ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เกร็ดประวัติศาสตร์

รำลึกเสรีไทย จากบันทึกของ “อรุณ” Force 136 พันโท หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน

23
สิงหาคม
2568

พันโท หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน (รหัส อรุณ)

 

23 สิงหาคม 2568 นี้ ครบรอบ 125 ปี ชาตกาล พันโท หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน หรือนามรหัสเสรีไทย “อรุณ” โดยที่พระอนุวงศ์ท่านนี้ ทรงเป็นกัลยาณมิตรของนายปรีดี พนมยงค์ อดีตหัวหน้าขบวนการเสรีไทยในประเทศ มีบทความเล่าเรื่องราวของหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์ฯ หลายชิ้น ทั้งจากทายาทของท่าน และจากผู้รู้จำนวนมาก จัดพิมพ์ทั้งในรูปเล่มและในเว็บไซต์ของสถาบันปรีดี พนมยงค์ และอีกหลายหน่วยงาน ทว่าอาจจะยังมีน้อยชิ้นที่จะมาจากการเขียนของ หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์ฯ เอง

และเนื่องในโอกาส 80 ปีวันสันติภาพไทย จึงจะขอเลือกประเด็นปฏิบัติการเสรีไทย อันเป็นช่วงสำคัญจากพระประวัติของ พันโท หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน โดยคัดข้อความบางส่วนจาก บันทึกเรื่อง “ลำดับเหตุการณ์ของคณะเสรีไทยในอังกฤษที่ได้ปฏิบัติ” ซึ่งหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์ฯ นิพนธ์บันทึกเอาไว้ ตีพิมพ์ในหนังสือ 1 ศตวรรษ ศุภสวัสดิ์ (พิมพ์  2543 สำนักพิมพ์อมรินทร์) โดยไม่ได้คัดลอกทั้งหมด เพื่อให้เป็นบทความขนาดสั้น อ่านเข้าใจง่าย อาจมีการแก้คำสะกดจากต้นฉบับบางส่วน เช่น ชื่อ - นามสกุลบุคคล ชื่อสถานที่ และจัดแบ่งหัวข้อขึ้นใหม่เฉพาะในบทความนี้ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจงานเสรีไทย จากบันทึกผู้ร่วมปฏิบัติงานเสรีไทยโดยตรง ดังเนื้อความต่อไปนี้

 

เริ่มสงคราม ปฐมบทเสรีไทยสายอังกฤษ

 

นายมณี สาณะเสน (ซ้าย) ขณะเยี่ยมค่ายทหารธอร์นตัน ที่ตั้งค่ายฝึกทหารเสรีไทยสายอังกฤษ
(ภาพจาก ตำนานเสรีไทย ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร)

 

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ภายหลังยี่ปุ่น (ญี่ปุ่น) ได้ยกทัพขึ้นประเทศไทยแล้ว ข้าพเจ้าได้เขียนจดหมายถึงนายเชอร์ชิล (Churchill) ....และขอให้ข้าพเจ้าเข้าช่วยทำการมในกรมเสนาธิการของกองทัพอังกฤษ ในการทำแผนที่ประเทศไทย และการรวบรวมข่าวคราวอันเกี่ยวกับประเทศไทย (Intelligence on Siam)

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2485 ข้าพเจ้าได้พบกับนักเรียน 2 นาย คือ นายเสนาะ ตันบุญยืน และนายป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่บ้านข้าพเจ้า ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังทำแผนที่ให้กรมเสนาธิการ นักเรียนทั้ง 2 นี้ได้ปรารภว่า มีพวกนักเรียนอีกหลายคนที่อยากจะเข้าทำการช่วยเหลือประเทศชาติ ....ข้าพเจ้าบอกกับเขาว่า ถ้าเขาแน่ใจว่าอยากจะร่วมมือเช่นนั้น ข้าพเจ้ายินดีที่จะคิดหาลู่ทางที่จะจัดการให้เขาได้ทำการให้ได้ผลสำเร็จ ....ข้าพเจ้าจึงเขียนจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีอังกฤษอีก 1 ฉะบับ ชี้แจงความจำนงว่ามีนักเรียนไทยและข้าพเจ้าต้องการจะรวบรวมกันตั้งหมู่ทหารน้อย ๆ แยกกันเข้าไปทำการสู้รบยี่ปุ่นในประเทศไทย

ข้าพเจ้าแน่ใจว่าคนไทยส่วนมากไม่ได้เข้ากับยี่ปุ่น และคณะรัฐบาลของหลวงพิบูลเองก็คงจะเอนเอียงมาเข้าฝ่ายสหประชาชาติ ถ้าสหประชาชาติจะชะนะ นอกจากนั้นเนื่องจากในประเทศไทยนั้นหาได้มีการรวบรวมในหมู่คณะผู้ปกครองประเทศอย่างดีไม่ เราคงจะสามารถหาผู้นำให้มาเข้ากับเราได้ จากบรรดาผู้ที่ไม่ถูกกับหลวงพิบูล

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2485 ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่า ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช (อัครราชทูต หัวหน้าเสรีไทยสายอเมริกา) ได้ส่งนายมณี สาณะเสนข้ามมาเมืองอังกฤษ ....ข้าพเจ้าจึงบอกกับเขา (กรมเสนาธิการอังกฤษ) ว่า เพื่อให้คณะทหารไทยที่เราจะตั้งขึ้นในประเทศอังกฤษนี้เข้ารอยเรียบร้อยกันดีกับคณะเสรีไทยในอเมริกา ....ขอให้กระทรวงกลาโหมอังกฤษดำเนินการเกี่ยวข้องกับการที่จะเรียกคนสมัคร โดยร่วมมือกับนายมณี สาณะเสน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วกำลังของเราทั้งสิ้นจะได้รวบรวมกันเป็นปึกแผ่นแน่นหนา

เมื่อนายมณี สาณะเสนมาถึงประเทศอังกฤษ ....นายมณี สาณะเสน กับนายป๋วย อึ๊งภากรณ์ และนายเสนาะ ตันบุญยืนก็ได้เริ่มดำเนินการชักชวนนักเรียนเข้าร่วมมือในการนี้ และได้วางระเบียบรูปร่างลักษณะของเสรีไทยในประเทศอังกฤษขึ้น ส่วนข้าพเจ้านั้นก็ทำการติดต่อกับกระทรวงกลาโหมอังกฤษในฐานการวางแผนการรบเท่านั้น

 

 

พลทหารเสรีไทยฝึกที่กองทหารโยธา (Pioneer Corps) ค่ายทหารเมืองธอร์นตัน

 

ในระหว่างเดือนกันยายน จนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2485 นักเรียนเหล่านี้ต้องถูกส่งให้เข้าอยู่กับกองทหาร Pioneer Corps ซึ่งมีทหารต่างประเทศสมัครรวมอยู่เพื่อเป็นแผนการที่จะปกปิดถึงฐานะความจริงว่าอังกฤษจะจัดการใช้นักเรียนเหล่านี้ทำการอย่างไร ....กองทหาร Force 136 ที่กำลังเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ที่อินเดียนั้นยังไม่พร้อมเพรียงที่จะดำเนินการฝึกหัดได้ ....ข้าพเจ้าได้มีโอกาสติดต่อกับจอมพล เซอร์ แอลเลน บรุค เสนาธิการทหารบก ขอให้เขาจัดการช่วยเหลือเรื่องการส่งนักเรียนออกไป ....และในที่สุดในตอนกลางเดือนธันวาคม นักเรียนไทยที่เป็นทหารก็ได้ออกเดินทางไปอินเดีย

ในระหว่างนั้นข้าพเจ้าก็ทำการตอบปัญหาและพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ ว่า เราควรจะพยายามติดต่อกับผู้ใดดีในเมืองไทย ....โดยอาศัยการพิจารณาจากการกระจายเสียงและข่าวคราวต่าง ๆ ข้าพเจ้าได้แนะนำว่าผู้ที่เราควรพยายามติดต่อนั้นคือ หลวงประดิษฐ นายทองอินทร์ และนายเตียง เพราะได้ทราบมาว่าเป็นผู้ที่ทำการโดยนึกถึงประเทศชาติเป็นหลักมาตลอดเวลา....

 

ข้อหา ยืมมืออังกฤษฟื้นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไทย

 

(จากซ้ายไปขวา) สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี, ม.จ.ศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน, หม่อมเสมอ สวัสดิวัตน ณ อยุธยา
(ภาพจาก 74 ปีวันสันติภาพไทย : บันทึกลับของพันโท อรุณ เสรีไทย 136)

 

พ.ศ. 2485 ....นายทหารกรมเสนาธิการอังกฤษได้มาบอกกับข้าพเจ้าเนือง ๆ ว่า นายมณี สาณะเสนนั้นไม่ชอบข้าพเจ้า และได้พยายามที่จะพิสูจน์ว่าข้าพเจ้านั้นเป็นพวกพระปกเกล้าฯ และมีความคิดที่จะไปตั้งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้นใหม่ในเมืองไทย คนไทยแทบทุกคนเกลียดข้าพเจ้าด้วยเหตุนี้ เขาเห็นว่าอังกฤษไม่ควรใช้ข้าพเจ้าในงานนี้

เรื่องนี้เป็นเหตุใหญ่ในการเจรจาและกระทำการงานอยู่ตลอดเวลา ยังความเสียหายเกิดขึ้นแก่เราเป็นอันมาก ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชผู้ซึ่งมิได้มาพบปะกับเหตุการณ์โดยตนเอง ได้แต่ได้ยินคนเล่าและรายงานทำเรื่องเป็นลำดับว่าอังกฤษมีความประสงค์ที่จะลงโทษชาติไทยที่ได้ประกาศสงคราม ให้กลายเป็นประเทศอยู่ภายใต้ความควบคุมดูแลของอังกฤษ ....และที่ตนได้ยินนายมณี สานาเสน ว่าอังกฤษจะช่วยให้ไทยตั้งลัทธิสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ....และตามที่ตนได้ยินว่าอังกฤษบางคนได้พูดในที่ประชุม ....ว่า อังกฤษควรจะลงโทษไทย เลยรวมเข้าเป็นเรื่องสมจริงน่าเชื่อ และเลยถือเอาเหตุการณ์นี้ เป็นหลักฐานสำหรับดำเนินกิจการของเสรีไทยภายนอกประเทศ .....เพราะเหตุนี้การร่วมมือกันโดยแท้จริงดังจะชี้ให้ฟังต่อไปจึ่งไม่มี

การที่จะกลับไปจัดตั้งสมบูรณายาสิทธิราชดังนี้นั้น ถ้าดูโดยพิจารณาถ่องแท้แล้วก็จะเห็นได้ว่า นอกจากข้าพเจ้าจะเป็นบ้าหรือเมาอย่างหมดหวังแล้ว ข้าพเจ้าคงจะคิดกระทำไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าในประการที่ 1 สมเด็จพระปกเกล้า ก็เสด็จสวรรค์คตเสียแล้ว ทูลกระหม่อมชาย (สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต) ก็ทิวงคตแล้ว ข้าพเจ้าจะไปจัดตั้งใครให้เป็นกษัตริย์ ข้าพเจ้าคงไม่คิดว่าจะไปตั้งตัวข้าพเจ้าเองเป็นอันขาด นอกจากนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลก็เป็นเจ้านายในพระราชวงศ์จักรี ซึ่งได้รับสืบราชสมบัติอันถูกต้องด้วยกฎมณเฑียรบาลทุกประการ ....ในประการที่ 2 ย่อมเป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วไปว่า บรรดาบุคคลที่มีฐานะในประเทศไทยนั้น เป็นผู้ที่เลื่อมใสในการมีรัฐธรรมนูญสำหรับประเทศเป็นจำนวนมากมาย ....ความคิดที่บุคคลต่าง ๆ จะพึงนึกว่าข้าพเจ้าและรัฐบาลอังกฤษผู้ซี่งจะอุดหนุนข้าพเจ้า เพื่อให้สำเร็จกิจเช่นนั้น ย่อมต้องนับว่าเป็นการหมิ่นประมาทเราอย่างอุกกฤษว่า “โง่ไม่มีความคิด อวิชชาอย่างร้ายกาจ”

 

อินเดีย - จีน - อังกฤษ และรัฐบาลชั่วคราว

ต่อมาในไม่ช้า ข้าพเจ้าก็ได้รับคำสั่งจากกองเสนาธิการอังกฤษให้เดินทางมาอินเดียโดยเครื่องบิน ลงที่เมืองเมียรุท ซึ่งเป็นออฟฟิศใหญ่ของกองพล Force 136 ....ในราวปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2486 Force 136 ได้มอบให้ข้าพเจ้านำพวกนักเรียนไทยซึ่งมาถึงอินเดียนั้นไปทำการฝึกหัดอบรมที่ ร.ร.ของ Force 136 ณ เมืองปูน่า

....ได้พิจารณาข่าวที่ได้มาจากเมืองจุงกิงว่า นายจำกัด พลางกูรได้เดิรชนทางมาถึงที่นั้น อันเป็นเครื่องบ่งชัดว่า หลวงประดิษฐ์ได้เป็นหัวหน้าต่อต้านยี่ปุ่นอยู่ในเมืองไทยโดยแท้ ....ในโอกาสเดียวกันนี้ ข้าพเจ้าได้บรรยายถึงบุคลิกลักษณะของคนในเมืองไทยเป็น คน ๆ ไป ผลสุดท้ายคงได้เลือกหลวงประดิษฐ์เป็นผู้ที่เหมาะสม และจะต้องติดต่อให้ได้เรื่องราวโดยเร็ว เพราะหลวงประดิษฐ์ผู้เดียวเท่านั้น ที่หลวงพิบูลไม่กล้าหักด้ามพร้าด้วยหัวเข่า ....และในที่สุดต่อมา ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากตัวจำกัดเองว่าเขาต้องการให้ข้าพเจ้าไปพบ ข้าพเจ้าจึงเอาจดหมายของจำกัดชี้แจงไปยังจุงกิง จุงกิงจึงอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปพบกับจำกัด ราวต้นเดือนสิงหาคม 2486

เมื่อได้พบกับจำกัดแล้ว จึงได้ปรับความเข้าใจกันเป็นอันดี ข้อใหญ่ใจความก็คือ ข้าพเจ้าไม่มีแผนการอื่นใดนอกจากการกู้ชาติ และการที่จะได้พบเห็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ในประเทศไทย ทั้งได้เล่าถึงพฤติการณ์ของข้าพเจ้ากับพวกที่ปฏิบัติมาแล้วทั้งสิ้น ....เขา (จำกัด) ก็เข้าใจดีทุกประการ ทั้งรับรองในการร่วมมือกับพวกเราอย่างเต็มที่

จำกัดได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟัง ถึงเหตุผลที่อเมริกาและจีนมิให้ข้าพเจ้าไปพบจำกัดนั้น เป็นเพราะอเมริกันและจีนเชื่อว่าอังกฤษนั้นมีนโยบายร่วมมือในการตั้งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในเมืองไทย คือแตกต่างกับอเมริกันกับจีนนั่นเอง ....ข้าพเจ้าจึงได้อธิบายข้อความต่างต่าง ๆ ในเรื่องที่จริงหรือไม่จริงอย่างมีเหตุผล จนจำกัดเชื่อถือข้าพเจ้าทุกประการ ทั้งยอมร่วมมือด้วยทุกทาง ....เมื่อข้าพเจ้าปรับความเข้าใจกับจำกัดดีแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ไปชี้แจงให้เอกอรรคราชทูตอังกฤษประจำกรุงจุงกิงทราบโดยละเอียด ทั้งพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าคณะเสรีไทยในเมืองไทยนั้นมีจริง ....นอกจากนี้ข้าพเจ้าได้ทำรายงานละเอียดประกอบเหตุผล มาให้กองบัญชาการ 136 ทราบเรื่อง ....ในวันที่ 6 สิงหาคม 2486 จำกัดจึงได้ไปพบทูตอังกฤษต่อหน้าข้าพเจ้า....

เมื่อข้าพเจ้าได้นำจำกัดไปพบปะพูดจากับทูตอังกฤษจนเป็นที่เข้าใจกันดีแล้ว จึงได้หันมาปรึกษากันถึงเรื่องที่จะทำในขั้นต่อไป ส่วนจำกัดแจ้งว่า รัฐบาลจีนมีความประสงค์จะให้เขาตั้งรัฐบาลไทยชั่วคราวขึ้นที่จุงกิง ....จำกัดไม่เห็นด้วย จึงนำความมาหารือกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็เห็นด้วยกับจำกัดว่าไม่ควรให้จีนจัดตั้งรัฐบาลไทยชั่วคราวขึ้น ....เราเกรงกันว่าจีนจะแปรธาตุให้เราออกนอกนโยบายของเราในวันหน้าก็ได้

เราเห็นความจำเป็นในการที่จะต้องจัดตั้งรัฐบาลไทยชั่วครามขึ้นให้จงได้ในอินเดีย ....เพื่อการจัดการดังนี้จำกัดก็จะต้องส่งคนเข้ามาในประเทศไทยอีก จะได้ติดต่อกับบุคคลสำคัญ ๆ ....ส่วนข้าพเจ้ามีหน้าที่จัดหายานพาหนะให้บุคคลสำคัญ ๆ เหล่านั้นได้ออกเดินทางไปอินเดียโดยสดวก ....รัฐบาลไทยชั่วคราวเราได้หมายตัวหลวงประดิษฐ์ไว้เป็นหัวหน้า ส่วนคณะรัฐบาลหลวงประดิษฐจะได้จัดเข้ามา ทุก ๆ ประการเราจะต้องสมานฉันท์กันเป็นอันดี ถ้าทำได้การเหล่านี้ลุล่วงไปโดยเรียบร้อยแล้ว อังกฤษ - อเมริกา - จีน ก็จะได้รับรองสนับสนุนเราเต็มที่ ส่วนคนไทยส่วนมากเล่าก็จะเห็นพ้องแล้วร่วมมือกับเรายิ่งขึ้น

เมื่อข้าพเจ้าได้กลับมาอินเดียแล้ว จึงได้รายงานตัวต่อนายพลเอกออกินเล็กส์ ....ซึ่งทำการแทนพลเรือเอกหลอดหลุยส์เมาท์แบทเตนอยู่ ....ทั้งชี้แจงว่า ทำไมอังกฤษจึงมีความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือช่วยเหลือประเทศไทยในครั้งนี้ ....โดยวิธีการดังกล่าว จึงทำให้แม่ทัพอังกฤษเห็นพ้องด้วยกับข้าพเจ้าทุกประการ ท่านจึงได้ทำบันทึกเรื่องนี้ไว้ แล้วส่งไปยังสภาการสงครามที่กรุงลอนดอน ....แล้วข้าพเจ้าก็ออกเดินทางไปถึงลอนดอนในวันที่ 7 กันยายน 2486

ในต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2486 นั้นได้ข่าวอย่างน่าเสียใจที่สุดว่า จำกัด พลางกูรได้ตายเสียแล้วที่ชุงกิง เป็นอันว่าสิ้นหวังกับแผนการที่ได้กำหนดไว้ว่าจะให้เขาไปทำความตกลงเข้าใจกันกับ ม.ร.ว.เสนีย์ ในเรื่องความจริงว่าข้าพเจ้ามิได้หวังที่จะกลับไปจัดตั้งสมบูรณายาสิทธิราชขึ้นในประเทศไทยเลยแม้แต่น้อยเดียว ....การที่จำกัดมาตายลงดังนี้ก็แปลว่าเราคงจะรวมกันได้ยาก เพราะไม่มีผู้ใดที่จะไปอธิบายได้อย่างละเอียดแจ่มแจ้ง การที่มีความปรากฏขึ้นว่าพวกเสรีไทยในอังกฤษกับอเมริกาแยกออกจากกันนั้น ก็มีขึ้นโดยนัยนี้

 

แทรกซึมเข้าดินแดนไทย

 

พันตรี ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เสรีไทย Force 136 หัวหน้านักเรียนอังกฤษ
(ภาพจาก ตำนานเสรีไทย ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร)

 

ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2487 นั้นพวกคณะนายป๋วยได้พยายามเข้ามาเข้ามายังประเทศไทยด้วยเรือใต้น้ำ แต่เป็นการเคราะห์ร้ายที่เมื่อคณะของเรามาขึ้นที่ตะกั่วป่าแล้วมิได้พบกับใคร ครั้งต่อมาทางอังกฤษได้พยายามกระทำการติดต่ออีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าได้แนะนำว่าเขาควรจะส่งคณะนายป๋วยมากระโดดร่มลงที่หัวหิน เพราะ ณ ที่นั้นพวกของหลวงประดิษฐ์อาจจะช่วยเหลือได้ แต่ในครั้งนั้น ....ข้าพเจ้าไม่สามารถจะมาอยู่ที่อินเดียคอยช่วยเหลืออำนวยการได้สะดวก ....เลยส่งนายป๋วยกับพวกไปลงที่จังหวัดอุทัยธานี และได้เผชิญกับอุปสรรคอย่างร้าย คือไปลงผิดจากที่กำหนดที่จะปลอดภัยได้ตั้ง 25 ไมล์ เลยถูกจับไป ทางฝ่ายอังกฤษคอยการติดต่อของพวก 3 คนนี้ก็หายไป โดยมิทราบว่าจะถูกจับหรือไม่ คณะที่ 2 ส่งเข้าไปอีกก็ถูกจับอีก

ต่อมาในเดือนมิถุนายน (ที่ถูกต้องคือกรกฎาคม) คณะต่อต้านในประเทศไทยได้สามารถจัดการโค่นรัฐบาลของหลวงพิบูลได้สำเร็จ และได้จัดการแต่งตั้งนายควง อภัยวงศ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นอันว่าได้ระงับเรื่องใหญ่ให้พ้นจากอันตรายได้โดยฉับพลัน ....ถ้าจะจัดตั้งคณะต่อต้านญี่ปุ่นและเพาะกำลังต่อต้านสำเร็จได้ก็โดยต้องทำลายอุปสรรคขั้นต้น คือหลวงพิบูลเสียก่อน เมื่อหลวงพิบูลถูกทำลายไปแล้ว พวกของคณะต่อต้านก็จะได้เป็นรัฐบาลเอง และการดำเนินการเผชิญหน้าญี่ปุ่นก็จะสะดวกขึ้น เพราะมีรัฐบาลพวกเดียวกันเป็นกำแพงคอยบังหน้าและป้องกันให้

เผอิญในขณะนั้นพวกคณะนายป๋วยได้เริ่มเปิดการติดต่อมายังอินเดีย จากที่คุมขังของเขา โดยหลวงอดุลย์เป็นผู้ช่วยเหลือเปิดทางให้ ดังนี้เมื่อคณะนายประเสริฐไปกระโดดไปกระโดดร่วมลงที่หัวหินจึงลงไปได้โดยสะดวก และการติดต่ออย่างดีก็ได้เกิดขึ้นระหว่างอังกฤษกับคณะต่อต้านของไทยในราวกลางปี พ.ศ. 2487 เป็นต้นมา

....ข้าพเจ้าได้เดินทางไปถึงค่ายฝึกหัดนายทหารที่เกาะลังกาในต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2488 และได้รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาในกิจการด้านของคณะต่อต้านฝ่ายไทยและวางหลักสูตรการหัดสั่งสอนนายทหารอังกฤษในเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทย เมื่อปลายเดือนมกราคมขณะเมื่อข้าพเจ้ากำลังทำการที่จะวางหลักสูตรสอนนายทหารอยู่ที่ค่าย เอ็ม. อี 25 นายพลจัตวาเทเล่อร์ (เสนาธิการกองกำลัง 136) ได้ไปเยี่ยมค่ายและพบปะสนทนากับข้าพเจ้า เขาปรารภว่า ตั้งแต่เราได้ติดต่อกับคณะต่อต้านในประเทศไทยมาก็ได้เกือบ 6 เดือนแล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏผลต่อไปอีกเท่าใด และถึงเวลาสแล้วที่เราควรจะดำเนินการต่อไป ....คือจะให้ข้าพเจ้ากับนายพันตรีฮัดสันเข้ามาในเมืองไทย

....ก็มีปัญหาเกิดขึ้นว่า ในการที่ข้าพเจ้าจะเข้าไปในประเทศไทยนั้นจะทำอย่างไรดี จึงจะให้อเมริกันและคณะ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ปราศจากความรังเกียจ ....ข้าพเจ้าจึงได้ทำบทปฏิญานตนบทหนึ่ง แสดงถึงความจำนงของข้าพเจ้าที่จะเข้าไปทำการในประเทศไทยนั้นมีอย่างไร และเมื่อเสร็จกิจการในประเทศไทยแล้ว ข้าพเจ้าจะดำเนินการอย่างไร

 

กับผู้สำเร็จปรีดี พนมยงค์ (หลวงประดิษฐ์มนูธรรม)

 

ผู้นำเสรีไทยในประเทศ ที่ ม.จ.ศุภสวัสดิ์ฯ ทรงร่วมงานด้วย
เช่น ผู้สำเร็จราชการปรีดี พนมยงค์, พล.ต.อ. อดุล อดุลเดชจรัส, พล.ท. ชิต ม. สินาดโยธารักษ์

 

ครั้นต่อมา นายพลตรี แมกเคนซี่ (ผู้บัญชาการ Force 136) เมื่อได้รับคำปฏิญาณของข้าพเจ้าเสร็จแล้ว ก็ได้ส่งวิทยุมาถามหลวงประดิษฐ์ดูว่า จะขัดข้องหรือไม่ในการที่ข้าพเจ้าจะมาทำการในเมืองไทย หลวงประดิษฐ์ก็ตอบไปว่า ไม่ขัดข้อง

ข้าพเจ้ามาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2488 และได้ไปพบกับหลวงประดิษฐ์ในค่ำวันนั้น เราทั้งสองต่างพยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ตามบรรดาข้อความซึ่งขัดข้องมาแต่ก่อน ในที่สุดทั้งสองฝ่ายต่างพากันเห็นว่าเราจะร่วมมือทำงานด้วยกันได้ ข้าพเจ้าได้ขอร้องกับหลวงประดิษฐ์ว่า ความประสงค์ของข้าพเจ้านั้นมิได้มีอะไรมากไปกว่าที่จะเห็นความสามัคคีเกิดขึ้นใประเทศไทยอย่างแท้จริง และให้มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเกิดขึ้นด้วย หลวงประดิษฐ์ได้ตอบรับรองทุกสิ่งทุกอย่างว่า เขาเห็นอย่างเดียวกัน ....และเขารับรองว่า ....เขาจะได้ดำเนินการเพื่อยังความยุติธรรมให้แก่คนทุกชั้นโดยแน่แท้

ข้อความดังนี้ย่อมเปนการที่จะสมานไมตรีซึ่งกันและกันได้เปนอย่างดี เพราะต่างฝ่ายต่างพยายามลืมความหลังกันทั้งสิ้น

ตามที่ข้าพเจ้าได้สังเกตเห็นหลวงประดิษฐ์ทำงานในการต่อต้านครั้งนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกได้แน่ชัดว่าท่านผู้นี้ได้พยายามเต็มสติกำลังความสามารถ อดทนมิได้เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย พยายามกระทำทุกอย่างโดยมิได้เห็นแก่ตัว และภยันตรายที่จะมาถึงตน ....เราต้องบังคับให้หลวงประดิษฐ์จัดการกระทำตามแผนการปลอดภัยของเรา

 

กิจการที่ได้กระทำเมื่อถึงประเทศไทยแล้ว

 

ทรงฉายกับ ร.อ. ม.จ.การวิก จักรพันธุ์ (รหัส ขุนช้าง) นายทหารเสรีไทยสายอังกฤษ
ผู้ร่วมเป็นร่วมตาย ที่ค่ายจังหวัดตาก
(ภาพจากเพจ 2483 Reenactment Group)

 

ทรงฉายกับ ร.อ. อรุณ สรเทศน์ (รหัส ไก่ฟ้า) นายทหารเสรีไทยสายอังกฤษ
ผู้ร่วมเป็นร่วมตาย ที่ค่ายจังหวัดตาก
(ภาพจากเพจ 2483 Reenactment Group)

 

ต่อไปเราได้พิจารณากันถึงเรื่องการจัดตั้งคณะต่อต้านขึ้นในประเทศไทย และรับรองตามที่ข้าพเจ้าได้เล่าให้ฟังว่า อังกฤษนั้นจะกรุณาเราได้ก็โดยที่เขาเห็นเราต่อต้านจริง ๆ ....แผนการที่เราเตรียมกันไว้ก็คือ

1. เราจะจัดสร้างรูปกองของคณะพลพรรคให้มีนายทหารฝรั่งเข้ามาปะปนอยู่ด้วยประดุจเป็นกองทัพสัมพันธมิตร โดยอาศัยเหตุนี้จะได้อ้างได้ชัดเจนว่าเราได้เข้าทำการร่วมมืออย่างสนิทสนมกับกองทัพสัมพันธมิตร

2. ตามที่รัฐบาลอังกฤษได้รับรองไว้แล้วว่า ถ้าคณะรัฐบาลของเราได้ออกไปจัดตั้งคณะรัฐบาลชั่วคราวขึ้นในประเทศอินเดียนั้น เราจะได้เริ่มทำเมื่อญี่ปุ่นได้เข้าต่อตีเราโดยใช้เครื่องบินมารับ ....เราจะได้สร้างสนามบินขึ้นในบริเวณจังหวัดตากแห่งหนึ่ง และสุพรรณแห่งหนึ่ง

การทำการปรึกษากับกองทัพบกไทย ข้าพเจ้าพบกับนายพลโทหลวงสินาดโยธารักษ์ (รองแม่ทัพใหญ่และรองแม่ทัพบก) นายพลโท หลวงชาตินักรบ (เสนาธิการกองทัพบกสนาม) และนายพันเอกขุนสุรจิตต์ฯ (สุรจิตร จารุเศรณี) ....เราจะต้องพิจารณาการทางยุทธศาสตร์ดังต่อไปนี้

กองทัพสหประชาชาติทั้งสิ้นย่อมเข้าเมืองไทยได้ทางตะวันตก หรือมิฉะนั้นโดยทางเรือขึ้นที่ทางปักษ์ใต้ เมื่อเราได้พิจารณาถึงการคมนาคมในประเทศไทยแล้ว ที่มุ่งหมายสำคัญที่สุด ....ก็คือ บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนกลาง ซึ่งมีทางรถไฟ ทางน้ำ รวมอยู่ที่นั่นทั้งสิ้น เราจะต้องจัดการวางทหารให้เหมาะกับหลักยุทธศาสตร์ที่ได้กล่าวไว้แล้ว กล่าวคือทหารทุกกองจะได้สามารถช่วยเหลือกันได้ กองทหารต่าง ๆ ในกองทัพบกไทยที่ตั้งอยู่ในจุดสำคัญ

หลวงประดิษฐ์ได้ดำเนินการร่วมมือกับหลวงอดุลฯ ที่จะให้นำตำรวจมาใช้เปนเครื่องมือช่วยป้องกันมิให้ญี่ปุ่นทราบถึงความเปนไปของเราได้ ถ้าปราศจากตำรวจช่วยเหลือแล้ว เราก็จะไม่สามารถทำการได้สะดวกโดยญี่ปุ่นไม่รู้ ....เนื่องด้วยวิธีการของตำรวจของเราได้จัดไว้ให้มีสายเปนผูสอดส่องสืบความต่าง ๆ อยู่ทั่วประเทศ

นอกจากนี้หลวงประดิษฐ์ฯ และนายทวี บุณยเกตุ ซึ่งเปนผู้อำนวยการต่อต้าน (พลพรรค) ได้ตกลงแผนการที่จะจัดคณะต่อต้านขึ้น ....กล่าวคือบรรดาจังหวัดต่าง ๆ และที่สำคัญต่าง ๆ อันเปนที่ชุมนุมคมนาคมนั้น ต่างจัดเตรียมขึ้นเปนคณะต่อต้านประจำถิ่น

 

นายใหญ่ ศวิตชาติ สส.นครสวรรค์ และผู้บังคับค่ายเสรีไทยบ้านห้วยเหลือง (บ้านแม้ว) จ.ตาก
สืบค้นจาก : Wikipedia

 

นายพึ่ง ศรีจันทร์ ส.ส. สุโขทัย หัวหน้าเสรีไทยด้านภาคกลางตอนบน
สืบค้นจาก : the101.world

 

กองพลพรรคที่จังหวัดตาก ข้าพเจ้าพร้อมด้วยนายร้อยเอกหม่อมเจ้าการวิก จักรพันธุ์ และนายร้อยเอกอรุณ สรเทศ ได้ไปพบกับนายพึ่ง ศรีจันทร์ นายใหญ่ ศวิตชาติ และนายฉลวยกับนายประสิทธิ แล้วเราได้ตกลงทำแผนการกัน ....เราได้เลือกบ้านแม้วระยะทางราว 40 กิโลเมตรจากตากเปนที่ตั้งกองบัญชาการของเราอยู่ในเขา ....เราได้วางข่ายการสืบข่าวในจังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ ตาก แม่สอด กำแพงเพชร เปนเส้นประสาทและหูตาของเราติดต่อเข้าไปยังค่าย ....เราได้จัดให้มีกองรบขึ้น 3 กอง กองหนึ่งมีจำนวนพลพรรคราว 180 คน ....การวางระเบียบการเหล่านี้ได้จัดพร้อมเสร็จเข้ารูปเมื่อปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2488 ....เราได้สร้างสนามบินขึ้น 2 แห่ง แห่งหนึ่งนั้นอยู่ที่บ้านโป่งแดง และอีกแห่งหนึ่งเปนสนามบินเล็กอยู่ในเขตของกองพลพรรคที่ตำบลนาโบสถ์

ที่ในเขตมณฑลภาคอีสาน คณะพลพรรคอันแข็งแรงก็ได้ตั้งขึ้น โดยมีนายเตียงเปนผู้อำนวยการ พร้อมกับมีจุดสำคัญตั้งกองบัญชาการนั้นอยู่ 3 แห่ง คือที่สกลนคร เลย และขอนแก่น ซึ่งมีนายทหารฝรั่งลงมาประจำช่วยเหลือกับพวกของเราอยู่

แผนการที่จังหวัดสุพรรณบุรี ข้าพเจ้าได้พบกับนายปรง (ปรง พหูชนม์) ข้าหลวงประจำจังหวัดสุพรรณ ....นายปรงได้พยายามที่สุดที่จะจัดงานเข้ารูปอย่างนี้ ถ้าญี่ปุ่นไม่ยอมแพ้เสียก่อน กองพลพรรคที่จังหวัดสุพรรณบุรี ก็คงกำเนิดขึ้นแข็งแรงดังที่จังหวัดอื่นเหมือนกัน

เมื่อข้าพเจ้ากลับมาถึงกรุงเทพฯ ....เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม หลวงประดิษฐ์ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ....เนื่องด้วยหลวงประดิษฐ์รู้สึกว่าญี่ปุ่นอาจจะยอมแพ้เร็วกว่าที่คาดหมายและเกรงว่าคณะพลพรรคของเราจะไม่ได้มีโอกาสกระทำงานเพื่อเปนเครื่องพิสูจน์ต่อโลกว่าเราได้ร่วมมือกระทำการรบพุ่งอย่างแท้จริง ....แต่ลอร์ด หลุยส์ เมาทแบตเตนได้ส่งคำสั่งเข้ามาว่าขอให้พยายามเก็บตัวให้เงียบไว้ต่อไปอีกก่อน อย่าเพิ่งกระทำการสู้รบญี่ปุ่น เพราะหาไม่เช่นนั้นแผนการจะไม่ดำเนินเข้าร่วมมือเหมาะกันกับกองทัพของสหประชาชาติ

 

พ.อ. สวัสดิ์ ไกรฤกษ์ ผบ.กองพลที่ ๖ (ปักษ์ใต้) ผู้วางแผนพลพรรคเสรีไทยปักษ์ใต้ ร่วมกับ ม.จ.ศุภสวัสดิ์ฯ
ภาพจากหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ พลเอก หลวงสวัสดิ์กลยุทธ (สวัสดิ์ ไกรฤกษ์)

 

ต่อมาในกลางเดือนกรกฎาคม ข้าพเจ้าได้เดินทางลงไปจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้ไปพบกันกับนายพันเอกแสวง ณ พัทลุง และนายพันเอกสวัสดิ์ ไกรฤกษ์ และได้ดำเนินการจัดสร้างกองทหารพลพรรคขึ้น (กองพลที่ 6) ในมณฑลปักษ์ใต้

1. เราได้เลือกที่ตั้งกองบัญชาการขึ้นในเขาใหญ่ห่างจากอำเภอสิชลราว 24 กิโลเมตร

2. ตั้งกองบัญชาการพลพรรคมีกำลังทหาร 2 กองร้อย ....กระทำหน้าที่รับสิ่งของทางอากาศและป้องกันกองบัญชาการ

3. ในการที่จะจัดตั้งกองพลพรรคในมณฑลปักษ์ใต้นั้น ....จัดแบ่งออกเปนหน่วยรบ 4 หน่วย ดังแผนการสำหรับเพิ่มกำลังกองพันทหาร

....เราคิดกันว่าถ้ากิจการสำเร็จเรียบร้อยแล้ว เราคงจะมีคณะต่อต้านเปนหน่วยทำการวินาศกรรมอย่างน้อย 21 หน่วย กระจายไปทั่วมณฑลปักษ์ใต้ ตั้งแต่ชุมพรจนถึงชายแดน แต่เนื่องด้วยญี่ปุ่นได้ยอมแพ้ไปเสียก่อน คณะต่อต้านเหล่านี้จึงตั้งยังไม่สำเร็จ

การที่ญี่ปุ่นยอมแพ้เสียนี้ ....นับว่าเปนการมีโชคอย่างดีของประเทศไทยเราอย่างหนึ่ง หาไม่เช่นนั้นประเทศของเราก็อาจจะแหลกลาญไปหลายแห่ง แต่ก็เปนที่น่าเสียดายที่นักรบของไทยเรามิได้มีโอกาสแสดงตัวว่ามีความสามารถกล้าหาญที่ทำการรบ อันเปนการกู้เกียรติยศของการที่เราได้ยอมแพ้ญี่ปุ่นไปอย่างง่ายดายเมื่อปลายปี พ.ศ. 2484 นั้นได้ แต่อาศัยเหตุที่ได้กล่าวแล้วว่า หลวงประดิษฐ์ได้แสดงความจำนงไปยังลอร์ด หลุยส์ เมาทแบตเตนว่าจะทำการรบ แต่ลอร์ดหลุยส์ได้สั่งห้ามไว้นั้นเอง

เมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้เสร็จแล้ว ....มีคณะพลพรรคที่ได้พร้อม ....มีจำนวนไม่น้อยกว่า 4 หมื่นคน และโดยเหตุดังนี้ก็เปนเรื่องที่พวกเราทั้งหลายในคณะพลพรรค จะต้องรู้สึกอยู่เองว่าเขาทั้งหลายได้ร่วมมือทำงานกับกองทัพสหประชาชาติดุจจะเปนฝ่ายเดียวกัน เพราะฉะนั้น ในการที่รัฐบาลได้ประกาศออกไปว่า การประกาศสงครามนั้นเปนโมฆะจึงไม่เปนของน่าประหลาดใจ เพราะบุคคลในคณะรัฐบาลทุกคนก็ได้ร่วมมือในคณะพลพรรคดังที่กล่าวแล้ว

เมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้แล้ว ข้าพเจ้าได้รับหน้าที่เปนนายทหารติดต่อระหว่างผู้บัญชาการกองพลที่ 7 ของอังกฤษ กับหลวงประดิษฐ์มนูธรรม เพื่อดำเนินการเชื่อมความสามัคคี ความเข้าใจซึ่งกันและกันในระหว่างไทยกับอังกฤษ

 

หมายเหตุ :

  • คัดและเรียบเรียงข้อความจาก : 

    1 ศตวรรษ ศุภสวัสดิ์ 23 สิงหาคม 2543 หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน. อมรินทร์พริ้นติ้ง. (2562). 74 ปี วันสันติภาพไทย: บันทึกลับของ พันโท อรุณ เสรีไทย 136. สยามปริทัศน์.