ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เกร็ดประวัติศาสตร์

การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ – ๒๔๙๕ ตอนที่ 25 : ไทยเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ

1
สิงหาคม
2568

ธงชาติไทยตั้งอยู่ท่ามกลางธงชาติสมาชิกของสหประชาชาติ
ที่มา: backtoblueinitiative

 

กฎบัตรข้อ ๔ บัญญัติว่า “สมาชิกภาพแห่งสหประชาชาติเปิดแก่บรรดารัฐรักสันติภาพที่รับความยอมรับความผูกพันตามกฎบัตร และตามทัศนะขององค์การสามารถและพร้อมที่จะปฏิบัติตามความผูกพันดังกล่าว” ประเทศไทยเป็นประเทศที่รักสันติภาพมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เราเคยเป็นสมาชิกดั้งเดิมของสันนิบาตชาติ เราอยู่ในฐานะที่จะปฏิบัติตามความผูกพันต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในกฎบัตร ฉะนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ เมื่อประเทศไทยแสดงความจำนงขอเข้าเป็นสมาชิก หากแต่กฎบัตรข้อนั้นกำหนดวิธีการรับสมัครไว้ในวรรค ๒ ว่าสมัชชาจะเป็นผู้ลงมติตามคำแนะนำของคณะมนตรีความมั่นคง และมติใด ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคงที่มิใช่เรื่องวิธีพิจารณา จะต้องได้รับคะแนนเสียงข้างมากในคณะมนตรีถึง ๗ ในบรรดาสมาชิก ๑๑ ประเทศในขณะนั้น โดยต้องรวมการสนับสนุน ของบรรดามหาประเทศทั้ง ๕ อันได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สหภาพโซเวียต จีน และฝรั่งเศส ปัญหาการเมืองจึงอาจจะพัวพันเข้ามาได้ในตอนนี้ เพราะประเทศมหาอำนาจอาจจะแสดงความรังเกียจไม่อยากให้ประเทศหนึ่งประเทศใดเข้าเป็นสมาชิก

สำหรับประเทศไทย ระหว่างการเจรจาเลิกสถานะสงครามกับอังกฤษ นายเดนิ่ง ผู้แทนรัฐบาลอังกฤษ กล่าวต่อคณะผู้แทนไทยว่า ถ้ารัฐบาลไทยไม่ลงนามในหัวข้อความตกลงตามที่อังกฤษเสนอ อังกฤษอาจจะคัดค้านการเข้าเป็นสมาชิกของประเทศไทย ทางฝรั่งเศสเอาอย่าง ขู่ว่าถ้าไทยไม่ทำตามความตกลงเลิกสถานะสงครามกับฝรั่งเศส และยอมคืนดินแดนที่ไทยได้จากอินโดจีนโดยการไกล่เกลี่ยของญี่ปุ่นตามอนุสัญญาสันติภาพลงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๔๘๔ ฝรั่งเศสก็จะคัดค้านการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของประเทศไทยเหมือนกัน การเจรจากับอังกฤษสำเร็จเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๘๙ รัฐบาลอังกฤษรับจะสนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกของไทย แต่ยังติดทางฝรั่งเศสอยู่ ไทยไม่ถือมีสถานะสงครามกับฝรั่งเศสที่อ้างการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายทางชายแดนด้านอินโดจีนเมื่อปี ๒๔๘๔ ได้สงบลงแล้วตามอนุสัญญาสันติภาพกรุงโตเกียวกับรัฐบาลฝรั่งเศสที่วิชีอันถือเป็นรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายของประเทศฝรั่งเศส รัฐบาลฝรั่งเศสหลังสงครามจะประกาศเพิกถอนการกระทำของรัฐบาลวิชีเฉย ๆ อย่างไรได้ ประกอบกับการในการได้ดินแดนจากอินโดจีนตอนนั้น รัฐบาลไทยต้องให้ค่าทดแทนแก่รัฐบาลฝรั่งเศสเป็นจำนวนมาก หากรัฐบาลใหม่ของฝรั่งเศสจะไม่รับรู้การกระทำของรัฐบาลเดิม ก็เป็นเรื่องที่จะต้องยกขึ้นเจรจากันตามนัยของกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่น่าที่จะเป็นเหตุให้ฝรั่งเศสยกขึ้นอ้างขัดข้องต่อสมาชิกภาพของประเทศไทยในองค์การสหประชาชาติได้ อย่างไรก็ตามเมื่อมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นเช่นนี้ วิธีที่ประเทศไทยจะพึงปฏิบัติก็คือ ต้องหาทางสอบดูลู่ทางที่ประเทศไทยจะสมัครเข้าเป็นสมาชิก ว่าจะมีอุปสรรคอย่างใดหรือไม่

ตอนนั้นประจวบเป็นเวลาที่จะมีการประชุมองค์การอาหารและเกษตรของสหประชาชาติที่กรุงวอชิงตันในเดือนพฤษภาคม ๒๔๘๙ เพื่อพิจารณาปัญหาการขาดแคลนอาหารทั่วโลกสืบเนื่องจากภาวะสงคราม ประเทศไทยเป็นประเทศผลิตอาหารสำคัญประเทศหนึ่ง ทางสหรัฐอเมริกาจึงต้องการจะให้ประเทศไทยส่งผู้แทนไปร่วมประชุมด้วย และได้ทำหนังสือเชื้อเชิญมา ท่านนายกรัฐมนตรีปรีดี พนมยงค์ เห็นเป็นโอกาสเหมาะที่ไทยจะเข้าร่วมในกิจการขององค์การในเครือสหประชาชาติ ในขณะเดียวกันจะได้ตรวจดูลู่ทางที่ประเทศไทยจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติด้วย คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีตกลงให้พระช่วงเกษตรศิลปการเป็นหัวหน้าคณะ มีคุณชูชาติ กำภู แห่งกรมชลประทาน และข้าพเจ้าในฐานะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศร่วมไปด้วย สำหรับข้าพเจ้าโดยเฉพาะเป็นที่เข้าใจกันว่า หน้าที่สำคัญอยู่ที่การติดต่อกับสหประชาชาติในเรื่องความดำริของไทยที่จะขอเข้าเป็นสมาชิกยิ่งกว่าการประชุมเรื่องอาหารขาดแคลน

การประชุมที่กรุงวอชิงตันใช้เวลาไม่กี่วันก็เสร็จ คุณพระช่วงฯ และคุณชูชาติคงอยู่ติดต่อกับฝ่ายอเมริกันเกี่ยวกับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย ซึ่งต้องสะดุดหยุดอยู่เป็นเวลาหลายปีโดยเหตุสงคราม วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ท่านอุปทูตหลวงดิษฐการภักดี พาข้าพเจ้าไปกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันเพื่อสอบถามถึงวิธีการสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ได้พบกับนายมอฟเฟ็ต นายแลนดอน และนายสแตนตัน ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นอัครราชทูตประจำกรุงเทพฯ ได้รับคำชี้แจงว่า วิธีสมัครไม่ยุ่งยาก เพียงมีหนังสือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถึงเลขาธิการสหประชาชาติแสดงความจำนงก็พอ ทางสหรัฐฯ พร้อมที่จะสนับสนุนไทย แต่อาจจะมีปัญหาด้านฝรั่งเศสซึ่งถือว่ายังมีสถานะสงครามกับไทยอยู่ ไทยน่าจะต้องเลือกเวลายื่นใบสมัครให้ดี ทางนครนิวยอร์ก ข้าพเจ้าไปพบนายทริกกวีลี เลขาธิการ เพื่อมอบหนังสือของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแต่งตั้งข้าพเจ้าเป็นผู้แทนส่วนตัว เพื่อขอคำแนะนำในการที่ประเทศไทยจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ท่านเลขาธิการต้อนรับข้าพเจ้าด้วยดี คิดว่าคงไม่มีปัญหา นอกจากข่าวลือที่ว่าฝรั่งเศสอาจจะขัดขวางใช้สิทธิยับยั้งในขั้นการพิจารณาของคณะมนตรี ฉะนั้นแนะให้ข้าพเจ้าพยายามไปพบบรรดาผู้แทนของประเทศที่เป็นสมาชิกคณะมนตรีสดับตรับฟังท่าทีของแต่ละคนประกอบการพิจารณาด้วย

ต่อมา ทางกระทรวงการต่างประเทศโทรเลขสั่งให้ข้าพเจ้าเดินทางไปกรุงวอชิงตัน เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลจะเสด็จพระราชดำเนินกลับไปศึกษาต่อที่เมืองโลซานน์โดยจะทรงแวะประพาสสหรัฐอเมริกาในวันที่ ๑๐ มิถุนายน เป็นทางสันถวไมตรีตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลอเมริกัน รัฐบาลประสงค์จะให้การรับเสด็จเป็นไปอย่างสมพระเกียรติ สถานทูตมีเจ้าหน้าที่น้อย ให้ข้าพเจ้าวางมือจากการติดต่อทางนครนิวยอร์กไว้ชั่วคราว ไปช่วยอุปทูตติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันจัดทำหมายกำหนดการรับเสด็จ ในที่สุดตกลงกันในรายการสรุปได้ดังนี้ คือ วันที่ ๑๓ มิถุนายน เสด็จพระราชดำเนินออกจากกรุงเทพฯ ไปกรุงมนิลา รุ่งขึ้นเสด็จพระราชดำเนินออกจากกรุงมนิลาไปเมืองโฮโนลูลู วันที่ ๑๕ เสด็จพระราชดำเนินออกจากโฮโนลูลูถึงเมืองซานฟรานซิสโกวันที่ ๑๖ อีกสองวันต่อมาเสด็จพระราชดำเนินออกจากเมืองซานฟรานซิสโกตรงไปยังกรุงวอชิงตัน ประทับแรมที่ทำเนียบขาวในฐานะอาคันตุกะของประธานาธิบดีหนึ่งวัน วันที่ ๒๐ ถึง ๒๑ แปรพระราชฐานไปประทับที่ทำเนียบแบลร์เฮาส์ วันที่ ๒๒ เสด็จพระราชดำเนินไปนครนิวยอร์ก และจากนั้นจะเสด็จพระราชดำเนินผ่านอังกฤษไปสวิตเซอร์แลนด์

ทางอังกฤษย่อมไม่ยอมน้อยหน้า รัฐบาลสั่งให้ทูตทอมสันแจ้งต่อรัฐบาลไทยขอกราบบังคมทูลเชิญให้เสด็จประพาสกรุงลอนดอนด้วยภายหลังเสด็จสหรัฐฯ ก่อนกลับสวิตเซอร์แลนด์ในฐานะเป็นแขกของรัฐบาลอังกฤษ เนื่องจากสมเด็จพระเจ้ายอร์ชไม่ทรงสามารถรับเป็นพระราชอาคันตุกะประทับในพระราชวังบักกิ้งแฮมได้ ตอนนั้นยังซ่อมแซมความเสียหายที่ได้รับระหว่างสงครามไม่เสร็จ รัฐบาลตกลงจะจัดให้ประทับที่โรงแรมแคลริตช์ โดยสมเด็จพระเจ้ายอร์ชจะถวายพระกระยาหารคํ่าหนึ่งวัน และจะขอกราบทูลเชิญให้เสด็จไปยังอุทยานสโมสรในวันที่ ๙ กรกฎาคม หากยังคงประทับอยู่ในกรุงลอนดอน สมเด็จพระเจ้ายอร์ชทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าจะเชิญเป็นพระราชอาคันตุกะในภายหลังเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย โดยอาจจะเสด็จพระราชดำเนินจากเมืองโลซานน์

เช้าวันที่ ๙ มิถุนายน ข้าพเจ้าออกจากโรงแรมที่พักไปสถานทูตที่ถนนคาโลรามา เพื่อพบหลวงดิษฐการภักดีและภริยา ทั้งสองคนหน้าตาเคร่งเครียด พอเห็นหน้าข้าพเจ้า ท่านถามข้าพเจ้าด้วยสำเนียงอันหม่นหมองว่า ทราบข่าวแล้วหรือยัง ข้าพเจ้าย้อนถามว่า ข่าวอะไร คุณหลวงดิษฐการภักดีตอบว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตเสียแล้ว ข้าพเจ้างงอย่างไก่ตาแตก จะเสด็จพระราชดำเนินประพาสสหรัฐอเมริกาอยู่ในวันสองวันแล้ว เสด็จสวรรคตได้อย่างไร ท่านอุปทูตไม่ทราบรายละเอียดและสาเหตุ เราได้รอฟังคำแถลงการณ์ของทางราชการต่อไปด้วยความโศกสลดอย่างสุดซึ้ง การไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศเพื่อเตรียมการรับเสด็จเป็นอันงด ทางกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันก็ช่วยให้ความกระจ่างแก่เราไม่ได้ เพราะต่างไม่ทราบเหตุผลและข้อเท็จจริงที่แน่นอน ที่พวกเราพอแน่แก่ใจก็คือ ประชาชนชาวไทยคงจะรู้สึกสูญเสียอย่างยิ่งยวดในองค์พระประมุขแห่งชาติ ผู้เพิ่งจะเสด็จพระราชดำเนินนิวัตพระนครเมื่อไม่กี่เดือน ผู้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แก่ประเทศไทยเมื่อเดือนที่แล้ว ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินเปิดประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน และกำลังจะเสด็จพระราชดำเนินประพาสสหรัฐอเมริกาอยู่รำมะร่อ

ท่านปรีดี พนมยงค์ ผู้ได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับคณะรัฐมนตรีภายหลังการเปิดประชุมรัฐสภา เพิ่งได้รับเสนอกลับเป็นนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่งด้วยความเห็นชอบของรัฐสภาเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยในประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๘ ยังไม่ทันเลือกคณะรัฐมนตรีด้วยซํ้า ก็เสด็จสวรรคตเสียแล้ว โดยไม่มีผู้ใดคาดฝันว่า การลงพระปรมาภิไธยตั้งท่านปรีดี พนมยงค์ เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนั้น จะเป็นการประกอบพระราชกรณียกิจครั้งสุดท้ายของล้นเกล้าล้นกระหม่อม

คืนวันที่ ๙ นั้นเอง มีการประชุมรัฐสภา นายกรัฐมนตรีเสนอขอความเห็นชอบให้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ต่อไปตามกฎมณเฑียรบาล ที่ประชุมให้ความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ โดยที่ยังทรงพระเยาว์อยู่ รัฐธรรมนูญกำหนดให้สมาชิกพฤฒสภาผู้มีอายุสูงสุดเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ชั่วคราว คืนนั้นพอเสร็จการประชุมรัฐสภาแล้ว ท่านปรีดี พนมยงค์ ถวายกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที

รุ่งขึ้นวันที่ ๑๐ ประธานสภาทั้งสองเชิญประชุมสมาชิกอีกวาระหนึ่งเพื่อสรรหาตัวนายกรัฐมนตรีใหม่ ส่วนมากเห็นว่า ในยามที่ประเทศชาติกำลังคับขันมีปัญหารอบด้านทั้งภายในและภายนอก ควรขอให้ท่านปรีดี พนมยงค์ กลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ชั่วคราวลงนามประกาศแต่งตั้งในพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ ๑๑ นายกรัฐมนตรีเสนอรายชื่อคณะรัฐมนตรีรวม ๑๖ คน และได้รับมติไว้วางใจจากรัฐสภาเมื่อวันที่ ๑๓ ต่อมาอีก ๓ วัน ที่ประชุมร่วมของรัฐสภามีมติให้ความเห็นชอบแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ประกอบด้วยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร และพระยามานวราชเสวี

เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน นายเบิร์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน มีคำสั่งไปให้เอกอัครราชทูตประจำกรุงปารีสปรารภความห่วงใยของรัฐบาลอเมริกันต่อนายบิโด ว่าฝรั่งเศสควรจะแสดงออกอย่างเปิดเผยว่า ถ้าได้รับคืนดินแดนจากไทยแล้ว ฝรั่งเศสพร้อมที่จะดำเนินการปรับปรุงเขตแดนระหว่างอินโดจีนกับไทยด้วยความเป็นมิตร เพื่อจะได้เขตแดนที่เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้เพราะเหตุว่า หากมีความยุ่งยากทางชายแดนต่อไปแล้ว จะกระทบกระเทือนถึงการที่ไทยจะส่งข้าวออกตามที่โลกภายนอกต้องการ ถ้าฝรั่งเศสยินยอมปฏิบัติตามที่เสนอแนะแล้วรัฐบาลอเมริกันจะยืนยันขอให้ไทยรีบคืนดินแดนเสีย และดำเนินการทุกวิถีทางที่จะปลดอาวุธและขับไล่พวกก่อการร้ายในเขตชายแดน นายเบิร์นขอให้ทูตเตือนฝรั่งเศสด้วยว่า ถ้าไทยหรือประเทศอื่นใดยกเรื่องให้สหประชาชาติพิจารณาเป็นทางการแล้ว รัฐบาลอเมริกันจะต้องเปิดโอกาสให้คณะมนตรีความมั่นคงฟังคารมและเหตุผลของไทยอย่างกว้างขวาง ไม่มีใครทราบว่า ผลการพิจารณาของคณะมนตรีจะออกมาในรูปใด ฉะนั้น รัฐบาลอเมริกันจึงเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศฝรั่งเศสและสถานการณ์ทั่วไปของโลกมากที่สุด หากรัฐบาลฝรั่งเศสรับวางมาตรการป้องกันมิให้เหตุการณ์ชายแดนลุกลามขยายตัวรุนแรงขึ้น

ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเดินทางจากกรุงวอชิงตันกลับนิวยอร์ก ข้าพเจ้าไปพบนายมอฟเฟ็ตที่กระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน เพื่อสอบถามว่า ถ้าประเทศไทยเสนอข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับฝรั่งเศสให้คณะมนตรีความมั่นคงพิจารณา รัฐบาลอเมริกันจะสนับสนุนไทยหรือไม่ นายมอฟเฟ็ตยืนยันว่า รัฐบาลอเมริกันจะสนับสนุนให้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางและเป็นธรรมในปัญหาข้อพิพาทใด ๆ ที่มีเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคง แต่ผลจะออกมาในรูปใดไม่มีใครทราบ นายมอฟเฟ็ตเน้นว่า ปัญหาพิเศษของไทยอยู่ที่ฝรั่งเศสอ้างว่า ยังมีสถานะสงครามกับไทย ทั้งนี้จะไม่ทำให้รัฐบาลอเมริกันเปลี่ยนท่าที แต่สมาชิกอื่นในคณะมนตรีอาจให้นํ้าหนักแก่คารมของฝรั่งเศสก็ได้ ข้าพเจ้าลองถามต่อไปว่า ในการร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงไทยจะต้องคืนดินแดนให้แก่ฝรั่งเศสก่อนหรือไม่ นายมอฟเฟ็ตตอบว่า ตามหลักการแล้วไม่มีความจำเป็นจะต้องกระทำเช่นนั้น แต่ในทางปฏิบัติ ถ้าไทยคืนดินแดนก่อนจะทำให้มีนํ้าหนักดีขึ้น หาไม่แล้วคณะมนตรีความมั่นคงอาจจะไม่ยอมพิจารณาคำร้องเรียนของประเทศที่ถูกกล่าวหาว่ายึดดินแดนไว้เนื่องด้วยการรุกราน คณะมนตรีฯ ไม่อยากจะสนับสนุนการรุกราน นายมอฟเฟ็ตยกตัวอย่างว่า ผู้ที่จะไปหาศาลต้องไปด้วยมือสะอาด

ข้าพเจ้าแย้งว่า ดินแดนที่ไทยได้จากฝรั่งเศสในปี ๒๔๘๔ มิใช่ได้มาโดยอาศัยการรุกราน ไทยกำลังเจรจาปัญหาดินแดนกับฝรั่งเศสมาก่อนแล้ว ต่อมาเมื่อเกิดมีกรณีเหตุชายแดนขึ้น ก็มีการเจรจากันใหม่เป็นผลให้ฝรั่งเศสยอมสละดินแดนส่วนที่ไทยถือเป็นของไทย นายมอฟเฟ็ตถามว่า เป็นความจริงหรือไม่ที่กองทหารเข้าไปยึดดินแดนเหล่านั้นก่อน ข้าพเจ้าชี้แจงว่า ที่กำลังทหารไทยต้องเข้าไปในดินแดนบางส่วนก็เพื่อหยุดยั้งกรณีเหตุชายแดนต่างหาก นายมอฟเฟ็ตยืนยันว่า รัฐบาลอเมริกัน อังกฤษ และฝรั่งเศสไม่รับรู้การโอนดินแดนตอนนั้น ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า ในการได้ดินแดนจากฝรั่งเศส ประเทศไทยต้องจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศสตามความตกลงที่กระทำกันถึง ๖ ล้านเบียสตร์ การที่ฝรั่งเศสรับเงินทดแทนถือได้หรือไม่ว่า ไทยไม่ได้ดินแดนมาด้วยการรุกราน นายมอฟเฟ็ตตอบว่า การที่ไทยต้องจ่ายเงินไม่ใช่เครื่องพิสูจน์ว่า ไทยไม่ได้รับดินแดนด้วยการรุกราน เป็นที่แน่นอนว่า ฝรั่งเศสจะต้องคืนเงินจำนวนนั้นให้แก่ไทย เมื่อไทยคืนดินแดนให้ฝรั่งเศส

ข้าพเจ้ายืนยันต่อไปว่า ไทยไม่ถือการได้ดินแดนเมื่อปี ๒๔๘๔ เป็นการได้มาด้วยการรุกราน แต่ก็ยอมรับว่า รัฐบาลอเมริกันและอังกฤษถือว่าไทยอาศัยความช่วยเหลือของญี่ปุ่น ไทยใคร่ขอให้สหประชาชาติวินิจฉัยว่า ดินแดนนั้นควรเป็นของใคร เพราะไทยไม่เชื่อว่าเป็นของฝรั่งเศส นายมอฟเฟ็ตชี้แจงว่า ก่อนเกิดสงคราม รัฐบาลอเมริกันรับรองอธิปไตยของฝรั่งเศสเหนือดินแดนอินโดจีน และด้วยการไม่ยอมรับการโอนให้ไทย รัฐบาลอเมริกันจึงถือว่าดินแดนพิพาทอยู่ในอธิปไตยของฝรั่งเศสตามกฎหมาย ข้าพเจ้าแก้ว่า เนื่องจากลาวและเขมรกำลังทำการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพจากฝรั่งเศส ไทยจะคืนดินแดนโดยสมัครใจให้แก่ฝรั่งเศสได้อย่างใด อย่างมากที่ไทยพอจะรับกระทำก็คือ ส่งมอบดินแดนให้แก่สหประชาชาติ

พอกล่าวถึงตอนนี้ นายมอฟเฟ็ตเปลี่ยนเป็นนักแสดงทัศนะส่วนตัวว่า อยากจะให้มีเขตแดนที่ทุกฝ่ายยอมรับนับถือ การพยายามจะขบปัญหาโดยอาศัยข้อเรียกร้องตามกฎหมายหรือตามประวัติศาสตร์จะไม่สร้างสันติภาพ นายมอฟเฟ็ตสนใจสันติภาพในอนาคตยิ่งกว่าในอดีต ถ้ามีทางจะทำได้ น่าจะจัดตั้งคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศซึ่งประกอบด้วยประเทศที่ไม่มีผลประโยชน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น สวิตเซอร์แลนด์และสวีเดน มอบให้กำหนดเขตแดนที่เหมาะสมอย่างแท้จริง นายมอฟเฟ็ตไม่ทราบว่า รัฐบาลอเมริกันหรือสหประชาชาติหรือรัฐบาลฝรั่งเศสจะเห็นอย่างใด

ภายหลังที่นายกรัฐมนตรีร้องเรียนไปทางเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม กล่าวหาว่า กำลังทหารฝรั่งเศสรุกลํ้าข้ามแม่นํ้าโขงเข้ามายึดดินแดนบางส่วนของไทย ดังกล่าวมาแล้วในบทที่ ๒๓ เลขาธิการประกาศเมื่อวันที่ ๒๘ ว่าจะนำเรื่องเสนอคณะมนตรีความมั่นคง เป็นกรณีแรกที่ประเทศซึ่งยังไม่ได้เป็นสมาชิกขอร้องให้สหประชาชาติดำเนินการเพื่อรักษาสันติภาพ เป็นธรรมดาอยู่เองที่ฝ่ายฝรั่งเศสต้องออกคำแถลงการณ์ปฏิเสธว่า มิได้รุกรานประเทศไทย หากเป็นเพียงต้องติดตามโจรผู้ร้ายที่ข้ามจากฝั่งไทยไปรังควานฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่ไทยไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ชายแดนไว้ได้ ปล่อยให้พวกกบฏลาวและญวนใช้ดินแดนไทยเป็นที่ซ่องสุมกำลังส่งไปปฏิบัติการในอินโดจีน โดยที่ในตอนนั้นผู้แทนฝรั่งเศสทำหน้าที่เป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคง เลขาธิการจึงไม่ได้บรรจุเรื่องในระเบียบวาระของการประชุม

ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน เลขาธิการสหประชาชาติโทรเลขตอบรัฐบาลไทยว่า ได้ส่งสำเนาคำร้องเรียนของไทยเวียนให้สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงทราบแล้ว โดยที่ตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในการร้องเรียนขอให้สหประชาชาติดำเนินการพิจารณาปัญหาข้อพิพาทใด ๆ ประเทศที่มิได้เป็นสมาชิกจะต้องแสดงความจำนงล่วงหน้าว่า พร้อมที่จะปฏิบัติการตามข้อผูกพันแห่งการระงับข้อพิพาทตามที่กำหนดไว้ในกฎบัตร ประกอบกับกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเกี่ยวโยงกับดินแดนที่เป็นข้อพิพาทกันอยู่ด้วย รัฐบาลจึงตกลงใจเสนอเรื่องขออนุมัติรัฐสภาเพื่อให้คำรับรองต่อสหประชาชาติว่า ประเทศไทยจะยอมปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของสหประชาชาติอย่างเคร่งครัด รัฐสภามอบอำนาจดังกล่าวให้แก่รัฐบาลในวันเดียวกันนั้น โดยคะแนนเสียง ๑๒๒ ต่อ ๔ ต่อมาเมื่อเหตุการณ์ทางชายแดนยังไม่สงบ รัฐบาลส่งบันทึกยืนยันไปทางเลขาธิการเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม และตกลงแต่งตั้งคณะผู้แทนไทยที่จะไปปฏิบัติการทางสหประชาชาติ เมื่อวันที่ ๑๗ มีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร เป็นหัวหน้า โดยที่เรื่องดินแดนเป็นปัญหาของชาติ รัฐบาลตกลงให้ฝ่ายค้านมีส่วนร่วมในคณะผู้แทนด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ขอร้องให้คุณควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายค้าน เป็นรองหัวหน้าคณะผู้แทน เนื่องจากเป็นผู้สืบตระกูลผู้ปกครองเขตพระตะบองมาก่อน และให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายรัฐบาลอยู่ร่วมด้วย ได้แก่ คุณสุจิต หิรัญพฤกษ์ และคุณดุสิต บุญธรรม นอกนั้นเป็นข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศ เช่น หลวงวิสูตรวิรัชชเทศ หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน คุณถนัด คอมันตร์ หม่อมเจ้าดิลกฤทธิ์ กฤดากร คุณจรูญพันธ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และคุณจาพิกรณ์ เศรษฐบุตร คุณหลวงดิษฐการภักดีในฐานะอุปทูต ณ กรุงวอชิงตัน และข้าพเจ้าในฐานะที่ดำเนินเรื่องการสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติทางนครนิวยอร์ก ก็ได้รับแต่งตั้งเข้าร่วมในคณะผู้แทนด้วย คณะผู้แทนจากกรุงเทพฯ ยังจะไม่เดินทางไปนิวยอร์กทันที แต่จะประชุมปรึกษาหารือกันที่กรุงเทพฯ เพื่อกำหนดแนวดำเนินงานต่อไป

รัฐบาลไทยต้องการจะให้สหประชาชาติเข้ามาขจัดข้อระหองระแหงระหว่างไทยกับฝรั่งเศส เพื่อจะได้ตั้งหน้าพัฒนาบ้านเมืองภายหลังสงคราม สำหรับเรื่องดินแดนพิพาท ถ้าเป็นคำสั่งหรือคำขอจากสหประชาชาติให้คืนฝรั่งเศส รัฐบาลไทยย่อมจะปฏิบัติตามได้ เมื่อเป็นที่แน่ชัดว่า จะเป็นทางส่งเสริมสันติภาพระหว่างประเทศ โดยเป็นที่เข้าใจว่า จะมีการพิจารณาปรับปรุงดินแดนกันใหม่ตามความเป็นธรรม ส่วนฝรั่งเศสไม่สู้จะอยากให้เรื่องเข้าไปสู่การพิจารณาของสหประชาชาตินัก เพราะฝรั่งเศสกำลังประสบปัญหาหนักจากปวงชนที่ต้องตกอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศสที่ต้องการกู้อิสรภาพ ถ้าเรื่องข้อพิพาทกับไทยเข้าถึงสหประชาชาติ จะเป็นโอกาสก่อให้เกิดความยากลำบากแก่ฝรั่งเศสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกประจำในคณะมนตรีความมั่นคง คือ จีนและสหภาพโซเวียต อาจจะกระพือให้กลายเป็นข้อขัดแย้งระหว่างกลุ่มตะวันตกฝ่ายจักรวรรดินิยม กับกลุ่มตะวันออกฝ่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อระบบอาณานิคม ด้วยเหตุนี้ ทางสหรัฐอเมริกาและอังกฤษจึงไม่สู้เต็มใจจะให้มีการอภิปรายเปิดเผยในที่ประชุมองค์การโลกเท่าใดนัก เพราะถ้าเริ่มอภิปรายกันไปแล้วจะไม่สามารถหาจุดจบได้ ทั้งสองประเทศพยายามจะรั้งรอการเดินทางของคณะผู้แทนไว้ก่อน จนกว่าจะมองเห็นทางแก้ปัญหาโดยวิธีอื่น

ในระหว่างที่คณะผู้แทนยังไม่เดินทางออกไปสหรัฐอเมริกา คุณหลวงดิษฐการภักดีและข้าพเจ้า ผู้อยู่ทางสหรัฐอเมริกาได้รับคำสั่งให้ตระเตรียมการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง โดยตกลงให้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ให้ช่วยเป็นเจ้าหน้าที่ติดต่อกับฝ่ายสื่อสารมวลชนของสหรัฐฯ โดยได้คำแนะนำจากนายพลโดโนเวน อดีตหัวหน้าสำนักงาน โอ.เอส.เอส. ซึ่งกรุณารับช่วยเหลือ โดยเฉพาะข้าพเจ้าซึ่งทำหน้าที่ทาบทามในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกต้องอยู่ทางนครนิวยอร์ก หนีไม่พ้นที่จะถูกนักหนังสือพิมพ์และผู้สื่อข่าวขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาชายแดน ข้าพเจ้าต้องสาธยายถึงภูมิหลังของดินแดนระหว่างประเทศไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศส ไทยต้องเสียดินแดนให้แก่ฝ่ายฝรั่งเศสในปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ และต้นศตวรรษที่ ๒๐ หลายต่อหลายครั้ง จนเมื่อก่อนเกิดสงครามในเอเชียเราได้รับดินแดนส่วนใดคืนมาบ้างด้วยการเจรจากับรัฐบาลฝรั่งเศสที่วิชี ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย การที่รัฐบาลหลังสงครามของฝรั่งเศสไม่ยอมรับรู้ความสมบูรณ์ของการปฏิบัติงานของรัฐบาลวิชีจะถูกต้องหรือไม่เพียงใด ความรู้สึกและความต้องการของประชากรในลาว กัมพูชา และญวน มีอย่างใดต่อการปกครองของฝรั่งเศส ตลอดจนข้ออ้างของรัฐบาลฝรั่งเศสภายใต้นายพลเดอโกล ที่ถือว่ามีสถานะสงครามกับประเทศไทย ข้าพเจ้าให้เหตุผลว่า สถานทูตฝรั่งเศสเปิดทำการอยู่ในประเทศไทยตลอดเวลาสงคราม ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไม่เคยขาดสะบั้นลงเลย รัฐบาลไทยภายหลังสงครามสืบเนื่องมาจากขบวนการต่อต้านญี่ปุ่น ในทำนองเดียวกับรัฐบาลฝรั่งเศสที่สืบเนื่องมาจากขบวนการฝรั่งเศสเสรีที่ต่อต้านฝ่ายอักษะ ไฉนเลยรัฐบาลทั้งสองจะมีสถานะสงครามต่อกันได้

ในส่วนที่เกี่ยวกับการสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ข้าพเจ้าไปพบกับนายโปรตีช เลขานุการคณะกรรมาธิการรับสมาชิกใหม่ของคณะมนตรีความมั่นคงทราบว่า ทางสหประชาชาติกำหนดให้ประเทศที่สมัครยื่นคำจำนงภายในวันที่ ๕ สิงหาคม เพื่อคณะกรรมาธิการจะได้รวบรวมเสนอผ่านคณะมนตรีความมั่นคงส่งไปให้สมัชชาอนุมัติเป็นขั้นสุดท้าย ข้าพเจ้าไปพบผู้แทนของประเทศที่เป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงเป็นรายตัวไป ส่วนใหญ่ยินดีจะสนับสนุน แต่ไม่แน่ใจในท่าทีของฝรั่งเศสและสหภาพโซเวียต สำหรับผู้แทนประเทศฝรั่งเศส ข้าพเจ้ามิได้ไปพบเนื่องจากกำลังมีกรณีข้อพิพาทต่อกันอยู่ ส่วนนายโกรมิโก ผู้แทนสหภาพโซเวียต แจ้งต่อข้าพเจ้าว่า ประเทศไทยยังไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหภาพฯ เขาจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะสนับสนุนการเข้าไปเป็นสมาชิกของประเทศไทย ซึ่งข้าพเจ้าชี้แจงว่า ความจริงทั้งสองประเทศตกลงจะแลกเปลี่ยนผู้แทนทางการทูตต่อกันตอนเริ่มสงครามในยุโรป รัฐบาลไทยได้แต่งตั้งทูตจะส่งไปประจำกรุงมอสโก หากแต่ภาวะสงครามเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางเสีย นายโกรมิโกว่า จะต้องขอคำสั่งไปทางรัฐบาล ยังรับปากกับข้าพเจ้าไม่ได้ว่าจะสนับสนุนไทยหรือไม่

บังเอิญวันหนึ่งข้าพเจ้าพบเพื่อนนักศึกษากฎหมายรุ่นเดียวกันที่กรุงปารีส ชื่อ นาย ดี. กาตรู ในรถใต้ดิน เราทั้งสองไม่ได้พบหรือได้ข่าวคราวจากกันเลยตั้งแต่สำเร็จปริญญาเอกทางกฎหมาย เมื่อปี ๒๔๘๓ เมื่อมาพบกันเข้า เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกยินดีสอบถามข่าวคราวซึ่งกันและกัน ปรากฏว่า นายกาตรูขณะนั้นประจำอยู่ทางคณะผู้แทนถาวรฝรั่งเศสที่สหประชาชาติ ในฐานะที่เป็นเพื่อนเก่าร่วมมหาวิทยาลัย และต่างทำงานด้านต่อต้านอักษะด้วยกันยามสงคราม เราจึงสามารถเปิดอกต่อกันในปัญหาของบ้านเมืองซึ่งกำลังมีข้อพิพาทบาดหมางกันอยู่ นายกาตรูออกตัวว่า ไม่รู้จะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างฝรั่งเศสกับไทยนัก จะสอบถามนายปาโรดี ผู้แทนถาวรของฝรั่งเศสให้

ต่อมาวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ข้าพเจ้าไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายกาตรู เขาแจ้งว่า ยังไม่มีโอกาสพบกับนายปาโรดี ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับนครนิวยอร์ก เท่าที่สดับตรับฟังจากอัครราชทูตประจำสำนักผู้แทนถาวร เข้าใจว่า รัฐบาลฝรั่งเศสอยากจะขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นผู้พิจารณาปัญหาดินแดนระหว่างอินโดจีนกับไทย แต่ก่อนที่จะเสนอเรื่องไป รัฐบาลฝรั่งเศสและรัฐบาลไทยจะต้องทำความตกลงกำหนดปัญหาที่จะเสนอให้ศาลพิจารณา ศาลอาจจะตั้งคณะกรรมาธิการผสมขึ้นปกครองดินแดนพิพาทเป็นการชั่วคราว ข้าพเจ้าตอบนายกาตรูไปว่า สำหรับส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าเน้นว่า ข้อสำคัญขอฝรั่งเศสอย่าได้ยึดเรื่องสถานะสงคราม เพราะไทยรับไม่ได้ ข้าพเจ้าขอให้นายกาตรูช่วยสอบให้แน่นอนว่า รัฐบาลฝรั่งเศสปรารถนาจะดำเนินการอย่างใด

ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ข้าพเจ้าไปพบนายกาตรูอีก เขาถามข้าพเจ้าว่ามีอำนาจจะเจรจากับนายปาโรดีเรื่องดินแดนได้หรือไม่ ข้าพเจ้าตอบว่าไม่มี ได้รับมอบหมายแต่ในเรื่องการสมัครเข้าเป็นสมาชิก นายกาตรูแสดงความเห็นว่า ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้รับมอบอำนาจให้เจรจา จะไปพบนายปาโรดี ก็จะเป็นเพียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นส่วนตัว ดูจะไม่สู้มีประโยชน์ ข้าพเจ้าแก้ว่า การปรึกษาหารือแม้ส่วนตัวอาจจะยังประโยชน์ให้ได้ไม่มากก็น้อย ข้อพิพาทน่าจะหาทางพูดจากันโดยสันติ ข้าพเจ้าเกรงว่า ทั้งสองฝ่ายยังไม่สู้เข้าใจกันดี ถ้าต่างฝ่ายต่างแสดงความคิดเห็นต่อกันโดยบริสุทธิ์ใจ อาจจะทำให้ความเข้าใจดีขึ้น ถ้ามีทางจะผ่อนปรนเข้าหากันก็คงจะเป็นผลดี สำหรับท่าทีของรัฐบาลไทย ข้าพเจ้าทราบโดยประมาณในหลักการสองประการ คือ (๑) ไทยไม่ถือว่ามีสถานะสงครามกับฝรั่งเศส และ (๒) ไทยยอมรับวิธีระงับข้อพิพาททุกอย่างโดยสันติ ไม่ใช้กำลังต่อกัน นายกาตรูกล่าวว่า ฝรั่งเศสถือว่าสถานะสงครามยังมีอยู่ แต่ก็ไม่เน้นเท่าใดนัก วิธีระงับข้อพิพาทโดยเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงพิจารณา ฝรั่งเศสก็พร้อม แต่ดูเหมือนอังกฤษและอเมริกันจะไม่ค่อยชอบ เกรงว่า การอภิปรายในคณะมนตรีฯ จะขยายวงปัญหาการเมืองกว้างขวางออกไป ซึ่งเป็นสิ่งไม่พึงปรารถนา ฉะนั้น ไปหาศาลโลกดูจะดีกว่า คำพิพากษาของศาลจะเป็นการรับปัญหาข้อกฎหมาย

ข้าพเจ้าแสร้งกล่าวว่า การเสนอเรื่องต่อคณะมนตรีความมั่นคงเป็นวิถีทางสันติที่จะส่งเสริมฐานะของคณะมนตรีฯ ด้วย ไทยยืนยันจะรับตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีฯ ฝรั่งเศสก็คงเช่นเดียวกัน ฝรั่งเศสได้เปรียบกว่าด้วยซํ้า เพราะเป็นมหาประเทศที่เป็นสมาชิกประจำของคณะมนตรีฯ แต่ถ้าฝรั่งเศสเลือกจะไปศาลโลก ข้าพเจ้าคิดว่า ไทยคงไม่ขัดข้อง นายกาตรูยํ้าอย่างที่เคยแจ้งแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า ในการจะไปศาลโลก ไทยกับฝรั่งเศสจะต้องตกลงกำหนดประเด็นที่จะให้ศาลโลกพิจารณาแน่นอน ระหว่างดำเนินเรื่องทางศาล ควรกลับคืนสัมพันธภาพระหว่างทั้งสองประเทศ ดินแดนพิพาทควรจัดให้อยู่ในความปกครองของคณะกรรมการระหว่างประเทศที่จะตกลงกันตั้งขึ้น

ความจริง ฝ่ายฝรั่งเศสมีดำริในเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคมแล้ว โดยนายโบเด อธิบดีกรมเอเชีย ได้แจ้งอย่างไม่เป็นทางการต่อเอกอัครราชทูตอเมริกันที่กรุงปารีสว่า ฝรั่งเศสอยากจะส่งเรื่องให้ศาลโลกพิจารณา ยิ่งกว่าจะไปอภิปรายกันในคณะมนตรีความมั่นคง สามวันต่อมานายบอนเนต์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ณ กรุงวอชิงตัน แสดงเป็นเชิงความเห็นส่วนตัวต่อนายแอจิสัน ปลัดกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันว่า การที่ไทยจะนำข้อพิพาทกับฝรั่งเศสไปเสนอคณะมนตรีความมั่นคง มีปัญหาว่าจะกระทำได้ตามกฎบัตรสหประชาชาติหรือไม่ ฝรั่งเศสยังถือว่าอยู่ในสถานะสงครามกับไทย จะเป็นตัวอย่างไม่ดีที่จะยอมให้ประเทศศัตรูยกปัญหาเรื่องดินแดนให้สหประชาชาติพิจารณา น่าจะขัดต่อกฎบัตรข้อ ๑๐๗ นายแอจิสันโต้ว่า อังกฤษและสหรัฐอเมริกาไม่มีสถานะสงครามกับประเทศไทยแล้ว กฎบัตรข้อ ๑๐๗ ไม่น่าจะใช้บังคับแก่กรณีไทยได้ นายบอนเนต์จึงกล่าวลอย ๆ ว่า ไม่ทราบว่า รัฐบาลฝรั่งเศสจะมีความเห็นอย่างใด ถ้าจะให้เสนอข้อพิพาทต่อศาลโลก การปล่อยให้มีการอภิปรายในคณะมนตรีฯ หรือในสมัชชาอาจขยายขอบเขตออกไป รัฐบาลฝรั่งเศสคงพยายามหาทางกีดกันไม่ให้เรื่องเข้าสู่คณะมนตรีฯ นายแอจิสันยืนยันว่า รัฐบาลอเมริกันก็ไม่อยากจะให้เรื่องยืดเยื้ออยู่ทางคณะมนตรีฯ และไม่ต้องการเห็นการใช้สิทธิยับยั้งซึ่งจะเป็นการบั่นทอนเกียรติศักดิ์ของสหประชาชาติ รัฐบาลอเมริกันพร้อมที่จะช่วยให้ฝรั่งเศสกับไทยตกลงกันได้ในปัญหาต่าง ๆ ที่คั่งค้างอยู่ และถ้าฝรั่งเศสมีข้อเสนอเป็นกิจจะลักษณะอย่างใด รัฐบาลอเมริกันยินดีจะช่วยติดต่อกับไทยให้

วันที่ ๒๒ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ณ กรุงวอชิงตัน แจ้งเป็นทางการต่อกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันว่า ฝรั่งเศสจะไม่ยอมให้คณะมนตรีความมั่นคงพิจารณาข้อพิพาทกับไทย แต่จะยินยอมผ่อนปรนลงมาเป็นเสนอให้ศาลโลกพิจารณาว่าอนุสัญญาระหว่างไทยกับรัฐบาลวิชีลงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๔๘๔ มีผลสมบูรณ์หรือไม่ ถ้าไทยยอมรับข้อเสนอนี้ ไทยจะต้องถอนคำร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงเสีย

เป็นที่เห็นชัดว่า ที่ฝรั่งเศสคิดเสนอให้ส่งเรื่องไปศาลโลก ก็โดยมีความประสงค์จะป้องกัน มิให้มีการอภิปรายเรื่องดินแดนและกรณีเหตุชายแดนในคณะมนตรีความมั่นคง และฝรั่งเศสวางเงื่อนไขว่า ฝรั่งเศสจะไม่ยอมเจรจาโดยตรงกับไทยจนกว่ารัฐบาลไทยจะตกลงโดยอาศยั รัฐบาลอเมริกันเป็นแกนกำหนดประเด็นแน่นอนที่จะเสนอต่อศาลโลก และไทยยินยอมให้มีการปกครองชั่วคราวในเขตที่พิพาท เมื่อตกลงกันได้ในสองข้อนี้แล้ว ฝรั่งเศสจึงจะยอมเจรจารายละเอียดโดยตรงกับไทย กลับทำความสัมพันธ์ตามปกติ และจะไม่คัดค้านประเทศไทยที่จะเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ

วันที่ ๒๙ นายบอนเนต์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ณ กรุงวอชิงตัน เสนอบันทึกเป็นทางการตามแนวที่กล่าวนี้ต่อนายแอจิสัน ซึ่งกำลังรักษาการในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน ตามบันทึกฉบับนั้น นอกจากศาลโลกจะพิจารณาประเด็นความสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ของอนุสัญญากรุงโตเกียวลงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๔๘๔ แล้ว ยังจะได้รับอำนาจให้เป็นผู้กำหนดจำนวนเงินที่รัฐบาลฝรั่งเศสจะต้องจ่ายคืนให้แก่ประเทศไทย เป็นการตอบแทนจำนวนเงินที่รัฐบาลไทยได้จ่ายให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศสตามอนุสัญญา และค่าใช้จ่ายอื่นที่รัฐบาลไทย ได้จ่ายไปเพื่อพัฒนาดินแดนเหล่านั้นในระหว่างที่ไทยปกครอง นายบอนเนต์เพิ่มเติมด้วยวาจาว่า ในระหว่างที่ศาลโลกพิจารณาข้อพิพาท ดินแดนพิพาทจะให้อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศที่สาม

คุณดิเรก ชัยนาม แจ้งต่อนายสแตนตัน ทูตอเมริกัน เมื่อวันที่ ๓๐ ว่า รัฐบาลไทยไม่สู้จะชอบข้อเสนอของฝรั่งเศสนัก รัฐบาลและรัฐสภาได้ตกลงไว้แล้วให้เสนอข้อพิพาทต่อคณะมนตรีความมั่นคง จึงอยากจะให้เป็นคำวินิจฉัยของคณะมนตรีฯ แต่ถ้าคณะมนตรีฯ รับพิจารณาเรื่องนี้แล้ว เห็นสมควรให้ส่งไปให้ศาลโลกพิจารณารัฐบาลไทยก็ไม่ขัดข้อง

กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันได้รับอนุมัติจากประธานาธิบดีเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ให้วิงวอนให้รัฐบาลไทยรับข้อเสนอของฝรั่งเศสเสีย เพราะจะเป็นทางออกด้านสหประชาชาติตามที่รัฐบาลไทยต้องการ เน้นให้เห็นความไม่แน่นอนในผลของการที่จะยืนยันให้เสนอเรื่องต่อคณะมนตรีความมั่นคง มีปัญหาทางกฎบัตรอยู่มากหลาย และแจ้งให้ทราบด้วยว่า อเมริกันรับจะควบคุมการปกครองดินแดนพิพาทระหว่างการพิจารณาศาลโลกเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย นายสแตนตันนำความนี้ไปแจ้งต่อท่านนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ต่อมาวันที่ ๖ คณะรัฐมนตรีตกลงรับข้อเสนอในหลักการและมอบอำนาจให้แก่คณะผู้แทนไทยที่จะเดินทางออกไปสหรัฐอเมริกาอย่างกว้างขวาง คือ จะให้ไปอภิปรายในคณะมนตรีความมั่นคงก็ได้ หรือจะหาทางทำความตกลงปรองดองกันด้วยวิธีอื่นก็ได้

ในช่วงนั้น ข้อขัดข้องมีอยู่ประการหนึ่ง คือ อำนาจของประเทศที่สามที่จะเข้าไปปกครองดินแดนพิพาทชั่วคราว ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่า จะได้แก่สหรัฐอเมริกา ฝ่ายอเมริกันอ้างว่าไม่สามารถจะส่งคณะบุคคลเข้าไปทำการปกครองเองแทนเจ้าหน้าที่ไทย จึงมีดำริจะคงให้ไทยดำเนินการปกครองไปพลาง โดยให้สิทธิแก่สหรัฐอเมริกาที่จะทักท้วงเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายได้ส่วนฝรั่งเศสอยากจะให้ไทยถอนเจ้าหน้าที่ทั้งหลายออกไปเลย

วันที่ ๕ สิงหาคม ฝ่ายฝรั่งเศสแจ้งต่อสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันที่ปารีสว่า ทูตอังกฤษ ณ กรุงเทพฯ ได้รับการทาบทามจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยว่า ไทยกับฝรั่งเศสควรพบปะเจรจากันอย่างลับ ๆ ทางสหประชาชาติเพื่อหาทางปรองดองกัน หากตกลงกันได้ก็ให้ประกาศทางคณะมนตรีความมั่นคง ฝ่ายฝรั่งเศสพิจารณาแล้วเห็นว่า ฝรั่งเศสควรที่จะไปศาลโลกมากกว่า แต่ถ้าฝ่ายไทยต้องการจะให้มีการเจรจาลับกันก่อน ฝรั่งเศสไม่ขัดข้องในหลักการ โดยมีเงื่อนไขว่า การเจรจาต้องกระทำกันที่กรุงวอชิงตัน มิใช่ที่นิวยอร์ก อนึ่ง ฝรั่งเศสขอไม่เจรจากับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร เนื่องจากทรงเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไปเจรจาที่กรุงโตเกียวเมื่อปี ๒๔๘๔ รัฐบาลไทยจะตั้งผู้อื่นใดในคณะผู้แทนเป็นผู้เจรจา ฝรั่งเศสไม่ขัดข้องแต่อเมริกันยังต้องเป็นแกนกลางในการเจรจาร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษที่กรุงวอชิงตัน

การที่ฝรั่งเศสเกิดตั้งข้อรังเกียจในส่วนตัวบุคคลผู้เจรจาของฝ่ายไทยนี้ ทางรัฐบาลไทยไม่พอใจเป็นอย่างมาก เห็นว่า ฝรั่งเศสเกี่ยงงอนเกินสมควร เป็นสิทธิของรัฐบาลไทยที่จะตั้งบุคคลผู้เจรจาฝ่ายไทย ฝ่ายอเมริกันพยายามแนะฝรั่งเศสมิให้ถือตัวบุคคลเป็นข้อสำคัญ ขอให้หวังผลในการเจรจามากกว่า ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าเองมีความเห็นส่วนตัวว่า ดูจะไม่สู้เป็นธรรมต่อพระองค์ท่านเท่าใดนัก ท่านทรงได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ไปเจรจาเอาดินแดนคืนมาเพียงไม่กี่ปี ก็มามอบหมายให้พระองค์ท่านเป็นผู้เจรจาคืนดินแดนที่ได้มากลับให้แก่ฝรั่งเศสตามเดิม พระองค์ท่านทรงวางพระองค์เป็นข้าราชการประจำ รัฐบาลใดจะใช้ให้ปฏิบัติการอย่างใด ทรงสนองตามความประสงค์ทุกประการ ไม่เคยเกี่ยงงอนอย่างใดเลย ทั้ง ๆ ที่ในพระทัยจริงคงจะทรงรู้สึกตะขิดตะขวงไม่น้อย แต่พิจารณาอีกแง่หนึ่ง พระองค์ท่านทรงทราบภูมิหลังของเรื่องดีไม่มีผู้ใดเปรียบ

ทางสหประชาชาติกำหนดไว้ว่า ประเทศที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกจะต้องยื่นใบสมัครให้ถึงคณะมนตรีความมั่นคงภายในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๔๘๙ การประชุมสมัชชาที่จะทำหน้าที่รับหรือไม่รับสมาชิกใหม่จะเริ่มในต้นเดือนกันยายน ทางอังกฤษและสหรัฐอเมริกาแนะแก่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการต่างประเทศไทยว่า ไทยยังไม่ควรจะยื่นใบสมัคร เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องดินแดนคั่งค้างกับฝรั่งเศส ทั้งสองประเทศไม่อยากจะให้ฝรั่งเศสใช้สิทธิยับยั้งในคณะมนตรีความมั่นคงในเรื่องการรับสมาชิกใหม่ เมื่อรอมาจนจวนจะหมดเขตวันสมัครแล้ว เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลายแน่ชัดว่าฝรั่งเศสจะใช้สิทธิยับยั้งจริงหรือไม่ ถ้าไม่ยื่นใบสมัครภายในกำหนดเวลา ย่อมหมายความว่า ไทยไม่สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกในปี ๒๔๘๙ รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจให้ดำเนินการสมัครตามแบบพิธีของสหประชาชาติ กล่าวคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทำหนังสืออีกฉบับหนึ่งลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ถึงเลขาธิการสหประชาชาติยืนยันเป็นทางการว่า ประเทศไทยปรารถนาจะเข้าร่วมวงสมาชิกสหประชาชาติ โดยรัฐบาลและประชาชนไทยพร้อมใจและตั้งประณิธานแน่วแน่ที่จะยึดถือและปฏิบัติตามพันธกรณีในกฎบัตรอย่างครบถ้วนทุกประการ และส่งหนังสือฉบับนี้ผ่านทางอุปทูตที่กรุงวอชิงตัน

เย็นวันที่ ๒๒ เวลา ๑๗.๐๐ นาฬิกา นายฟอน เกล๊ฟเฟ้นส์ ผู้แทนถาวรของเนเธอร์แลนด์ ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคง เชิญข้าพเจ้าไปพบเพื่อสอบถามความกระจ่างแจ้งเกี่ยวกับการสมัครของประเทศไทย เนื่องจากทราบว่า รัฐบาลไทยจะส่งคณะผู้แทนออกมาอีกคณะหนึ่ง ข้าพเจ้าชี้แจงว่า ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายตามหนังสือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ให้ออกมาสอบถามทาบทามเรื่องประเทศไทยจะสมัครเข้าเป็นสมาชิก เมื่อรัฐบาลไทยตกลงใจจะสมัครแน่นอน จะมีหนังสือสมัครเป็นทางการอีกชั้นหนึ่ง ส่วนคณะผู้แทนที่จะมาใหม่ ได้รับมอบหมายให้มาดำเนินเรื่องข้อพิพาทกับฝรั่งเศสทางสหประชาชาติ โดยที่การสมัครเป็นสมาชิกอาจพัวพันกับปัญหาข้อพิพาททางชายแดน ข้าพเจ้าต้องติดต่อกับคณะผู้แทนโดยใกล้ชิดเมื่อเดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกา นายฟอน เกล๊ฟเฟ้นส์ กล่าวว่า ยินดีที่ประเทศไทยสมัคร ขณะที่เขาทำหน้าที่อยู่ในคณะมนตรีความมั่นคง เขาทราบปัญหาของไทยดี ตั้งใจจะช่วยเหลือเท่าที่จะกระทำได้ เนื่องจากเนเธอร์แลนด์และไทยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมานานนม

วันที่ ๓๐ กรกฎาคม อุปทูตโทรศัพท์แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า ทางรัฐบาลตกลงให้ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกต่อเลขาธิการสหประชาชาติได้ แต่ขอให้นำเรื่องไปปรึกษาฟังความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกันก่อน อุปทูตไปพบนายมอฟเฟ็ตเมื่อวันที่ ๓๑ นายมอฟเฟ็ตให้ความเห็นว่า ฝรั่งเศสกำลังมีข้อเสนอใหม่ที่จะให้ส่งเรื่องไปศาลโลก รัฐบาลไทยน่าจะรอพิจารณา ข้อเสนอของฝรั่งเศสเสียก่อน และยังไม่ควรยื่นใบสมัคร คณะผู้แทนไทยไม่ควรจะออกเดินทางจากประเทศไทยก่อนได้รับข้อเสนอของฝรั่งเศส ข้าพเจ้าตอบว่า ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับนายมอฟเฟ็ตที่จะให้รอการสมัครไป เพราะถ้าขืนรอ ฝรั่งเศสคงจะถือเอาประโยชน์คอยหาวิธีกีดกันไม่ให้เราสมัคร ทั้งไม่อยากจะให้เราเสนอปัญหาชายแดนต่อสหประชาชาติด้วยซํ้า ข้าพเจ้าเชื่อว่า ไทยควรยื่นใบสมัครไปก่อนที่จะหมดเขต เพื่อแสดงว่า ประเทศไทยมีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะเข้าเป็นสมาชิก ปัญหาชายแดนควรหาทางแก้ไขอีกทางหนึ่งต่างหาก วันที่ ๒ สิงหาคม หนังสือพิมพ์ที่นครนิวยอร์กลงข่าวเอิกเกริกว่า ฝรั่งเศสขอให้สหรัฐอเมริกาช่วยพูดกับไทยให้ยอมไปศาลโลก ข้าพเจ้าจึงไปพบนายกาตรูอีกเพื่อสอบถามว่าเป็นความจริงเพียงใด นายกาตรูยืนยันว่า ยังไม่ได้ทราบเรื่องเป็นทางการจากกรุงปารีส แต่คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ ข้าพเจ้าถือเป็นโอกาสเน้นต่อนายกาตรูว่า คณะต่อต้านญี่ปุ่นในประเทศทำการหลายสิ่งหลายอย่างที่เราประกาศเปิดเผยไม่ได้ ถ้าถึงเวลาที่จะเปิดเผยกันแล้ว โลกจะทราบว่าประเทศไทยช่วยเหลือสัมพันธมิตรเพียงใด งานใต้ดินต่อสู้เยอรมันภายในประเทศฝรั่งเศส เป็นงานของพลเมืองฝรั่งเศสที่ร่วมมือกันทำขัดขืนฝรั่งเศสที่วิชี ส่วนทางประเทศไทย รัฐบาลลงมือต่อต้านญี่ปุ่นเอง แม้แต่ตอนจอมพล ป. พิบูลสงคราม ประกาศสงครามกับอังกฤษและอเมริกา ก็เป็นประโยชน์ตกได้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรดีกว่าถ้าหากญี่ปุ่นเข้ายึดครองประเทศไทยไว้แต่แรก ญี่ปุ่นจะอยู่ในฐานะควบคุมประเทศไทยโดยสิ้นเชิง ในเรื่องการรับดินแดนทางพม่าและมลายูก็เช่นเดียวกัน ที่ญี่ปุ่นยกให้ไทยปกครอง ก็เป็นคุณแก่คนพื้นเมือง ดีกว่าถ้าญี่ปุ่นปกครองเอง รัฐบาลไทยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนจากดินแดนนั้น นายกาตรูแย้งว่า ถ้าหากญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะสงคราม ไทยก็คงจะได้ดินแดนนั้นไว้ต่อไป ซึ่งข้าพเจ้าตอบว่า ถ้าญี่ปุ่นชนะ ไทยก็อาจจะล่มจม ญี่ปุ่นคงจะไม่พอใจเฉพาะได้ดินแดนทางพม่าและมลายู ไทยเองคงหนีไม่พ้นเขตวงไพบูลย์ร่วมกันเป็นความคิดริเริ่มของญี่ปุ่น เพื่อประโยชน์ของญี่ปุ่น

นายกาตรูถามข้าพเจ้าว่า เหตุใดคนชาวเอเชียจึงไม่สู้ชอบญี่ปุ่น ข้าพเจ้าตอบว่า อาจจะเป็นเพราะญี่ปุ่นเห็นแก่ตัว มุ่งมองแต่ผลประโยชน์ของญี่ปุ่น ข้าพเจ้าเคยตอบข้าราชการญี่ปุ่นที่สอบถามว่า ทำอย่างไรชนชาวเอเชียจึงจะรักสมัครสมานสามัคคีกันได้ว่า ก่อนที่จะอบรมสั่งสอนให้คนอื่นรักญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจะต้องเริ่มด้วยการอบรมตนเอง ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อต่างฝ่ายต่างเอาใจเขามาใส่ใจเรา ผ่อนปรนเข้าหากัน ถ้าแต่ละฝ่ายจะเริ่มเรียกร้องเอาประโยชน์ข้างเดียว ความสงบจะมีไม่ได้ อย่างมากจะเป็นเพียงความสำเร็จชั่วคราว ความไม่พอใจจะยังคงฟักตัวอยู่ ยิ่งถ้าจะแสวงเอาประโยชน์จากการได้เปรียบชั่วขณะ ประโยชน์ที่ตกได้นั้นจะไม่จีรังยั่งยืน ที่ข้าพเจ้าพูดเสียยืดยาวนั้นก็เพื่อให้นายกาตรูคิดสำนึกถึงการกระทำของฝรั่งเศส ที่กำลังประสบปัญหาความยุ่งยากอยู่ไม่น้อยในอินโดจีน และยังคงหวังจะรีดนาทาเร้นเอากับประเทศไทยเพื่อช่วยคํ้าจุนฐานะของฝรั่งเศสในอินโดจีน

วันที่ ๕ สิงหาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรับใบสมัครเข้าเป็นสมาชิก อุปทูตและข้าพเจ้าพากันไปพบนายโซโบแลฟ และนายโปรตีชที่สหประชาชาติ เพื่อยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกของประเทศไทยเป็นทางการ นายโปรตีชแนะให้รัฐบาลไทยแต่งตั้งผู้แทนประจำที่นิวยอร์ก เพื่อคอยให้คำชี้แจงใด ๆ ที่คณะกรรมการรับสมัครสมาชิกใหม่อยากจะทราบประกอบการทำรายงานเสนอคณะมนตรีความมั่นคง นายโซโบแลฟถามถึงคณะผู้แทนไทยที่จะดำเนินการเรื่องข้อพิพาทกับฝรั่งเศส ข้าพเจ้าแจ้งให้ทราบว่า เนื่องจากฝ่ายฝรั่งเศสมีข้อเสนอใหม่ที่จะให้มีการดำเนินอย่างอื่นภายในกรอบสหประชาชาติ คณะผู้แทนจึงต้องเลื่อนการเดินทางออกไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ สถานทูตโทรเลขรายงานผลของการติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ คณะรัฐมนตรีลงมติให้ข้าพเจ้าเป็นผู้แทนในการให้คำชี้แจงที่สหประชาชาติต้องการทราบ เนื่องจากข้าพเจ้าอยู่ที่นครนิวยอร์กอยู่แล้ว และสั่งด้วยว่า หากมีปัญหาข้อขัดข้องอย่างใด ก็ให้ปรึกษาหารือขอความเห็นชอบจากคณะผู้แทนไทยเมื่อไปถึง ซึ่งในชั้นนั้นเข้าใจกันว่า คณะผู้แทนจะไปนครนิวยอร์กเหมือนกัน เพราะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินเรื่องทางคณะมนตรีความมั่นคงตามที่รัฐบาลให้ร้องเรียนไปเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม เกี่ยวกับกรณีเหตุชายแดนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส

เพื่อเตรียมการโต้กับฝรั่งเศสในคณะมนตรีความมั่นคง ทางรัฐบาลมองเห็นความจำเป็นจะต้องทำการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะทางนิวยอร์กซึ่งเป็นที่ตั้งทำการใหญ่ของสหประชาชาติ ได้ตกลงว่าจ้างผู้ใกล้ชิดกับวงการหนังสือพิมพ์ให้ช่วยงานด้านนี้ และให้ขอความช่วยเหลือไปทางนายพลโดโนเวน อดีตหัวหน้าสำนักงาน โอ.เอส.เอส. ระหว่างสงคราม ซึ่งเป็นผู้เห็นอกเห็นใจประเทศไทยดี และข้าพเจ้าเองได้อาศัยความร่วมมือของนายพอร์เตอร์ แม็กคีเวอร์ ซึ่งข้าพเจ้ารู้จักตอนทำงานเสรีไทยที่แคนดี ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการโฆษณายามสงครามของสหรัฐอเมริกา นายแม็กคีเวอร์ ประจำอยู่สำนักผู้แทนถาวรอเมริกันที่สหประชาชาติ เป็นผู้กว้างขวางในบรรดาสื่อมวลชนมาก ในการนี้เราต้องเน้นผลงานของคณะต่อต้านญี่ปุ่น การร่วมมือที่ได้ให้แก่สัมพันธมิตรเพื่อก่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจประเทศเล็ก เช่น ประเทศไทยที่กำลังมีข้อพิพาทกับฝรั่งเศส

ข้าพเจ้ารับภาระหนักหน่อย เนื่องจากอยู่ที่นิวยอร์ก แม้หน้าที่ของข้าพเจ้าจำกัดเฉพาะเรื่องการสมัคร แต่ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องถูกสัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อพิพาทกับฝรั่งเศส จึงมีชื่อปรากฏในหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง ถึงกับหนังสือภาพสำหรับเด็กฉบับหนึ่ง ส่งผู้แทนมาขอเรื่องตอนปฏิบัติงานเสรีไทยไปลงเขียนเป็นเรื่องทำนองเดียวกับที่เคยทำให้ประเทศอื่นในยุโรปบางประเทศ และเคยทำเรื่องแอนนากับประเทศไทยมาแล้วด้วย เขาคิดว่า หากเผยแพร่เรื่องทำนองนี้ออกไปในลักษณะให้เด็กสนใจ จะช่วยในการเข้าอกเข้าใจของผู้ปกครองเด็ก แต่ข้าพเจ้าทัดทานไว้ไม่ยอมให้เขียน เกรงจะถูกหาเป็นการโฆษณาส่วนตัว แม้ในปัจจุบันนี้ เมื่อข้าพเจ้าเดินทางไปเยี่ยมบุตรชายคนโตที่นครลอสแองเจลีส ก็ยังมีผู้สร้างภาพยนตร์ทางฮอลลีวู้ดจะขอให้ข้าพเจ้าเขียนเรื่องคณะต่อต้านญี่ปุ่นในประเทศไทยให้ไปสร้างภาพยนตร์ ซึ่งข้าพเจ้าปฏิเสธตลอดมา

คณะผู้แทนไทยอันมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ทรงเป็นหัวหน้าเดินทางออกจากประเทศไทยมาถึงสหรัฐอเมริกาเมื่อบ่ายวันที่ ๑๒ สิงหาคม สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากฝรั่งเศสไม่อยากจะให้กรณีข้อพิพาทกับไทยเข้าไปสู่การพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งจะหลีกเลี่ยงการโฆษณาแพร่หลายไม่พ้น อาจจะไม่เป็นผลดีต่อฝรั่งเศสที่กำลังมีปัญหาภายในอินโดจีนเกี่ยวกับขบวนการกู้อิสรภาพของญวน ลาว และเขมร ฝรั่งเศสอยากจะให้รัฐบาลไทยถอนเรื่องจากคณะมนตรีฯ เสีย ไปสู้ความกันทางศาลโลก รัฐบาลอเมริกันจึงแนะนำให้คณะผู้แทนไทยตรงไปกรุงวอชิงตันก่อน เพื่อจะได้ช่วยติดต่อกับฝ่ายฝรั่งเศส หาลู่ทางขจัดข้อพิพาทโดยไม่ต้องให้เรื่องเอิกเกริกทางสหประชาชาติ

นายมอฟเฟ็ตเชิญคณะผู้แทนไทยไปรับประทานอาหารกลางวันที่เมโทรโปลิเตนคลับ รัฐบาลแต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นผู้แทนสำรองอีกคนหนึ่งในคณะผู้แทน ข้าพเจ้าจึงได้ไปร่วมในการรับประทานอาหารด้วย และหลังจากนั้นได้เลยไปประชุมกับฝ่ายอเมริกันที่กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายไทยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร คุณควง อภัยวงศ์ คุณหลวงวิสูตรวิรัชชเทศ หม่อมเจ้าดิลกฤทธิ์ กฤดากร เลขานุการ องค์หัวหน้าคณะ และนาย ดับบลิว. วอลเนอร์ หัวหน้ากองยุโรปตะวันตก องค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยทรงเริ่มแถลงว่า รัฐบาลไทยพร้อมที่จะดำเนินตามความประสงค์ของฝรั่งเศสที่จะให้ศาลโลกพิจารณาปัญหาความสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ของอนุสัญญากรุงโตเกียวปี ๒๔๘๕ แต่เห็นว่า การไปศาลโลกอาจจะใช้เวลาช้านาน ฉะนั้น จึงอยากจะหาทางเจรจาโดยตรงกับฝรั่งเศสเพื่อขจัดปัญหาบรรดาที่มีอยู่ระหว่างกัน และกลับสถาปนาสันติภาพและความสัมพันธ์ฉันมิตรโดยเร็วที่สุดที่จะเป็นได้ ฝ่ายอเมริกันชี้แจงว่า ฝ่ายฝรั่งเศสไม่ขัดข้องในการที่จะเจรจากันโดยตรง ถ้าไทยต้องการเช่นนั้น และถ้าการเจรจาโดยตรงไม่สำเร็จผล จึงจะเจรจากันในเรื่องที่จะไปศาลโลกตามที่รัฐบาลไทยได้ยอมรับในหลักการไว้แล้ว

องค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยรับสั่งต่อไปว่า หลักการที่ทรงดำริจะเสนอก็คือ ไทยคืนดินแดนที่ได้เมื่อปี ๒๔๘๔ ให้ฝรั่งเศส โดยฝรั่งเศสยอมยกทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนให้แก่ไทยภายหลัง ทรงรับว่าอาจจะเป็นการยากที่จะขอให้ฝรั่งเศสให้ดินแดนแก่ไทย จะเป็นการเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของฝรั่งเศส นายมอฟเฟ็ตเสริมว่า ฝรั่งเศสอ้างว่ามีข้อผูกพันที่จะต้องปกปักรักษากัมพูชาและลาว ฝรั่งเศสไม่สามารถโอนดินแดนให้แก่ไทย โดยไม่ได้รับความยินยอมของทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายอเมริกันทูลถามว่า คณะผู้แทนไทยได้รับอำนาจให้เจรจาโดยตรงกับฝ่ายฝรั่งเศสหรือไม่ ซึ่งทรงตอบว่า ตามหนังสือมอบอำนาจนั้น คณะผู้แทนไทยได้รับมอบหมายให้เจรจาผ่านทางสหประชาชาติ แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันว่า ถ้าสามารถเจรจาโดยตรงกับฝรั่งเศสรัฐบาลไทยก็ไม่ขัดข้อง

ในส่วนที่เกี่ยวกับความต้องการของฝรั่งเศสที่จะให้ไทยถอนคำร้องเรียนต่อสหประชาชาติ องค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยรับสั่งว่า ปัญหาข้อพิพาทแบ่งออกได้เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งได้แก่ กรณีชายแดน และอีกส่วนหนึ่งได้แก่ปัญหาดินแดนพิพาท ทรงรู้สึกว่า กรณีชายแดนมีความสำคัญน้อย ข้อพิพาททางดินแดนเป็นเรื่องสำคัญกว่า แต่สำหรับรัฐสภาไทย กรณีชายแดนเป็นเรื่องที่จะละเลยไม่ได้ ฉะนั้น จึงทรงเห็นว่า หากจะให้ศาลโลกเป็นผู้วินิจฉัยปัญหาดินแดนพิพาท ก็อาจจะต้องขอให้คณะมนตรีความมั่นคงรอการพิจารณาคำร้องเรียนของไทยไว้ก่อน โดยไม่ถึงกับถอนเรื่องออกไปทีเดียว อาจกลับมีการพิจารณาใหม่ในภายหลัง และทรงยํ้าว่า ถึงจะตกลงกับฝรั่งเศสได้ ก็ควรจัดให้คณะมนตรีความมั่นคงอนุมัติรับรู้ด้วย

รุ่งขึ้นวันที่ ๑๓ มีการประชุมภายในของคณะผู้แทนไทย คุณควงยืนยันขอให้มีการเจรจาโดยตรงกับฝรั่งเศสก่อน เพราะเชื่อว่าอาจจะมีทางปรองดองกับฝรั่งเศสได้ คุณควงชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ในฐานะหัวหน้าฝ่ายค้านในรัฐสภา การที่ยอมร่วมมากับคณะผู้แทนไทย ก็เพราะเห็นว่า ปัญหาดินแดนเป็นเรื่องของชาติ ฝ่ายค้านเห็นจำเป็นที่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะต้องร่วมกัน คุณควงจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสมัครเข้าเป็นสมาชิก ซึ่งคุณควงถือว่าเป็นเรื่องของพรรคฝ่ายรัฐบาล ข้าพเจ้าขอทราบว่า ถ้าเปลี่ยนรฐั บาลโดยฝ่ายค้านเข้ารับหน้าที่ ประเทศไทยจะไม่สมัครเข้าเป็นสมาชิกกระนั้นหรือ องค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยทรงรีบหาทางออกให้คุณควง โดยรับสั่งว่าเป็นปัญหาเรื่องจังหวะว่า ถึงเวลาหรือยัง มากกว่าจะสมัครหรือไม่ คุณควงได้ท่าจึงอธิบายต่อไปว่า ไทยยังไม่ควรสมัครตอนที่กำลังมีปัญหาพัวพันกับฝรั่งเศส ในการประชุมภายในของคณะผู้แทนมักจะมีปัญหาขัดแย้งกันตลอดเวลา เพราะในบรรดาผู้แทนที่เป็นนักการเมือง คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านโต้เถียงกัน ทำให้เสียเวลาไปบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้ฝ่ายค้านเข้ามีส่วนร่วมในการเจรจากับฝรั่งเศส ตกเป็นหน้าที่ขององค์หัวหน้าคณะที่จะต้องประสานทั้งสองฝ่ายให้เข้ากัน ซึ่งเป็นเรื่องที่พระองค์ท่านทรงถนัดอยู่แล้ว

เย็นวันนั้น นายมอฟเฟ็ตจัดให้มีงานค็อกเทลที่บ้านพัก ด้วยวัตถุประสงค์จะให้คณะผู้แทนไทยและคณะผู้แทนฝรั่งเศสได้พบปะกันครั้งแรกเป็นการส่วนตัวก่อน พอมาถึงบ้านนายมอฟเฟ็ต นาย เอฟ. ลาคอสต์ ผู้แทนฝรั่งเศส กระซิบต่อนายมอฟเฟ็ตว่า ก่อนหน้าที่จะออกจากสถานเอกอัครราชทูตได้คำสั่งจากปารีส ให้เลื่อนการเจรจากับฝ่ายไทยไปจนกว่าทางฝรั่งเศสจะได้ข่าวคราว รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีเหตุที่เมืองเสียมราฐ ซึ่งดูเหมือนจะมีความสำคัญรุนแรงยิ่งกว่าข่าวที่ได้รับชั้นแรก มีผู้คนล้มตายถึง ๓๖ คน และในบรรดาผู้ที่เข้าโจมตีเมืองมีคนไทยร่วมอยู่อย่างน้อยสี่คน ความจริงนายลาคอสต์คิดจะไม่มางานด้วยซํ้า แต่กลับใจยอมมาตามที่ได้รับเชิญไว้ นายลาคอสต์จะขอไปพบนายมอฟเฟ็ตอีกในตอนเช้าวันที่ ๑๔ เพื่อแจ้งคำสั่งที่ได้รับจากปารีสเป็นทางการ คํ่าวันนั้น นายลาคอสต์พบกับผู้แทนไทยเกือบทุกคน ได้สนทนากับองค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นเวลานานกว่าชั่วโมงก่อนลากลับ นายลาคอสต์แจ้งต่อนายมอฟเฟ็ตว่า ได้ปฏิบัติการฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐบาลที่ห้ามมิให้ติดต่อกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ซึ่งฝ่ายฝรั่งเศสไม่ต้องการเจรจาด้วย แต่เห็นว่าที่กระทำไปนั้นเป็นการสมควร นายลาคอสต์อ้างว่า พระองค์ท่านทรงเสนอขอเขตพระตะบองให้ประเทศไทย ไม่ทรงสนพระทัยในเขตเมืองเสียมราฐ และไม่ทรงขัดข้องจะให้ดินแดนลาวกลับคืนให้ราชอาณาจักรลาว นายลาคอสต์ทูลตอบว่า รัฐบาลฝรั่งเศสไม่ยอมรับพิจารณาข้อเสนอทำนองนั้นแน่

รุ่งขึ้นวันที่ ๑๔ นายลาคอสต์ไปพบนายมอฟเฟ็ตและนายวอลเนอร์ที่กระทรวงการต่างประเทศ และนำบันทึกช่วยจำของสถานเอกอัครราชทูตไปมอบให้ ตามบันทึกฉบับนั้น ฝ่ายฝรั่งเศสถือความสำคัญของกรณีเหตุที่เมืองเสียมราฐ เชื่อว่ากำลังที่เข้าโจมตีประกอบขึ้นในประเทศไทย รัฐบาลฝรั่งจึงขอให้รัฐบาลอเมริกันยับยั้งเรื่องการจะไปศาลโลกไว้ก่อน ส่วนการเจรจาโดยตรงกับไทยอาจดำเนินต่อไปเพื่อหาทางป้องกันมิให้เกิดกรณีเหตุทำนองเดียวกันอีก ในระหว่างนั้นนายลาคอสต์จะไม่พูดจากับองค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยไปอีกสองสามวันโดยได้ทูลให้ทรงทราบไว้แล้ว

ตรงกันข้าม ทางประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกข่าวปฏิเสธการเข้าร่วมของคนไทยในความปั่นป่วนที่เมืองเสียมราฐ และยืนยันว่า ฝ่ายฝรั่งเศสเป็นผู้ยิงเข้ามาในดินแดนไทย โดยฝ่ายไทยพยายามอดกลั้นไม่ตอบโต้ รัฐบาลไทยสั่งปิดชายแดนเพื่อป้องกันมิให้พวกกู้ชาติล่วงลํ้าเข้ามาในอาณาเขตไทย

วันที่ ๑๖ นายลาคอสต์ไปพบนายมอฟเฟ็ตและนายวอลเนอร์อีก เพื่อแจ้งให้ทราบว่า สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ณ กรุงวอชิงตัน ได้รับอำนาจที่จะเจรจากับคณะผู้แทนไทยได้แล้ว โดยมิได้ตั้งข้อแม้เกี่ยวกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร และทางปารีสจะส่งนายจอร์ช ปิโกต์ ซึ่งเคยประจำอยู่ในประเทศไทย และรู้จักชอบพอกันดีกับพระองค์ท่านให้มาเป็นที่ปรึกษาของเอกอัครราชทูตที่กรุงวอชิงตันในการเจรจากับไทย ในโอกาสเดียวกัน นายลาคอสต์นำบันทึกของสถานเอกอัครราชทูตมามอบให้กระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน เกี่ยวกับระบบการปกครองดินแดนพิพาทชั่วคราวระหว่างรอการพิจารณาของศาลโลก ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสได้แก้ไขเสนอมาใหม่

ระหว่างนั้น เกิดมีการเปลี่ยนรัฐบาลทางประเทศไทย โดยท่านนายกรัฐมนตรีปรีดี พนมยงค์ ขอลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ ๒๑ เนื่องจากสุขภาพต้องเสื่อมโทรมลงไปมากจากการตรากตรำในการบริหารราชการแผ่นดิน ต้องเผชิญกับปัญหาภายนอกประเทศหลายต่อหลายเรื่อง เช่น การเจรจาขอผ่อนความผูกพันในการจัดให้ข้าวเปล่าแก่อังกฤษ ตามความตกลงสมบูรณ์แบบ การดำเนินกับฝ่ายฝรั่งเศสที่เรียกร้องดินแดนคืน การหาทางป้องกันมิให้เกิดกรณี เหตุทางชายแดนติดต่อกับอินโดจีน ในยามที่พวกพื้นเมืองกำลังต่อสู้ฝรั่งเศสเพื่อกอบกู้อิสรภาพจากการเป็นเมืองขึ้นและเมืองในอารักขา ทางภายในก็มีปัญหาเศรษฐกิจหลังสงครามที่ทำให้อาณาประชาราษฎร์ต้องประสบกับความทุกข์ยากนานาประการ ล้วนแล้วแต่จะต้องอาศัยการหาทางแก้ไขปัดเป่าให้บรรเทาเบาบางไปด้วยมาตรการที่เข้มงวดกวดขัน ไม่สามารถทำความพอใจแก่ทุกฝ่าย นอกจากนั้นแล้วยังมีเรื่องกรณีสวรรคต ซึ่งฝ่ายค้านถือโอกาสปลุกปั่นให้เป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี ถึงกับต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนพฤติการณ์ในกรณีเสด็จสวรรคตใหม่ แต่ก็ยังไม่สามารถทำความพอใจให้แก่ฝ่ายค้าน สภาทั้งสองประชุมปรึกษาหารือกันเป็นการภายในเมื่อวันที่ ๒๓ เห็นสมควรเสนอให้พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในรัฐบาลชุดก่อน ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบแทนท่านปรีดี พนมยงค์ ต่อไป คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ประกาศแต่งตั้งในพระปรมาภิไธยให้พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๔

การที่ท่านปรีดี พนมยงค์ ขอพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ใช่ว่าท่านจะขอล้างมือจากการเมืองโดยสิ้นเชิงก็หาไม่ ท่านเพียงอยากจะเปิดโอกาสให้ผู้อื่นเข้ามารับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินสืบแทนต่อไป ส่วนตัวท่านเองนั้น ยังพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลตามกำลังความสามารถของท่านในฐานะรัฐบุรุษอาวุโส โดยท่านยึดถือหลักว่า รัฐบาลจะต้องเป็นผู้ร้องขอ เมื่อเห็นความจำเป็นที่จะปรึกษาหารือท่าน

วันที่ ๒๖ นายบอนเนต์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส เข้าพบนายแอจิสัน รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน เพื่อยื่นบันทึกแจ้งความตกลงใจของรัฐบาลฝรั่งเศส ขอถอนข้อเสนอที่จะให้ศาลโลกพิจารณาข้อพิพาททางดินแดนกับประเทศไทย โดยอ้างถึงการที่มีกรณีเหตุทางชายแดนที่เสียมราฐ นายแอจิสันรับทราบและแสดงความหวังว่า รัฐบาลฝรั่งเศสจะยินยอมให้มีการเจรจาโดยตรงกับคณะผู้แทนไทยต่อไป ทั้งได้ถามถึงท่าทีของฝรั่งเศสในส่วนที่เกี่ยวกับการสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติของประเทศไทยว่า รัฐบาลจะสั่งให้ผู้แทนฝรั่งเศสงดเว้นออกเสียงต่อข้อเสนอของรัฐบาลอเมริกันที่จะให้รับประเทศที่สมัครทั้งหมดรวมเก้าประเทศ หรือจะยับยั้งเพราะมีประเทศไทยรวมอยู่ในเก้าประเทศ นายบอนเนต์เชื่อว่า รัฐบาลฝรั่งเศสคงจะไม่ยอมผ่อนให้แก่ประเทศไทย นายแอจิสันจึงแนะว่า ในกรณีเช่นนั้น นายปาโรดี ผู้แทนฝรั่งเศสในคณะมนตรีความมั่นคง อาจจะเสนอแปรญัตติข้อเสนอของสหรัฐฯ ให้ยกเว้นประเทศไทยออกเสีย เหลือแต่เพียงผู้สมัครแปดประเทศ แล้วฝ่ายอเมริกันจะเสนอให้เลื่อนการพิจารณากรณีของไทยออกไปสักสามสิบวันด้วยความหวังว่า จะมีการตกลงกันได้ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเกี่ยวกับปัญหาคั่งค้างที่มีอยู่ นายบอนเนต์รับจะรายงานกรุงปารีส ขอให้สั่งการไปยังนายปาโรดีก่อนวันประชุมคณะมนตรีความมั่นคงที่กำหนดในวันที่ ๒๘

 

ธงสหประชาชาติ
ที่มา: Britannica

 

กล่าวมาถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าขอเปิดวงเล็บว่า ในช่วงนั้น นอกจากประเทศไทยแล้ว มีประเทศอื่นอีกแปดประเทศสมัครเข้าเป็นสมาชิกประชาชาติ ได้แก่ แอลเบเนีย มองโกเลีย อัฟกานิสถาน ทรานส์จอร์แดน ไอร์แลนด์ โปรตุเกส ไอซ์แลนด์ และสวีเดน คณะมนตรีความมั่นคงส่งคำสมัครของทั้งเก้าประเทศไปให้คณะกรรมาธิการรับสมาชิกใหม่พิจารณา มีการประชุมคณะกรรมาธิการรวม ๑๔ ครั้ง ระหว่างวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ถึงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ผู้แทนของประเทศที่สมัครต้องไปให้คำชี้แจงประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ สำหรับประเทศไทยซึ่งรัฐบาลแต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นผู้แทนสำหรับการชี้แจง คณะกรรมาธิการฯ มิได้เชิญให้ข้าพเจ้าไปพบเลย แสดงให้เห็นว่า ไม่มีผู้ใดสงสัยในเจตนาและท่าทีของประเทศไทย จะมีก็แต่ผู้แทนประเทศฝรั่งเศสในคณะกรรมาธิการที่ได้แถลงต่อที่ประชุมเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม เกริ่นไว้ว่า ฝรั่งเศสยังถือมีสถานะสงครามกับประเทศไทยอยู่ และจนกว่าประเทศไทยจะคืนดินแดนพิพาทให้แก่อินโดจีน รัฐบาลฝรั่งเศสไม่สามารถสนับสนุนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของประเทศไทยได้ ส่วนผู้แทนสหภาพโซเวียตแจ้งว่า ไม่อาจจะให้การสนับสนุนไทย เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหภาพโซเวียต เมื่อคณะกรรมาธิการฯ มิได้เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าไปให้คำชี้แจงต่อที่ประชุมในปัญหาที่มีผู้ยกขึ้นเหล่านี้ ข้าพเจ้าจึงต้องใช้วิธีไปพบบรรดาผู้แทนสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงอีกวาระหนึ่งเพื่อแถลงข้อเท็จจริงและเหตุผลของฝ่ายไทย

สำหรับข้ออ้างของสหภาพโซเวียต ข้าพเจ้ายืนยันว่า ความจริงได้มีการแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างไทยกับสหภาพโซเวียตสถาปนาความสัมพันธ์ต่อกันแล้ว และรัฐบาลไทยได้แต่งตั้งผู้ที่จะไปดำรงตำแหน่งทูตประจำกรุงมอสโกแล้ว หากแต่เจ้าตัวไม่สามารถไปถึงกรุงมอสโกเพราะเหตุสงครามในยุโรป แต่ฝ่ายโซเวียตเกิดมีข้อติดใจซ้อนขึ้นมาอีกข้อหนึ่ง โดยประสงค์จะให้รัฐบาลไทยประกาศตำหนินโยบายของรัฐบาลสมัยก่อนที่วางตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสหภาพโซเวียต อย่างไรก็ตาม ผู้แทนโซเวียตอ้างว่า ต้องรอคำสั่งแน่นอนจากรัฐบาลก่อนที่จะตกลงใจว่าจะสนับสนุนไทยหรือไม่

ส่วนข้ออ้างของฝ่ายฝรั่งเศส ข้าพเจ้าปฏิเสธเด็ดขาดว่า ประเทศไทยไม่มีสถานะสงครามกับฝรั่งเศส ตรงกันข้าม ตลอดเวลาสงครามนับแต่ที่รัฐบาลฝรั่งเศสต้องยอมปราชัยต่อเยอรมัน ประเทศไทยและฝรั่งเศสคงมีความสัมพันธ์ฉันมิตรตลอดมา และไทยให้ความช่วยเหลือแก่ฝรั่งเศสอย่างไม่ขาดสาย ข้าพเจ้าเองติดต่ออยู่กับผู้แทนทางการทูตของฝรั่งเศสที่กรุงเทพฯ เป็นประจำ จริงอยู่ในขณะนั้นมีปัญหาเรื่องดินแดนด้านอินโดจีนที่ฝรั่งเศสอาจจะถือว่ายังคั่งค้างอยู่ รัฐบาลไทยก็พยายามจะหาทางระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี ความยุ่งยากปั่นป่วนทางชายแดนที่มีอยู่ประปรายเป็นเพราะความไม่สงบภายในของอินโดจีนเอง รัฐบาลไทยหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ประการใดไม่ ทั้งยังได้กำชับเจ้าหน้าที่ชายแดนไทยให้ระมัดระวังอย่างกวดขันมิให้มีการกระทบกระทั่งเกิดขึ้น เมื่อฝรั่งเศสล่วงลํ้าข้ามแม่นํ้าโขงเข้ามาในดินแดนไทย ไทยก็เพียงร้องขอให้สหประชาชาติพิจารณาโดยยืนยันให้คำมั่นว่า จะปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติทุกประการ ยิ่งกว่านั้น รัฐบาลไทยยังได้แต่งตั้งคณะผู้แทนให้มาดำเนินการเจรจากับรัฐบาลฝรั่งเศสทางกรุงวอชิงตันแล้ว เมื่อฝรั่งเศสเกี่ยงจะไม่ให้คณะมนตรีความมั่นคงพิจารณากรณีพิพาท โดยจะเสนอเรื่องไปให้ศาลโลกพิจารณา รัฐบาลไทยก็พร้อมจะสนองความต้องการของรัฐบาลฝรั่งเศส จึงไม่น่าจะนำเอาปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้มาปะปนกับเรื่องไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ

สำหรับประเทศอื่นที่สมัครอีกแปดประเทศ ปรากฏว่า ส่วนหนึ่งเป็นประเทศที่ฝ่ายสหภาพโซเวียตสนับสนุน อีกส่วนหนึ่งฝ่ายตะวันตกสนับสนุน ถ้าไม่หาทางตกลงกันเสียก่อนเกรงว่าจะติดขัดกันไปหมด เพราะต่างฝ่ายต่างจะยับยั้งประเทศผู้สมัครที่อีกฝ่ายหนึ่งสนับสนุน ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลอเมริกันจึงมีดำริที่จะเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงพิจารณาใบสมัครทั้งเก้าประเทศรวมกันไป โดยไม่ต้องแยกพิจารณาเป็นรายประเทศ ด้วยความหวังว่า ถ้าฝ่ายสหภาพโซเวียตยินยอม ก็จะผ่านเป็นสมาชิกด้วยกันทั้งเก้าประเทศ แต่ก็มาติดอยู่ในกรณีไทย ซึ่งอาจจะประสบอุปสรรคทางฝรั่งเศส นายแอจิสันจึงหาทางออกให้ฝ่ายฝรั่งเศสแปรญัตติขอแยกกรณีประเทศไทยออกจากข้อเสนอของฝ่ายอเมริกัน ดังกล่าวข้างต้น

คณะมนตรีความมั่นคงจะประชุมพิจารณาเรื่องการรับสมาชิกใหม่ในวันที่ ๒๘ สิงหาคม วันที่ ๒๗ มีการประชุมคณะผู้แทนไทยเต็มคณะที่กรุงวอชิงตัน ข้าพเจ้าแถลงให้ที่ประชุมทราบถึงสถานะเกี่ยวกับการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของประเทศไทย เน้นโดยเฉพาะถึงปัญหาที่คณะมนตรีความมั่นคงจะต้องวินิจฉัย ประกอบข้อเสนอประนอมของฝ่ายอเมริกัน ข้าพเจ้าเสนอความเห็นส่วนตัวว่า เมื่อรัฐบาลฝรั่งเศสถอนข้อเสนอของฝรั่งเศสที่จะให้ส่งข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับประเทศไทยไปให้ศาลโลกพิจารณา ทั้งยังมีสัญญาณแสดงว่า ฝรั่งเศสยังไม่ต้องการให้สหประชาชาติพิจารณาใบสมัครของประเทศไทย และจะยับยั้งในคำขอเข้าเป็นสมาชิกของไทย เพื่อบังคับให้ไทยจำต้องคืนดินแดนให้แก่ฝรั่งเศสเสียก่อนเช่นนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าควรจะปล่อยให้สหประชาชาติพิจารณาใบสมัครของประเทศไทยตามวิถีทางที่เหมาะสม หากฝรั่งเศสจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ยับยั้งการสมัครของไทยก็ให้รู้ไป ไทยไม่ควรจะต้องอยู่ในบังคับให้ต้องคืนดินแดนเพียงเพื่อประโยชน์ในการเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ถ้ายังเข้าปีนี้ไม่ได้โดยไทยได้แสดงเจตจำนงแล้ว จะรอไปเข้าภายหน้าเมื่อใดก็ได้ ส่วนปัญหาเรื่องดินแดนก็ควรหาทางปรองดองกันต่อไป ถ้าตกลงกันโดยสันติไม่ได้ ฝรั่งเศสจะใช้กำลังเข้ายึดดินแดนไปจากประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่โลกจะมองดูการที่ประเทศล่าอาณานิคมใช้อำนาจบังคับประเทศเล็ก ในสมัยที่ต่างฝ่ายต่างเรียกร้องจะกู้อิสรภาพกันทั้งนั้น

ที่ประชุมคณะผู้แทนไทยส่วนใหญ่เห็นว่า ไม่ควรจะเสี่ยงให้ฝรั่งเศสทำการยับยั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ควรขอให้สหประชาชาติเลื่อนการพิจารณาคำสมัครของไทยไปพลางก่อน โดยเห็นว่า ถ้าไทยเราขอเลื่อนการพิจารณาทางคณะมนตรีความมั่นคงเสียเอง อาจจะเป็นโอกาสให้คณะมนตรี รับอีกแปดประเทศตามความดำริของรัฐบาลอเมริกัน

ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้ออกเดินทางไปนครนิวยอร์กในคืนนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าไปพบกับเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งแจ้งต่อข้าพเจ้าว่า ยังไม่ทราบท่าทีแน่นอนของฝรั่งเศสว่าจะใช้สิทธิยับยั้งหรือไม่ ข้าพเจ้าจึงแจ้งต่อเลขาธิการตามความประสงค์ของคณะผู้แทนไทยว่า ประเทศไทยมีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติด้วยความมุ่งประสงค์จะให้ความร่วมมือด้วยดีเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประเทศไทยไม่ต้องการจะก่อให้เกิดความยุ่งยากอย่างใด ๆ ในองค์การสหประชาชาติ ถ้าหากการยอมเสียสละของไทยจะสามารถปัดเป่าการใช้สิทธิยับยั้งในการรับสมัครสมาชิกใหม่ทางคณะมนตรีความมั่นคงแล้ว ประเทศไทยพร้อมที่จะขอให้คณะมนตรีความมั่นคงเลื่อนการพิจารณาคำสมัครของไทยไปพลางก่อนได้ เลขาธิการขอบคุณรัฐบาลไทยที่มีนํ้าใจกว้างขวาง ไม่ประสงค์จะให้ไทยกลายเป็นอุปสรรคในการรับสมัครสมาชิกใหม่ซึ่งเป็นรุ่นแรกในชีวิตขององค์การสหประชาชาติ

ในวันนั้น ผู้แทนสหรัฐอเมริกาเสนอญัตติขอให้คณะมนตรีฯ พิจารณาคำสมัครของแปดประเทศรวมกัน ฝ่ายสหภาพโซเวียตขัดข้อง อ้างว่า การรับสมาชิกใหม่มิใช่การซื้อขายของ ที่จะซื้อขายเหมารวมกันไปได้ คำสมัครของแต่ละประเทศจะต้องมีการพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณี คณะมนตรีฯ จึงต้องพิจารณาแยกเป็นรายกรณี ใช้เวลาสองวันเต็มจึงเสร็จ ปรากฏผลว่ามีเพียงสามประเทศเท่านั้นที่ผ่านความเห็นชอบของคณะมนตรี ได้แก่ อัฟกานิสถาน ไอซ์แลนด์ และสวีเดน ที่ได้รับคะแนนสนับสนุน ๑๐ คะแนน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน ไอร์แลนด์ ทรานส์จอร์แดน และโปรตุเกส ถูกสหภาพโซเวียตคัดค้าน ส่วนแอลเบเนียและมองโกเลียที่สหภาพโซเวียตสนับสนุน ไม่ได้รับคะแนนเสียงเพียงพอที่จะผ่าน เมื่อคณะมนตรีฯ รายงานผลการพิจารณาต่อสมัชชา สมัชชามีมติรับอัฟกานิสถาน ไอซ์แลนด์ และสวีเดน เข้าเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๘๙ ในขณะเดียวกันสมัชชาขอร้องให้คณะมนตรีฯ รับพิจารณาคำสมัครของอีกหกประเทศ รวมทั้งประเทศไทย

เมื่อข่าวการขอเลื่อนการพิจารณาคำสมัครของประเทศไทยทราบถึงกรุงเทพฯ ปรากฏว่าได้รับความสนใจพอสมควร หนังสือพิมพ์บางฉบับลงบทบรรณาธิการแสดงข้อวิจารณ์ พระยาศราภัยพิพัฒ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายค้าน ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ ๕ กันยายนว่า ตามที่มีข่าวทางวิทยุกระจายเสียงจากสหรัฐอเมริกาว่า ผู้แทนไทยได้ถอนใบสมัครของประเทศไทยเป็นความจริงหรือไม่ นายกนต์ธีร์ ศุภมงคล คือใคร มีอำนาจอย่างใดจึงสามารถถอนใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ซึ่งคุณดิเรก ชัยนาม ในฐานะรัฐมนตรี ตอบขอร้องมิให้หลงเชื่อการกระจายเสียงทางวิทยุของต่างประเทศซึ่งตามปกติมักจะไม่สู้เที่ยงตรงนัก และอาจจะบิดเบือนไปจากความจริงได้ ประเทศไทยมิได้ถอนใบสมัคร หากเพียงขอให้เลื่อนการพิจารณาไปจนกว่าจะได้ตกลงแก้ปัญหาเกี่ยวกับอินโดจีนฝรั่งเศสเสียก่อน ในส่วนที่เกี่ยวกับนายกนต์ธีร์ รัฐบาลได้มอบอำนาจให้เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องสมัคร และรัฐบาลเองเป็นผู้ตัดสินใจให้ขอเลื่อนการพิจารณาใบสมัครของไทย เพราะเห็นว่าถ้าปล่อยให้ฝรั่งเศสคัดค้านการสมัครแล้ว จะเป็นอุปสรรคอย่างร้ายแรงต่อความสำเร็จของคณะผู้แทนไทยที่รัฐบาลส่งไปสหรัฐอเมริกาเพื่อเจรจากับฝรั่งเศส

ในโอกาสเดียวกันนั้น หนังสือพิมพ์ แนวหน้า ลงบทบรรณาธิการในฉบับวันที่ ๙ กันยายน มีข้อความที่ข้าพเจ้าเห็นสมควรนำมาเผยแพร่ในทราบทั่วกัน ดังต่อไปนี้

 

กนต์ธีร์กับยูโน

ประชาชนพลเมืองได้พากันตลึงพรึงเพริด เมื่อได้ทราบข่าวว่า นายกนต์ธีร์ ศุภมงคล ได้มีจดหมายถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติขอเลื่อนสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีการตกลงในกรณีพิพาทเรื่องพรมแดนกับฝรั่งเศสเสียก่อน นอกจากนี้แล้วนายกนต์ธีร์กำลังเป็นพระเอกของไทยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ในเรื่องกิจการที่เกี่ยวกับยูโนและฝรั่งเศสดังที่ได้กระทำการกระจายเสียงมายังประเทศไทยแล้วนั้นด้วย ที่ประชาชาติไทยหากันงงงวยนั้นก็เพราะว่าไม่ได้ยินพระนามของพระองค์เจ้าวรรณเลย ซึ่งเราทั้งหลายเข้าใจว่า ท่านเป็นหัวหน้าประเทศไทยไปเจรจาในเรื่องเหล่านี้ และนายควง อภัยวงศ์ เป็นรองหัวหน้า

เมื่อวันที่ ๕ เดือนนี้ ส.ส.เลื่อน ศราภัยวานิช แห่งธนบุรี ได้ตั้งกระทู้ด่วนถามนายดิเรก ชัยนาม รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศว่า การที่นายกนต์ธีร์ถอนนั้นมีความจริงเพียงใด และนายกนต์ธีร์มีตำแหน่งอะไร และได้รับความมอบหมายจากผู้ใดที่ให้ทำการติดต่อกับองค์การสหประชาชาติและปฏิเสธคำกล่าวหาของฝรั่งเศสที่ว่าไทยอยู่ในสถานะสงครามกับฝรั่งเศส นายเลื่อนได้ถามต่อไปว่า นายกนต์ธีร์ได้ทำไปโดยพลการหรือได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาล และรัฐบาลได้ทราบเรื่องนี้แต่เมื่อใด

คำตอบของนายดิเรกไม่สู้ตรงกับคำถามนัก ได้เตือนผู้ที่เชื่อถือข่าววิทยุต่างประเทศ แม้จะเป็นข่าวสารของสำนักงานโฆษณาอเมริกันในพระนครนี้ว่าอาจจะคลาดเคลื่อนได้ง่าย แต่ยอมรับว่า นายกนต์ธีร์ได้ขอเลื่อนจริง ซึ่งได้รับความเห็นชอบของคณะผู้แทนอันมีพระองค์เจ้าวรรณเป็นหัวหน้า และรัฐบาลก็ได้ทราบเรื่องเหมือนกัน ซึ่งจำไม่ได้ว่าวันอะไร

นอกจากข่าวของอเมริกันแล้ว รอยเตอร์ยังได้ส่งข่าวมาด้วยว่า นายกนต์ธีร์ได้ทำการถอนในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ซึ่งสามัญชนจะต้องนึกว่า เรื่องใหญ่อันสำคัญเช่นนี้คงจะได้มีความเห็นชอบจากรัฐบาลเสียก่อนแล้ว แต่เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ได้มีการประชุมสภา ส.ส.ธรรมนูญ เทียนเงิน ได้ถามรัฐบาลถึงการเข้ายูโนเหมือนกัน นายดิเรกมิได้แย้มพรายเรื่องถอนเลย แต่กลับบอกว่า อเมริกาจะสนับสนุนให้เราได้เข้า ซึ่งข้อนี้นายดิเรกแก้ว่า โทรเลขไปมาช้าและคณะผู้แทนไทยที่อเมริกาได้รับมอบอำนาจสิทธิขาดจะทำอะไรก็ทำได้ เมื่อฉะนี้แล้ว เราก็สรุปความได้ว่า คณะผู้แทนไทย ซึ่งมีพระองค์เจ้าวรรณเป็นหัวหน้านั้นก็คือ คณะที่ปรึกษาของนายกนต์ธีร์นั้นเอง เพราะตามข่าวที่เราได้สดับตรับฟัง คณะผู้แทนไทยมิได้ออกโรงแสดงบทบาทให้เราได้ทราบอะไรเลย

ในคราวประชุมสภาวันที่ ๒๙ สิงหาคมนั้นเอง นายดิเรกยังได้ตอบแก่สมาชิกในเรื่องข้อพิพาทดินแดนกับฝรั่งเศสว่า รัฐบาลไหน ๆ ก็ได้ยึดถือนโยบายใฝ่ความสงบ อันเป็นคติของไทยแต่โบราณกาลตลอดมาด้วย ถ้าพูดเล่นเช่นลิ้นนักการเมือง ฟังดูก็เพราะเหมาะเจาะดี ดูเหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลย คนเราถ้าได้ทำความพลาดผิด รับออกมาตรง ๆ ดูเหมือนจะน่าเคารพนับถือมากกว่าพูดขอไปที ถ้าเราจะบอกว่า แม้รัฐบาลไทยในสมัยหนึ่งได้ก่อความไม่สงบสุขขึ้น เพราะถูกญี่ปุ่นสนับสนุน แต่ต่อมาในสมัยรัฐบาลควง, ทวี, เสนีย์, ควง, ปรีดี และถวัลย์ ก็ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายความสงบสุขสันติภาพเช่นนี้แล้ว ก็จะทำให้คู่พิพาทของเราเห็นอกเห็นใจคิดผ่อนปรนปรองดองเข้าหากันมากกว่าที่บอกว่า แต่ไหนแต่ไรมาเรารักสงบ โดยที่เราได้จัดให้มีการเดินขบวนแห่เรียกร้องดินแดนกันอย่างครึกโครมทั่วพระราชอาณาจักรเมื่อ ๖ ปีมานี้เอง

เราไม่อยู่ในฐานะที่จะกล่าวว่า การพิพาทดินแดนกับฝรั่งเศสจะเป็นผลประการใด แต่ผู้รู้การเมืองทุกคนย่อมมีความเห็นสอดคล้องกันว่า ในขณะนี้เมฆหมอกแห่งวิกฤตกาลเข้ามาปกคลุมประเทศเราอย่างมืดมนอนธการ ข้าราชการจังหวัดได้ส่งครอบครัวอพยพออกไปจากจังหวัดเหล่านั้น ทำให้เรากริ่งเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาขึ้นได้ จนลามปามเป็นสงครามขนาดย่อมขึ้น รัฐบาลจะดำเนินนโยบายอย่างใดก็ตามที แต่ขออย่าให้ประชาชนพลเมืองได้รับความบอบชํ้าในเรื่องสงครามต่อไปเลย

 

เมื่อข้าพเจ้าได้แจ้งให้เลขาธิการสหประชาชาติทราบถึงความตกลงใจของคณะผู้แทนไทยเจรจาปัญหาคั่งค้างกับฝรั่งเศส ที่จะให้เลื่อนการพิจารณาคำสมัครเข้าเป็นสมาชิกของประเทศไทยไปพลางก่อน ข้าพเจ้าได้รับคำขอร้องจากทางการวิทยุของอเมริกันให้กล่าวคำปราศรัยทางวิทยุกระจายเสียงส่งมายังประเทศไทย แถลงชี้แจงเหตุผลให้ประชาชนชาวไทยทราบ ซึ่งข้าพเจ้าได้สนองตามคำขอ โดยได้กล่าวถึงภูมิหลังความดำริของประเทศไทยที่ใคร่จะมีส่วนร่วมในการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติระหว่างสงคราม เรื่อยลงมาจนกระทั่งเมื่อรัฐบาลไทยยื่นคำสมัครเป็นทางการและบรรยายถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่กีดขวางความประสงค์ของรัฐบาลไทยโดยลำดับ หาได้ทราบไม่ว่า ข้าพเจ้าต้องตกเป็นเหยื่อของการขัดแย้งและการโจมตีกันทางการเมืองภายในประเทศไทยเสียแล้ว

การที่ฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีก็ดี และการที่หนังสือพิมพ์ แนวหน้า เก็บความยาวสาวความยืดต่อไปโดยไม่นำพาต่อคำชี้แจงของทางราชการก็ดี เป็นไปตามวิสัยการเมืองตามปกติระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล เป็นที่น่าเสียดายว่า คุณควงกับท่านปรีดี ซึ่งร่วมมือกันมาด้วยดีระยะปลายสงคราม สามารถติดต่อกับทั้งญี่ปุ่นและสัมพันธมิตรเพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของไทย กลับมาเกิดขัดใจกันเสีย แยกเป็นพรรคเป็นพวก วางตนเป็นปรปักษ์ต่อกัน สิ่งใดที่รัฐบาลปรีดีทำ พรรคประชาธิปัตย์เป็นต้องไม่เห็นด้วย รัฐบาลเห็นควรสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ คุณควงว่ายังไม่ควร จะให้รอไปก่อนจนกว่าจะจัดการพิพาทกับฝรั่งเศสเสร็จ เมื่อรัฐบาลอนุมัติให้ขอเลื่อนการพิจารณา เพื่อนร่วมพรรคของคุณควงกลับท้วงว่า เหตุใดจึงไปถอน ได้รับอำนาจจากผู้ใด ประหนึ่งผู้แทนไทยปฏิบัติการไปโดยปราศจากความสำนึกรับผิดชอบ ทำเล่นตามสนุก

ยิ่งกว่านั้น เมื่อทางการอังกฤษเปิดเผยแฟ้มของกระทรวงการต่างประเทศภายหลังเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว ๓๐ ปี ข้าพเจ้าไปอ่านพบข่าวกรองประจำสัปดาห์ฉบับที่ ๒๘ ของผู้บัญชาการกำลังทหารอังกฤษในประเทศไทย พิมพ์ออกโฆษณาภายหลังวันที่ ๕ กันยายน มีข้อความเกี่ยวกับคณะผู้แทนไทยไปสหประชาชาติตอนหนึ่งว่า คุณควง อภัยวงศ์ เขียนจดหมายถึงน้องชายทางกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า คณะผู้แทนไทยมีจดหมายปิดผนึกจากนายกรัฐมนตรีปรีดี พนมยงค์ ซึ่งกำหนดให้เปิดออกอ่านภายหลังที่คณะผู้แทนเดินทางถึงสหรัฐอเมริกาแล้ว เมื่อเปิดจดหมายฉบับนั้น จึงปรากฏอำนาจอันแท้จริงในคณะผู้แทน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ผู้นำของคณะผู้แทน กลายเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของผู้นำคนใหม่ คือ นายกนต์ธีร์ ศุภมงคล คุณควงลดฐานะไปเป็นผู้แทนคนหนึ่ง นายกนต์ธีร์เป็นสมาชิกของขบวนเสรีไทย และเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของท่านปรีดี จะเป็นผู้รับผิดชอบในการเสนอกรณีของไทยต่อสหประชาชาติ ความสำเร็จหรือความล้มเหลวจะตกแก่นายกนต์ธีร์ ข่าวกรองฉบับนั้นกล่าวต่อไปว่า นายกนต์ธีร์ถูกส่งไปร่วมงานกับท่านเสนีย์ระหว่างสงคราม แต่ภายหลังเกิดความแตกแยกกับท่านเสนีย์และคุณควง

เมื่อข้าพเจ้าเห็นข่าวกรองของทหารอังกฤษฉบับนั้น ข้าพเจ้าคัดสำเนาส่งไปให้ท่านปรีดีที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๒๓ ขอสอบถามว่าเป็นความจริงหรือไม่ที่ท่านได้มอบจดหมายลับปิดผนึกฉบับนั้น เพราะข้าพเจ้าไม่เคยทราบเรื่องเลย และข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งเป็นเพียงผู้แทนสำรองคนหนึ่งในบรรดาหลายคนของคณะผู้แทนไทย ท่านปรีดียืนยันว่า ท่านไม่เคยเขียนจดหมายที่อ้างถึงนั้น เป็นอันว่าข่าวกรองของกองบัญชาการทหารอังกฤษในประเทศไทยลงข่าวเท็จ หรือมิฉะนั้นก็คุณควงมีจดหมายเท็จถึงน้องชาย หรือน้องชายอ้างอิงเอาเองโดยมิได้รับจดหมายจากพี่

เป็นเคราะห์กรรมของข้าพเจ้าหรืออย่างไรก็แล้วแต่ ข้าพเจ้าต้องถูกมองด้วยความเข้าใจผิดตลอดเวลา เมื่อท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เชื้อเชิญให้ท่านทูตเสนีย์เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ข้าพเจ้าเป็นสื่อติดต่อระหว่างท่านผู้สำเร็จราชการกับท่านนายกรัฐมนตรี ในชั้นแรกก็เรียบร้อย ต่อมาเมื่อท่านนายกรัฐมนตรีเกิดไม่พอใจในผู้สำเร็จราชการ คงจะหาว่าเข้าไปก้าวก่ายในหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี วันหนึ่งข้าพเจ้าถูกท่านเสนีย์ถามว่า ข้าพเจ้ายังนับถือท่านอย่างลูกศิษย์กับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย หรือได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ข้าพเจ้าตกอยู่ในฐานะหนังหน้าไฟ ระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองที่เริ่มจะขัดกัน ข้าพเจ้าเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของท่าน เพราะข้าพเจ้าจะไปเข้าข้างผู้หนึ่งผู้ใดเพื่อประโยชน์อะไร ถ้าข้าพเจ้าไม่ทำงานให้แก่ส่วนรวม

เมื่อประเทศไทยขอให้สหประชาชาติเลื่อนการพิจารณาใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกไปพลางก่อนแล้ว ก็เป็นโอกาสให้คณะผู้แทนไทยภายใต้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ดำเนินการเจรจากับฝ่ายฝรั่งเศส ภายหลังที่เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสแจ้งถอนข้อเสนอไปศาลโลก ให้ฝ่ายอเมริกันทราบเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ในวันเดียวกันนั้นตอนบ่าย นายมอฟเฟ็ตทูลเชิญองค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยไปพบที่กระทรวงการต่างประเทศ มีคุณควง อภัยวงศ์ หม่อมเจ้าดิลกฤทธิ์ กฤดากร และอุปทูตร่วมไปด้วย นายมอฟเฟ็ตแจ้งให้คณะผู้แทนไทยทราบถึงการที่ฝรั่งเศสขอถอนข้อเสนอไปศาล โดยอ้างว่า รัฐบาลไทยมีส่วนรับผิดชอบทางอ้อมในกรณีเหตุที่เสียมราฐ รัฐบาลฝรั่งเศสเกิดเห็นว่า ถ้าเรื่องไปศาลจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีกว่าศาลจะพิพากษาระหว่างนั้น เหตุการณ์ชายแดนอาจจะเกิดขึ้นอีก รัฐบาลฝรั่งเศสไม่แน่ใจว่า เจ้าหน้าที่ทหารในอินโดจีนจะปฏิบัติการอย่างใดเพื่อป้องกันมิให้เกิดการรุกรานที่อาจจะกระทบถึงความพยายามที่จะก่อให้เกิดสันติภาพในอินโดจีน จำเป็นต้องจัดการแก้ไขโดยเร็ว และจะไม่ยอมให้ไทยเสนอเรื่องให้คณะมนตรีความมั่นคงพิจารณา เพื่อการนี้ ได้ตกลงส่งนายจอร์ช ปิโกต์ มาเจรจาอย่างกึ่งทางการกับคณะผู้แทนไทย

องค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยปฏิเสธความรับผิดชอบของไทยในกรณีเสียมราฐแล้วรับสั่งว่า รัฐบาลฝรั่งเศสมีสิทธิจะถอนข้อเสนอไปศาล และพระองค์ท่านก็ยังอาจจะเร่งเรื่องทางคณะมนตรีความมั่นคงได้ นายมอฟเฟ็ตยํ้าว่า ฝรั่งเศสจะไม่ยอมให้มีการพิจารณาข้อพิพาทในคณะมนตรีฯ และจะขัดขวางการเข้าเป็นสมาชิกของไทย ตราบใดที่ประเทศไทยยังคงยึดถือดินแดนที่ได้รับจากญี่ปุ่น

องค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยทรงพบกับนายจอร์ช ปิโกต์ เพื่อนเก่าแก่ของพระองค์ท่านหลายครั้ง แต่ไม่สามารถจะประสานจุดยืนให้เข้ากันได้ ฝ่ายไทยได้รับคำสั่งให้คืนดินแดนให้ฝรั่งเศสได้โดยมีเงื่อนไขว่า ฝ่ายฝรั่งเศสต้องยินยอมมอบดินแดนส่วนหนึ่งให้แก่ไทยโดยสมัครใจ ส่วนท่าทีของฝรั่งเศสต้องการให้ไทยคืนดินแดนทั้งหมดแล้วฝรั่งเศสจะยอมพิจารณาปรับปรุงเส้นเขตแดนเล็ก ๆ น้อย ๆ ในภายหลัง องค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยทรงแจ้งผลการสนทนากับนายจอร์ช ปิโกต์ ให้ฝ่ายอเมริกันทราบเมื่อวันที่ ๒๘ ทรงเสนอต่อนายแอจิสัน รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศว่า กรณีเหตุทางเมืองเสียมราฐควรจะมีการสอบสวนกันเป็นส่วนหนึ่งต่างหากจากปัญหาเรื่องดินแดน เมื่อฝ่ายฝรั่งเศสเปลี่ยนใจถอนข้อเสนอไปศาลโลก ไทยอยากขอกลับเป็นผู้เสนอใหม่เอง ฝ่ายอเมริกันจะช่วยติดต่อกับฝรั่งเศสได้หรือไม่ นายแอจิสันทูลว่า เมื่อฝรั่งเศสถอนข้อเสนอของฝรั่งเศสแล้ว เชื่อว่า คงไม่ยอมรับข้อเสนอของไทยแน่ องค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยรับสั่งว่า ได้ทรงลองเสนอวิธีอนุญาโตตุลาการแก่นายปิโกต์ แต่ไม่ได้ผลอย่างใด

นายแอจิสันจึงทูลว่า ถ้าไทยคงยืนยันจะเสนอข้อพิพาทให้คณะมนตรีความมั่นคงพิจารณา เกรงจะเกิดความยุ่งยากมากพอใช้ เมื่อฝรั่งเศสขัดข้อง คณะมนตรีฯ ก็จะสั่งการอย่างใดไม่ได้ ไทยไม่น่าจะคิดอาศัยคณะมนตรีฯ เป็นสำคัญในการคืนดินแดนด้วยการยอมรับความไม่สมบูรณ์ของอนุสัญญากรุงโตเกียว นายแอจิสันเน้นให้ไทยพยายามเจรจาโดยตรงกับฝรั่งเศส ทั้งสองฝ่ายควรจะผ่อนเข้าหากัน

เมื่อไม่มีทางที่จะตกลงกันได้ระหว่างคณะผู้แทนไทยกับคณะผู้แทนฝรั่งเศสทางกรุงวอชิงตัน นายจอร์ช ปิโกต์ จึงออกมาในรูปใหม่ โดยทูลเสนอแนะต่อองค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยให้ส่งคุณควง อภัยวงศ์ รองหัวหน้าคณะ เดินทางไปกรุงปารีสเพื่อติดต่อกับฝ่ายฝรั่งเศสด้วยตนเอง องค์หัวหน้าคณะเสด็จไปปรึกษากระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน เขาสนับสนุนให้ไป จึงทรงรายงานขออนุมัติทางกรุงเทพฯ รัฐบาลตกลงยินยอมให้รองหัวหน้าคณะเดินทางไปกรุงปารีสได้ตามเสนอ และสั่งให้คุณถนัด คอมันตร์ เลขาธิการคณะผู้แทน ร่วมเดินทางไปด้วยเมื่อวันที่ ๗ กันยายน พร้อมกับนายจอร์ช ปิโกต์ ในโอกาสเดียวกันรัฐบาลได้สั่งให้หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์ฯ เสด็จกลับไปกรุงลอนดอนเพื่อฟังเสียงของรัฐบาลอังกฤษอีกทางหนึ่ง

ในการสั่งให้ผู้แทนไทยไปปารีส คณะรัฐมนตรีไม่เชื่อว่าจะได้ประโยชน์จริงจังเท่าใดนัก แต่ก็คิดเสียว่า เมื่อฝรั่งเศสเป็นผู้แนะให้ไป เราก็ควรจะสนองรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนั้นฝรั่งเศสคุกคามหลายครั้งหลายหนว่า ถ้าไทยไม่คืนดินแดนพิพาทและเหตุการณ์ชายแดนยังไม่สงบ ฝรั่งเศสจะใช้กำลังทหารเข้ายึดพระตะบอง ส่วนทางคุณควง อภัยวงศ์ ก็ยังคงติดใจจะให้ประเทศไทยได้พระตะบองไว้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ฉะนั้น จึงเป็นการเหมาะสมแล้วที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้คุณควงไปเจรจากับฝรั่งเศสด้วยตนเอง ผู้แทนไทยทั้งสองไปพำนักอยู่ในกรุงปารีสเป็นเวลาเกือบสามสัปดาห์จึงกลับมาพร้อมด้วยข้อเสนอของฝ่ายฝรั่งเศสซึ่งกำหนดให้

๑. รัฐบาลไทยประกาศอนุสัญญากรุงโตเกียวเป็นโมฆะ ยอมโอนดินแดนพิพาทคืนให้ฝรั่งเศส เพื่อส่งมอบให้แก่รัฐบาลลาวและเขมรต่อไป

๒. เมื่อดินแดนกลับสู่สถานะเดิม เป็นการเลิกสถานะสงครามระหว่างประเทศไทยกับฝรั่งเศส ความสัมพันธ์ทางการทูตจะกลับสถาปนาทันที ประเทศฝรั่งเศสจะไม่ขัดขวางการเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติของประเทศไทย และประเทศไทยจะต้องถอนคำร้องเรียนที่เสนอไว้ทางคณะมนตรีความมั่นคง

๓. ประเทศฝรั่งเศสรับจะจัดตั้งคณะกรรมาธิการประนอมโดยอาศัยสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ลงวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๔๘๐ ข้อ ๒๑ มอบให้พิจารณา “คารมทางเชื้อชาติ ภูมิศาสตร์ และเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขหรือยืนยันบทบัญญัติสนธิสัญญาลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๔๕๐”

๔. ประเทศฝรั่งเศสจะเปิดการเจรจาเพื่อสะสางบรรดาปัญหาคั่งค้างระหว่างสองประเทศ เฉพาะอย่างยิ่งในการกำหนดค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของประเทศไทยต่อทรัพย์สิน สิทธิ และผลประโยชน์ของฝรั่งเศสหรืออินโดจีน ประการหนึ่ง และกำหนดจำนวนเงินที่จะเป็นเครดิตของรัฐบาลไทยอีกประการหนึ่ง

วันที่ ๒ ตุลาคม นายบอนเนต์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ขอพบนายแอจิสัน รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เพื่อมอบข้อเสนอใหม่ของฝรั่งเศสให้ และขอให้รัฐบาลอเมริกันช่วยติดต่อแจ้งต่อรัฐบาลไทยทราบ โดยผ่านทางคณะผู้แทนไทยที่กรุงวอชิงตัน และทูตเมริกันที่กรุงเทพฯ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสกล่าวในบันทึกที่ยืนต่อฝ่ายอเมริกันว่า ข้อเสนอใหม่ของฝรั่งเศสเป็นไปตามทัศนะของรัฐบาลอเมริกันดังที่ปรากฏในบันทึกลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๘๘ มอบให้แก่สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสเมื่อวันที่ ๔ เดือนเดียวกัน ระบุแน่ชัดว่า รัฐบาลอเมริกันไม่รับรู้ความสมบูรณ์ของการโอนดินแดนพิพาทให้แก่ไทยในปี ๒๔๘๔ การคืนดินแดนไม่ใช่เรื่องที่ควรมีการอนุญาโตตุลาการ ไทยจะต้องคืนให้ฝรั่งเศสอย่างไม่มีปัญหา เพื่อปฏิบัติการตามความเห็นของรัฐบาลอเมริกันที่ว่า การคืนดินแดนให้ฝรั่งเศสไม่ควรเป็นอุปสรรคแก่การปรับปรุงเขตแดนและการโอนดินแดนให้กันตามวิถีทางปกติและโดยสันติ รัฐบาลฝรั่งเศสยินยอมที่จะให้จัดตั้งคณะกรรมาธิการประนอมขึ้นตามกรรมสารทั่วไปที่นครเจนีวา ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๔๗๑ ถ้าประเทศไทยปรารถนา แต่จะไม่ยอมให้รัฐบาลไทยแสวงหาความตกลงใด ๆ เกี่ยวกับดินแดนดังกล่าวก่อนการบอกเลิกนโยบายสงครามของประเทศไทยในฐานะที่เป็นสมุนของญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง ประเทศไทยยังยึดถือผลกำไรจากนโยบายนั้นด้วยการยึดครองดินแดนเป็นที่เสื่อมเสียแก่เจ้าของผู้ชอบธรรม อันได้แก่ กัมพูชาและลาว การที่จะปล่อยให้ไทยคงรักษาผลได้จากการรุกรานโดยยึดหน่วงเอาดินแดนส่วนหนึ่งไว้ แม้จะเล็กน้อยเท่าใดก็ตาม จะไม่เป็นเพียงขัดต่อกฎหมายเท่านั้น แต่ยังจะเป็นตัวอย่างที่สะเทือนใจและเป็นภัยใหญ่หลวง ทั้งจะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างใดเลย

เพื่อสนองตามคำขอของฝ่ายฝรั่งเศส นายมอฟเฟ็ตทูลเชิญองค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยไปพบที่กระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน เมื่อวันที่ ๔ และได้มอบบันทึกแสดงความหวังว่า รัฐบาลไทยจะยอมรับข้อเสนอใหม่ของรัฐบาลฝรั่งเศสเพื่อขจัดความยุ่งยากระหว่างไทยกับฝรั่งเศส และส่งเสริมความสัมพันธ์ทางไมตรีต่อกัน กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันเชื่อว่า การเริ่มจัดการกับความยุ่งยากปัจจุบันจะมีความสำคัญอย่างกว้างขวางในการสถาปนาสันติภาพและความสงบสุขในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นคุณค่ามหาศาลต่อประเทศไทย เพราะความยุ่งยากที่มีอยู่ย่อมจะเบนบ่ายความพยายามของประเทศไทยที่จะบูรณะเศรษฐกิจที่ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักจากการสงคราม

คณะผู้แทนประชุมพิจารณาข้อเสนอของฝรั่งเศส มีความเห็นว่า ฝ่ายฝรั่งเศสคงไม่ยินยอมพิจารณาข้อเสนออื่นใดของรัฐบาลไทยอีกเป็นแน่ ประเทศไทยจำต้องคืนดินแดนที่ได้มาเมื่อปี ๒๔๘๔ ให้ เนื่องจากมหาประเทศฝ่ายตะวันตกทั้งสอง คือ อังกฤษและสหรัฐอเมริกา ได้ยืนยันข้อนี้มาโดยตลอด ทางรัฐบาลจีนก็เช่นกัน ส่วนสหภาพโซเวียตมิได้แสดงท่าทีอย่างใดชัด เมื่อบัดนี้ฝ่ายฝรั่งเศสได้เปิดทางว่า จะยอมให้มีการพิจารณาปญั หาเรื่องดินแดนโดยอาศัยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการประนอมระหว่างประเทศขึ้น ก็คงจะเป็นเหตุผลให้รัฐบาลรับพิจารณา ข้อกำหนดของฝ่ายฝรั่งเศสได้ แต่โดยที่เป็นการผิดแผกไปจากมติของรัฐสภาที่มอบอำนาจให้แก่รัฐบาลไว้เดิม จำต้องมีการเสนอขออนุมัติรัฐสภาใหม่ คณะผู้แทนเห็นสมควรมอบให้ ดร.สุจิต หิรัญพฤกษ์ ผู้แทนราษฎร ผู้เป็นสมาชิกของคณะผู้แทนท่านหนึ่ง เดินทางกลับประเทศไทยชั่วคราวเพื่อนำเรื่องมาเสนอรัฐบาลและรัฐสภาพิจารณา รัฐบาลไม่ขัดข้องในการที่คณะผู้แทนจะส่ง ดร.สุจิต กลับกรุงเทพฯ ตามที่ขอ

ทางกรุงเทพฯ ทูตอเมริกันไม่สามารถที่จะยื่นข้อเสนออันเดียวกันนั้นให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จนกระทั่งวันที่ ๑๐ เนื่องจากความยากลำบากในการถอดรหัสที่ส่งจากกรุงวอชิงตัน ทูตได้ถือโอกาสต่อท่านรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้ใช้เวลารอกันมาหลายเดือนแล้ว ภาวการณ์ทางชายแดนมิได้ดีขึ้น และข่าวกรองของอเมริกันแสดงว่า ฝ่ายทหารฝรั่งเศสในอินโดจีนเกิดระสํ่าระสายยิ่งขึ้น อาจจะใช้กำลังเข้ายึดดินแดนเมื่อดินฟ้าอากาศอำนวยก็ได้ และถ้าเกิดการกระทบกันทางอาวุธกับกำลังทหารฝรั่งเศสก็จะกลายเป็นการศึกเปิดเผย

ดร.สุจิตเดินทางถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๒ เข้ารายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทันที ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเรื่อง โดยได้เชิญให้ท่านรัฐบุรุษอาวุโสเข้าร่วมด้วย เมื่อวันที่ ๑๓ ที่ประชุมได้ปรึกษาหารือกันตลอดวันถึงทางได้ทางเสียของข้อเสนอใหม่ของฝรั่งเศส ตลอดจนท่าทีอันชัดแจ้งของอังกฤษและอเมริกา รัฐมนตรีบางคนแสดงความเห็นว่า เมื่อรัฐบาลจำต้องคืนดินแดนให้แก่ฝรั่งเศส ก็ควรจะลาออกจากตำแหน่งเสีย ท่านรัฐบุรุษอาวุโส ท่านนายกรัฐมนตรี และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันพ้องกันว่า การลาออกจะไม่เป็นทางแก้ปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ เรื่องดินแดนเป็นปัญหาของชาติที่รัฐบาลก่อนก่อให้เกิดขึ้น มิใช่การกระทำของรัฐบาลชุดนี้ ถ้าคิดลาออก จะเท่ากับไม่กล้ารับผิดชอบ คุณควงหัวหน้าฝ่ายค้านเองกล่าวเปิดเผยว่า ถ้ารัฐบาลไม่ยอม คุณควงก็จะคัดค้านให้ยอมให้จงได้ มองดูไปด้านต่างประเทศ ไม่มีประเทศใดที่สนับสนุนไทย

เมื่ออภิปรายกันอย่างกว้างขวางทุกแง่ทุกมุมแล้ว ที่ประชุมต้องจำยอมคืนดินแดนตามความต้องการของฝรั่งเศส โดยจะส่งผู้แทนรัฐบาลออกไปทำการประชาสัมพันธ์ชี้แจงความจำเป็นให้ราษฎรในท้องถิ่นเข้าใจโดยถ่องแท้ มีปัญหาที่สำคัญอยู่ปัญหาหนึ่ง คือ เรื่องสัญชาติของราษฎรในดินแดน รัฐบาลเห็นว่าควรเปิดโอกาสให้ราษฎรเลือกถือได้ คือ จะคงเป็นไทย หรือจะกลับไปเป็นเขมรและลาวภายใต้ปกครองของฝรั่งเศส เมื่อรัฐบาลยินยอมให้เช่นนั้นแล้ว หากฝรั่งเศสยังจะข่มเหง เอารัดเอาเปรียบตามบริเวณชายแดน โดยซัดความผิดมาให้แก่ไทย ไทยคงจะยอมต่อไปอีกไม่ได้ ถึงจะต้องสู้รบกัน ก็เห็นจะต้องยอม ทั้ง ๆ ที่ในใจจริงเราอยากทุ่มเทสรรพกำลังพัฒนาประเทศมากกว่า

เมื่อรัฐบาลตัดสินใจจะยอมคืนดินแดนให้แก่ฝรั่งเศสแล้ว ได้จัดให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันรุ่งขึ้นทันที นายกรัฐมนตรีแถลงความเป็นมาของข้อพิพาทกับฝรั่งเศสโดยละเอียด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแถลงถึงการเจรจาติดต่อกับฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ต่อด้วย ดร.สุจิต หิรัญพฤกษ์ ที่แถลงความเห็นของคณะผู้แทนไทย สรุปแล้วเป็นอันว่า รัฐบาลไทยไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องยอมคืนดินแดนให้ฝรั่งเศสไป โดยฝากความหวังไว้กับคณะกรรมาธิการประนอมที่จะจัดตั้งขึ้นพิจารณาเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับอินโดจีน สภาฯ ใช้เวลาอภิปรายถึงกว่า ๔ ชั่วโมง ไม่มีผู้แทนราษฎรผู้ใดสังกัดพรรครัฐบาลสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านก็คัดค้านการคืนดินแดนอย่างหนักหน่วง ถือเป็นการปล่อยให้ประชากรกว่าล้านคนต้องตกอยู่ในชะตากรรมที่เขาไม่ต้องการ บางคนถึงกับกล่าวว่าน่าจะสู้รบกับฝรั่งเศสเพื่อรักษาเกียรติของชาติไทยดีกว่า รัฐบาลไม่กล้าเสนอให้มีการลงมติในวันนั้น ขอให้เลื่อนไปประชุมในวันที่ ๑๕ อีกตลอดวัน คุณชวลิต อภัยวงศ์ ญาติของคุณควง ซึ่งเป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดพระตะบอง โจมตีรัฐบาลอย่างรุนแรง ร้อนถึงท่านเสนีย์ ปราโมช ผู้นำคนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องออกโรงยํ้าถึงความรับผิดชอบของประเทศไทยในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพของโลก ไทยต้องยินยอมเสียสละดินแดนเพื่อสร้างสรรค์ความสงบสุข ท่านกล่าวสรรเสริญเยินยอสหรัฐอเมริกาที่คอยช่วยประเทศไทยตลอดมา การอภิปรายดำเนินมาจนกระทั่ง ๑๘.๐๐ นาฬิกา จึงมีการลงคะแนนเสียงลับ โดยคะแนนเสียง ๙๑ ต่อ ๒๗ สภาฯ มอบอำนาจให้รัฐบาลประกาศเลิกอนุสัญญาสันติภาพ ปี ๒๔๘๔ และคืนดินแดนให้แก่ฝรั่งเศส

ในโทรเลขที่ทูตอเมริกันรายงานรัฐบาลเมื่อวันที่ ๑๗ มีข้อความระบุไว้ชัดแจ้งว่า ที่รัฐบาลและรัฐสภาไทยตกลงยินยอมตามข้อเสนอของฝรั่งเศสนั้น เป็นการคล้อยตามความเห็นของรัฐบาลอเมริกันโดยแท้ ด้วยความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลอเมริกันจะช่วยต่อไปให้ประเทศไทยได้รับความเป็นธรรมตามสมควรในเรื่องดินแดนติดต่อกับอินโดจีน ถ้าหากต่อไปภายหน้าประเทศไทยไม่ได้รับผลปฏิบัติที่เป็นธรรมแล้ว จะเป็นผลสะท้อนเกียรตินิยมที่สหรัฐอเมริกามีอยู่ในจิตใจของปวงชนชาวไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

ดร.สุจิต หิรัญพฤกษ์ นำข้อตกลงใจของรัฐบาลไทยกลับกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ ๒๒ รุ่งขึ้นองค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยทรงทำบันทึกยื่นต่อกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน แจ้งการยินยอมของรัฐบาลไทยที่จะให้ใช้ข้อเสนอของฝรั่งเศสเป็นมูลฐานในการเจรจาภายใต้ข้อสังเกตบางประการ คือ

๑. รัฐบาลไทยและฝรั่งเศสคงจะร่วมกันประกาศยกเลิกอนุสัญญากรุงโตเกียว มิใช่ถืออนุสัญญาเป็นโมฆะ การคืนดินแดนควรเป็นการคืนให้แก่ฝรั่งเศสโดยไม่อ้างถึงรัฐบาลกัมพูชาและลาว และในประกาศร่วมนั้นควรมีข้อความชัดแจ้งว่า ประเทศไทยยอมยกเลิกอนุสัญญาตามข้อเสนอแนะของรัฐบาลอเมริกันและอังกฤษ เพื่อให้เป็นไปตามอุดมคติของสหประชาชาติและเพื่อประโยชน์ของสันติภาพในโลก

๒. ไม่ควรมีข้อความถึงสถานะสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับไทย ส่วนการที่จะให้ไทยถอนคำร้องเรียนต่อสหประชาชาติ ควรจะทำภายหลังที่คณะมนตรีความมั่นคงอนุมัติความตกลงระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ดังกล่าวข้างต้นแล้ว

๓. คณะกรรมการประนอมที่จะจัดขึ้นนั้น ควรจะได้รับอำนาจให้พิจารณาปัญหาดินแดน ตามข้อสัญญาที่ทำไว้ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ฉบับลงวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๔๓๖ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖ และวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๔๔๙ ทั้งสามฉบับ โดยคณะกรรมการควรรีบดำเนินการพิจารณาโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา ๖ เดือน เป็นอย่างช้า

๔. คณะผู้แทนไทยขอทราบความกระจ่างแจ้งในปัญหาเรื่องค่าทดแทนความเสียหายที่ฝ่าย ฝรั่งเศสกล่าวถึง

นอกจากนั้นแล้ว คณะผู้แทนไทยยังใคร่ขอคำรับรองจากรัฐบาลฝรั่งเศสในเรื่องดังต่อไปนี้

๑. ราษฎรในดินแดนที่จะโอนคืนควรได้รับสิทธิที่จะเลือกถือสัญชาติภายหลังการโอน และควรได้รับความคุ้มครองเกี่ยวกับทรัพย์สิน

๒. ควรให้ความสะดวกและความคุ้มครองแก่ผู้ที่ประสงค์จะออกจากดินแดนที่โอน ผู้ที่ต้องการจะคงอยู่ในดินแดนและผู้ที่ต้องการโยกย้ายไปประเทศไทย ควรได้รับผลปฏิบัติอย่างเป็นธรรม

๓. รัฐบาลไทยควรจะได้รับสิทธิในการตั้งสถานกงสุลที่พระตะบอง

๔. รัฐบาลฝรั่งเศสควรให้หลักประกันอย่างแน่ชัดว่า จะยุติการล่วงลํ้าจากอินโดจีนเข้ามาในประเทศไทย เพราะเหตุว่า นอกจากเสียสละทางดินแดนแล้ว ราษฎรชายแดนยังต้องเสียชีวิตและทรัพย์สินจากการล่วงลํ้าดังกล่าว ซึ่งจะมีผลร้ายแรงถ้ายังคงมีการล่วงลํ้ากันต่อไป

๕. เนื่องจากดินแดนที่จะโอนให้แก่ฝรั่งเศสผลิตข้าวได้ประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ตัน จึงควรลดความผูกพันของประเทศไทยที่จะต้องส่งข้าวให้แก่สหประชาชาติลงไปเท่ากัน

กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันรับเป็นสื่อติดต่อระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ผู้รักษาการรัฐมนตรีมีหนังสือลงวันที่ ๒๕ ถึงเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสขอให้ฝรั่งเศสพิจารณาข้อเสนอของคณะผู้แทนไทยด้วยดี

ในตอนนั้น ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งจากกระทรวงการต่างประเทศว่า ท่านรัฐบุรุษอาวุโสได้รับคำเชื้อเชญิ จากรัฐบาลจีน อเมริกัน และอังกฤษให้ไปเยือนทางสันถวไมตรีและตกลงรับคำเชิญ โดยจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ พร้อมด้วยภริยา หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ คุณวิทย์ ศิวะศริยานนท์ และเรือเอก วัชรชัย ชัยสิทธิเวชช ไปทางประเทศจีนก่อน แล้วต่อไปสหรัฐอเมริกา กระทรวงสั่งให้ข้าพเจ้าเข้าร่วมในคณะของท่านในฐานะผู้แทนกระทรวง โดยให้รอสมทบที่นครซานฟรานซิสโก ข้าพเจ้าเป็นอันพ้นจากคณะผู้แทนไทยเจรจากับฝ่ายฝรั่งเศส ออกจากกรุงวอชิงตันไปรอรับคณะของท่านรัฐบุรุษอาวุโส มีพันโท ขาบ กุญชร ร่วมไปด้วยตลอดเวลาเยือนสหรัฐฯ สำหรับข้าพเจ้าต้องติดตามไปในคณะจนกว่าจะกลับประเทศไทย

เมื่อมีโอกาสพบกับท่านรัฐบุรุษอาวุโสหนึ่งต่อหนึ่งที่ลอสแองเจลีส ข้าพเจ้าเรียนถามถึงเรื่องสวรรคตว่า มีสาเหตุอย่างใดแน่ ท่านตอบสั้น ๆ ว่า “ผมพูดไม่ได้” เมื่อท่านว่า ท่านพูดไม่ได้ ข้าพเจ้าก็ไม่กล้าซักไซ้ต่อไป และไม่เคยถามท่านอีกกว่าสามสิบปีต่อมา เมื่อข้าพเจ้าพบท่านที่ประเทศอังกฤษ ครั้งดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สามัคคีสมาคมเชิญท่านไปร่วมประชุมประจำปีที่เมืองเอดินบะระ ข้าพเจ้าสนทนากับท่านตัวต่อตัว แอบเรียนถามถึงปัญหาเดียวกันอีก ท่านก็ตอบด้วยถ้อยคำสั้น ๆ อย่างเมื่อสามสิบปีก่อนว่า ท่านพูดไม่ได้ ก่อนที่ท่านจะถึงอสัญกรรม ข้าพเจ้าพบท่านอีกหลายครั้งที่ปารีส ท่านไม่เคยไขความให้ข้าพเจ้าทราบเป็นอย่างอื่นเลย เป็นอันว่า สาเหตุแท้จริงของการเสด็จสวรรคต ข้าพเจ้ามิได้ทราบจากปากคำของท่านคงเป็นปริศนาให้ข้าพเจ้าครุ่นคิดอยู่จนทุกวันนี้

ทางกรุงวอชิงตัน คณะผู้แทนไทยติดต่อเจรจากับฝ่ายฝรั่งเศส โดยผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน จนกระทั่งวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน จึงสามารถตกลงลงนามในความตกลงระงับกรณี ซึ่งมีข้อความดังต่อไปนี้

 

รัฐบาลแห่งประเทศไทยและรัฐบาลชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

ปฏิบัติตามอุดมคติแห่งสหประชาชาติเพื่อประโยชน์แห่งสันติภาพของโลก

คำนึงถึงจุดความเห็นซึ่งรัฐบาลอเมริกันและอังกฤษได้แสดงไว้

มีความปรารถนาที่จะกลับสถาปนาความสัมพันธ์ทางสันติ และมิตรภาพตามประเพณีนิยม ระหว่างประเทศทั้งสองของตน

จึงได้แต่งตั้งผู้มีอำนาจเต็มของตนเพื่อการนี้ คือ

ฝ่ายสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร สมาชิกพฤฒสภา เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาจักรีบรมราชวงศ์ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก

ฯพณฯ นายควง อภัยวงศ์ สมาชิก สภาผู้แทนราษฎร มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ฝ่ายประธานาธิบดีรัฐบาลชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

ฯพณฯ นายฮังรี บอนเนต์ เอกอัครราชทูตวิสามัญและผู้มีอำนาจเต็มของประเทศฝรั่งเศสประจำสหรัฐอเมริกา จัตุรถาภรณ์เครื่องอิสริยาภรณ์ประจำชาติแห่งเลจิอองดอนเนอร์

ฯพณฯ นายกิโยม จอร์ช ปิโกต์ เอกอัครราชทูตวิสามัญและผู้มีอำนาจเต็มของประเทศฝรั่งเศส ประจำสหรัฐเวเนซุเอลา เบญจมาภรณ์เครื่องอิสริยาภรณ์ประจำชาติแห่งเลจิอองดอนเนอร์

ผู้ซึ่ง เมื่อได้ส่งหนังสือมอบอำนาจเต็มของแต่ละฝ่ายให้แก่กันและกัน และได้ตรวจเห็นว่า เป็นไปตามแบบที่ดีและถูกต้องแล้ว ได้ทำความตกลงกันในบทบัญญัติดังต่อไปนี้

ข้อ ๑. อนุสัญญากรุงโตเกียว ฉบับวันที่ ๙ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๔๑ ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสบอกปฏิเสธมาก่อนนั้นเป็นอันยกเลิก และสถานภาพก่อนอนุสัญญานั้นเป็นอันกลับสถาปนาขึ้น

ฉะนั้น อาณาเขตอินโดจีนที่มีบัญญัติไว้ในอนุสัญญาดังกล่าว จึงจะได้โอนให้แก่เจ้าหน้าที่ ฝ่ายฝรั่งเศสตามเงื่อนไขที่แจ้งอยู่ในพิธีสารซึ่งกระทำไว้เพื่อการนั้น

ข้อ ๒. ในทันทีภายหลังการลงนามความตกลงฉบับนี้ ความสัมพันธ์ทางทูตจะได้กลับสถาปนาขึ้น และความเกี่ยวพันระหว่างประเทศทั้งสองจะได้อยู่ในบังคับแห่งสนธิสัญญา ฉบับวันที่ ๗ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๓๗ และข้อตกลงทางการพาณิชย์และศุลกากร ฉบับวันที่ ๙ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๓๗ นั้นใหม่ ภาคีผู้ทำสัญญานี้จะได้แจ้งความตกลงนี้ไปยังคณะมนตรีความมั่นคง และประเทศไทยจะได้ถอนคำร้องที่ได้ยื่นไว้ต่อคณะมนตรีฯ นั้น ประเทศฝรั่งเศสจะไม่คัดค้านอีกต่อไปในการที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นสมาชิกแห่งสหประชาชาติ

ข้อ ๓. ในทันทีภายหลังการลงนามความตกลงฉบับนี้ ประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศส โดยใช้ข้อ ๒๑ แห่งสนธิสัญญาระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับประเทศไทย ฉบับวันที่ ๗ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๓๗ จะได้จัดตั้งคณะกรรมการการประนอมขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วยผู้แทนของภาคีสองคนและผู้เป็นกลางสามคน ตามความในกรรมสารทั่วไปแห่งเจนีวา ฉบับวันที่ ๒๖ กันยายน ค.ศ. ๑๙๒๘ สำหรับการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี ซึ่งวางระเบียบการจัดตั้งและการดำเนินงานของคณะกรรมการนี้ คณะกรรมการนี้จะได้เริ่มงานโดยเร็วที่สุดที่จะทำได้ภายหลังที่ได้ดำเนินการโอนอาณาเขตซึ่งกล่าวไว้ในข้อ ๑ วรรค ๒ เสร็จแล้ว คณะกรรมการนี้จะได้รับมอบหมายให้พิจารณาคารมทางเชื้อชาติ ภูมิศาสตร์ และเศรษฐกิจของภาคี ในการสนับสนุนการแก้ไขหรือ

ยืนยันข้อความแห่งสนธิสัญญาฉบับวันที่ ๓ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๙๓ อนุสัญญาฉบับวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๐๔ และสนธิสัญญาฉบับวันที่ ๒๓ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๐๗ ซึ่งข้อ ๒๒ แห่งสนธิสัญญาฉบับวันที่ ๗ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๓๗ ยังให้คงใช้อยู่

ข้อ ๔. ในทันใดที่กลับสถาปนาความสัมพันธ์ทางทูตก็จะได้เปิดการเจรจากันเพื่อระงับปัญหาที่ค้างอยู่ระหว่างประเทศทั้งสอง

ปัญหาการเงินอันเกี่ยวพันกับความตกลงระงับกรณีฉบับนี้ รวมทั้งจำนวนเงินที่จะจ่ายเป็นค่าทดแทนความเสียหายที่ได้รับนั้น ให้นำเสนอคณะกรรมการประนอมในกรณีที่ภาคีทั้งสองฝ่าย มิได้ทำความตกลงกันโดยตรงภายในกำหนดเวลาสามเดือน

ข้อ ๕. ความตกลงฉบับนี้ จะได้เริ่มใช้ตั้งแต่วันลงนามเป็นต้นไป เพื่อเป็นพยานแก่การนี้ ผู้มีอำนาจเต็มได้ลงนามและประทับตราความตกลงฉบับนี้ไว้เป็นสำคัญ

ทำคู่กันเป็นสองฉบับ เป็นภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศส ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่สิบเจ็ด พฤศจิกายน พันเก้าร้อยสี่สิบหก ตรงกับวันที่สิบเจ็ด เดือนที่สิบเอ็ด พุทธศักราชสองพันสี่ร้อยแปดสิบเก้า

ฝ่ายราชอาณาจักรไทย                        ฝ่ายสาธารณรัฐฝรั่งเศส    
(ประทับตรา) วรรณไวทยากร               (ประทับตรา) ฮังรี บอนเนต์    
(ประทับตรา) ควง อภัยวงศ์                  (ประทับตรา) จอร์ช ปิโกต์

 

พิธีสารว่าด้วยวิธีการถอนตัวออกไปและการโอนอาณาเขต    
ที่ระบุไว้ในข้อ ๑ แห่งความตกลงระงับกรณี    
ที่กระทำกัน ณ วันนี้

รัฐบาลแห่งประเทศไทยและรัฐบาลฝรั่งเศสตกลงกันดังต่อไปนี้

๑. การโอนอสังหาริมทรัพย์สาธารณะ

ภายใน ๒๐ วัน หลังจากการลงนามความตกลงระงับกรณีระหว่างประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศส รัฐบาลแห่งประเทศไทยจะได้มอบบัญชีรายการอสังหาริมทรัพย์สาธารณะซึ่งมีอยู่ในอาณาเขตที่เกี่ยวข้อง กับทั้งบัญชีรายชื่อผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการโอนนั้นให้แก่คณะกรรมการเสนาธิการผสมระหว่างประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีข้อกำหนดการจัดตั้งไว้ในส่วนที่ ๔ ก)

รัฐบาลฝรั่งเศสจะได้มอบบัญชีบุคคล ซึ่งได้รับมอบหมายให้รับบรรดาอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวแล้วให้แก่คณะกรรมการนั้น ภายในกำหนดเวลาเดียวกัน

ผู้แทนของทั้งสองฝ่ายจะได้แบ่งออกเป็นหมู่ ๆ โดยคณะกรรมการเป็นผู้จัดทำและจะได้ชุมนุมกัน ณ ที่และวัน ซึ่งคณะกรรมการจะได้กำหนด

๒. การโอนหนังสือราชการ

หนังสือราชการแห่งตำบลและจังหวัด กับทั้งหนังสือราชการของศาลและองค์การอื่น ๆ แห่งรัฐ จะได้โอนให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายฝรั่งเศส ตลอดจนผังรังวัดซึ่งเก็บไว้ในอาณาเขตที่เกี่ยวข้องด้วย ส่วนฝั่งทะเบียน และเอกสารรังวัดอื่น ๆ ซึ่ง เก็บไว้นอกอาณาเขตดังกล่าวแล้วก็จะมอบสำเนาที่รับรองว่าถูกต้องให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส

การโอนนี้จะได้กระทำเสร็จภายในสองเดือนหลังจากการลงนามความตกลงระงับกรณีระหว่างประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศส

๓. การถอนตัวออกไปจากอาณาเขต

อาณาเขตที่มีบัญญัติไว้ในพิธีสารนี้ กองกำลังแห่งประเทศไทยที่มีอยู่จะได้ถอนตัวออกไป และกองกำลังของฝรั่งเศสจะได้เข้ายึดครองตามหลักต่อไปนี้

ก) กองกำลังแห่งประเทศไทยซึ่งประจำอยู่ระหว่างเขตแดนปัจจุบันกับเขตแดนเก่า (ดูข้อ ๒๒ แห่งสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๓๗) จะได้ออกเดินขบวนในวันที่ยี่สิบหลังจากการลงนามความตกลงระงับกรณี และจะต้องพ้นเส้นเขตแดนเก่า (ดูข้อ ๒๒ แห่งสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๓๗) ไป ภายในเจ็ดวันเป็นอย่างช้า ส่วนตำรวจภูธรและเจ้าหน้าที่ปกครองแห่งประเทศไทยซึ่งอยู่ในอาณาเขตดังกล่าวข้างต้นจะได้ล่วงหน้าไปก่อน ทั้งนี้ยกเว้นเจ้าหน้าที่ที่จะร่วมงานในการโอนดังบัญญัติ ไว้ในส่วนที่ ๑ และ ๒ ข้างบนนี้ และเจ้าหน้าที่ที่จำเป็นเพื่อจัดการรักษาความสงบเรียบร้อย กองกำลังสำหรับรักษาทางคมนาคม และเฉพาะอย่างยิ่งงานโยธานั้น ก็ให้คงอยู่ในอาณาเขตที่กล่าวนี้เช่นกันจนกว่ากองกำลังฝ่ายฝรั่งเศสจะมารับหน้าที่แทน

ข) กองกำลังซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสมีเจตนาจะส่งไปในอาณาเขตดังกล่าวแล้วจะได้ออกเดินขบวนในวันรุ่งขึ้นจากวันที่กองกำลังแห่งประเทศไทยจะได้เริ่มถอนตัวออกไป และจะถึงเส้นเขตแดนเก่า (ดูข้อ ๒๒ แห่งสนธิสัญญา ค.ศ. ๑๙๓๗) ได้ ก็เจ็ดวันหลังจากนั้นเป็นอย่างเร็ว จะให้เจ้าหน้าที่ปกครองฝ่ายฝรั่งเศสซึ่งได้รับคำสั่งให้ไปประจำอยู่ในอาณาเขตดังกล่าวแล้วตามไปก็ได้

ค) กองกำลังฝ่ายฝรั่งเศสจะได้กะระยะการเดินขบวนให้มีระยะห่างเป็นนิจจากกองกำลังแห่งประเทศไทย

๔. วิธีการปฏิบัติ

รัฐบาลทั้งสองฝ่ายจะได้จัดการทุกอย่างที่จำเป็น เพื่อให้การถอนตัวออกไปและการโอนดังที่บัญญัติไว้ในพิธีสารนี้เป็นไปโดยเรียบร้อยและมิให้มีเหตุเกิดขึ้น รัฐบาลแห่งประเทศไทยจะคงรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตปกครองแต่ละเขตจนกว่าจะได้มอบโอนอำนาจของตนไปโดยแท้จริง

ก) จะได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเสนาธิการผสมระหว่างประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทางฝ่ายประเทศฝรั่งเศสมีคณะผู้แทน ประกอบด้วยนายพันเอกเป็นประธาน นายทหารเสนาธิการอีกสิบเอ็ดนาย และข้าราชการแห่งสำนักข้าหลวงใหญ่ และรัฐบาลเขมรและลาวอีกสี่นาย และฝ่ายประเทศไทยมีคณะผู้แทนซึ่งประกอบขึ้นในทำนองเดียวกัน และให้คณะกรรมการนี้เข้ารับหน้าที่ในวันลงนามความตกลงระงับกรณี หน้าที่ของคณะกรรมการนี้จะสุดสิ้นลงในทันใด ที่การโอนอาณาเขตจะได้กระทำเสร็จ

คณะกรรมการนี้จะได้รับมอบหมายให้ดูแลในท้องที่เพื่อให้การเป็นไปตามพิธีสารนี้ด้วยดี และให้ระงับบรรดาปัญหาอันประกอบเกี่ยวเนื่อง คณะกรรมการนี้ โดยหลักการจะได้มีถิ่นที่อยู่ ณ พระตะบอง และจะตั้งอนุกรรมการแยกออกไปในถิ่นที่ใดที่เห็นว่าจำเป็นก็ได้เฉพาะอย่างยิ่งที่ศรีโสภณ เมืองกระลัน และจำปาศักดิ์ และจะมีผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง เฉพาะอย่างยิ่งนายทหารอังกฤษและอเมริกันประจำอยู่ด้วยก็ได้

ข) กองกำลังที่ถอนตัวออกไปแล้ว จะทิ้งกองทหารนอกระเบียบ หรือบุคคลมีอาวุธปืนไว้ข้างหลังไม่ได้ เว้นแต่จะเป็นไปตามบทบัญญัติพิเศษที่กำหนดไว้ในส่วนที่ ๓ ก. ตอนท้าย โดยนัยเดียวกัน กองกำลังที่จะเข้ายึดครอง จะให้มีกองทหารนอกระเบียบหรือบุคคลมีอาวุธปืนล่วงหน้าไปก่อนไม่ได้

ค) รัฐบาลทั้งสอง แต่ละฝ่ายจะได้ออกคำสั่งเป็นกิจลักษณะให้หน่วยทหารและตำรวจของตนเว้นจากการปล้นทุกประการ

พิธีสารนี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันลงนามเป็นต้นไป

เพื่อเป็นพยานแก่การนี้ ผู้ลงนามข้างท้ายนี้ ซึ่งได้รับมอบอำนาจโดยถูกต้องจากรัฐบาลแต่ละฝ่าย ได้ลงนามและประทับตราพิธีสารนี้ไว้เป็นสำคัญ ทำคู่กันเป็นสองฉบับ เป็นภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศส ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่สิบเจ็ด พฤศจิกายน พันเก้าร้อยยี่สิบหก ตรงกับวันที่สิบเจ็ด เดือนที่สิบเอ็ด พุทธศักราชสองพันสี่ร้อยแปดสิบเก้า

ฝ่ายราชอาณาจักรไทย                        ฝ่ายสาธารณรัฐฝรั่งเศส    
(ประทับตรา) วรรณไวทยากร               (ประทับตรา) ฮังรี บอนเนต์    
(ประทับตรา) ควง อภัยวงศ์                  (ประทับตรา) จอร์ช ปิโกต์

 

ในวันเดียวกันนั้น มีการแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างหัวหน้าคณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายรวม ๔ ฉบับ ฉบับที่ ๑ ว่าด้วยการที่จะเจรจากันโดยเร็วที่สุดเพื่อตกลงปัญหาเรื่องการเงินและการโอนมูลค่าต่าง ๆ ฉบับที่ ๒ อนุญาตให้ประเทศไทยตั้งสถานกงสุลที่พระตะบอง ฉบับที่ ๓ ว่าด้วยความจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ชายแดน โดยจะทำความตกลงตำรวจชายแดนโดยเร็วที่สุด วันที่ ๔ กำหนดให้ผู้ที่ได้สัญชาติไทยโดยอาศัยอนุสัญญากรุงโตเกียวกลับคืนสู่สัญชาติเดิมและจะไม่มีการขัดขวางผู้ที่ประสงค์จะออกจากดินแดนที่ต้องคืนให้แก่ฝรั่งเศส โดยให้สิทธิที่จะจำหน่ายทรัพย์สินของตนโดยเสรี หรือจะขนติดตัวไปก็ได้ ส่วนอสังหาริมทรัพย์อาจจะคงรักษากรรมสิทธิ์ไว้ก็ได้

เมื่อประเทศไทยยอมมอบดินแดน ๔ จังหวัด คือ พระตะบอง พิบูลสงคราม นครจำปาศักดิ์ และลานช้าง ให้แก่ฝรั่งเศสแล้ว อุปสรรคด้านฝรั่งเศสเกี่ยวกับการสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติของไทยเป็นอันสิ้นสุดไป วันที่ ๒๘ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร และนายปาโรดี ต่างมีหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติแจ้งให้ทราบถึงความตกลงระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ฝ่ายไทยถอนคำร้องเรียนที่ได้ยื่นไว้ต่อคณะมนตรีความมั่นคงตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ฝ่ายฝรั่งเศสถอนข้อขัดข้องต่อการสมัครเป็นสมาชิกของไทย คณะมนตรีฯ รับทราบและถือข้อพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเป็นอันยุติ รุ่งขึ้นวันที่ ๒๙ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากรมีลายพระหัตถ์ถึงเลขาธิการอีกฉบับหนึ่ง ขอให้สหประชาชาติดำเนินการในเรื่องไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่

ตอนนั้นยังเหลืออุปสรรคทางฝ่ายสหภาพโซเวียตอยู่ ซึ่งในเรื่องนี้ รัฐบาลมอบให้คุณหลวงอรรถกิติกำจร ทูตไทยประจำประเทศสวีเดน เป็นผู้ดำเนินการติดต่อกับทูตโซเวียตที่กรุงสตอกโฮล์ม ตามที่กล่าวมาแล้ว เงื่อนไขของสหภาพโซเวียตมีอยู่สองข้อ คือ ประเทศไทยควรทำความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหภาพโซเวียต และควรประกาศเปิดเผยนโยบายเป็นมิตรโดยสุจริตใจต่อสหภาพโซเวียต ทั้งขอให้ตำหนิท่าทีของรัฐบาลชุดก่อน ๆ ที่วางตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อสหภาพโซเวียต วันที่ ๓ ธันวาคม รัฐบาลได้รับรายงานจากคุณหลวงอรรถกิติกำจรว่า ฝ่ายโซเวียตรับจะทำความสัมพันธไมตรีทางการทูตกับไทยได้แล้ว สำหรับเรื่องจะให้ประกาศตำหนิรัฐบาลไทยชุดก่อน ๆ นั้นรัฐบาลเห็นว่าจะกระทำอย่างชัดแจ้งนั้นไม่ได้ ขอให้ทูตเจรจาปรับปรุงถ้อยคำเสียใหม่ ระหว่างนั้นทางกรุงนิวยอร์ก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร เสด็จไปพบนายโกรมิโก ผู้แทนสหภาพโซเวียตประจำสหประชาชาติหลายครั้ง เพื่อขอความสนับสนุนในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก นายโกรมิโกยืนยันตามเงื่อนไขของรัฐบาล จนกระทั่งวันที่ ๑๕ ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุมสมัชชา พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร เสด็จไปดักพบนายโกรมิโกอีกก่อนเข้าประชุมคณะมนตรีความมั่นคงเพื่อทรงสอบถามว่า นายโกรมิโกจะยอมรับคำยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากพระองค์ท่านตามเงื่อนไขที่ฝ่ายโซเวียตต้องการจะเพียงพอหรือไม่ นายโกรมิโกทูลถามว่า จะทรงให้คำมั่นได้เมื่อใด ทรงร่างให้นายโกรมิโกทันทีทันใด นายโกรมิโกขอแก้ถ้อยคำ ๒ คำ แล้วให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ถวายลงพระนามมอบให้นายโกรมิโก จากนั้นนายโกรมิโกเข้าประชุมคณะมนตรี แจ้งต่อที่ประชุมวางหน้าตาเฉยว่า สหภาพโซเวียตสนับสนุนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของไทย เป็นอันผ่านคณะมนตรีความมั่นคงเสนอสมัชชาในคืนเดียวกันนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศมอบอำนาจให้พระองค์เจ้าวรรณไวทยากรลงพระนามในเอกสารภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกในวันรุ่งขึ้น ประเทศไทยจึงมีฐานะเป็นสมาชิกสหประชาชาติตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาสมความตั้งใจ และภายหลังที่ได้ยินยอมสละสิทธิหลายสิ่งหลายอย่างให้แก่อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหภาพโซเวียตดังได้กล่าวมาโดยลำดับ

สำหรับคำมั่นที่สหภาพโซเวียตต้องการจากประเทศไทยนั้น ในที่สุดได้ตกลงกันได้ด้วยการแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างทูตของสองประเทศที่กรุงสตอกโฮลม์ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๔๘๙ มีข้อความสำคัญว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นอย่างแน่นอนในนโยบายสุจริตใจเป็นมิตรต่อสหภาพโซเวียต มิได้เห็นด้วยกับท่าทีตรงข้ามของรัฐบาลก่อน และประสงค์จะรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์ฉันมิตรกับสหภาพโซเวียตโดยจะแลกเปลี่ยนทูตต่อกัน

 

หมายเหตุ :

  • กองบรรณาธิการสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ต้นฉบับหนังสือการวิเทโศบายของไทย จากศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศแล้ว
  • ศาสตราจารย์กนต์ธีร์ ศุภมงคล, เรื่อง “ไทยเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ”, การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ถึง ๒๔๙๕ (กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, ๒๕๖๖), น. 420-469

บรรณานุกรม :

  • ศาสตราจารย์กนต์ธีร์ ศุภมงคล, เรื่อง “ไทยเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ”, การวิเทโศบายของไทย ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ถึง ๒๔๙๕ (กรุงเทพฯ : ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, ๒๕๖๖), น. 420-469

 

บทความที่เกี่ยวข้อง :