ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเป็นจำนวนมากที่สุดในโลก หากนับตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันแล้ว เรามีรัฐธรรมนูญประกาศใช้ถึง 20 ฉบับ และมีอายุเฉลี่ยเพียง 4 ปีกว่าเท่านั้น ซึ่งฉบับล่าสุด คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ก็กำลังอยู่ในช่วงการแก้ไขเพิ่มเติมของสภาผู้แทนราษฎร
เรื่องที่น่าเศร้า คือ ในบรรดารัฐธรรมนูญกว่า 20 ฉบับ มีรัฐธรรมนูญเพียง 5 ฉบับ เท่านั้นที่ได้รับการยอมรับว่ามีองค์ประกอบและเนื้อหาที่มีลักษณะเป็นประชาธิปไตย เมื่อพิจารณาจากที่มาและเนื้อหาที่เชื่อมโยงกับอำนาจของประชาชน ได้แก่
- พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
อ่าน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489
กล่าวเฉพาะ “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489” ซึ่งเป็นวาระที่รายงานชิ้นนี้จะนำมาพิจารณาก็พบว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีการแยกข้าราชการประจำออกจากการเมืองอย่างจริงจัง และมีความพยายามประสานประโยชน์ใหม่ระหว่างกลุ่มคณะราษฎรปีกปรีดี พนมยงค์ ที่ขึ้นมามีบทบาทนำหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กับฝ่ายนิยมเจ้าซึ่งสูญเสียอำนาจไปหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
รัฐธรรมนูญก้าวหน้าในสภาวะบ้านเมืองผันผวน
กล่าวได้ว่าเสถียรภาพการเมืองไทยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีความผันผวนเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้ว่าภายในระยะเพียง 2 ปีครึ่ง นับจากปี 2487-2490 มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลไปถึง 8 ชุด ได้แก่
- นายควง อภัยวงศ์ (1 สิงหาคม 2487-17 กรกฎาคม 2488)
- นายทวี บุณยเกตุ (31 สิงหาคม 2488-16 กันยายน 2488)
- ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช (17 กันยายน 2488-24 มกราคม 2489)
- นายควง อภัยวงศ์ (31 มกราคม 2489-18 มีนาคม 2489)
- นายปรีดี พนมยงค์ (24 มีนาคม 2489 - 8 มิถุนายน 2489
- นายปรีดี พนมยงค์ (11 มิถุนายน 2489-29 สิงหาคม 2489)
- พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (23 สิงหาคม 2489-30 พฤษภาคม 2490
- พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (30 พฤษภาคม 2490-8 พฤศจิกายน 2490)
โดยรัฐบาลในแต่ละชุดมีบทบาทหน้าที่ในการนำพาชาติบ้านเมืองให้คืบหน้าแตกต่างกันไป แต่อาจจะกล่าวโดยกระชับได้ว่าหลังสงครามโลกที่ 2 กลุ่มการเมืองที่มีบทบาทนำคือ “คณะราษฎรสายพลเรือน” อันมีกลุ่มเสรีไทยเป็นผู้นำ และกลุ่มนิยมเจ้า ซึ่งได้รับการนิรโทษกรรมตามมา พร้อมๆ กับการลดอิทธิพลลงชั่วคราวของ ‘จอมพล ป. พิบูลสงคราม’ จังหวะก้าวทางการเมืองในช่วงเวลานี้จึงควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแยกออกไปต่างหาก สิ่งที่รายงานชิ้นนี้ทำเพียงแต่แนะนำบริบทแวดล้อม และกล่าวถึงลักษณะเด่นของรัฐธรรมนูญ 2489 เป็นสำคัญ
ความพยายามแยกข้าราชการประจำออกจากการเมือง
หากเราวางตัวแสดงทางการเมืองในแต่ละช่วงจะเห็นได้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2489 เกิดขึ้นหลังการขึ้นกุมอำนาจโดยตรงของรัฐบาลสายปรีดี พนมยงค์ โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2489 สาระสำคัญที่ปรากฏครั้งแรกหลัง 2475 จนเป็นแม่แบบให้รัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยอีก 2 ฉบับ คือ ฉบับปี 2517 และ ฉบับปี 2540 นั่นคือ การแยกข้าราชการประจำออกจากการเมือง โดยให้ยกเลิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ที่มาจากการแต่งตั้ง และกำหนดให้มีสภานิติบัญญัติ 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และ พฤฒสภา หรือที่ต่อมาคือ วุฒิสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้ มาจากการเลือกตั้ง
จุดเริ่มต้นของพยายามนี้มาจาก ‘ปรีดี พนมยงค์’ ซึ่งนำเสนอประเด็นที่สมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2475 ใน 7 ประเด็น (ก่อนที่จะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับตามมา) คือ
- ยกเลิกสมาชิกประเภทที่สอง ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
- ยกเลิกบทบัญญัติที่ให้พระบรมวงศานุวงศ์อยู่เหนือการเมือง
- กำหนดให้ผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติมี 2 สภา ประกอบด้วยสภาอาวุโส (หรือต่อมาคือพฤฒสภา) และ สภาผู้แทนราษฎร
- สภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งโดยตรง
- สภาอาวุโสประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตัวแทนของตนเองมาทำการเลือกตั้ง โดยมีสมัครรับเลือกตั้งต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี (ต่อมากำหนดเป็น 40 ปี) และมีคุณวุฒิหรือความชำนาญในราชการ
- พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานสภาอาวุโสเป็นผู้ลงนามรับสนองพระราชโองการ (ต่อมากำหนดให้ประธานสภาผู้แทนฯและประธานสภาอาวุโสรับสนองพระบรมราชโองการเฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น) แต่บุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ
- รัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและสภาอาวุโส จะเป็นข้าราชการประจำไม่ได้[1]
หลักใหญ่ใจความเหล่านี้ไปปรากฏในขั้นตอนถัดจากนั้น เช่น รัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อนำหลักคิดทั้ง 7 มาประมวลและยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ก่อนจะมีการนำเสนอร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2489 นำมาสู่กระบวนการอภิปรายอย่างกว้างขวางในขั้นตอนทั้งในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามญและการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากนั้น ยังเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีบทบัญญัติให้มีการตั้งคณะกรรมการตุลาการรัฐธรรมนูญจำนวน 15 คน เพื่อทำหน้าที่ตีความว่ากฎหมายใดขัดกับรัฐธรรมนูญ ก่อนที่สังคมไทยจะมีศาลรัฐธรรมนูญในรัฐธรรมนูญ 2540 หรือ อีก 50 ปีหลังจากนั้น
ควมพยายามประนีประนอมกับฝ่ายนิยมเจ้า
ลักษณะเด่นของรัฐธรรมนูญฉบับนี้อีกประการหนึ่งคือ ความพยายามในการประสานผลประโยชน์ใหม่ ระหว่างฝ่ายระบอบเก่าและฝ่ายคณะราษฎร เราอาจจะเห็นความพยายามแรกได้จากข้อมูลจากการค้นคว้าของ ‘ณัฐพล ใจจริง’
เขาพบว่า ‘ควง อภัยวงศ์’ สมาชิกในกลุ่มพลเรือนของคณะราษฎร ที่ได้รับการสนับสนุนจาก ‘ปรีดี พนมยงค์’ ให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ‘จอมพล ป. พิบูลสงคราม’ ควงได้อนุมัติพระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดฐานกบฏและจลาจล พุทธศักราช 2488 ให้กับกลุ่มรอยัลลิสต์ผู้เคยต่อต้านการปฏิวัติ 2475 ตามข้อตกลงต่างตอบแทนที่ ‘ม.จ.ศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน’ แกนนำกลุ่มรอยัลลิสต์ในอังกฤษได้ทรงทำไว้ เมื่อครั้งตกลงร่วมมือกับขบวนการเสรีไทยภายในประเทศเมื่อปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้กลุ่มรอยัลลิสต์ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกับคณะราษฎรสามารถเดินทางกลับประเทศและเข้าสู่การต่อสู้ทางการเมืองได้อีกครั้ง[2]
ตรงจุดนี้เอง การเมืองระบบรัฐสภาจึงมีพรรคการเมืองในความหมายของการแข่งขันอย่างจริงจังเกิดขึ้น ทว่า แม้จะเป็นการร่วมมือกันระหว่างคณะราษฎรสายปรีดีกับฝ่ายเจ้า ในการสร้างรัฐธรรมนูญ 2489 แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนเข้าสู่การต่อสู้ในระบอบรัฐสภาก็ทำให้เกิดการแข่งขัน มีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง รองรับด้วยบริบทของความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ภาวะการขาดแคลนข้าวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การคอร์รัปชัน รวมไปถึงเหตุการณ์สวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ในวันที่ 9 มิถุนายน 2489 เหตุการณ์หลังนี้มีส่วนในการสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลพลเรือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยบริบททางการเมืองที่ผันผวน สิ่งหนึ่งที่เราอาจจะคิดร่วมกันได้คือ อะไรเป็นหลักคิดสำคัญของการสร้างรัฐธรรมนูญนี้ขึ้นมา เพื่อจะตอบปัญหานี้ ปรีดีเสนอว่า หัวใจสำคัญคือการต้องทำให้รัฐธรรมนูญฉบับ 2489 ไม่ใช่อำมาตยาธิปไตย ความแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านั้น คือ ปรีดีเห็นว่าพฤฒสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทน ต้องเป็นผู้ที่ราษฎรเลือกตั้งขึ้นมา ตามที่ปรากฏใน มาตรา 24 และ 29 ที่กำหนดไว้ว่าพฤฒสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทน ต้องไม่เป็นข้าราชการประจำ[3]
ขณะเดียวกัน “พฤฒสภา” ซึ่งเกิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2489 ก็ได้กำหนดให้มีหน้าที่ตรวจสอบการตรากฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร และตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี จึงนับเป็นการใช้ระบบสองสภาครั้งแรก หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นต้นมา
“พฤฒสภา” กำหนดให้มีสมาชิก 80 คน อยู่ในตำแหน่งคราวละ 6 ปี และเมื่อครบ 3 ปี ให้จับสลากออกกึ่งหนึ่ง สมาชิกต้องมีอายุ 40 ปีขึ้นไป และมีการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี หรือเทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือเคยเป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากองหรือเทียบเท่า แต่ต้องไม่เป็นข้าราชการประจำ
จนแล้วจนรอด รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็มีอายุสั้นมาก ขณะที่รัฐบาลพลเรือนเผชิญกับความไร้เสถียรภาพเนื่องจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ ส่วนการเลือกตั้งพฤฒสภาก็ยังมาไม่ถึง เพราะเกิดการรัฐประหารในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 เสียก่อน ส่งผลให้รัฐธรรมนูญ 2489 ต้องสิ้นสุดลง
และการรัฐประหาร 2490 ได้เข้ามาปิดฉากบทบาทของคณะราษฎรลงไป ทางตรงกันข้าม การลอกแบบพฤฒสภาจากรัฐธรรมนูญ 2489 ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับหลังๆ กลับกลายเป็นที่นั่งของข้าราชการประจำ นายพลเกษียณ ที่สนับสนุนการรัฐประหารมากกว่าจะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
[1] ไพโรจน์ ชัยนาม.2519. รัฐธรรมนูญ บทกฎหมายและเอกสารในทางการเมืองของประเทศไทย เล่ม 1, กรุงเทพ: สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, หน้า 123-124
[2] ณัฐพล ใจจริง. 2563. ขุนศึก ศักดินา พญาอินทรี: การเมืองไทยภายใต้ระเบียบโลกสหรัฐอเมริกา 2491-2500. นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, หน้า 29-30
[3] ปรีดี พนมยงค์, “ประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญเบื้องต้น กับการร่างรัฐธรรมนูญ.” ใน ผู้กำเนิด รัฐธรรมนูญไทย ปรีดี พนมยงค์: ข้อเขียนและบทวิเคราะห์รัฐธรรมนูญสามฉบับแรก. โครงการจัดทำสื่อเผยแพร่เกียรติคุณ นายปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส สำหรับ เด็กและเยาวชน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: แม่คำผาง, 2553.
- อิทธิพล โคตะมี
- รัฐธรรมนูญ
- การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
- การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475
- การประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
- พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
- รัชกาลที่ 8
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489
- ควง อภัยวงศ์
- ทวี บุณยเกตุ
- ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช
- ปรีดี พนมยงค์
- ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
- รัฐธรรมนูญฉบับปี 2489
- สภาผู้แทนราษฎร
- ณัฐพล ใจจริง
- ม.จ.ศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน
- พฤฒสภา