ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
วันนี้ในอดีต

การก่อตั้งคณะราษฎร 5 กุมภาพันธ์ 2469 ข้อเท็จจริงจากบันทึกประกอบคำประท้วงฯ ของปรีดี พนมยงค์

5
กุมภาพันธ์
2568

 

Focus

  • ในโอกาสปี 2568 ครบวาระ 98 ปี ของการประชุมก่อคั้งคณะราษฎรอย่างเป็นทางการครั้งแรก คือเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2469 ที่ระบุไว้ในบันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์ บทความชิ้นนี้จึงขอเสนอข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ช่วงการก่อตั้งคณะราษฎร จากบันทึกประกอบคำประท้วงของปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์หายากชิ้นสำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเป็นการเสนอข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ในมุมมองที่แตกต่างจากหนังสือ ชีวิต 5 แผ่นดิน ของข้าพเจ้า โดย ประยูร ภมรมนตรี ฉบับพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2518 และบันทึกประกอบคำประท้วงเล่มนี้นายปรีดียังอ้างอิงถึงหลักฐานชั้นต้นของทางการ อาทิ ราชกิจจานุเบกษา รายงานการประชุมคณะรัฐมนตรี และรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งบันทึกของสมาชิกคณะราษฎรเล่มสำคัญ อาทิ บันทึกของพระยาทรงสุรเดช และบันทึกของพระยาฤทธิอัคเนย์

 

(จากซ้าย) นายชม จารุรัตน์, นายแดง (วิเลียม) คุณะดิลก, นางสาวเล็ก คุณะดิลก หรือ คุณหญิงเลขา อภัยวงศ์ ภรรยานายควง อภัยวงศ์, นายควง อภัยวงศ์, ม.จ.ธานีเสิกสงัด ชุมพล, ม.จ.ลายฉลุทอง ทองใหญ่, นายปรีดี พนมยงค์, ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ
หรือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม, นายประยูร ภมรมนตรี และนายแนบ พหลโยธิน ที่ Place du Trocadéro ก่อนการประชุมก่อตั้งคณะราษฎร

 

5 กุมภาพันธ์ 2469 คือวัน เดือน ปี ของการก่อตั้งคณะราษฎรที่ถูกระบุไว้ในบันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์ บทความชิ้นนี้จึงขอเสนอข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ช่วงการก่อตั้งคณะราษฎร จากบันทึกประกอบคำประท้วงของปรีดี พนมยงค์ บันทึกประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของนายปรีดีที่ใช้ในการฟ้องร้องคดีต่อ หนังสือ ชีวิต 5 แผ่นดิน ของข้าพเจ้า โดย ประยูร ภมรมนตรี ฉบับพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2518 ซึ่งมีข้อมูลแตกต่างจากหนังสือฉบับดังกล่าว และได้ชี้ให้เห็นข้อมูลสำคัญว่ารากฐานการเคลื่อนไหวของนักเรียนไทยในต่างแดนช่วงเวลานั้นมาจากสามัคยานุเคราะห์สมาคม

 

การก่อตั้งคณะราษฎร จากพื้นฐานของสามัคยานุเคราะห์สมาคม

นายปรีดี พนมยงค์ นำเสนอหลักฐานประวัติศาสตร์สำคัญเรื่องความขัดแย้งระหว่างอัครราชทูตสยามประจํากรุงปารีสกับสามัคยานุเคราะห์สมาคมซึ่งนายปรีดีต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นสภานายกสมาคมฯ เรื่องที่ต้องรับผิดชอบในการในการแผลงสมาคมของนักศึกษาให้มีสภาพเป็นสหภาพแรงงาน (Syndicate) ไว้ 2 ชิ้น ดังนี้

 

 

 


โทรเลขของพระองค์เจ้าไตรทศ(กรมหมื่นเทววงศ์วโรทัย) สำเนาฉบับที่ 14080 รับที่สถานทูต
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1926 ฉบับภาษาอังกฤษ
ซึ่งมีความตามที่ถ่ายภาพจากต้นฉบับสำเนาที่สถานทูตได้รับ
ที่มา : บันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์

 

 


สำเนาโทรเลขจากเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศที่กรุงเทพฯ ถึงอัครราชทูตสยามที่ปารีส โทรเลขส่งจากกรุงเทพฯ วันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1926
ที่มา : บันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์

 

ซึ่งตามวิธีปกติธรรมดานั้น ถ้านักเรียนทุนรัฐบาลที่ศึกษาในต่างประเทศกระทําความผิด กระทรวงเจ้าสังกัดก็เพียงแต่ส่งโทรเลขหรือหนังสือราชการธรรมดาถึงสถานทูตให้ส่งตัวนักเรียนคนนั้น ๆ กลับสู่สยามแต่ในกรณีความขัดแย้งระหว่างท่านอัครราชทูตสยามประจํากรุงปารีสกับสามัคยานุเคราะห์สมาคมนั้น ทางรัฐบาลสยามสมัยนั้นเห็นว่าเป็นเรื่องวิสามัญเรื่องหนึ่งซึ่งนายปรีดีชี้ให้เห็นการจัดการของรัฐบาลสยามไว้ว่า

ฉนั้นนอกจากกระทรวงการต่างประเทศสยามได้ส่งโทรเลขถึงท่านอัครราชทูตดังที่ ข้าพเจ้าได้ลงพิมพ์ไว้ใน (1) และ (2) แล้ว กระทรวงการต่างประเทศสยามได้ทําหนังสือราชการชั้น “สารตราบัวแก้วน้อย” (นักอักษรศาสตร์สมัยนั้นทราบระเบียบหนังสือราชการแล้วว่า “สารตรา” มีน้ําหนักกว่าหนังสือราชการธรรมดา) ถึงท่านอัครราชทูตสยามยืนยันโทรเลขที่กระทรวงฯ ส่งมาพร้อมทั้งส่งสําเนาพระราชหัตถเลขาและหนังสือของราชเลขาธิการด้วย ดังที่ข้าพเจ้าได้นําภาพถ่ายลงพิมพ์ไว้ต่อไปนี้

 

 

 


หนังสือราชการชั้นสารตราบัวแก้วน้อย” ถึงท่านอัครราชทูตสยามยืนยันโทรเลขที่กระทรวงฯ
ที่ส่งมาพร้อมทั้งส่งสําเนาพระราชหัตถเลขาและหนังสือของราชเลขาธิการ
ที่มา : บันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์

 

นายปรีดีได้ชี้ให้เห็นผลของการต่อสู้กับท่านอัครราชทูตฯ กรณีสามัคยานุเคราะห์สมาคมไว้ 3 ประการ ได้แก่

 

ข้าพเจ้าขอเสนอท่านผู้มีใจเป็นธรรมโปรดพิจารณาผลแห่งวิธีต่อสู้ท่านอัครราชทูตตัวและสมบูรณาฯ ดังต่อไปนี้

(1)

การ “ชักจูง” เพื่อนต่อสู้ระบบสมบูรณาฯ นั้นเป็นการเสี่ยงต่อคอขาดบาดตาย จึงไม่อาจทําได้ง่าย ๆ เหมือนชวนเพื่อนไปหาผู้หญิงนั่งรถเที่ยวเล่นด้วยกัน

สามัคยานุเคราะห์สมาคมได้ลงมือต่อสู้ท่านอัครราชทูตซึ่งเป็นตัวแทนระบบสมบูรณานั้น ซึ่งเป็นการต่อสู้พื้นฐานเบื้องต้นคนแล้วจึงจะพัฒนาขึ้นทีละขั้น ๆ

(2)

ผลส่วนรวมที่ได้รับจากการต่อสู้ครั้งนั้น คือ

(ก) แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยให้ยุบสามัคยานุเคราะห์สมาคม แต่พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท่านอัครราชทูตกราบบังคมทูลชี้แจงเกี่ยวกับฎีกาของนักศึกษาเกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือน ซึ่งต่อมาก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินเดือนเพิ่มให้แก่นักศึกษา อันเป็นประวัติการณ์ที่องค์การคนงานในสยามยังไม่เคยได้รับความสําเร็จในการเรียกร้องค่าจ้างเพิ่มขึ้นในสมัยก่อนนั้น

(ข) ผลที่ได้ใหญ่ว่านักศึกษาได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นนั้นก็คือ ก่อนเพิ่มขึ้นนั้นก็คือ นักศึกษาได้บทเรียนว่าความสามัคคีร่วมกัน เป็นปึกแผ่นสามารถต่อสู้ระบบสมบูรณาฯ ได้ ซึ่งเป็นการ “ก่อหวอด” อันใหญ่ที่สําคัญที่จะทําให้เพื่อนจํานวนหนึ่ง จัดตั้ง “ปาร์ตี้” หรือ “คณะ” ที่จะเป็นกองหน้าในการต่อสู้ระบบสมบูรณาฯ นั้นขึ้นสูงขึ้นไปตามลําดับ

(3)

ก่อนที่สมาคมจะลงมือดําเนินการดังกล่าวนั้น ข้าพเจ้าคาดการณ์ไว้แล้วว่าผู้ที่จะต้องถูกทางราชการลงโทษนั้นคือ ข้าพเจ้าในฐานะเป็นสภานายกของสมาคม ซึ่งจะต้องถูกเรียกตัวกลับไปสยามก่อนสําเร็จปริญญาเอก

เมื่อเพื่อนสมาชิกหลายคนได้ทราบความตามโทรเลขฉบับแรกของเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศถึงสถานทูตให้ส่งตัวข้าพเจ้ากลับสยามนั้น เพื่อนสมาชิกหลายคนก็ได้แสดงความเป็นปึกแผ่น “Solidarity” ร่วมกันที่จะสละเงินเดือนส่วนหนึ่งของตนเพื่อให้ข้าพเจ้าได้เรียนจนสําเร็จขั้นปริญญาเอก

แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระมหากรุณาฯ ตามฎีกาของนายเสียงบิดาข้าพเจ้า โดยข้าพเจ้าได้ศึกษาต่อไปจนสําเร็จปริญญาเอกแล้ว จึงให้ข้าพเจ้าเดินทางกลับสู่สยาม

 

และนายปรีดีชี้ให้เห็นว่านายประยูร ภมรมนตรี ไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมต่อนักเรียนไทยในปารีสและยุโรปครั้งนี้

 

เมื่อครบกําหนด 15 วันแห่งการประชุมประจําฤดูร้อน ค.ศ. 1926 (พ.ศ. 2468) ซึ่งได้มีการต่อสู้อัครราชทูตตัวแทนระบบสมบูรณาฯ ดังกล่าวในข้อ 16. นั้นแล้ว วันรุ่งขึ้นเวลาเข้าสมาคมฯ ได้จัดให้นักเรียนส่วนมากเดินทางออกจากเมืองซาเดรต์กลับไปยังกรุงปารีส ด้วยความอาลัยรักกันเป็นอย่างมากคงเหลือแต่ปรีดีกับเพื่อน 5 คนที่รอคอยที่ซาเดรต์เพื่อสรุปผลของการประชุมสมาคมฯ ที่ได้พัฒนาทางการต่อสู้ระบบสมบูรณาฯ

เพื่อน 5 คนนี้เรียงตามลําดับอาวุโสที่ได้ศึกษาในต่างประเทศนานกว่าคนอื่นตามลําดับ ดังต่อไปนี้

1. นายตั้ว ลพานุกรม กรรมการสามัคยานุเคราะห์สมาคมได้ไปศึกษาในเยอรมนีตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อสยามประกาศสงครามต่อเยอรมันแล้วรัฐบาลเยอรมันได้จับตัวนายตั้วกับคนไทยอีกหลายคนเป็นเชลยศึก ต่อมาเยอรมันได้ตกลงหยุดยิงกับสัมพันธมิตรแล้ว (แต่ยังไม่ยอมลงนามสัญญาสันติภาพ) รัฐบาลเยอรมันได้ปล่อยตัวนายตั้วฯ นายตั้วฯจึงสมัครเป็นทหารอาสาไทยได้ยศจ่านายสิบเสร็จสงครามแล้วนายตั้วฯ ได้ไปศึกษาชั้นปริญญาเอกที่สวิตเซอร์แลนด์

2. รองอํามาตย์เอกหลวงศิริราชไมตรีนามเดิม จรูญ สิงหเสนี เลขานุการสถานทูตสยามประจํากรุงปารีส อดีตนักเรียนกฎหมาย, นายสิบตรีกองหนุนแห่งกองทหารอาสาไทยระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1

3. นายแนบ พหลโยธิน เนติบัณฑิตย้ายจากอังกฤษไปเตรียมศึกษาปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยปารีส, นายแนบฯ เป็นบุตร์พระยาพหลพลพยุหเสนา (นพ) พี่ชายของพระยาพหลพยุหเสนา (พจน์) ที่ต่อมาเป็นหัวหน้าคณะราษฎร

4. ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ (สําเร็จวิชา ร.ร.เสนาธิการทหารบกสยาม กําลังศึกษาภาษาฝรั่งเศสและเลขคณิตเพื่อเข้าศึกษาที่ ร.ร.นายทหารปืนใหญ่ฝรั่งเศส)

5. ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี (กําลังเรียนที่ร.ร. นายทหารม้าฝรั่งเศส)

หมายเหตุ

ร.ท.ประยูรฯ มิได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนั้น เนื่องจากท่านอัครราชทูตห้ามมิให้นักเรียนในความดูแลของสถานทูตเดินทางไปร่วมประชุมกับนักเรียนอังกฤษที่กรุงลอนดอน ฉนั้นสมาคมฯ นั้นจึงมีมติให้นักเรียนทุนส่วนตัวที่ไม่ได้ติดต่อสถานทูต 3 คนคือ ร.ท.ประยูรฯ, นายเดือน บุนนาค, นายเข็ม ณ ป้อมเพ็ชร, เป็นตัวแทนของสมาคมเดินทาง ไปร่วมประชุมกับนักเรียนไทยในกรุงลอนดอน ร.ท.ประยูรฯ มีหนังสือเดินทางที่ยังไม่ขาดอายุจึงเดินทางไปได้ ส่วนนายเดือนกับนายเข็มต้องขอหนังสือเดินทางใหม่ สถานทูตจึงตั้งเงื่อนไขว่าจะออกหนังสือเดินทางให้ต่อเมื่อทั้ง สองคนให้สัญญาว่าจะไม่ร่วมประชุมกับนักเรียนอังกฤษ

(2)

ในการประชุมพิเศษครั้งนั้นที่ประชุมเห็นต้องกันว่า นักเรียนส่วนข้างมากที่ได้ร่วมประชุมสมาคมฯ นั้นมีจิตสำนึกสูงแล้วที่สามารถร่วมในการเปลี่ยนระบบสมบูรณาฯมาเป็นระบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญได้ตามระดับแห่ง ตามเหมาะสมของสภาพของแต่ละคน ฉนั้นจึงเป็นการสมควรที่ปรีดีกับเพื่อน 5 คนนั้นและ ร.ท.ประยูรฯ อีกคนหนึ่ง ได้ร่วมกันเตรียมการก่อตั้ง “คณะ (ปาร์ตี้)” ขึ้นเป็นการลับเพื่อเป็นแกนกลางแห่งขบวนการเปลี่ยนระบบปกครองดังกล่าวนั้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อย ๆชวนเพื่อคนอื่นให้เข้าร่วม

ที่ประชุมเห็นชอบพร้อมกันที่จะเตรียมการเพื่อก่อตั้ง “คณะ” (ปาร์ตี้)แล้ว ได้ปรึกษากันว่าเมื่อมีคณะก็ต้องมีชื่อคณะให้กระทัดรัดแสดงว่าเป็นคณะที่เป็นกองหน้าของราษฎร และเสียสละเพื่อราษฎร เมื่อพิจารณาชื่อต่าง ๆ ที่มีผู้เสนอแล้วจึงตกลงกันใช้ชื่อ คณะว่า “คณะราษฎร” ซึ่งเป็นมงคลนามดังที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้วในข้อ 6.3.

ส่วนหลักการ, วิธีการ, ข้อบังคับ, วินัย, เกี่ยวกับคณะนั้นให้ต่างคนต่างร่วมศึกษาค้นคว้าเปรียบเทียบตัวอย่างของคณะต่าง ๆ เพื่อนําไปปรึกษาในที่ประชุมก่อตั้งคณะราษฎรซึ่งจะได้กําหนดให้มีขึ้นในต้นปีคริสตศักราช 1927 ปฏิทินไทยขณะนั้นยังเป็น พ.ศ. 2469 เพราะ พ.ศ. 2470 ตั้งต้นเมื่อ 1 เมษายน)

 

อนึ่ง สมัยนั้นสถานทูตสยามประจำกรุงปารีสมีระเบียบว่า นักเรียนที่มีผลการศึกษาดีก็จะได้เดินทางกลับสยามอัตราคนโดยสารขั้นที่ 1 แต่สถานทูตเห็นว่าข้าพเจ้ายังมีความผิดติดค้างอยู่จึงให้ข้าพเจ้าเดินทางอัตราขั้นที่ 2 เพื่อนสมาชิกสมาคมฯ ซึ่งได้ทราบเรื่องนี้จึงได้สละเงินคนละเล็กคนละน้อยเพื่อให้นายปรีดีเพิ่มตั๋วขั้นที่ 2 เป็นขั้นที่ 1 ซึ่งแสดงถึงความเป็นปึกแผ่นของสมาชิกสามัคยานุเคราะห์สมาคมกับนายปรีดีและเป็นครั้งแรกที่นายปรีดีได้นำการต่อสู้และเคลื่อนทางการเมืองเพื่อความเป็นธรรมอย่างเป็น ‘รูปธรรม’ ก่อนการอภิวัฒน์ 2475 และนายปรีดีกล่าวไว้ในเวลาต่อมาว่า

การ “ก่อตั้งคณะราษฎร” ณ กรุงปารีสนั้นเป็นการดําเนินต่อจากพื้นฐานที่สามัคยานุเคราะห์สมาคม ได้ก่อหวอดไว้

 

ข้อเท็จจริงในการประชุมก่อตั้งคณะราษฎรในบันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์

 


บันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์
เรื่องคดีฟ้องฯ หนังสือชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า โดยประยูร ภมรมนตรี

 

นายปรีดีบันทึกข้อเท็จจริงในการประชุมก่อตั้งคณะราษฎรไว้อย่างละเอียดว่า

เมื่อปรีดีสอบได้ปริญญาเอกในต้นปี พ.ศ. 1927 (ปฏิทินไทยขณะนั้นยังเป็น พ.ศ. 2469) แล้วจึงได้ปรึกษาเพื่อนที่อยู่ในปารีสถึงสถานที่และวันที่จะประชุมก่อตั้งคณะราษฎร

(1)

สถานที่นั้นเห็นควรเช่าห้องใหญ่ในบ้านพักหมายเลขที่ 5 แห่งถนน ดี ซอมเมอราด์ (Rue du Sommerard) ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับอาคารที่ปรีดีกับร.ท. แปลกเช่าห้องอยู่ และเป็นอาคารที่ปรีดีในฐานะสภานายกสมาคม ได้เคยจัดหาให้เพื่อนนักเรียนอาศัยอยู่(ร.ท.ประยูร ก็ได้เช่าห้องขนาดย่อมอาศัยอยู่ที่อาคารนั้น)

(2)

ส่วนวันประชุมนั้นสําหรับเทียนที่อยู่ในปารีสหรือใกล้ปารีสก็พร้อมที่จะประชุมได้ทุกวัน แต่สําหรับนายตั้ว ลพานุกรมนั้นอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์จําเป็นต้องเดินทางเป็นการลับไปปารีสโดยมิให้อัครราชทูตทราบ (สมัยนั้นสถานทูตมีระเบียบว่านักเรียนที่อยู่นอกกรุงปารีสและอยู่ในประเทศอื่นจะเข้ามากรุงปารีสก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากสถานทูต) เมื่อปรีดีได้ทราบว่านายตั้วจะเดินทางมาปารีสได้ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2469 จึงได้นัดประชุมก่อตั้งคณะราษฎรในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ โดยเพื่อนได้ช่วยกันออกเงินค่าเช่าห้องใหญ่แห่งบ้านพักดังกล่าวเป็นที่ประชุมให้สมเกียรติพอสมควร และใช้เวลาประชุม 3 วัน เพราะมีเรื่องสําคัญต้องปรึกษากันให้ตกลงเป็นเอกฉันท์

(3)

ผู้ร่วมประชุมจํานวน 7 คน คือ ปรีดีกับเพื่อน 5 คน…

 


หนังสือชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า โดยนายประยูร ภมรมนตรี

 

นายปรีดีได้เสนอให้เห็นว่าข้อมูลเรื่องการก่อตั้งคณะราษฎรจากบันทึกเรื่อง หนังสือชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า โดยนายประยูร ภมรมนตรี มีข้อมูลคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ดังต่อไปนี้

 

พล.ท.ประยูรฯ ได้กล่าวไว้ใน “สรุปการปฏิวัติ” ของท่านซึ่งข้าพเจ้าได้คัดมาลงพิมพ์ไว้ในข้อ 2. แล้วนั้น ท่านนายพลผู้นี้ได้ปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นด้วยในการ “ก่อตั้งคณะราษฎร” และท่านได้ปฏิเสธ “หลัก 6 ประการ” ของคณะราษฎร และปฏิเสธหัวหน้าส่วนรวมและหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ของคณะราษฎร ฯลฯ ดังที่ข้าพเจ้าได้ชี้แจงความจริงไว้ในหลายข้อก่อน ๆ แล้ว

ในหนังสือของพล.ท.ประยูรฯ หน้า 99-101 ท่านนายพลผู้นี้จึงกล่าวถึงการที่ท่าน“ริเริ่ม”ชักชวนหรือที่ สํานักพิมพ์เรียกว่า “ชักจูง”ข้าพเจ้า (ปรีดี), ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ (หลวงพิบูลสงคราม), ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี (หลวงทัศนัยนิยมศึก), ดร.ตั้ว ลพานุกรม, นายแนบ พหลโยธิน, ให้ร่วมคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ และท่านว่า ข้าพเจ้าชวนเพื่อนได้คนเดียวคือ “หลวงศิริราชไมตรี” (จรูญ สิงหเสนี) ให้ร่วมคิดด้วยนั้น

ครั้นแล้ว พล.ท. ประยูรฯ อ้างต่อไปว่าท่านได้จัดให้เริ่มเปิดการประชุมคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองขึ้นที่ “บ้านพักของท่านตั้งอยู่บนถนนดี ซอมเมอราด์ หมายเลข 5 นั้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2467” อันเป็นวันที่ท่านนายพลฯ กล่าวว่า “ข้าพเจ้า(ประยูรฯ) ได้ถือเป็นวันอุดมมงคลฤกษ์ซึ่งตรงกับวันเกิดของข้าพเจ้า (ประยูรฯ)”

ผู้อ่านหนังสือของพล.ท.ประยูรฯ หลายคนจึงหลงเข้าใจผิดว่า บุคคลอีก 6 คน (นอกจากตัวร.ท.ประยูรฯ) นั้นได้ยอมอยู่ภายใต้คำ “ชักจูง” ของร.ท. ประยูรฯ ถึงขนาดที่ ถือเอาวันคล้ายวันเกิดของร.ท.ประยูรฯ เป็นอุดมมงคลฤกษ์” ในการก่อตั้งคณะเปลี่ยนแปลงการปกครองฯและยอมถือเอา “บ้านพัก” ของร.ท. ประยูรฯ เป็นที่ประชุมครั้งแรก คําว่า “บ้านพัก” นี้ในหนังสือของพล.ท.ประยูรฯ หน้า 128 ท่านนายพลผู้นี้เขียนว่า “ร่วมประชุมครั้งแรกที่ “บ้านข้าพเจ้า” (ประยูร) รวมทั้งหมด : 7 คน

 

นายปรีดีได้เสนอข้อสังเกตเปรียบเทียบเกี่ยวกับการก่อตั้งคณะราษฎรไว้เป็นเบื้องต้น 6 ประการ ได้แก่

(ก)

รายชื่อบุคคล 7 คนตรงกับรายชื่อของบุคคลที่ร่วมก่อตั้งคณะราษฎร ณ กรุงปารีสเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ซึ่งข้าพเจ้าได้กล่าวถึงไว้ในหนังสือของข้าพเจ้าเรื่อง “บางเรื่องเกี่ยวกับ เกี่ยวกับการก่อตั้งคณะราษฎร ฯลฯ” พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2515

(ข)

ถ้าสมมติว่าการประชุมครั้งแรกเป็นปี พ.ศ. 2467 ตามที่พล.ท.ประยูร อ้างไว้เช่นนั้น ร.ท.ประยูร ที่เพิ่งเดินทางไปถึงปารีสได้เพียงไม่กี่เดือน และท่านเพิ่งเรียนภาษาฝรั่งเศสเพื่อเตรียมจะเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐศาสตร์ และยังไม่ได้เข้าเรียน จึงทําให้ผู้ซื้อหนังสือของท่านหลงเข้าใจผิดว่าร.ท.ประยูรฯ มีความปรีชาสามารถ “ชักจูง”บุคคลดังกล่าวให้ยอมอยู่ภายใต้การนําของท่าน

อนึ่ง ข้อเท็จจริงที่เป็นจริงอีกอย่างหนึ่ง คือ พ.ศ. 2467 นั้น นายแนบ พหลโยธินศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ สังกัดสถานทูตสยามประจํากรุงลอนดอน นายแนบฯเพิ่งย้ายมาศึกษาต่อขั้นปริญญาเอกที่กรุงปารีสใน พ.ศ. 2468 ภายหลัง 1 ปีจากวันที่ พล.ท.ประยูรฯ อ้างไว้ว่านายแบบมาได้ประชุมด้วยที่บ้านของ พล.ท.ประยูรฯ

(ค.)

สมัยนั้นมีอาคารหนึ่งตั้งอยู่ที่ถนน “ดี ซอมเมอราด์” (Rue du Sommerard) หมายเลข 5 ห่างจากอาคารที่ข้าพเจ้ากับร.ท. แปลกฯ เช่าห้องอยู่ประมาณ 80 เมตร อาหารหมายเลข 5 ดังกล่าวนั้นมีห้องเล็กและห้องใหญ่ให้คนเช่า ข้าพเจ้าในฐานะสภานายกสามัคยานุเคราะห์สมาคมได้เคยจัดให้นักเรียนไทยไปเช่าอยู่ตามฐานะ ของแต่ละคนที่จะสามารถเสียค่าเช่าห้องขนาดใด ร.ท.ประยูรฯ เขียนไว้ในหนังสือของท่านว่า ท่านได้ทุนเล่าเรียนหลวง ฉนั้นห้องที่ ร.ท.ประยูรฯ เช่าอยู่จึงเป็นขนาดย่อมตามฐานะขณะนั้นของท่าน

ส่วนผู้ร่วมประชุมอีก 6 คนนั้นบางคนเป็นนักเรียนที่สถานทูตจัดให้เป็นขั้น “อาวุโสสูง” (Super Senior) ซึ่งได้เงินเดือนและค่าใช้จ่ายมากกว่านักเรียนขั้นอาวุโสธรรมดา ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นเลขานุการสถานทูตได้เงินเดือนมากกว่านักเรียน คือ รองอํามาตย์เอก หลวงสิริราชไมตรี ฉนั้นถ้าผู้ใดหลงเชื่อว่าผู้ร่วมประชุมอีกคนนั้นไปอาศัยห้องขนาดย่อมของ ร.ท.ประยูรฯ (ที่ท่านผู้นี้เรียกว่า “บ้านพัก” หรือ “บ้านข้าพเจ้า”) เป็นที่ประชุมแล้วก็จะต้องเข้าใจผิดไปได้ว่าบุคคล 6 คนนั้นไม่มีน้ําใจเป็นนักกีฬาที่จะช่วยกันออกเงินเช่าห้องใหญ่ในอาคารนั้นเป็นที่ประชุม อันเป็นการเอาเปรียบ ร.ท.ประยูรฯ มากที่ไปอาศัยห้องเล็กของ ร.ท.ประยูรฯ เป็นที่ประชุมเบียดเสียดเบียดกันถึง 7 คน และจะไม่ปลอดโปร่งในการประชุมเรื่องสําคัญ

แต่การประชุม “ก่อตั้งคณะราษฎร” ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 นั้น ผู้ก่อตั้งฯได้ช่วยกันออกเงินค่า “ห้องใหญ่” เป็นที่ประชุมให้สมเกียรติแก่การ “ก่อตั้งคณะราษฎร” ซึ่งต้องใช้เวลา 3 วันในการประชุมนั้นเพราะต้องปรึกษาเรื่องสําคัญต่าง ๆ ให้ตกลงกันเป็นเอกฉันท์

(ง)

ผู้ร่วมเข้าประชุมมิได้รู้มาก่อนว่าวันประชุมวันแรกนั้นตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ ร.ท.ประยูรฯ หากรู้ก่อนแล้วก็จะไม่ถือเอาวันนั้นเป็นอุดมมงคลฤกษ์ เพราะจะเปิดโอกาสให้ ร.ท.ประยูรฯ ฉลองวันคล้ายวันเกิดของท่านให้เมื่อเสร็จเสียก่อน แล้วประชุมก่อตั้งคณะราษฎรในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2469 ก็ได้

(จ)

ร.ท.ประยูรฯ จะใช้เหตุผลอย่างใดบ้างจึงจะทําให้เพื่อนอีก 6 คนยอมอยู่ภายใต้การ “ชักจูง” ของท่านนั้น ข้าพเจ้าจะเสนอให้ท่านที่ปรารถนาสัจจะวิเคราะห์วิจารณ์ในข้อ 18, 20, 21, ว่าสมเหตุสมผลสมควรเพียงใดหรือไม่

(ฉ)

ส่วนการ “ก่อตั้งคณะราษฎร” ณ กรุงปารีสนั้นเป็นการดําเนินต่อจากพื้นฐานที่สามัคยานุเคราะห์สมาคม ได้ก่อหวอดไว้…

 

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่นายปรีดี พนมยงค์ เขียนถึงข้อเท็จจริงเรื่องการประชุมก่อตั้งคณะราษฎรก่อนการอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ชี้ให้เห็นว่ายังมีแง่มุมทางประวัติศาสตร์ใหม่ และมีคุณค่าให้ศึกษาค้นคว้าอย่างไม่รู้จบ ตราบใดที่การอภิวัฒน์ยังไม่นำไปสู่ประชาธิปไตยสมบูรณ์

 

หมายเหตุ :

  • คงอักขร การสะกดคำศัพท์ การเว้นวรรคตามเอกสารต้นฉบับ
  • ภาพประกอบจากบันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์

 

บรรณานุกรม

หลักฐานชั้นต้น :

  • ปรีดี พนมยงค์, บันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์, (มปท., มปป.)