ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
บทบาท-ผลงาน

บันทึกประกอบคำประท้วง กรณีหนังสือชีวิต 5 แผ่นดิน เรื่องข้อเท็จจริงของการอภิวัฒน์ 2475 (ตอนที่ 28)

5
มีนาคม
2568

Focus

  • นายปรีดี พนมยงค์ ได้ตั้งคำถามว่าเหตุใดคณะกรรมการสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ตัดสินให้หนังสือ “ชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า”ของ พล.ท. ประยูร ภมรมนตรี จึง ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประเภท “สารคดี” ทั้งที่มีข้อเท็จจริงผิดพลาดกว่า 100 รายการ ซึ่งหนังสือประเภท “สารคดี” มิใช่งานวรรณกรรมหรือหนังสือเด็ก จึงสำคัญที่ “ข้อเท็จจริง” มากกว่าเงื่อนไขการตัดสินคุณค่าแบบอื่น ๆ ดังนั้น นายปรีดีจึงชี้ว่าหากคณะกรรมการฯ มีใจที่เป็นธรรมและยึดมั่นในพระราชดำรัสรัชกาลที่ 7 ที่ว่าด้วย “ผู้ทำผิดก็ต้องใจนักเลงพอจะรับความผิด ก็ควรเพิกถอนการให้รางวัลและการเผยแพร่สารคดีอันเต็มไปด้วยข้อเท็จนี้เสีย ท้ายที่สุด  จึงมีประกาศกระทรวงศึกษาธิการเพิกถอนคำตัดสินของคณะกรรมการพิจารณาหนังสือแห่งชาติที่มอบรางวัลให้หนังสือชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า และมีคำขอขมาของห้างหุ้นส่วนจำกัดบรรณกิจเทรดดิ้งผู้จัดพิมพ์เผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์
  • ที่มาของหลักฐานประวัติศาสตร์ชุดนี้ เนื่องมาจากในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2523 นายปรีดี พนมยงค์ ได้มอบอํานาจให้นางสาวนวลจันทร์ ณ ป้อมเพชร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกระทรวงศึกษาธิการที่ 1 ห้างหุ้นส่วนจํากัดบรรณกิจเทรดดิ้งที่ 2 เป็นจําเลยต่อศาลแพ่ง เรื่อง ละเมิดหมิ่นประมาทไขข่าวแพร่หลายต่อหนังสือชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า โดยประยูร ภมรมนตรี ซึ่งการฟ้องร้องคดีความฯ ของนายปรีดีถือเป็นการยืนยันสัจจะทางประวัติศาสตร์ให้ปรากฏโดยในเนื้อหาของคำฟ้องคดีความฯ ต่อหนังสือชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้าคดีความฯ ได้สิ้นสุดลงเมื่อศาลแพ่งได้พิพากษาในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2525 ตามหนังสือประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจําเลยและนายปรีดีไม่ได้ฟ้องร้องคดีต่อนายประยูร ภมรมนตรี ด้วยปรารถนาจะประกาศสัจจะทางประวัติศาสตร์และเผยแพร่ข้อเท็จจริงของการก่อตั้งคณะราษฎรและประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถูกบิดเบือนไป

 

 

 


บันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์
ข้อ 22. เหตุใดบ้างที่คณะกรรมการตัดสินว่าหนังสือของ พล.ท. ประยูรฯ มีคุณสมบัติถึงมาตรฐานยอดเยี่ยมประเภทสารคดี?

 

ข้อ 22.

เหตุใดบ้างที่คณะกรรมการฯ ตัดสินว่าหนังสือของพล.ท.ประยูรฯ

มีคุณสมบัติถึงมาตรฐานยอดเยี่ยมประเภทสารคดี ?

บุคคลหลายคนที่หลงเชื่อการโฆษณาของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินว่าหนังสือของพล.ท.ประยูรฯ ถึงมาตรฐานยอดเยี่ยมประเภทสารคดี จึงได้จ่ายเงินซื้อหนังสือเล่มนั้น แต่ต่อมาภายหลังพบว่ามีข้อความมากมายหลายประการในหนังสือเล่มนั้นที่ขัดต่อข้อเท็จจริงและไม่สมเหตุสมผล เท่าที่บุคคลนั้น ๆ ได้พบเองและสอบสวนจากหลายความเห็นดังที่ข้าพเจ้าได้รวมมากล่าวไว้ตั้งแต่ข้อ 1 ถึงข้อ 21 และในข้อหนึ่ง ๆ ก็จำแนกออกเป็นหลายอนุข้อ และอนุข้อหนึ่ง ๆ ก็จำแนกออกเป็นหลายรายการรวมประมาณ 100 รายการซึ่งเป็นการเพียงพอและเหลือเพียงพอซึ่งถึงท่านผู้อ่านที่มีใจเป็นธรรมสามารถวินิจฉัยได้แล้ว โดยข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องแสดงความเห็นอีกมากมายหลายประการให้เสียเวลาของท่านอ่านที่มีใจเป็นธรรม

22.1.

บุคคลหลายคนดังกล่าวจึงสันนิษฐานกันถึงสาเหตุที่คณะกรรมการตัดสินว่าหนังสือเล่มนั้นของพล.ท.ประยูรฯ มีคุณสมบัติถึงมาตรฐานยอดเยี่ยมประเภทสารคดี ข้าพเจ้าเห็นว่าการพิจารณาเหตุดังกล่าวนั้นไม่ควรสันนิษฐานสาเหตุหากจะต้องพิจารณาเหตุตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการพิจารณาหนังสือแห่งชาติได้กำหนดไว้เองตามที่ข้าพเจ้าอ้างแล้วในข้อ 2.4. แห่งหนังสือคำประท้วงของข้าพเจ้าต่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คือ คณะกรรมการฯดังกล่าวได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาหนังสือสารคดีไว้ว่า

“5.1. หนังสือสารคดี พิจารณาเนื้อเรื่อง ความเพียรพยายามในการแต่ง ความถูกต้องตามข้อเท็จจริง แนวความคิด ความสมเหตุสมผล ท่วงทำนองการแต่ง สํานวนโวหาร ถ้อยคํา ภาพประกอบ(ถ้ามี)”

ส่วนหนังสืออีก 4 ประเภทคือ หนังสือนวนิยาย, หนังสือกวีนิพนธ์, หนังสือสำหรับเด็ก, หนังสือสวยงาม, นั้น คณะกรรมการฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ดังต่อไปนี้

“5.2. หนังสือนวนิยาย พิจารณาเนื้อเรื่อง แนวคิด ศิลปในการเรียบเรียง, สำนวนโวหาร, ภาษา, สารประโยชน์

5.3. หนังสือกวีนิพนธ์ พิจารณาสุนทรีภาพ, ฉันทลักษณ์, และแนวคิด

5.4. หนังสือสำหรับเด็ก พิจารณาคุณค่า, และสารประโยชน์, วิธีเรียบเรียง, ความเหมาะสมแก่วัยของเด็ก ภาพประกอบ

5.5. หนังสือสวยงาม พิจารณาเนื้อเรื่องเป็นส่วนประกอบด้วย แต่ส่วนใหญ่จะพิจารณารูปเล่ม การออกแบบ ตัวพิมพ์ การจัดวางตัวหนังสือ ภาพ และองค์ประกอบอื่น ๆ”

ท่านผู้อ่านที่มีใจเป็นธรรมย่อมเห็นได้ว่าหนังสือสารคดีนั้นแตกต่างกันหนังสือประเภทอื่นในข้อสำคัญ คือ หนังสือสารคดีต้องมีเนื้อเรื่อง“ความถูกต้องตามข้อเท็จจริง” และ “ความสมเหตุสมผล” แต่หนังสือนวนิยาย, หนังสือกวีนิพนธ์, หนังสือสำหรับเด็ก, หนังสือสวยงาม, ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ดังกล่าวนั้น

ฉนั้นแม้จะสมมติว่าคณะกรรมการไม่ทราบว่าคนไทยทั่วไปเข้าใจคำว่า “สารคดี” หมายถึงเรื่องที่เป็นความจริงก็ตาม แต่กรรมการก็ต้องทราบหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการพิจารณาหนังสือแห่งชาติได้กำหนดไว้ว่าหนังสือเล่มใดที่มีเนื้อเรื่องไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงหรือไม่มีความสมเหตุสมผลนั้นมิใช่สารคดี แต่โดยที่คณะกรรมการนั้นเป็นผู้ “ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ” เป็นผู้ตัดสิน จึงทำให้บุคคลหลายคนหลงเชื่อในเบื้องต้นว่าหนังสือเล่มนั้นมีความถูกต้องตามข้อเท็จจริงหรือสมเหตุสมผลแล้วจ่ายเงินซื้อหนังสือเล่มนั้น

22.2.

ส่วนปัญหาที่มีว่าคณะกรรมการฯ—ตัดสินให้รางวัลหนังสือเล่มใด—มีคุณสมบัติถึงมาตรฐานยอดเยี่ยมประเภทสารคดีโดยไม่ต้องคำนึงถึงสารสำคัญของเนื้อเรื่องว่าถูกต้องตามข้อเท็จจริงหรือสมเหตุสมผลนั้นได้หรือไม่ คือ คณะกรรมการฯ จะถือเอาส่วนประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นสำคัญได้หรือไม่ เช่นถือว่าผู้แต่งมีความเพียรพยายามขั้นมาตรฐานยอดเยี่ยม, หรือผู้แต่งมีแนวความคิดขั้นมาตรฐานยอดเยี่ยม, หรือผู้แต่งมีท่วงทำนองในการแต่งขั้นมาตรฐานยอดเยี่ยม, หรือผู้แต่งมีสำนวนโวหารขั้นมาตรฐานยอดเยี่ยม, หรือผู้แต่งใช้ถ้อยคำขั้นมาตรฐานยอดเยี่ยม, หรือผู้แต่งมีภาพประกอบขั้นมาตรฐานยอดเยี่ยมนั้นได้หรือไม่ ? ถ้าคดีไปถึงศาลยุติธรรมแล้วก็ยากที่บุคคลใดจะอ้างเหตุที่เป็นส่วนประกอบเช่นนั้นเป็นข้อแก้ตัวได้ ถ้าคดีไม่ถึงศาลยุติธรรมคือเพียงขั้นพิจารณาของนักศึกษาและท่านผู้มีใจเป็นธรรมทั้งหลายก็ตาม ถ้าผู้ใดอ้างเหตุประกอบเป็นข้อแก้ตัวก็จะถูกวินิจฉัยว่าเป็นข้อแก้ตัวลักษณะที่โบราณไทยเรียกว่า “แก้ตัวอย่างน้ําขุ่น ๆ” อันจะเป็นบ่อเกิดให้บุคคลที่ชื่อหนังสือโดยความหลงเชื่อดังกล่าวนั้นพากันสันนิษฐานสาเหตุต่าง ๆ นอกหลักเกณฑ์ ข้าพเจ้าจึงขอเสนอให้นักศึกษาและผู้มีใจเป็นธรรมพิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(1) หนังสือเล่มนั้นของพล.ท.ประยูรฯ ปรากฏว่ามีข้อความมากมายหลายประการที่ “ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง” หรือ “ไม่สมเหตุผล”

(2) ความเพียรพยายามของผู้เขียนหนังสือเล่มนั้นมีมากก็จริงอยู่ แต่เป็นการพยายามเขียนเรื่องไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงหรือไม่สมเหตุสมผล และหลายเรื่องเป็นนิยายที่แต่งขึ้นซึ่งมิใช่เข้าอยู่ในประเภทสารคดี

(3) แนวความคิดของผู้เขียนหนังสือเล่มนั้นมีหลายแนวความคิดที่ขัดแย้งกันเองภายในหนังสือเล่มนั้น อีกทั้งหลายแนวความคิดไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงหรือไม่สมเหตุสมผล และแม้ว่าหลายแนวความคิดที่แสดงไว้นั้นจะถูกอกถูกใจบุคคลที่ไม่เห็นชอบด้วยกับหลัก 6 ประการของคณะราษฎร แต่ก็เป็นแนวความคิดที่พล.ท.ประยูรฯ มี—ขึ้นภายหลังที่ท่านได้ปฏิญาณตนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ฯลฯ

(4) ท่วงทำนองยังในการแต่งของผู้เขียนหนังสือเล่มนั้นเป็นท่วงทำนองการแต่งที่ใช้สำหรับการเขียน “ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง”, “ไม่สมเหตุสมผล”, สำหรับแนวความคิดที่ปฏิเสธคำปฏิญาณของตน, สำหรับการเป็นที่มีข้อความขัดแย้งกันเองภายในหนังสือเล่มเดียวกัน ฯลฯ

(5) สำนวนโวหารของผู้เขียนก็เป็นไปตามท่วงทำนองในการแต่งตามที่กล่าวใน (4)

(6) ถ้อยคำของผู้เขียนหนังสือเล่มนั้นเหมาะสมตามสำนวนโวหารที่กล่าวใน (5)

(7) ภาพประกอบในหนังสือเล่มนั้นก็มีจริง แต่บางภาพกลับแสดงให้เห็นว่าการที่ผู้เขียนปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นด้วยกับการก่อการก่อตั้งคณะราษฎรนั้นไม่สมเหตุผล เพราะมีภาพถ่ายของผู้เขียนปรากฏเด่นอยู่ในสมาคมคณะราษฎร

22.3

คติธรรมอันประเสริฐของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ

ข้าพเจ้าเห็นว่าก่อนที่ท่านทั้งหลายตัดสินว่าหนังสือเล่มนั้นของพล.ท.ประยูรฯ เป็นสารคดียอดเยี่ยมนั้น ท่านก็คงสังเกตแล้วว่าหนังสือเล่มนั้นมีข้อความมากมายเป็นกับคณะราษฎร ฉนั้นท่านคงได้อ่านพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ที่ได้พระราชทานแก่คณะราษฎรเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ในโอกาสที่คณะราษฎรได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานขมาโทษกึ่งลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาและมีผู้นำมาลงพิมพ์ไว้ในหนังสือมากมายหลายเล่มแล้ว มีความตอนหนึ่งที่เป็นคติธรรมอันประเสริฐซึ่งได้ทรงมีพระราชกระแสไว้ในพระราชดำรัสดังต่อไปนี้

“…ข้าพเจ้ามีความยินดีมาก ที่ท่านได้คิดมาทําพิธีขอขมาวันนี้เอง โดยที่ข้าพเจ้าไม่ได้ร้องขออย่างหนึ่งอย่างใดเลย การที่ท่านทำเช่นนี้ย่อมเป็นเกียรติยศแก่ท่านทั้งหลายเป็นอันมาก เพราะท่านทั้งหลายได้แสดงว่ามีธรรมะในใจและเป็นคนสุจริตและใจนักเลง เมื่อท่านรู้สึกว่าได้ทําอะไรที่เกินไปบ้างพลาดพลั้งไปบ้าง ท่านก็ยอมรับว่าผิดและโดยเปิดเผย การกระทำเช่นนี้เป็นของที่ทำด้วยได้ยาก และต้องเป็นใจนักเลงจริง ๆ จึงจะทำได้ เมื่อท่านได้ทำพิธีเช่นนี้ในวันนี้ ก็แสดงให้เห็นชัดว่าการใด ๆ ที่ท่านได้ทำไปนั้น ท่านได้ทำไปเพื่อหวังประโยชน์แก่ประเทศอย่างแท้จริง ท่านได้แสดงว่าท่านเป็นผู้ที่มีน้ำใจกล้าหาญทุกประการ ท่านกล้ารับผิดเมื่อรู้สึกว่าตนได้กระทำการพลาดพลั้งไปดังนี้ เป็นการที่ทำให้ประชาชนรู้สึกไว้ใจในตัวท่านยิ่งขึ้นเป็นอันมาก ในข้อนี้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเป็นอันมาก

เพราะฉนั้น ในที่สุดนี้ข้าพเจ้าขอให้พรแก่ท่านทั้งหลาย ขอจงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณทุกประการ มีกำลังกาย กำลังใจ เพื่อจะสามารถทำการงานให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศสืบไป”

ขอท่านทั้งหลายโปรดเข้าใจว่าในการที่ข้าพเจ้าอัญเชิญพระราชดำรัสมาพิมพ์ไว้ข้างบนนั้น ข้าพเจ้ามิได้ต้องการให้ท่านทั้งหลายทำพิธีขอขมาข้าพเจ้า หากข้าพเจ้ามีความประสงค์เพียงเสนอให้ท่านระลึกถึงคติธรรมอันประเสริฐที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้พระราชทานไว้คือ ให้บุคคลมีธรรมะในใจและเป็นคนสุจริตและใจนักเลง เมื่อผู้ใดได้รู้สึกว่าได้ทำอะไรที่เกินไปบ้าง พลาดพลั้งไปบ้างก็ต้องมีน้ำใจกล้าหาญยอมรับว่าผิดโดยเปิดเผย

ฉนั้นข้าพเจ้าจึงยื่นคำประท้วงพร้อมทั้งบันทึกประกอบคำประท้วงของข้าพเจ้าและนำเสนอประนีประนอมต่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยข้าพเจ้าหวังว่ากระทรวงศึกษาธิการและคณะกรรมการของกระทรวงฯ ที่ได้สนับสนุนสำนักพิมพ์บรรณกิจในการเผยแพร่ข้อเขียนฝ่าฝืนความจริงมากมายหลายประการในหนังสือของพล.ท.ประยูรฯ ว่าเป็นสารคดีคงจะยึดถือคติธรรมอันประเสริฐที่พระมหากษัตริย์พระองค์นั้นได้พระราชทานไว้ และมีน้ำใจกล้าหาญเป็นนักกีฬาที่จะร่วมกันเพิกถอนคําตัดสินที่ผิดพลาดไปนั้นและเพิกถอนสิ่งที่เป็นหลักฐานถึงคณะกรรมการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ พ.ศ. 2519 ได้ให้ไว้แก่สำนักพิมพ์บรรณกิจ ทั้งนี้จะเป็นผลให้ผดุงไว้และส่งเสริมสัจจะแห่งประวัติศาสตร์ของชาติไทยและเพื่ออนาคตแห่งกุลบุตรกุลธิดาของชาติไทยที่จะเห็นตัวอย่างศีลธรรมจรรยาอันดีงาม และเพื่อให้ความเสียหายที่ข้าพเจ้าได้รับจากคำจูงใจของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องดังกล่าวแล้วนั้นกลับคืนดีตามข้อเสนอประนีประนอมระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับข้าพเจ้า เพื่อที่ข้าพเจ้าไม่จําเป็นต้องรบกวนเวลาอันมีค่าของศาลยุติธรรมข้าพเจ้าก็จะขอบคุณมาก

(ลงนาม) นายปรีดี พนมยงค์

 

ภาคผนวก

คำขอขมาของห้างหุ้นส่วนจำกัดบรรณกิจเทรดดิ้งและประกาศกระทรวงศึกษาธิการเพิกถอนคำตัดสินของคณะกรรมการพิจารณาหนังสือแห่งชาติ หนังสือชื่อ “ชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า” โดย พล.ท.ประยูร ภมรมนตรี

 

 

หมายเหตุ :

  • คงอักขร การสะกดคำศัพท์ การเว้นวรรคตามเอกสารต้นฉบับ
  • ภาพประกอบจากบันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์

หลักฐานชั้นต้น :

  • ปรีดี พนมยงค์, บันทึกประกอบคำประท้วงของนายปรีดี พนมยงค์, (มปท.มปป.)

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :