่องเกรียวกราวอยู่เสมอ พวกศาสตราจารย์, นักเขียนและนักแสดงภาพยนตร์ผู้ใฝ่สันติที่ต้องตกเปนเหยื่อแก่การถูกกล่าวหาจับกุมลงโทษมากราย พวกนิโกรอเมริกันผู้ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่ต้องการจะถูกเกณฑ์ไปทำสงครามประหัตประหารเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เปนพวกที่ถูกทางการบ้านเมืองขนาบปราบปรามอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี ข่าวที่น่าสนเท่ห์และน่าสังเวชเช่นนี้ไม่ใคร่จะมีปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ในเมืองไทย แต่ในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ข่าวเหตุการณ์ในอเมริกาที่เปนข่าวประหลาดเช่นนี้มีอยู่ชุกชุม ดังนั้นผู้คนพลเมืองในยุโรปจึงมองดูพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในอเมริกาด้วยความประหลาดใจและไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรกันที่นั่น และสิ่งที่ติดตามมากับความประหลาดใจก็คือความไม่ไว้วางใจว่า พวกที่กุมอำนาจในอเมริกาจะลากประเทศใหญ่น้อยในโลกเข้าไปในสงครามมหาประลัย โดยที่เขาเหล่านั้นไม่ต้องการเลย เพราะฉะนั้นเราจึงได้เห็นว่า ความร่วมมือของนานาประเทศพันธมิตรของอเมริกาได้คลายความหนักแน่นและปรากฏอาการขัดแย้งเพิ่มพูนขึ้นเปนลำดับ นี้เปนความเปนจริงที่ปรากฏอยู่แล้ว นี้เปนสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า นานาประเทศต้องการสันติภาพและหลีกเลี่ยงการถูกผลักดันชักจูงให้เข้าสู่สงครามโดยเปนเครื่องมือของคนอื่น นี้เปนความจริงที่เมืองไทยไม่พึงมองข้ามไป
การเตรียมการทำสงครามนั้นย่อมมาพร้อมกับการทำให้ประชาชนเกิดความกลัว และการขู่ให้กลัว ซึ่งเปนการนำความเสื่อมมาสู่จิตใจของประชาชน การเตรียมการย่อมมาพร้อมกับการบังคับข่มขี่ประชาชนให้หมอบราบต่ออำนาจของรัฐ ซึ่งก็เปนแต่อำนาจของชนชั้นหนึ่งหรือส่วนหนึ่งที่จะใช้บังคับแก่ชนชั้นอื่นหรือชนส่วนใหญ่เท่านั้น การเตรียมการทำสงคราม ย่อมมาพร้อมกับการกวาดรวมเอารายได้ของประชาชนไปใช้ในการสร้างหรือซื้อเครื่องอาวุธ เมื่อแรงงานและรายได้จำนวนมากรายของประชาชนต้องถูกใช้ไปเพื่อเครื่องประหารเสียแล้ว ประชาชนก็ย่อมจะขาดแคลนเครื่องบำรุงชีวิตเปนธรรมดา หากว่าประชาชนไม่ต้องการมีชีวิตเพื่อความทุกข์ทรมานและเพื่อความขาดแคลน เขาก็จะต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเลิกการเตรียมการเพื่อสงคราม หรืองดการกระทำทุกชนิดที่เปนการก่อศัตรู หรือชักนำประเทศให้ดำเนินใกล้สงครามเข้าไปทุกที
เมื่อไม่นานมานี้ นักหนังสือพิมพ์อเมริกันนายหนึ่งได้ถามนายพลฝรั่งเศสว่า เขามีความเห็นอย่างไรในเรื่องสงครามโลกครั้งที่สาม นายพลฝรั่งเศสตอบว่า เพราะว่าอเมริกายังไม่เคยเปนสนามยุทธของสงคราม เพราะว่าอเมริกาอยู่ไกลสนามยุทธเกินไป ชาวอเมริกันจึงพูดจาถึงเรื่องสงครามอย่างเอิกเกริก แต่ชาวฝรั่งเศสซึ่งปิตุภูมิของเขาได้ตกเปนสนามยุทธมาแล้วในสงครามโลกสองครั้ง ย่อมรู้รสชาติความทุกข์ทรมานของสงครามมาแล้วอย่างตรึงใจ ย่อมจะพูดถึงสงครามอย่างที่ชอบพูดกันอยู่ในอเมริกาขณะนี้ไม่ได้อยู่เอง สำหรับสงครามโลกครั้งที่สามนั้น นายพลฝรั่งเศสตอบว่า ผู้แพ้ผู้ชนะจะไม่มี จะมีก็แต่การแปลงโลกทั้งโลกให้เปนนรกไปเท่านั้น และสรรพสิ่งที่มนุษย์ได้ออกแรงออกปัญญาสร้างสรรค์มานับเปนเวลาตั้งพันปี ก็จะละลายหายศูนย์ไปในขุมนรกนั้น
นั่นแหละคือสิ่งที่โฆษณากันอย่างอื้ออึงในอเมริกาว่าเปนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้! นั่นแหละคือสิ่งที่ได้มีการเร่งเร้ามาจากทวีปโน้นว่า ชาวโลกเสรีจะต้องควบตะบึงไปให้ถึง! นั่นแหละคือสิ่งที่จะไปถึงได้โดยไม่ชักช้าด้วยการระดมสร้างอาวุธประหารอันร้ายกาจและแจกจ่ายอาวุธประหารอันร้ายกาจนั้นไปทั่วโลก!
แต่ในปัจจุบันนี้ประชาชาวโลกได้ตื่นตัวขึ้นแล้ว เขาได้ร้องคัดค้านขึ้นเซ็งแซ่แล้วว่าเขาจะไม่เดินทางเข้าหาขุมนรกอันแสนสยดสยองนั้น ทางของประชาชนทั่วโลกคือทางไปสู่สันติภาพ เขาได้ผสานกำลังของเขาเปนปึกแผ่นแข็งแรงแล้ว การร่วมแสดงมติเรียกร้องสันติภาพ เขากำลังก้าวหน้าไปอีกก้าวหนึ่งในการเรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจทั้งห้าทำกติกาสัญญาสันติภาพขึ้นไว้
บัดนี้ความสำเร็จของการพิทักษ์สันติภาพของโลกจึงอยู่ที่กำลังความร่วมมือของสามัญชนทั่วโลกนั่นเอง และก็มีนิมิตรแล้วว่ากำลังความร่วมมือของประชาชนจะสามารถพิทักษ์สันติภาพไว้ได้
ความร่วมมือของประชาชนจะช่วยให้เด็กหญิงเล็กๆ ในอเมริกา ในเมืองไทย และทั่วโลกไม่ต้องร้องขอแก่แม่ของเขาให้พาไปอยู่ในที่ๆ ไม่มีท้องฟ้า
ด้วยความร่วมมือของประชาชน เด็กหญิงเล็กๆ ทั่วโลกจะอยู่ด้วยความสงบผาสุกในอ้อมอกแม่ ในโลกที่คลุมไว้ด้วยท้องฟ้าแห่งสันติ
ที่มา : ไม่ทราบแหล่งพิมพ์ครั้งแรก
เวลา : 31 พฤษภาคม พ.ศ.2494
หมายเหตุ :
- กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับจากคุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการหนังสือมนุษย์ไม่ได้กินแกลบฯ และคุณปรีดา ข้าวบ่อ แห่งสำนักพิมพ์ชนนิยมแล้ว
- อักขระและวิธีสะกดคงไว้ตามต้นฉบับ
- โปรดดูเพิ่มเติม หมายเหตุบรรณาธิการได้ที่ สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการ, เรื่อง “ทางไปสู่โลกที่คลุมไว้ด้วยท้องฟ้าแห่งสันติ”, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548), น. 493-497.
- ตัวเน้นโดยผู้เขียน
บรรณานุกรม :
- กุหลาบ สายประดิษฐ์, เรื่อง “ทางไปสู่โลกที่คลุมไว้ด้วยท้องฟ้าแห่งสันติ”, มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ข้อเขียนการเมืองของกุหลาบ สายประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ: แอล.ที.เพลส, 2548), น. 493-497.
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- ตอนที่ 1 - มนุษยภาพ
- ตอนที่ 2 - ชีวิตของประชาชาติ
- ตอนที่ 3 - ข่าวในหนังสือพิมพ์ไทย
- ตอนที่ 4 - ระบบหัวโขน
- ตอนที่ 5 - เสรีภาพ
- ตอนที่ 6 - ความกาลีแห่งอำนาจ
- ตอนที่ 7 - การวางยาแก้โรคเงินเฟ้อ
- ตอนที่ 8 - เชษฐบุรุษ
- ตอนที่ 9 - รัฐบุรุษอาวุโสกลับคืนสู่มาตุภูมิ
- ตอนที่ 10 - การลาออกของนายปรีดี
- ตอนที่ 11 - บรรยากาศในสภาวันจันทร์
- ตอนที่ 12 - เสถียรภาพทางการเมือง
- ตอนที่ 13 - ดิเรกลาออก
- ตอนที่ 14 - การแปลบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
- ตอนที่ 15 - กลไกประชาธิปไตย
- ตอนที่ 16 - เล่นการเมือง
- ตอนที่ 17 - การเมืองเต็มไปด้วยภาพมายา
- ตอนที่ 18 - “นั่งลงนิ่ง ๆ และคิด”
- ตอนที่ 19 - การประกอบรัฐบาลของประชาชน
- ตอนที่ 20 - ชีวิตไม่มีแต่การเมือง
- ตอนที่ 21 - คำสาบาลซ้ำ
- ตอนที่ 22 - ลักษณะคำแถลงนโยบาย
- ตอนที่ 23 - การแถลงคำอธิษฐานในสภา
- ตอนที่ 24 - ประโยชน์ของการมีฝ่ายค้าน
- ตอนที่ 25 - แลไปข้างหน้า
- ตอนที่ 26 - การเผยแพร่ประชาธิปไตย
- ตอนที่ 27 - เสถียรภาพทางการเมือง
- ตอนที่ 28 - ความปลอดภัยแห่งชีวิตราษฎร
- ตอนที่ 29 - ความเปื่อยผุในวงการปกครอง
- ตอนที่ 30 - ความทุจริตในการเลือกตั้ง
- ตอนที่ 31 - ไปสู่ความล้มละลายในศีลธรรม
- ตอนที่ 32 - ประกันสังคมของรัฐบาลไทย
- ตอนที่ 33 - ฐานะของรัฐบาล “สถานการณ์”
- ตอนที่ 34 - อันความกรุณาปราณี…
- ตอนที่ 35 - ประเทศของคนที่มีโชคดี
- ตอนที่ 36 - การเมือง
- ตอนที่ 37 - ประชาชนได้แต่ชเง้อดู
- ตอนที่ 38 - การชำระบิลค่าหัววเราะ
- ตอนที่ 39 - การศึกษาปัณหาสังคม
- ตอนที่ 40 - มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ
- ตอนที่ 41 - ทฤษฎีใหม่
- ตอนที่ 42 - มนุษย์ไม่ได้กินแกลบ ต่างประเทศ… มาสอนให้ไทยคคิด
- ตอนที่ 43 - เงื่อนไข... แห่งความสนับสนุนของประชาชน
- ตอนที่ 44 - หลักฐานของการปกครองโดยผู้แทนราษฎร
- ตอนที่ 45 - สุขอื่นนอกจากสันติสุขไม่มี
- ตอนที่ 46 - นักการเมืองขี้โรคในอเมริกา
- ตอนที่ 47 - การกระทําอันทรงศักดิ์ศรีและเปนมงคลแท้จริง
- ตอนที่ 48 - ประชาชาวโลกกับสันติภาพ
- ตอนที่ 49 - ที่หวังในสันติภาพ